[CR] Incredible India Leh-ladakh EP.4 (จบ) (เห้ย! เหลือเชื่อว่าอินเดีย)

Incredible India Leh-ladakh EP.4 (จบ) (เห้ย! เหลือเชื่อว่าอินเดีย)





24 กันยายน 2016
ตี๊ดๆๆๆๆๆ สิ้นสุดเสียงนาฬิกาปลุกจากมือถือ นี่เป็นสัญญาณว่าเช้าวันใหม่แล้วสินะ ได้เวลาตื่นไปอาบน้ำ
06.30 น. เวลาเดิมที่ที่พักจะเปิดน้ำอุ่นให้บริการกับนักท่องเที่ยว ตื่นมาเช้าวันนี้ด้วยอากาศที่เย็นจัดเสมือนนอนอยู่ในโรงน้ำแข็ง ทำให้ต้องแข็งใจอาบน้ำแบบสุดฤทธิ์ อุณภิของน้ำอุ่นเช้านี้แทบจะไม่สามารถดับความเย็นได้เลย ผมใช้เวลาเพียงช่วงสั้นๆ ในการสัมผัสน้ำ เอาพอสะอาดเนอะ!!



07.00 น. ได้เวลาที่ทุกคนต้องไปรับประทานอาหารกันแล้ว เดินออกจากเต๊นท์พักของเราออกไป ทางที่พักก็ตระเตรียมอาหารเช้าให้เราเสร็จพอดี แต่เช้านี้มีบางสิ่งบางอย่างเกินขึ้น เมื่อหญิงถึก 1 เดียวของเราเกิดอากาศ Attitude sickness มีอาการปวดหัวอย่างรุนแรง วัดค่าออกซิเจนในเลือดได้แค่ 70 กว่า หัวใจเต้นเร็วปาเข้าไป 144 ทั้งๆ ไม่ได้เคลื่อนไหวร่างกายหลัก  ซึ่งถือว่ามีออกซิเจนในเลือดอยู่ในระดับและหัวใจเต้นเร็ว เอาแล้วเว้ยยย! จังหวะนี้แหละคือความพีคที่แท้จริง เพราะ ถังออกซิเจนที่พักไว้หลังรถได้ใช้งานสักที มค่า 2000 รูปีที่เสียไป ว่าแล้วคนขับก็เอาออกซิเจนมาให้หญิงถึกของเราดม ต้องใช้ถังนี้อยู่นานเลยทีเดียวอากาศถึงค่อยๆ บรรเทาลง.....โล่งอกไปที





09.00 น.หลังจากรับประทานอาหารเช้าและสูดดมออกซิเจนช่วยชีวิตกันแล้ว ได้เวลาออกเดินทางต่อ จุดหมายปลายทางของวันสุดท้ายคือ เดินทางกลับไปยังตัวเมืองเลห์ โดยจะเก็บสถานที่ท่องเที่ยวแลนด์มาร์คระหว่างทางให้ครบ



จุดแรกที่เราแวะ คือ Chang La Pass หรือถนนชังลา ถนนที่สูงที่สุดเป็นอันดับ 3 ของ โลก สูงกว่าระดับน้ำทะเลประมาณ 5,000 กว่าเมตร จุดนี้ต้องบอกว่าเรากับอากาศที่หนาวสุดๆ ด้วยความสูงและลมที่พัดโชยมาตลอดเวลายิ่งทำให้ความหนาวทวีคูณขึ้นไปอี๊กกกก.... ว่าแล้ว 3 หนุ่มก็ลงไปถ่ายรูปกันอย่างเมามันส์ประนึงว่ามางานแอลแฟชั่นวีค... ขณะที่หญิงถึกของเรายังคงดมออกซิเจนจากถังอยู่ในรถอย่างเมามันส์ด้วยเช่นกันแต่นั้นมันก็ทำให้นางอาการดีขึ้นเยอะมาก......






จากชังลาเรานั่งรถลัดไปตามไหล่เขา เจอทั้งสภาพอากาศที่หนาวแบบสุดขีด จนกระทั่งลงมาเบื้องล่างก็ต้องกับสภาพอากาศที่ร้อนจัดจากไอแดด ทำให้ทุกคนเริ่มปลดเปลื้องเสื้อผ้าที่พันธนาการออกทีละชิ้น ทีละชิ้น.... จากจุดนี้เรามุ่งหน้าไปยัง Hemis Monastery หรือ โรงเรียนสอนศาสนาเฮมิส ซึ่งอยู่บริเวณเชิงเขาและเป็นสถานที่อันโด่งดังที่ไม่ว่าใครมาก็ต้องมาเห็นความยิ่งใหฐ่และสวยงามให้จงได้.....






เราใช้เวลาไม่นานนักจึงออกเดินทางกันต่อ จากเฮมิส ที่หมายต่อไปคือ Tiksey Monastery หรือวัดติกเชวัดที่ตั้งอยู่ใกล้ทางหลวงมีลักษณะสถาปัตยกรรมที่สวยงามและเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์คสำคัญของที่นี่ พอเห็นกับตาก็สวยงามอย่างที่เคยในรีวิวจริงๆ ด้วย.....






จากจุดนี้ต้องขับรถไปผ่านเส้นทางผ่านหมู๋บ้านต่างๆ สวยจุงเบยยย....






จากติกเชเราออกเดินทางกันต่อไปเก็บแลนด์มาร์คที่สุดท้าย ซึ่งเป็นที่ 1หนุ่มในทริปของเรารีเควสมาเลยว่าอยากเห็นสักครั้งก่อนตาย คือ จุดที่แม่น้ำสินธุและแม่น้ำซันสการ์บรรจบกัน  ซึ่งเป็นจุดที่เราจะเห็นสีเขียวและสีฟ้าของแม่น้ำไหลตัดกัน ท่ามกลางฉากหลังที่เป็นภูเขาสูงชันตั้งตะหง่านอยู่เบื้องหน้า.... สร้างความประทับใจในการเก็บแลนมาร์คสุดท้ายได้อย่างสวยงามเลยทีเดียว....






จาดจุดนี้เรามุ่งหน้ากลับโรงแรมในตัวเมืองเลห์ทันที ซึ่งก็อยู่ห่างออกไปไม่ไกลมากนัก ยิ่งใกล้ตัวเมืองก็ยิ่งเห็นความเจริญแบบผิดหูผิดตากับ 2 วันที่เราไปเยือน....แต่ก็เป็นบรรยากาศที่สวยงามไปอีกแบบ เอาล่ะว่าแล้วยังไม่หมดวันนี่หน่าก็สี่โมงกว่าๆ เอง ได้เวลาอาหารเย็นแล้วสินะ หลังจากถึงโรงแรมเก็บของเรียบร้อยการปฏิบัติภาระกิจสุดท้ายของวันนี้คือ การออกไปตลาดเพี่อหาของฝากก็เริ่มต้นขึ้นทันที ......





ที่ตลาดในตัวเมืองเลห์มีบรรยากาศน่ารักๆ ผู้คนที่นี้ใจดี ราคาของขายก็ย่อมเยาว์ไม่เอาเปรียบชาวต่างชาติ มานี่วันแรกเราได้มีโอกาสชิมแอปเปิ้ลท้องถิ่น งั้นเอางี้!! แอปเปิ้ลแระกันของฝากฟรอมเลห์ ว่าแล้วก็ซื้อไปคนละ 3 -4 กิโล ทำเอาป้าคนขายยิ้มไม่หุบเลยทีเดียวววววว.....และแล้วค่ำคืนนี้ก็มืดลงได้เวลากลับโรงแรม เก็บของ พร้อมกลับบ้านในวันรุ่งขึ้น…..





25 กันยายน 2016

05.00 น. นี่ได้เวลาแล้วสินะที่ต้องกลับไปเผชิญโลกแห่งความจริง หมดเวลาเวเคชั่นไทน์แล้วจ้า...
06.00 น. ว่าแล้วก็ออกจากโรงแรมมุ่งหน้าสู่สนามบินที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลนัก ใช้เวลาประมาณ 10 -15 นาทีก็มาถึงสนามบิน ก่อนลาจากคนขับรถเราได้ให้ทิปค่าคนขับไป 2500 รูปี ถือว่าเป็นสินน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ ที่ดูแลพวกเราอย่างดีมาตลอด 4 วันที่ผ่านมา เช้านี้มันทำให้เราได้เห็นรอยยิ้มเปื้อนบนใบหน้าของคนขับเป็นครั้งแรก....



ได้เวลาเช็คอินแล้วสินะ ไฟลท์บินของเราวันนี้ออก 08.20 น. เพราะฉะนั้นอุ่นใจได้มาถึงสนามบินก่อนเวลาตั้ง 2 ชั่วโมง หลังจากทำการตรวจค้นสัมภาระและ x – ray ก่อนเข้าภายในสนามบินเรียบร้อยแล้ว (ที่นี่ตรวจเข้มมากเนื่องเป็นสนามบินของทหาร ตรวจแบบจริงจังและละเอียดกว่าสนามบินไหนๆเป็นพิเศษ) ก็ไปต่อแถว ซึ่งขากลับเราเลือกใช้บริการสายการบินเดิมคือ Jet Airway โอ้ววววววว...เช้านี้คนเยอะมากกกกกกก.....แถวยาวมากกกกกกกกกกกกกกก ไม่เข้าใจว่าช้าอะไร เดินไปดู อินเตอร์เน็ตล่ม ต้องออกตั๋วโดยการเขียนมือทีละใบ ... เขียนแท็กกระเป๋าทีละใบ ... คุณพระ ... กลับมาต่อแถวด้วยความสงบ พร้อมความเห็นใจ สงสารพนักงาน .... รอไปชั่วโมงสิบนาทีถึงคิว ... ดีใจยื่น booking กับ passport ... ซอรี่ นะครับ ไฟล์ทคุณไม่ใช่เค้าท์เตอร์นี้ ... ต้องไปต่ออีกแถวพร้อมผายมือไปเค้าท์เตอร์ข้าง ๆ ... สตั๊นท์ 10 วิ ... ที่รอมาชั่วโมงกว่า ๆ คืออัลไร ... ฝรั่งที่ต่อแถวด้วยกัน ก็สตั๊นท์ ... แต่ก็ต้องไปต่อแถวใหม่ ... 7.50 เพิ่งถึงคิว ... เจ้าหน้าที่บรรจงเขียนตั๋ว จะเร่งก็เกรงใจ ... พอได้บอดร์ดดิ้งพาส ... รีบวิ่งไปขึ้นเครื่อง ... แต่เดี๋ยวก่อนต้อง  x-ray อีกรอบ .... รอคิววนไป .... 8.10 ผ่านด่านมาได้จะขึ้นเครื่อง เจออีกด่าน เจ้าหน้าที่ให้เปิดกระเป๋า ค้นของทีละชิ้น ตรวจแม้กระทั่งธนบัตร (ระบบรักษาความปลอดภัยที่นี่เข้มงวดมาก พูดเลยอเมริกาแพ้ ... ตรวจซับซ้อนหลายชั้น ทั้งเครื่องทั้งคน) ...... 8.15 ผ่านมาอีกด่านถึงที่เก็บตั๋วหน้าเกท ... สรุป 8.20 เท้าแตะบันไดขึ้นเครื่องเป๊ะ ... เหนื่อยหอบ ตื่นเต้น ระทึก ตั้งแต่วันมาจนวันกลับ ... นี่แหละ Incredible India


แถมๆๆๆๆๆๆๆๆ








ย้อนอ่านได้ตามลิงค์ด้านล่างนี่เลยครับ........
EP.1 http://pantip.com/topic/35639843
EP.2 http://pantip.com/topic/35641248
EP.3 http://pantip.com/topic/35647446
EP.4 http://pantip.com/topic/35653018



ฝากเพจ.........เท - แล้วเที่ยว จะรออะไรในเมื่อใจต้องการออกไปเที่ยว...........

https://www.facebook.com/เ-ท-แล้วเที่ยว-1272428862802148/
ชื่อสินค้า:   Leh, Ladakh
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่