เรื่องเล่าจากชีวิตจริง "คาสโนว่าตราลุง" บทที่ 3 - ช่วงปั๊ปปี้เลิฟ ก่อนเปิดSing ไม่ได้หวานชื่นเสมอไป

ตอนพิเศษดันโดนแบนด์ไป เพราะพันทิปบอกว่า เนื้อหาไม่เหมาะสม
ไม่เป็นไร ...
ไปตามอ่านกันในนี้ได้ครับ https://www.facebook.com/daddyoftheday/posts/1087983827958738

หลังจากที่ผมเรียนจบป.6 จากโรงเรียนชายล้วนมา ...
ผมก็ได้มาเรียนต่อม.ต้นที่โรงเรียนสหศึกษาแห่งหนึ่งย่านพระราม 7

ชีวิต"คาสโนว่าวัยกระเตาะ"ของผมเริ่มต้นที่เนี่ยแหละ ...
จำได้ว่า การได้มาเรียนรวมกับสาวๆนั้นเป็นอะไรที่ตื่นเต้นมาก
เพื่อนๆรุ่นราวคราวเดียวกันนั้นไม่เท่าไหร่ ... แต่พี่ๆม.ปลายนี่เป็นอะไรที่ทำให้อยากไปโรงเรียนทุกวัน

แม้ว่าวัย 13 ขวบในตอนนั้น ผู้ใหญ่ทั่วไปอาจจะมองว่า"ยังเด็กมาก"
แต่เด็กวัยเดียวกัน หลายๆคนจะรู้สึกว่าเราไม่เด็กแล้ว ...
สิวที่ผุดขึ้นตามใบหน้า และ ขนขุ้มที่ค่อยๆขึ้นในที่ลับเป็นสิ่งที่ช่วยยืนยันได้

....................................................................................................

จริงๆแล้วผมก็ไม่ได้หมกมุ่นอะไรกับเรื่องทางเพศมากมายนักหรอก
ยังคงเป็นเด็กที่วิ่งปุเลงๆเตะบอลกับเพื่อนๆ
เลิกเรียนก็สุมหัวกันเล่นเกมส์ ไม่ก็ไปนอนอ่านการ์ตูนกันที่บ้านใครสักคน
แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า เด็กในวัยนี้ ... เริ่มมี"ความต้องการทางเพศ"กันแล้ว ...
มันคือวัยแห่งความอยากรู้อยากเห็น อยากริอยากลอง
เรื่องอะไรก็ตามที่ผู้ใหญ่เค้าทำกัน ... เราก็น่าจะถึงวัยที่ลองทำกันได้แล้วเช่นกัน ...

เด็กๆหลายคน เลยมักจะมี"แฟนคนแรก"หรือ"รักแรก"ก็ตอนช่วงม.ต้นเนี่ยแหละ
ผมเองก็เช่นกัน ... แต่ความรักช่วงแรกๆของผมไม่ได้หวานชื่นนักหรอก
และ "คาสโนว่าตราลุง บทที่ 3"นี้ คือเรื่องราวของ 14 สาวก่อนที่ผมจะได้เจอ"แป้ง" สาวที่พรากความSingจากผมไป

.............................................................................................................

- น้ำหวาน 1/1
ช่วงม.1เทอมแรก ผมได้แต่แอบชอบสาวห้องเดียวกันคนหนึ่ง
ไม่ถึงกับอยากจะฉุดไปเปิดSing แต่ก็แอบหลงรักใน"ลักยิ้ม"ของเธออย่างบอกไม่ถูก
เธอมีดีกรีเป็นพี่สาวของดาราเด็กคนหนึ่งที่กำลังโด่งดังในตอนนั้น
เป็นนักเรียนไฮโซที่มีคุณแม่ขับรถมารับมาส่งเช้าเย็นทุกวัน ...
ผมเก็บความลับของผมไว้ไม่ไหว จนในที่สุดก็ลั่นไกบอกเพื่อนชื่อไอใหญ่ให้ช่วยเป็นพยาน และช่วยเก็บความลับนี้ไว้ให้ดี
ไอเชี่ยใหญ่ปากสว่าง เก็บความลับไว้ได้ไม่ถึง 5 นาที
อยู่ดีๆยิ้มก็ตะโกนลั่นห้องว่า "เชี่ยลุงชอบน้ำหวาน เชี่ยลุงชอบน้ำหวาน"
ผมตะโกนสวนกับเสียงมันบอก "ป่าวๆๆๆ" แต่หน้าก็ดันแดงเป็นตูดลิงจนเพื่อนๆผู้หญิงเริ่มแซว และเริ่มจับคู่ให้ผมกับน้ำหวาน ...

แต่น้ำหวานไม่เอาด้วย ... และไม่มองหน้าผม ไม่คุยกับผมอีกเลย ไปเกือบ 2 ปีเต็ม
จบเรื่องราวความรักครั้งแรกแบบโคตรเซ็ง
(ทุกวันนี้น้ำหวานมีลูกมีผัว ตัวใหญ่เป็นหมีกรีซลี่ไปแล้ว)

- พี่แอน 5/3
ช่วงกีฬาสีม.1 พี่ๆม.5ต้องมาสุงสิงกับน้องๆในฐานะ"สตาฟกีฬาสี"
ทำให้ผมได้รู้จักกับเชียร์ลีดเดอร์คนหนึ่งชื่อพี่แอน
พี่แอนเป็นลูกสาวครอบครัวชาวจีนตัวขาวๆ หน้าตาน่ารัก พูดน้อยและนิสัยดีมากๆ
ผมอาศัยตังที่มีอยู่น้อยนิด พยายามซื้อเป็ปซี่ไปจีบพี่แอนตอนซ้อมลีดฯอยู่เกือบสัปดาห์
พยายามทำตัวเป็นน้องที่น่ารัก เพื่อนๆพี่แอนใช้ให้ไปไหน ทำอะไร ทำให้หมด
เพื่อนๆของพี่แอนทุกคนรู้ว่าผมมาเดินเกมส์จีบพี่แอน ...
ทุกๆคนโอเค เห็นว่าผมเป็นเด็กมีสัมมาคารวะ ไม่ปีนเกลียว
และพี่แอนก็ถูกใจผมอยู่พอสมควร ...
จนในที่สุดเย็นวันนึง พี่แอนก็เขียนเบอร์โทรศัพท์บ้าน 9 หลัก (02-435-63XX) ของเธอใส่กระดาษทิชชู่ยื่นมาให้ผม

นั่นเป็นการเปิดประสบการณ์แลกเหรียญมาหยอดตู้โทรศัพท์คุยยาวตากยุงเป็นชม.ๆของผม
เราคบ เราคุยกันได้ไม่กี่เดือน ... ประสบการณ์การไปดูหนังกับสาวสองต่อสองครั้งแรกก็เกิดขึ้นอีก
จำได้แม่นว่าไปเลือกดูหนังสยองขวัญเรื่อง Urban Legend ที่เมเจอร์ฯ ปิ่นเกล้า
ตั้งใจไว้ว่าหนังสยองขวัญ พี่แอนอาจมีสะดุ้งมาโอบแน่ๆ
แต่ก็ไม่เป็นอย่างที่หวังไว้ เพราะพี่แอนนิ่งมากๆ ... นั่งดูชิลไม่ได้ตื่นเต้นอะไรเลย
หลังจากจบหนังเรื่องนั้น ... ผมกับพี่แอนก็เริ่มคุยกันน้อยลง แล้วก็ค่อยๆห่างกันไป
พอขึ้นม.6 พี่แอนก็มีแฟนใหม่เป็นไอหนุ่มจากห้องเดียวกันนั่นแหละ ...
การได้จับมือสาวในโรงหนังจึงเป็นความสุขและความทรงจำลางๆของผมที่มีต่อพี่แอน ที่ไม่เคยจางหายไปไหนนับตั้งแต่ตอนนั้น
( ปัจจุบันพี่แอนเป็นนักทรัพยากรบุคคลที่หน่วยงานแห่งหนึ่ง )

- นุ่น 2/4
สมัยผมเรียนอยู่ห้อง ม.2/2 ผมมีโอกาสได้ไปลองทำงานในห้องคอนโทรล(คอยเปิดเพลงชาติ)กับไออาท เพื่อนห้องเดียวกัน
แก๊งค์ของนุ่น ที่ประกอบไปด้วย เนิร์ส เดียร์ และ อร มักจะเดินผ่านห้องนี้บ่อยๆ
นุ่นเป็นสาวผิวขาวตัวบางเหมือนโอลีฟ(แฟนป๊อปอาย) มีเสียงเล็กๆงุ้งงิ้ง เวลาคุยด้วยแล้วสนุกดี
ผมจำไม่ได้ว่า ผมรู้จักกับนุ่นได้ยังไง แต่สุดท้ายผมก็ลองจีบนุ่น ... แล้วก็ดันจีบติด ...
เรื่องที่น่าตลกของเราสองคนก็คือ เราเป็นแฟนกันได้แค่ 6 วัน ... ได้หอมแก้นกันไปคนละ 1 ที
แล้วอยู่ดีๆวันที่ 7 เราทั้งสองต่างก็เห็นตรงกันว่า "เราควรเป็นเพื่อนกันมากกว่า"
และนี่ก็ยังคงเป็นเรื่องโจ๊ก ที่ผมกับนุ่นยังคงเอามาคุยกันได้อยู่เสมอเวลาเจอกัน ...
( ปัจจุบันนี้นุ่นก็ยังเป็นเพื่อนที่ดีของผม ยังคงตัวผอมเหมือนโอลีฟเช่นเดิม เจอกันล่าสุดก็เมื่อไม่กี่เดือนก่อน )

- พลอย 2/6
หลังจากที่เลิกกับนุ่นได้ไม่นาน ... ผมก็พยายามมาจีบเด็กห้องหกคนนึงชื่อแป้ง
แต่จีบไม่ติด ... เพราะแป้งมีแฟนอยู่แล้วเป็นรุ่นพี่ ม.3 ชื่อทอม
ผมเลยเบนเข็มมาจีบเพื่อนในกลุ่มคนหนึ่งของแป้ง ที่ชื่อพลอย
ปรากฎว่าพลอยดันเล่นด้วยกับผม ... แต่ใจผมตอนนั้นไม่ได้อยู่ที่พลอยเลยสักนิด
เพราะยิ่งคบกับพลอย ก็ยิ่งต้องเจอแป้งกับแฟนเค้าอยู่ใกล้ๆ ...
คบกันได้ไม่กี่สัปดาห์ผมก็ตัดสินใจเลิกกับพลอย
และได้ตรัสรู้ว่า "การหาใครสักคนมาดามหัวใจนั้น เป็นเรื่องที่ไม่เคยมอบความสุขที่แท้ให้ใครได้เลย"
( ปัจจุบันพลอยสบายดี มีลูกสองคนแล้ว ... อ้วนขึ้นเยอะแต่ยังไม่ถึงขั้นหมีกรีซลี่เหมือนน้ำหวาน)

- ทราย 5/2
พอขึ้นม.3 ผมก็ได้เจอกับทราย ... และถือว่านี่คือ"การอกหักครั้งแรกในชีวิต"ของผม
ทรายเป็นรุ่นพี่ม.5 ที่ทำงานช่วยครูอยู่ในห้องพยาบาล
ทรายเป็นเด็กกิจกรรมตัวยง ที่มักจะเห็นเธออยู่ร่วมทุกกิจกรรมไม่ว่าจะเป็น ลูกยิ้มองร้อยพิเศษ หรือกิจกรรมถือพานอะไรต่างๆ
ทรายไม่ใช่คนสวย แต่เป็นคนที่ผม"ถูกใจมากๆ"
ช่วงกีฬาสีที่ทรายต้องเป็นสตาฟคุมน้องๆ
ผมสมัครเป็นนักวิ่งมาราธอนประจำสีแดง(สีเดียวกันกับทราย)
แล้วช่วงซ้อมก็มักจะ"แกล้งเป็นลม"มาที่ห้องพยาบาลบ่อยๆ เพื่อเป็นอุบายมาพบหน้า มาหยอกล้อ คุยกับทราย
จนไม่นานอาจารย์สุนีย์ก็จับได้ ว่ามีเด็กคนนึงมักแกล้งเป็นลม เข้ามาจีบ"ณัฐกานต์"

พี่แววเพื่อนของทรายคนหนึ่งเคยเตือนผมแล้วว่า "ทรายมีแฟนอยู่แล้ว เป็นเด็กเตรียมอุดมบางใหญ่ อย่าไปยุ่งกับทรายเลย"
แต่ผมไม่สน เคยถามทรายตรงๆไปแล้ว ทรายก็บอกว่า"แค่เพื่อน"
ผมคบกับทรายมาได้เกือบสี่เดือน จนมาถึง"วันเกิดของเธอ"
วันนั้นทรายไม่มาโรงเรียน ผมพยายามติดต่อเธอทั้งทางเพจเจอร์ ทั้งทางโทรศัพท์บ้าน แต่ก็ไม่มีการตอบรับใดๆ
ผมนัดกับเธอไว้ว่าตอนเย็นจะไปกินข้าวกันที่บิ๊กซีวงสว่าง ...
แล้วอยู่ดีๆเช้าวันนั้นเธอก็ขาดการติดต่อหายไปดื้อ ๆ

ผมมีลางสังหรณ์ลึกๆว่าต้องมีเรื่องแย่ๆเกิดขึ้นกับผมแน่ๆ ... แล้วก็เป็นไปตามที่คิด
ตอนเย็นวันนั้นหลังจากเลิกเรียน ผมถือตุ๊กตาหมีของขวัญวันเกิด ไปดักรอทรายที่ปากซอยบ้านเธอ
แล้วไม่นานเพื่อนๆทั้งชายหญิงเกือบ10คนของทรายก็ค่อยๆเดินกันออกมาจากบ้านในสภาพกึ่มๆกันทุกคน
ทุกคนเห็นผมแล้วก็ได้แต่รีบเดินผ่านไป ... จนในที่สุดทรายก็เดินออกมาจากบ้านกับผู้ชายคนหนึ่งซึ่งไม่ใช่เพื่อนจากห้องเธอ
ผมรู้สึกได้ทันทีว่า หนุ่มคนนั้นคือเด็กเตรียมฯที่พี่แววเพื่อนทรายเคยเล่าให้ฟังแน่ๆ
เธอเดินออกมา ... ผมยื่นตุ๊กตาให้ ... บอกเธอว่าสุขสันต์วันเกิด
ทรายรับตุ๊กตาจากผม บอกขอบคุณแล้วก็เดินจากไปกับหนุ่มคนนั้น เหมือนเราสองคนมีธุระกันแค่นั้น
แล้วผมก็เดินปาดน้ำตาออกมาจากชีวิตของทราย โดยที่ผมไม่มองหน้าเธออีกเลยตลอดช่วงเวลาจนผมเรียนจบ
( ปัจจุบันนี้ คิดว่าทรายน่าจะมีความสุขดีอยู่ที่ไหนสักแห่ง )

- เป้ 1/9
ผมเฮิร์ทเรื่องทรายอยู่ได้แค่สามวัน ...
ผมก็ได้เจอกับน้องคนหนึ่งซึ่งทำให้ผมลืมทรายไปได้สนิท
เป้เป็นเด็กตาโต ตัวขาวจนแก้มและริมฝีปากเป็นสีชมพู ตัวเล็ก น่ารัก อยู่ใกล้ๆแล้วมีความสุข
เป้มีแฟนอยู่แล้วเป็นเด็กรุ่นเดียวกันที่อาศัยอยู่แถวบ้าน ....
แต่เป้เล่าให้ผมฟังว่า แฟนคนนั้นขี้งอน ทำให้เป้ไม่อยากคบแล้ว
ผมเดินเกมส์จีบเป้ ทั้งๆที่รู้ว่าเป้มีแฟนอยู่แล้ว ... (ถือว่าเป็นการเล่นชู้ครั้งแรกในชีวิต)
แล้ววันวาเลนไทน์ปี 2000 เป้ก็ประกาศให้ผมรู้ว่าเป้เลือกผม
ด้วยการทิ้งช่อดอกไม้ช่อโตของแฟนเก่าลงถังขยะต่อหน้าผม ก่อนจะรับดอกกุหราบเง่าๆดอกเดียวจากมือผม
แล้วบอกกับผมว่า "หนูเลือกลุงนะ"

และนี่คือเรื่องราว"ความเลวที่ไม่มีวันลบล้างเรื่องแรก"ของผมครับ
จงตั้งใจอ่านแล้วอย่าเอาไปทำเป็นเยี่ยงอย่าง
ผมกับเป้รักกันมาก เป้กับผมไปมาหาสู่กันที่บ้านได้ทั้งสองฝ่าย
เราคบกันโดยที่ไม่ได้มีท่าทีว่าจะทะเลาะเบาะแว้งหรือเลิกกันเลย
แต่แล้วอยู่ดีๆ ตอนที่ผมจบม.3 แล้วตัดสินใจว่าจะไปเรียนต่อโรงเรียนพาณิช
ผมคิดไปเองว่า ยังไงก็ต้องเจอสาวๆที่สวยกว่าเป้ น่ารักกว่าเป้ นิสัยดีกว่าเป้ ที่โรงเรียนใหม่แน่ๆ
คิดโง่ๆได้แค่นั้น วันประกาศผลสอบรับใบรบ.ผมก็นัดเป้มาคุยเรื่องการขอ"เลิกรา"กัน
เป็นความคิดที่เลวทรามเห็นแก่ตัวจนแม้แต่ผมก็ไม่อาจให้อภัยตัวเองมาจนทุกวันนี้
ผมเห็นน้องร้องไห้ ถามแต่ว่าทำไม เป้ไม่ดีตรงไหน อยากให้เป้แก้ไขตรงไหน
ซึ่งผมเองก็ไม่ได้พูดเหตุผลอะไร .... ได้แต่เดินจากเป้มาด้วยความใจหมา
แล้วหลังจากนั้น ... ผลกรรมที่ผมทำกับเป้ ... ก็ไล่ตามสนองผมทีละนิดมาทั้งชีวิต
ด้วยการที่ไม่เคยเจอคนรักที่น่ารักและนิสัยดีเท่าเป้อีกเลย
( ทุกวันนี้เป้ยังสบายดี โตเป็นสาวแล้วแต่ก็ยังสวยเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน ...
เคยโทรไปขอโทษครั้งนึงตอนที่โตๆกันแล้ว แต่ก็รู้สึกได้ว่าน้องเกลียดเราไปแล้ว  
ขอโทษเป้อีกล้านครั้งก็คงยังไม่เพียงพอ )

- ตรี
ช่วงปิดเทอมม.3 ผมตีตั๋วรถไฟไปเที่ยวกับเพื่อนๆห้องเดียวกันที่ชะอำ 3 วันสองคืน
คืนแรกเมากับปริบขนาดที่ผมสามารถตีลังกาข้ามถนนได้
แต่คืนที่สองผมก็ได้พบกับสาวคนนึง ...
เธอเดินไปมาเอาไฟฉายส่องอยู่ริมหาดกับเพื่อนผู้หญิงอีกคนนึง
ผมเข้าไปสอบถามก็ได้การว่า "ตรี" สาวอึ๋มคนหนึ่งในนั้นทำกุญแจหล่นหายที่ชายหาด
และดันทำหล่อตอนกลางคืน เลยหายากมาก
ใช้อาศัยความแมนและหน้าหม้อ โชว์ความหล่อด้วยการอาสาช่วยตรีและเพื่อนๆหากุญแจแทนการไปนั่งกินเหล้ากับเพื่อนๆ
หาอยู่นานก็ไม่เจอ เลยนั่งลงคุยกันแทน ...
จับใจความกันได้ว่ามาจากเพชรบุรี ปิดเทอมเลยมาเที่ยว เรียนอยู่ชั้นม.3 ขึ้นม.4เหมือนกัน แล้วก็พักอยู่บังกาโลวใกล้ๆกันนั่นแหละ
ตรีเป็นเด็กสาวที่ตัวโตกว่าวัย ... อะไรต่อมิอะไรเลยใหญ่ผิดเด็กสาวไปหมด
(ผมอาศัยความมืด แอบมองนมอยู่หลายครั้ง)
จนในที่สุดตรีกับเพื่อนก็ขอตัวกลับห้องก่อน ทั้งๆที่ยังหากุญแจกันไม่เจอ

พอตรีเดินจากไปได้พักเดียว ผมก็เดินตามกลับไปที่ห้อง
แล้วอยู่ดีๆก็เดินเหยียบเอาเข้ากับ"แท่งพลาสติกและกุญแจห้องของตรี"โดยบังเอิญโคตรๆ
ผมเดินผ่านห้องตรีที่ตรีบอก แต่ก็เห็นว่าปิดไฟนอนกันหมดแล้ว

พอตอนเช้า เอากุญแจไปให้ เห็นสีหน้าตรีและเพื่อนๆเซอร์ไพร้ส์กันมากๆ แล้วก็ขอบคุณเรากันใหญ่
ได้ค่าตอบแทนความดีมาด้วยเบอร์โทรศัพท์บ้านของตรี ที่เป็นเบอร์ต่างจังหวัด
นั่งรถไฟกลับคันเดียวกัน แต่ตรีและเพื่อนๆ ลงกันก่อนที่สถานี"บ้านโป่ง"

พอกลับมากรุงเทพ ก็ตรัสรู้อีกขึ้นเรื่อง"รักแท้แพ้เงินทอง"
คือพยายามโทรหาแล้ว แต่โทรไม่ไหวจริงๆ
หยอดตู้เอาเบอร์ 02 จากกรุงเทพ โทรไปบ้านโป่งสมัยก่อนนี่ เหรียญ10คุยได้ไม่ถึง 3นาที
แพงมากจนต้องยอมถอดใจเลิกจีบตรีในที่สุด

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

つづく
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่