ตอนพิเศษดันโดนแบนด์ไป เพราะพันทิปบอกว่า เนื้อหาไม่เหมาะสม
ไม่เป็นไร ...
ไปตามอ่านกันในนี้ได้ครับ
https://www.facebook.com/daddyoftheday/posts/1087983827958738
หลังจากที่ผมเรียนจบป.6 จากโรงเรียนชายล้วนมา ...
ผมก็ได้มาเรียนต่อม.ต้นที่โรงเรียนสหศึกษาแห่งหนึ่งย่านพระราม 7
ชีวิต
"คาสโนว่าวัยกระเตาะ"ของผมเริ่มต้นที่เนี่ยแหละ ...
จำได้ว่า การได้มาเรียนรวมกับสาวๆนั้นเป็นอะไรที่ตื่นเต้นมาก
เพื่อนๆรุ่นราวคราวเดียวกันนั้นไม่เท่าไหร่ ... แต่พี่ๆม.ปลายนี่เป็นอะไรที่ทำให้อยากไปโรงเรียนทุกวัน
แม้ว่าวัย 13 ขวบในตอนนั้น ผู้ใหญ่ทั่วไปอาจจะมองว่า
"ยังเด็กมาก"
แต่เด็กวัยเดียวกัน หลายๆคนจะรู้สึกว่าเราไม่เด็กแล้ว ...
สิวที่ผุดขึ้นตามใบหน้า และ ขนขุ้มที่ค่อยๆขึ้นในที่ลับเป็นสิ่งที่ช่วยยืนยันได้
....................................................................................................
จริงๆแล้วผมก็ไม่ได้หมกมุ่นอะไรกับเรื่องทางเพศมากมายนักหรอก
ยังคงเป็นเด็กที่วิ่งปุเลงๆเตะบอลกับเพื่อนๆ
เลิกเรียนก็สุมหัวกันเล่นเกมส์ ไม่ก็ไปนอนอ่านการ์ตูนกันที่บ้านใครสักคน
แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า เด็กในวัยนี้ ... เริ่มมี
"ความต้องการทางเพศ"กันแล้ว ...
มันคือวัยแห่งความอยากรู้อยากเห็น อยากริอยากลอง
เรื่องอะไรก็ตามที่ผู้ใหญ่เค้าทำกัน ... เราก็น่าจะถึงวัยที่ลองทำกันได้แล้วเช่นกัน ...
เด็กๆหลายคน เลยมักจะมี
"แฟนคนแรก"หรือ
"รักแรก"ก็ตอนช่วงม.ต้นเนี่ยแหละ
ผมเองก็เช่นกัน ... แต่ความรักช่วงแรกๆของผมไม่ได้หวานชื่นนักหรอก
และ
"คาสโนว่าตราลุง บทที่ 3"นี้ คือเรื่องราวของ 14 สาวก่อนที่ผมจะได้เจอ
"แป้ง" สาวที่พรากความSingจากผมไป
.............................................................................................................
- น้ำหวาน 1/1
ช่วงม.1เทอมแรก ผมได้แต่แอบชอบสาวห้องเดียวกันคนหนึ่ง
ไม่ถึงกับอยากจะฉุดไปเปิดSing แต่ก็แอบหลงรักใน
"ลักยิ้ม"ของเธออย่างบอกไม่ถูก
เธอมีดีกรีเป็นพี่สาวของดาราเด็กคนหนึ่งที่กำลังโด่งดังในตอนนั้น
เป็นนักเรียนไฮโซที่มีคุณแม่ขับรถมารับมาส่งเช้าเย็นทุกวัน ...
ผมเก็บความลับของผมไว้ไม่ไหว จนในที่สุดก็ลั่นไกบอกเพื่อนชื่อไอใหญ่ให้ช่วยเป็นพยาน และช่วยเก็บความลับนี้ไว้ให้ดี
ไอเชี่ยใหญ่ปากสว่าง เก็บความลับไว้ได้ไม่ถึง 5 นาที
อยู่ดีๆ

ก็ตะโกนลั่นห้องว่า
"เชี่ยลุงชอบน้ำหวาน เชี่ยลุงชอบน้ำหวาน"
ผมตะโกนสวนกับเสียงมันบอก
"ป่าวๆๆๆ" แต่หน้าก็ดันแดงเป็นตูดลิงจนเพื่อนๆผู้หญิงเริ่มแซว และเริ่มจับคู่ให้ผมกับน้ำหวาน ...
แต่น้ำหวานไม่เอาด้วย ... และไม่มองหน้าผม ไม่คุยกับผมอีกเลย ไปเกือบ 2 ปีเต็ม
จบเรื่องราวความรักครั้งแรกแบบโคตรเซ็ง
(ทุกวันนี้น้ำหวานมีลูกมีผัว ตัวใหญ่เป็นหมีกรีซลี่ไปแล้ว)
- พี่แอน 5/3
ช่วงกีฬาสีม.1 พี่ๆม.5ต้องมาสุงสิงกับน้องๆในฐานะ
"สตาฟกีฬาสี"
ทำให้ผมได้รู้จักกับเชียร์ลีดเดอร์คนหนึ่งชื่อพี่แอน
พี่แอนเป็นลูกสาวครอบครัวชาวจีนตัวขาวๆ หน้าตาน่ารัก พูดน้อยและนิสัยดีมากๆ
ผมอาศัยตังที่มีอยู่น้อยนิด พยายามซื้อเป็ปซี่ไปจีบพี่แอนตอนซ้อมลีดฯอยู่เกือบสัปดาห์
พยายามทำตัวเป็นน้องที่น่ารัก เพื่อนๆพี่แอนใช้ให้ไปไหน ทำอะไร ทำให้หมด
เพื่อนๆของพี่แอนทุกคนรู้ว่าผมมาเดินเกมส์จีบพี่แอน ...
ทุกๆคนโอเค เห็นว่าผมเป็นเด็กมีสัมมาคารวะ ไม่ปีนเกลียว
และพี่แอนก็ถูกใจผมอยู่พอสมควร ...
จนในที่สุดเย็นวันนึง พี่แอนก็เขียนเบอร์โทรศัพท์บ้าน 9 หลัก
(02-435-63XX) ของเธอใส่กระดาษทิชชู่ยื่นมาให้ผม
นั่นเป็นการเปิดประสบการณ์แลกเหรียญมาหยอดตู้โทรศัพท์คุยยาวตากยุงเป็นชม.ๆของผม
เราคบ เราคุยกันได้ไม่กี่เดือน ... ประสบการณ์การไปดูหนังกับสาวสองต่อสองครั้งแรกก็เกิดขึ้นอีก
จำได้แม่นว่าไปเลือกดูหนังสยองขวัญเรื่อง Urban Legend ที่เมเจอร์ฯ ปิ่นเกล้า
ตั้งใจไว้ว่าหนังสยองขวัญ พี่แอนอาจมีสะดุ้งมาโอบแน่ๆ
แต่ก็ไม่เป็นอย่างที่หวังไว้ เพราะพี่แอนนิ่งมากๆ ... นั่งดูชิลไม่ได้ตื่นเต้นอะไรเลย
หลังจากจบหนังเรื่องนั้น ... ผมกับพี่แอนก็เริ่มคุยกันน้อยลง แล้วก็ค่อยๆห่างกันไป
พอขึ้นม.6 พี่แอนก็มีแฟนใหม่เป็นไอหนุ่มจากห้องเดียวกันนั่นแหละ ...
การได้จับมือสาวในโรงหนังจึงเป็นความสุขและความทรงจำลางๆของผมที่มีต่อพี่แอน ที่ไม่เคยจางหายไปไหนนับตั้งแต่ตอนนั้น
( ปัจจุบันพี่แอนเป็นนักทรัพยากรบุคคลที่หน่วยงานแห่งหนึ่ง )
- นุ่น 2/4
สมัยผมเรียนอยู่ห้อง ม.2/2 ผมมีโอกาสได้ไปลองทำงานในห้องคอนโทรล
(คอยเปิดเพลงชาติ)กับไออาท เพื่อนห้องเดียวกัน
แก๊งค์ของนุ่น ที่ประกอบไปด้วย เนิร์ส เดียร์ และ อร มักจะเดินผ่านห้องนี้บ่อยๆ
นุ่นเป็นสาวผิวขาวตัวบางเหมือนโอลีฟ
(แฟนป๊อปอาย) มีเสียงเล็กๆงุ้งงิ้ง เวลาคุยด้วยแล้วสนุกดี
ผมจำไม่ได้ว่า ผมรู้จักกับนุ่นได้ยังไง แต่สุดท้ายผมก็ลองจีบนุ่น ... แล้วก็ดันจีบติด ...
เรื่องที่น่าตลกของเราสองคนก็คือ เราเป็นแฟนกันได้แค่ 6 วัน ... ได้หอมแก้นกันไปคนละ 1 ที
แล้วอยู่ดีๆวันที่ 7 เราทั้งสองต่างก็เห็นตรงกันว่า "เราควรเป็นเพื่อนกันมากกว่า"
และนี่ก็ยังคงเป็นเรื่องโจ๊ก ที่ผมกับนุ่นยังคงเอามาคุยกันได้อยู่เสมอเวลาเจอกัน ...
( ปัจจุบันนี้นุ่นก็ยังเป็นเพื่อนที่ดีของผม ยังคงตัวผอมเหมือนโอลีฟเช่นเดิม เจอกันล่าสุดก็เมื่อไม่กี่เดือนก่อน )
- พลอย 2/6
หลังจากที่เลิกกับนุ่นได้ไม่นาน ... ผมก็พยายามมาจีบเด็กห้องหกคนนึงชื่อแป้ง
แต่จีบไม่ติด ... เพราะแป้งมีแฟนอยู่แล้วเป็นรุ่นพี่ ม.3 ชื่อทอม
ผมเลยเบนเข็มมาจีบเพื่อนในกลุ่มคนหนึ่งของแป้ง ที่ชื่อพลอย
ปรากฎว่าพลอยดันเล่นด้วยกับผม ... แต่ใจผมตอนนั้นไม่ได้อยู่ที่พลอยเลยสักนิด
เพราะยิ่งคบกับพลอย ก็ยิ่งต้องเจอแป้งกับแฟนเค้าอยู่ใกล้ๆ ...
คบกันได้ไม่กี่สัปดาห์ผมก็ตัดสินใจเลิกกับพลอย
และได้ตรัสรู้ว่า
"การหาใครสักคนมาดามหัวใจนั้น เป็นเรื่องที่ไม่เคยมอบความสุขที่แท้ให้ใครได้เลย"
( ปัจจุบันพลอยสบายดี มีลูกสองคนแล้ว ... อ้วนขึ้นเยอะแต่ยังไม่ถึงขั้นหมีกรีซลี่เหมือนน้ำหวาน)
- ทราย 5/2
พอขึ้นม.3 ผมก็ได้เจอกับทราย ... และถือว่านี่คือ
"การอกหักครั้งแรกในชีวิต"ของผม
ทรายเป็นรุ่นพี่ม.5 ที่ทำงานช่วยครูอยู่ในห้องพยาบาล
ทรายเป็นเด็กกิจกรรมตัวยง ที่มักจะเห็นเธออยู่ร่วมทุกกิจกรรมไม่ว่าจะเป็น ลูก

องร้อยพิเศษ หรือกิจกรรมถือพานอะไรต่างๆ
ทรายไม่ใช่คนสวย แต่เป็นคนที่ผม"ถูกใจมากๆ"
ช่วงกีฬาสีที่ทรายต้องเป็นสตาฟคุมน้องๆ
ผมสมัครเป็นนักวิ่งมาราธอนประจำสีแดง(สีเดียวกันกับทราย)
แล้วช่วงซ้อมก็มักจะ"แกล้งเป็นลม"มาที่ห้องพยาบาลบ่อยๆ เพื่อเป็นอุบายมาพบหน้า มาหยอกล้อ คุยกับทราย
จนไม่นานอาจารย์สุนีย์ก็จับได้ ว่ามีเด็กคนนึงมักแกล้งเป็นลม เข้ามาจีบ"ณัฐกานต์"
พี่แววเพื่อนของทรายคนหนึ่งเคยเตือนผมแล้วว่า "ทรายมีแฟนอยู่แล้ว เป็นเด็กเตรียมอุดมบางใหญ่ อย่าไปยุ่งกับทรายเลย"
แต่ผมไม่สน เคยถามทรายตรงๆไปแล้ว ทรายก็บอกว่า"แค่เพื่อน"
ผมคบกับทรายมาได้เกือบสี่เดือน จนมาถึง"วันเกิดของเธอ"
วันนั้นทรายไม่มาโรงเรียน ผมพยายามติดต่อเธอทั้งทางเพจเจอร์ ทั้งทางโทรศัพท์บ้าน แต่ก็ไม่มีการตอบรับใดๆ
ผมนัดกับเธอไว้ว่าตอนเย็นจะไปกินข้าวกันที่บิ๊กซีวงสว่าง ...
แล้วอยู่ดีๆเช้าวันนั้นเธอก็ขาดการติดต่อหายไปดื้อ ๆ
ผมมีลางสังหรณ์ลึกๆว่าต้องมีเรื่องแย่ๆเกิดขึ้นกับผมแน่ๆ ... แล้วก็เป็นไปตามที่คิด
ตอนเย็นวันนั้นหลังจากเลิกเรียน ผมถือตุ๊กตาหมีของขวัญวันเกิด ไปดักรอทรายที่ปากซอยบ้านเธอ
แล้วไม่นานเพื่อนๆทั้งชายหญิงเกือบ10คนของทรายก็ค่อยๆเดินกันออกมาจากบ้านในสภาพกึ่มๆกันทุกคน
ทุกคนเห็นผมแล้วก็ได้แต่รีบเดินผ่านไป ... จนในที่สุดทรายก็เดินออกมาจากบ้านกับผู้ชายคนหนึ่งซึ่งไม่ใช่เพื่อนจากห้องเธอ
ผมรู้สึกได้ทันทีว่า หนุ่มคนนั้นคือเด็กเตรียมฯที่พี่แววเพื่อนทรายเคยเล่าให้ฟังแน่ๆ
เธอเดินออกมา ... ผมยื่นตุ๊กตาให้ ... บอกเธอว่าสุขสันต์วันเกิด
ทรายรับตุ๊กตาจากผม บอกขอบคุณแล้วก็เดินจากไปกับหนุ่มคนนั้น เหมือนเราสองคนมีธุระกันแค่นั้น
แล้วผมก็เดินปาดน้ำตาออกมาจากชีวิตของทราย โดยที่ผมไม่มองหน้าเธออีกเลยตลอดช่วงเวลาจนผมเรียนจบ
( ปัจจุบันนี้ คิดว่าทรายน่าจะมีความสุขดีอยู่ที่ไหนสักแห่ง )
- เป้ 1/9
ผมเฮิร์ทเรื่องทรายอยู่ได้แค่สามวัน ...
ผมก็ได้เจอกับน้องคนหนึ่งซึ่งทำให้ผมลืมทรายไปได้สนิท
เป้เป็นเด็กตาโต ตัวขาวจนแก้มและริมฝีปากเป็นสีชมพู ตัวเล็ก น่ารัก อยู่ใกล้ๆแล้วมีความสุข
เป้มีแฟนอยู่แล้วเป็นเด็กรุ่นเดียวกันที่อาศัยอยู่แถวบ้าน ....
แต่เป้เล่าให้ผมฟังว่า แฟนคนนั้นขี้งอน ทำให้เป้ไม่อยากคบแล้ว
ผมเดินเกมส์จีบเป้ ทั้งๆที่รู้ว่าเป้มีแฟนอยู่แล้ว ... (ถือว่าเป็นการเล่นชู้ครั้งแรกในชีวิต)
แล้ววันวาเลนไทน์ปี 2000 เป้ก็ประกาศให้ผมรู้ว่าเป้เลือกผม
ด้วยการทิ้งช่อดอกไม้ช่อโตของแฟนเก่าลงถังขยะต่อหน้าผม ก่อนจะรับดอกกุหราบเง่าๆดอกเดียวจากมือผม
แล้วบอกกับผมว่า "หนูเลือกลุงนะ"
และนี่คือเรื่องราว"ความเลวที่ไม่มีวันลบล้างเรื่องแรก"ของผมครับ
จงตั้งใจอ่านแล้วอย่าเอาไปทำเป็นเยี่ยงอย่าง
ผมกับเป้รักกันมาก เป้กับผมไปมาหาสู่กันที่บ้านได้ทั้งสองฝ่าย
เราคบกันโดยที่ไม่ได้มีท่าทีว่าจะทะเลาะเบาะแว้งหรือเลิกกันเลย
แต่แล้วอยู่ดีๆ ตอนที่ผมจบม.3 แล้วตัดสินใจว่าจะไปเรียนต่อโรงเรียนพาณิช
ผมคิดไปเองว่า ยังไงก็ต้องเจอสาวๆที่สวยกว่าเป้ น่ารักกว่าเป้ นิสัยดีกว่าเป้ ที่โรงเรียนใหม่แน่ๆ
คิดโง่ๆได้แค่นั้น วันประกาศผลสอบรับใบรบ.ผมก็นัดเป้มาคุยเรื่องการขอ"เลิกรา"กัน
เป็นความคิดที่เลวทรามเห็นแก่ตัวจนแม้แต่ผมก็ไม่อาจให้อภัยตัวเองมาจนทุกวันนี้
ผมเห็นน้องร้องไห้ ถามแต่ว่าทำไม เป้ไม่ดีตรงไหน อยากให้เป้แก้ไขตรงไหน
ซึ่งผมเองก็ไม่ได้พูดเหตุผลอะไร .... ได้แต่เดินจากเป้มาด้วยความใจหมา
แล้วหลังจากนั้น ... ผลกรรมที่ผมทำกับเป้ ... ก็ไล่ตามสนองผมทีละนิดมาทั้งชีวิต
ด้วยการที่ไม่เคยเจอคนรักที่น่ารักและนิสัยดีเท่าเป้อีกเลย
( ทุกวันนี้เป้ยังสบายดี โตเป็นสาวแล้วแต่ก็ยังสวยเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน ...
เคยโทรไปขอโทษครั้งนึงตอนที่โตๆกันแล้ว แต่ก็รู้สึกได้ว่าน้องเกลียดเราไปแล้ว
ขอโทษเป้อีกล้านครั้งก็คงยังไม่เพียงพอ )
- ตรี
ช่วงปิดเทอมม.3 ผมตีตั๋วรถไฟไปเที่ยวกับเพื่อนๆห้องเดียวกันที่ชะอำ 3 วันสองคืน
คืนแรกเมากับปริบขนาดที่ผมสามารถตีลังกาข้ามถนนได้
แต่คืนที่สองผมก็ได้พบกับสาวคนนึง ...
เธอเดินไปมาเอาไฟฉายส่องอยู่ริมหาดกับเพื่อนผู้หญิงอีกคนนึง
ผมเข้าไปสอบถามก็ได้การว่า "ตรี" สาวอึ๋มคนหนึ่งในนั้นทำกุญแจหล่นหายที่ชายหาด
และดันทำหล่อตอนกลางคืน เลยหายากมาก
ใช้อาศัยความแมนและหน้าหม้อ โชว์ความหล่อด้วยการอาสาช่วยตรีและเพื่อนๆหากุญแจแทนการไปนั่งกินเหล้ากับเพื่อนๆ
หาอยู่นานก็ไม่เจอ เลยนั่งลงคุยกันแทน ...
จับใจความกันได้ว่ามาจากเพชรบุรี ปิดเทอมเลยมาเที่ยว เรียนอยู่ชั้นม.3 ขึ้นม.4เหมือนกัน แล้วก็พักอยู่บังกาโลวใกล้ๆกันนั่นแหละ
ตรีเป็นเด็กสาวที่ตัวโตกว่าวัย ... อะไรต่อมิอะไรเลยใหญ่ผิดเด็กสาวไปหมด
(ผมอาศัยความมืด แอบมองนมอยู่หลายครั้ง)
จนในที่สุดตรีกับเพื่อนก็ขอตัวกลับห้องก่อน ทั้งๆที่ยังหากุญแจกันไม่เจอ
พอตรีเดินจากไปได้พักเดียว ผมก็เดินตามกลับไปที่ห้อง
แล้วอยู่ดีๆก็เดินเหยียบเอาเข้ากับ"แท่งพลาสติกและกุญแจห้องของตรี"โดยบังเอิญโคตรๆ
ผมเดินผ่านห้องตรีที่ตรีบอก แต่ก็เห็นว่าปิดไฟนอนกันหมดแล้ว
พอตอนเช้า เอากุญแจไปให้ เห็นสีหน้าตรีและเพื่อนๆเซอร์ไพร้ส์กันมากๆ แล้วก็ขอบคุณเรากันใหญ่
ได้ค่าตอบแทนความดีมาด้วยเบอร์โทรศัพท์บ้านของตรี ที่เป็นเบอร์ต่างจังหวัด
นั่งรถไฟกลับคันเดียวกัน แต่ตรีและเพื่อนๆ ลงกันก่อนที่สถานี"บ้านโป่ง"
พอกลับมากรุงเทพ ก็ตรัสรู้อีกขึ้นเรื่อง"รักแท้แพ้เงินทอง"
คือพยายามโทรหาแล้ว แต่โทรไม่ไหวจริงๆ
หยอดตู้เอาเบอร์ 02 จากกรุงเทพ โทรไปบ้านโป่งสมัยก่อนนี่ เหรียญ10คุยได้ไม่ถึง 3นาที
แพงมากจนต้องยอมถอดใจเลิกจีบตรีในที่สุด
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้อีก 7 คนที่เหลือมาต่อบทหน้าครับ
つづく
เรื่องเล่าจากชีวิตจริง "คาสโนว่าตราลุง" บทที่ 3 - ช่วงปั๊ปปี้เลิฟ ก่อนเปิดSing ไม่ได้หวานชื่นเสมอไป
ไม่เป็นไร ...
ไปตามอ่านกันในนี้ได้ครับ https://www.facebook.com/daddyoftheday/posts/1087983827958738
หลังจากที่ผมเรียนจบป.6 จากโรงเรียนชายล้วนมา ...
ผมก็ได้มาเรียนต่อม.ต้นที่โรงเรียนสหศึกษาแห่งหนึ่งย่านพระราม 7
ชีวิต"คาสโนว่าวัยกระเตาะ"ของผมเริ่มต้นที่เนี่ยแหละ ...
จำได้ว่า การได้มาเรียนรวมกับสาวๆนั้นเป็นอะไรที่ตื่นเต้นมาก
เพื่อนๆรุ่นราวคราวเดียวกันนั้นไม่เท่าไหร่ ... แต่พี่ๆม.ปลายนี่เป็นอะไรที่ทำให้อยากไปโรงเรียนทุกวัน
แม้ว่าวัย 13 ขวบในตอนนั้น ผู้ใหญ่ทั่วไปอาจจะมองว่า"ยังเด็กมาก"
แต่เด็กวัยเดียวกัน หลายๆคนจะรู้สึกว่าเราไม่เด็กแล้ว ...
สิวที่ผุดขึ้นตามใบหน้า และ ขนขุ้มที่ค่อยๆขึ้นในที่ลับเป็นสิ่งที่ช่วยยืนยันได้
....................................................................................................
จริงๆแล้วผมก็ไม่ได้หมกมุ่นอะไรกับเรื่องทางเพศมากมายนักหรอก
ยังคงเป็นเด็กที่วิ่งปุเลงๆเตะบอลกับเพื่อนๆ
เลิกเรียนก็สุมหัวกันเล่นเกมส์ ไม่ก็ไปนอนอ่านการ์ตูนกันที่บ้านใครสักคน
แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า เด็กในวัยนี้ ... เริ่มมี"ความต้องการทางเพศ"กันแล้ว ...
มันคือวัยแห่งความอยากรู้อยากเห็น อยากริอยากลอง
เรื่องอะไรก็ตามที่ผู้ใหญ่เค้าทำกัน ... เราก็น่าจะถึงวัยที่ลองทำกันได้แล้วเช่นกัน ...
เด็กๆหลายคน เลยมักจะมี"แฟนคนแรก"หรือ"รักแรก"ก็ตอนช่วงม.ต้นเนี่ยแหละ
ผมเองก็เช่นกัน ... แต่ความรักช่วงแรกๆของผมไม่ได้หวานชื่นนักหรอก
และ "คาสโนว่าตราลุง บทที่ 3"นี้ คือเรื่องราวของ 14 สาวก่อนที่ผมจะได้เจอ"แป้ง" สาวที่พรากความSingจากผมไป
.............................................................................................................
- น้ำหวาน 1/1
ช่วงม.1เทอมแรก ผมได้แต่แอบชอบสาวห้องเดียวกันคนหนึ่ง
ไม่ถึงกับอยากจะฉุดไปเปิดSing แต่ก็แอบหลงรักใน"ลักยิ้ม"ของเธออย่างบอกไม่ถูก
เธอมีดีกรีเป็นพี่สาวของดาราเด็กคนหนึ่งที่กำลังโด่งดังในตอนนั้น
เป็นนักเรียนไฮโซที่มีคุณแม่ขับรถมารับมาส่งเช้าเย็นทุกวัน ...
ผมเก็บความลับของผมไว้ไม่ไหว จนในที่สุดก็ลั่นไกบอกเพื่อนชื่อไอใหญ่ให้ช่วยเป็นพยาน และช่วยเก็บความลับนี้ไว้ให้ดี
ไอเชี่ยใหญ่ปากสว่าง เก็บความลับไว้ได้ไม่ถึง 5 นาที
อยู่ดีๆ
ผมตะโกนสวนกับเสียงมันบอก "ป่าวๆๆๆ" แต่หน้าก็ดันแดงเป็นตูดลิงจนเพื่อนๆผู้หญิงเริ่มแซว และเริ่มจับคู่ให้ผมกับน้ำหวาน ...
แต่น้ำหวานไม่เอาด้วย ... และไม่มองหน้าผม ไม่คุยกับผมอีกเลย ไปเกือบ 2 ปีเต็ม
จบเรื่องราวความรักครั้งแรกแบบโคตรเซ็ง
(ทุกวันนี้น้ำหวานมีลูกมีผัว ตัวใหญ่เป็นหมีกรีซลี่ไปแล้ว)
- พี่แอน 5/3
ช่วงกีฬาสีม.1 พี่ๆม.5ต้องมาสุงสิงกับน้องๆในฐานะ"สตาฟกีฬาสี"
ทำให้ผมได้รู้จักกับเชียร์ลีดเดอร์คนหนึ่งชื่อพี่แอน
พี่แอนเป็นลูกสาวครอบครัวชาวจีนตัวขาวๆ หน้าตาน่ารัก พูดน้อยและนิสัยดีมากๆ
ผมอาศัยตังที่มีอยู่น้อยนิด พยายามซื้อเป็ปซี่ไปจีบพี่แอนตอนซ้อมลีดฯอยู่เกือบสัปดาห์
พยายามทำตัวเป็นน้องที่น่ารัก เพื่อนๆพี่แอนใช้ให้ไปไหน ทำอะไร ทำให้หมด
เพื่อนๆของพี่แอนทุกคนรู้ว่าผมมาเดินเกมส์จีบพี่แอน ...
ทุกๆคนโอเค เห็นว่าผมเป็นเด็กมีสัมมาคารวะ ไม่ปีนเกลียว
และพี่แอนก็ถูกใจผมอยู่พอสมควร ...
จนในที่สุดเย็นวันนึง พี่แอนก็เขียนเบอร์โทรศัพท์บ้าน 9 หลัก (02-435-63XX) ของเธอใส่กระดาษทิชชู่ยื่นมาให้ผม
นั่นเป็นการเปิดประสบการณ์แลกเหรียญมาหยอดตู้โทรศัพท์คุยยาวตากยุงเป็นชม.ๆของผม
เราคบ เราคุยกันได้ไม่กี่เดือน ... ประสบการณ์การไปดูหนังกับสาวสองต่อสองครั้งแรกก็เกิดขึ้นอีก
จำได้แม่นว่าไปเลือกดูหนังสยองขวัญเรื่อง Urban Legend ที่เมเจอร์ฯ ปิ่นเกล้า
ตั้งใจไว้ว่าหนังสยองขวัญ พี่แอนอาจมีสะดุ้งมาโอบแน่ๆ
แต่ก็ไม่เป็นอย่างที่หวังไว้ เพราะพี่แอนนิ่งมากๆ ... นั่งดูชิลไม่ได้ตื่นเต้นอะไรเลย
หลังจากจบหนังเรื่องนั้น ... ผมกับพี่แอนก็เริ่มคุยกันน้อยลง แล้วก็ค่อยๆห่างกันไป
พอขึ้นม.6 พี่แอนก็มีแฟนใหม่เป็นไอหนุ่มจากห้องเดียวกันนั่นแหละ ...
การได้จับมือสาวในโรงหนังจึงเป็นความสุขและความทรงจำลางๆของผมที่มีต่อพี่แอน ที่ไม่เคยจางหายไปไหนนับตั้งแต่ตอนนั้น
( ปัจจุบันพี่แอนเป็นนักทรัพยากรบุคคลที่หน่วยงานแห่งหนึ่ง )
- นุ่น 2/4
สมัยผมเรียนอยู่ห้อง ม.2/2 ผมมีโอกาสได้ไปลองทำงานในห้องคอนโทรล(คอยเปิดเพลงชาติ)กับไออาท เพื่อนห้องเดียวกัน
แก๊งค์ของนุ่น ที่ประกอบไปด้วย เนิร์ส เดียร์ และ อร มักจะเดินผ่านห้องนี้บ่อยๆ
นุ่นเป็นสาวผิวขาวตัวบางเหมือนโอลีฟ(แฟนป๊อปอาย) มีเสียงเล็กๆงุ้งงิ้ง เวลาคุยด้วยแล้วสนุกดี
ผมจำไม่ได้ว่า ผมรู้จักกับนุ่นได้ยังไง แต่สุดท้ายผมก็ลองจีบนุ่น ... แล้วก็ดันจีบติด ...
เรื่องที่น่าตลกของเราสองคนก็คือ เราเป็นแฟนกันได้แค่ 6 วัน ... ได้หอมแก้นกันไปคนละ 1 ที
แล้วอยู่ดีๆวันที่ 7 เราทั้งสองต่างก็เห็นตรงกันว่า "เราควรเป็นเพื่อนกันมากกว่า"
และนี่ก็ยังคงเป็นเรื่องโจ๊ก ที่ผมกับนุ่นยังคงเอามาคุยกันได้อยู่เสมอเวลาเจอกัน ...
( ปัจจุบันนี้นุ่นก็ยังเป็นเพื่อนที่ดีของผม ยังคงตัวผอมเหมือนโอลีฟเช่นเดิม เจอกันล่าสุดก็เมื่อไม่กี่เดือนก่อน )
- พลอย 2/6
หลังจากที่เลิกกับนุ่นได้ไม่นาน ... ผมก็พยายามมาจีบเด็กห้องหกคนนึงชื่อแป้ง
แต่จีบไม่ติด ... เพราะแป้งมีแฟนอยู่แล้วเป็นรุ่นพี่ ม.3 ชื่อทอม
ผมเลยเบนเข็มมาจีบเพื่อนในกลุ่มคนหนึ่งของแป้ง ที่ชื่อพลอย
ปรากฎว่าพลอยดันเล่นด้วยกับผม ... แต่ใจผมตอนนั้นไม่ได้อยู่ที่พลอยเลยสักนิด
เพราะยิ่งคบกับพลอย ก็ยิ่งต้องเจอแป้งกับแฟนเค้าอยู่ใกล้ๆ ...
คบกันได้ไม่กี่สัปดาห์ผมก็ตัดสินใจเลิกกับพลอย
และได้ตรัสรู้ว่า "การหาใครสักคนมาดามหัวใจนั้น เป็นเรื่องที่ไม่เคยมอบความสุขที่แท้ให้ใครได้เลย"
( ปัจจุบันพลอยสบายดี มีลูกสองคนแล้ว ... อ้วนขึ้นเยอะแต่ยังไม่ถึงขั้นหมีกรีซลี่เหมือนน้ำหวาน)
- ทราย 5/2
พอขึ้นม.3 ผมก็ได้เจอกับทราย ... และถือว่านี่คือ"การอกหักครั้งแรกในชีวิต"ของผม
ทรายเป็นรุ่นพี่ม.5 ที่ทำงานช่วยครูอยู่ในห้องพยาบาล
ทรายเป็นเด็กกิจกรรมตัวยง ที่มักจะเห็นเธออยู่ร่วมทุกกิจกรรมไม่ว่าจะเป็น ลูก
ทรายไม่ใช่คนสวย แต่เป็นคนที่ผม"ถูกใจมากๆ"
ช่วงกีฬาสีที่ทรายต้องเป็นสตาฟคุมน้องๆ
ผมสมัครเป็นนักวิ่งมาราธอนประจำสีแดง(สีเดียวกันกับทราย)
แล้วช่วงซ้อมก็มักจะ"แกล้งเป็นลม"มาที่ห้องพยาบาลบ่อยๆ เพื่อเป็นอุบายมาพบหน้า มาหยอกล้อ คุยกับทราย
จนไม่นานอาจารย์สุนีย์ก็จับได้ ว่ามีเด็กคนนึงมักแกล้งเป็นลม เข้ามาจีบ"ณัฐกานต์"
พี่แววเพื่อนของทรายคนหนึ่งเคยเตือนผมแล้วว่า "ทรายมีแฟนอยู่แล้ว เป็นเด็กเตรียมอุดมบางใหญ่ อย่าไปยุ่งกับทรายเลย"
แต่ผมไม่สน เคยถามทรายตรงๆไปแล้ว ทรายก็บอกว่า"แค่เพื่อน"
ผมคบกับทรายมาได้เกือบสี่เดือน จนมาถึง"วันเกิดของเธอ"
วันนั้นทรายไม่มาโรงเรียน ผมพยายามติดต่อเธอทั้งทางเพจเจอร์ ทั้งทางโทรศัพท์บ้าน แต่ก็ไม่มีการตอบรับใดๆ
ผมนัดกับเธอไว้ว่าตอนเย็นจะไปกินข้าวกันที่บิ๊กซีวงสว่าง ...
แล้วอยู่ดีๆเช้าวันนั้นเธอก็ขาดการติดต่อหายไปดื้อ ๆ
ผมมีลางสังหรณ์ลึกๆว่าต้องมีเรื่องแย่ๆเกิดขึ้นกับผมแน่ๆ ... แล้วก็เป็นไปตามที่คิด
ตอนเย็นวันนั้นหลังจากเลิกเรียน ผมถือตุ๊กตาหมีของขวัญวันเกิด ไปดักรอทรายที่ปากซอยบ้านเธอ
แล้วไม่นานเพื่อนๆทั้งชายหญิงเกือบ10คนของทรายก็ค่อยๆเดินกันออกมาจากบ้านในสภาพกึ่มๆกันทุกคน
ทุกคนเห็นผมแล้วก็ได้แต่รีบเดินผ่านไป ... จนในที่สุดทรายก็เดินออกมาจากบ้านกับผู้ชายคนหนึ่งซึ่งไม่ใช่เพื่อนจากห้องเธอ
ผมรู้สึกได้ทันทีว่า หนุ่มคนนั้นคือเด็กเตรียมฯที่พี่แววเพื่อนทรายเคยเล่าให้ฟังแน่ๆ
เธอเดินออกมา ... ผมยื่นตุ๊กตาให้ ... บอกเธอว่าสุขสันต์วันเกิด
ทรายรับตุ๊กตาจากผม บอกขอบคุณแล้วก็เดินจากไปกับหนุ่มคนนั้น เหมือนเราสองคนมีธุระกันแค่นั้น
แล้วผมก็เดินปาดน้ำตาออกมาจากชีวิตของทราย โดยที่ผมไม่มองหน้าเธออีกเลยตลอดช่วงเวลาจนผมเรียนจบ
( ปัจจุบันนี้ คิดว่าทรายน่าจะมีความสุขดีอยู่ที่ไหนสักแห่ง )
- เป้ 1/9
ผมเฮิร์ทเรื่องทรายอยู่ได้แค่สามวัน ...
ผมก็ได้เจอกับน้องคนหนึ่งซึ่งทำให้ผมลืมทรายไปได้สนิท
เป้เป็นเด็กตาโต ตัวขาวจนแก้มและริมฝีปากเป็นสีชมพู ตัวเล็ก น่ารัก อยู่ใกล้ๆแล้วมีความสุข
เป้มีแฟนอยู่แล้วเป็นเด็กรุ่นเดียวกันที่อาศัยอยู่แถวบ้าน ....
แต่เป้เล่าให้ผมฟังว่า แฟนคนนั้นขี้งอน ทำให้เป้ไม่อยากคบแล้ว
ผมเดินเกมส์จีบเป้ ทั้งๆที่รู้ว่าเป้มีแฟนอยู่แล้ว ... (ถือว่าเป็นการเล่นชู้ครั้งแรกในชีวิต)
แล้ววันวาเลนไทน์ปี 2000 เป้ก็ประกาศให้ผมรู้ว่าเป้เลือกผม
ด้วยการทิ้งช่อดอกไม้ช่อโตของแฟนเก่าลงถังขยะต่อหน้าผม ก่อนจะรับดอกกุหราบเง่าๆดอกเดียวจากมือผม
แล้วบอกกับผมว่า "หนูเลือกลุงนะ"
และนี่คือเรื่องราว"ความเลวที่ไม่มีวันลบล้างเรื่องแรก"ของผมครับ
จงตั้งใจอ่านแล้วอย่าเอาไปทำเป็นเยี่ยงอย่าง
ผมกับเป้รักกันมาก เป้กับผมไปมาหาสู่กันที่บ้านได้ทั้งสองฝ่าย
เราคบกันโดยที่ไม่ได้มีท่าทีว่าจะทะเลาะเบาะแว้งหรือเลิกกันเลย
แต่แล้วอยู่ดีๆ ตอนที่ผมจบม.3 แล้วตัดสินใจว่าจะไปเรียนต่อโรงเรียนพาณิช
ผมคิดไปเองว่า ยังไงก็ต้องเจอสาวๆที่สวยกว่าเป้ น่ารักกว่าเป้ นิสัยดีกว่าเป้ ที่โรงเรียนใหม่แน่ๆ
คิดโง่ๆได้แค่นั้น วันประกาศผลสอบรับใบรบ.ผมก็นัดเป้มาคุยเรื่องการขอ"เลิกรา"กัน
เป็นความคิดที่เลวทรามเห็นแก่ตัวจนแม้แต่ผมก็ไม่อาจให้อภัยตัวเองมาจนทุกวันนี้
ผมเห็นน้องร้องไห้ ถามแต่ว่าทำไม เป้ไม่ดีตรงไหน อยากให้เป้แก้ไขตรงไหน
ซึ่งผมเองก็ไม่ได้พูดเหตุผลอะไร .... ได้แต่เดินจากเป้มาด้วยความใจหมา
แล้วหลังจากนั้น ... ผลกรรมที่ผมทำกับเป้ ... ก็ไล่ตามสนองผมทีละนิดมาทั้งชีวิต
ด้วยการที่ไม่เคยเจอคนรักที่น่ารักและนิสัยดีเท่าเป้อีกเลย
( ทุกวันนี้เป้ยังสบายดี โตเป็นสาวแล้วแต่ก็ยังสวยเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน ...
เคยโทรไปขอโทษครั้งนึงตอนที่โตๆกันแล้ว แต่ก็รู้สึกได้ว่าน้องเกลียดเราไปแล้ว
ขอโทษเป้อีกล้านครั้งก็คงยังไม่เพียงพอ )
- ตรี
ช่วงปิดเทอมม.3 ผมตีตั๋วรถไฟไปเที่ยวกับเพื่อนๆห้องเดียวกันที่ชะอำ 3 วันสองคืน
คืนแรกเมากับปริบขนาดที่ผมสามารถตีลังกาข้ามถนนได้
แต่คืนที่สองผมก็ได้พบกับสาวคนนึง ...
เธอเดินไปมาเอาไฟฉายส่องอยู่ริมหาดกับเพื่อนผู้หญิงอีกคนนึง
ผมเข้าไปสอบถามก็ได้การว่า "ตรี" สาวอึ๋มคนหนึ่งในนั้นทำกุญแจหล่นหายที่ชายหาด
และดันทำหล่อตอนกลางคืน เลยหายากมาก
ใช้อาศัยความแมนและหน้าหม้อ โชว์ความหล่อด้วยการอาสาช่วยตรีและเพื่อนๆหากุญแจแทนการไปนั่งกินเหล้ากับเพื่อนๆ
หาอยู่นานก็ไม่เจอ เลยนั่งลงคุยกันแทน ...
จับใจความกันได้ว่ามาจากเพชรบุรี ปิดเทอมเลยมาเที่ยว เรียนอยู่ชั้นม.3 ขึ้นม.4เหมือนกัน แล้วก็พักอยู่บังกาโลวใกล้ๆกันนั่นแหละ
ตรีเป็นเด็กสาวที่ตัวโตกว่าวัย ... อะไรต่อมิอะไรเลยใหญ่ผิดเด็กสาวไปหมด
(ผมอาศัยความมืด แอบมองนมอยู่หลายครั้ง)
จนในที่สุดตรีกับเพื่อนก็ขอตัวกลับห้องก่อน ทั้งๆที่ยังหากุญแจกันไม่เจอ
พอตรีเดินจากไปได้พักเดียว ผมก็เดินตามกลับไปที่ห้อง
แล้วอยู่ดีๆก็เดินเหยียบเอาเข้ากับ"แท่งพลาสติกและกุญแจห้องของตรี"โดยบังเอิญโคตรๆ
ผมเดินผ่านห้องตรีที่ตรีบอก แต่ก็เห็นว่าปิดไฟนอนกันหมดแล้ว
พอตอนเช้า เอากุญแจไปให้ เห็นสีหน้าตรีและเพื่อนๆเซอร์ไพร้ส์กันมากๆ แล้วก็ขอบคุณเรากันใหญ่
ได้ค่าตอบแทนความดีมาด้วยเบอร์โทรศัพท์บ้านของตรี ที่เป็นเบอร์ต่างจังหวัด
นั่งรถไฟกลับคันเดียวกัน แต่ตรีและเพื่อนๆ ลงกันก่อนที่สถานี"บ้านโป่ง"
พอกลับมากรุงเทพ ก็ตรัสรู้อีกขึ้นเรื่อง"รักแท้แพ้เงินทอง"
คือพยายามโทรหาแล้ว แต่โทรไม่ไหวจริงๆ
หยอดตู้เอาเบอร์ 02 จากกรุงเทพ โทรไปบ้านโป่งสมัยก่อนนี่ เหรียญ10คุยได้ไม่ถึง 3นาที
แพงมากจนต้องยอมถอดใจเลิกจีบตรีในที่สุด
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
つづく