#หมวยอินดี้ #สัพเพเหระ #นักการเมือง
สวัสดีค่ะ เพิ่ลๆ
วันนี้ มีเรื่องที่อยู่ในใจมานาน อยากจะเล่าให้ฟัง และอยากฝากไปยังนักการเมืองรุ่นใหม่ๆด้วย (แหม ทำยังกับจะมีใครเข้ามาอ่านนักแหละ)
เพิ่ลๆเคยคิดบ้างไหมว่า ผู้สมัครสส. เขตต่างๆนั้น มาได้อย่างไร เขาเอาใครเข้ามาเป็นตัวแทนพรรค และประชาชนเลือกผู้แทนด้วยมองจากอะไรบ้าง ก็เคยคุยๆกันไปทีนึงแล้วเรื่อง "ผู้ลงคะแนนใช้อะไรเป็นปัจจัยในการลงคะแนนเสียงบ้าง" แต่ก็เป็นแค่ความเห็นในกรอบเล็กๆ ในมุมมองของแต่ละคน ซึ่งความเห็นที่หนักที่สุด ก็น่าจะเป็น "การเลือกพรรค"
เราจึงได้สงสัยในจุดนี้ว่า คนเลือกพรรค พรรคเลือกคน(เข้าไปลงสมัครผู้แทน ซึ่งหากเราเลือกพรรคแล้ว เขาส่งใครมาเราก็ต้องเลือกหมด) และเป็นความไว้วางใจต่อพรรคว่า เลือกคนที่เหมาะสมที่สุดแล้ว เข้ามาเป็นตัวแทนพวกเรา
คำถามคือ
เหตุใด เราจึงไม่สามารถเลือกคนเองได้ เมื่อเราเลือกคนที่ถูกต้องเป็นผู้แทน ผู้แทนที่เราเลือกสังกัดพรรคที่ถูกต้อง พรรคนั้น ก็จะได้เป็นพรรค ที่รวมความถูกต้องทั้งหลายทั้งมวลเข้าด้วยกัน โดยไม่ต้องพึ่งพาความไว้วางใจ
แต่เพราะทุกวันนี้ คนที่เข้ามาลงสมัครคัดเลือกเป็นผู้แทน ก็เป็นแค่หัวคะแนน หรือเป็นที่รู้จักกันทั่วไป น้อยมาก หรือ มีข่าวน้อยมากที่ว่า คนที่มาลงสมัครคัดเลือกนั้น คร่ำหวอด และทำงานเพื่อปชชมานาน จึงได้รับความไว้วางใจ แต่กลับเป็นแค่ชื่อเสียง หรือบางคนโนเนมมาก เพิ่งจบ เพิ่งได้ตำแหน่งนางงาม เพิ่งได้เหรียญกีฬาทีมชาติ ฯลฯ แต่คนที่ทำงานเพื่อสังคมจริงๆ กลับถูกมองข้ามไปอย่างน่าเสียดาย เพียงเพราะค่านิยม
"เลือกทั้งพรรค"
อย่างเช่นตอนนี้ น่าจะเป็นช่วงเวลาหาเสียงที่ดีของนักการเมืองโนเนม ทั้งหลาย ที่อยากสร้างชื่อ สร้างผลงาน ชาวบ้าน ประชาชนส่วนใหญ่ ได้รับความเดือดร้อน จากภาวะ ศกตกต่ำ ภัยแล้ง ราคาผลิตผลภาคเกษตรต่ำ ตลาดระบายผลผลิต ฯลฯ ที่นักการเมืองของทุกพรรค ควรให้ความสนใจ จริงอยู่ ณ ตอนนี้ เป็นช่วงเวลาที่ไม่สามารถดำเนินกิจกรรมทางการเมืองได้อย่างเต็มที่ แต่หากมีการเข้าถึงพื้นที่ ช่วยจัดการทรัพยากรในหมู้บ้าน อย่างน้อยก็ในเขตที่ต้องการลงสมัครคัดเลือกผู้แทนของตัวเองก็ได้ เพื่อช่วยเหลือในเบื้องต้นในระดับหมู่บ้าน ตำบล อำเภอ จังหวัด มันไม่เป็นการหาเสียงที่ยั่งยืนกว่าเหรอ?
จริงอยู่ ระดับ "บิ๊กๆ" ในพรรค ไม่สามารถเคลื่อนไหวทางการเมืองได้อย่างอิสระ จังต้องทำหน้าที่ของตัวเองเป็นฝ่ายตรวจสอบรัฐบาลไป โดยการใช้ sn เป็นหลัก แต่สมาชิกพรรคเล็กๆคนอื่นๆ ก็ยังสามารถทำงานได้ โดยไม่ต้องรอให้ระดับบิ๊กๆเป็นคนสั่งงาน แต่อาจจะมีการปรึกษาหารือกันเป็นนอกรอบ ว่า ในเขตนั้นเขตนี้ ควรช่วยกันส่งเสริมอะไรบ้าง แล้วให้คนของพรรครับหน้าที่ประสานงานกันไป การเพิ่มความเข้มแข็งให้กับชุมชน ก็เป็นวิธีสร้างความปรองดอง ความเป็นประชาธิปไตย ความเสมอภาค ความเท่าเทียมได้เหมือนกันนะ
และเป็นการหาเสียงที่ยั่งยืนด้วย กล่าวคือ หากเขาเคยเห็นหน้าคุณทำงานในระดับเล็กๆ แล้วเขาก็จะเชื่อโดยสนิทใจว่า คุณจะไม่ทิ้งเขาในการเมืองระดับใหญ่ ชาวบ้าน เขาก็คิดง่ายๆแค่นี้ ใครทำงานให้เขา เขาก็เลือก ฉนั้น ช่วยๆออกมาทำงานให้พวกเขา ก่อนจะได้เข้าไปรับเงินเดือนในสภาได้หรือไม่?
แทนที่จะทุ่มงบ ไปทำ PR เอาตอนจะเลือกตั้ง น่าจะจัดสรรงบมาทำตรงนี้ บ้างนะ ไม่ต้องไปสร้างหรือทำโรงข้าวโรงสี อะไรให้พวกเขา แค่เข้าไปช่วยดูแลว่า จะประสานงานกันอย่างไร จะแก้ไขปัญหาผลผลิตต่ำอย่างไร (ไม่ใช่ไปปลุกม้อบอย่างเดียวนะ) เช่น แนะนำการทำโซนนิ่ง แนะนำการทำโครงการเพื่อขอกู้เงินรัฐบาล แนะนำการขนส่ง ตลอดจนการกระจายสินค้าในแต่ละ หมู่บ้าน อำเภอ หรือจังหวัด การแนะแนวการดูแลการเงินของครอบครัว แนะแนวทางการดำเนินชีวิต จะอิงหลักอะไรก็ตามทีให้มีระเบียบแบบแผนที่ดี ชาวบ้าน ที่หมดกำลังใจ บางที การแนะนำอะไรพื้นๆ ก็สามารถช่วยให้เขาฟื้นตัวได้อย่างไม่น่าเชื่อนะ
หรือแม้แต่ ฝ่ายสนับสนุนพรรคการเมืองแต่ละพรรค ก็ตาม หากใครมีความสามารถเข้าถึงชุมชน เพื่อพัฒนาอะไรสักอย่างได้ ก็ลองเข้าไปมีส่วนร่วมดู น่าจะมีประโยชน์และสร้างความเชื่อมั่นในกลุ่มก้อนกิจกรรมทางการเมืองที่กำลังเป็นอยู่ด้วย โดยไม่ต้องไปสร้าง propaganda อะไร เขาเห็นเองอยู่ว่า เขากำลังได้รับสิ่งดีๆ จากคุณ
กระทู้นี้ ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น มีแต่คนน่ารัก
ใครๆก็เข้าได้ กติกามีอย่างเดียวคือ อย่าทะเลาะกัน
หากใคร พอใจจะเข้ามามีส่วนร่วม
แบ่งปันความรู้ จะสาระบ้างไม่สาระบ้าง
การเมืองได้ เศรษฐกิจก็ได้ ศาสนาก็ไม่เกี่ยง
อวดรู้ได้ อวดดีได้ อวดเก่งก็ได้มาเลย.. ชอบ
ชอบอ่าน ชอบเขียน ชอบจิก ชอบกัด ชอบให้คนรักกัน (ฮิ้ววว)
กระทู้นี้ยินดีเปิดให้ทุกคนได้แสดงออกในทางสร้างสรรค์
เพื่อเป็นการสร้างความสัมพันธ์และบรรยากาศอันดีให้แก่กันและกันค่ะ
แขวะได้ แซะได้ พองาม แต่อย่ามากไป และอย่าโกรธกัน
ความเดิมตอนที่แล้ว
สัพเพเหระกับหมวยอินดี้ ตอน สัตยาเคราะห์ โดย "อหิงสา" ในแบบของ มหาตมะ คานธี
สัพเพเหระกับหมวยอินดี้ ตอน นักการเมืองไทยในอุดมคติของข้าพเจ้า
สวัสดีค่ะ เพิ่ลๆ
วันนี้ มีเรื่องที่อยู่ในใจมานาน อยากจะเล่าให้ฟัง และอยากฝากไปยังนักการเมืองรุ่นใหม่ๆด้วย (แหม ทำยังกับจะมีใครเข้ามาอ่านนักแหละ)
เพิ่ลๆเคยคิดบ้างไหมว่า ผู้สมัครสส. เขตต่างๆนั้น มาได้อย่างไร เขาเอาใครเข้ามาเป็นตัวแทนพรรค และประชาชนเลือกผู้แทนด้วยมองจากอะไรบ้าง ก็เคยคุยๆกันไปทีนึงแล้วเรื่อง "ผู้ลงคะแนนใช้อะไรเป็นปัจจัยในการลงคะแนนเสียงบ้าง" แต่ก็เป็นแค่ความเห็นในกรอบเล็กๆ ในมุมมองของแต่ละคน ซึ่งความเห็นที่หนักที่สุด ก็น่าจะเป็น "การเลือกพรรค"
เราจึงได้สงสัยในจุดนี้ว่า คนเลือกพรรค พรรคเลือกคน(เข้าไปลงสมัครผู้แทน ซึ่งหากเราเลือกพรรคแล้ว เขาส่งใครมาเราก็ต้องเลือกหมด) และเป็นความไว้วางใจต่อพรรคว่า เลือกคนที่เหมาะสมที่สุดแล้ว เข้ามาเป็นตัวแทนพวกเรา
คำถามคือ เหตุใด เราจึงไม่สามารถเลือกคนเองได้ เมื่อเราเลือกคนที่ถูกต้องเป็นผู้แทน ผู้แทนที่เราเลือกสังกัดพรรคที่ถูกต้อง พรรคนั้น ก็จะได้เป็นพรรค ที่รวมความถูกต้องทั้งหลายทั้งมวลเข้าด้วยกัน โดยไม่ต้องพึ่งพาความไว้วางใจ
แต่เพราะทุกวันนี้ คนที่เข้ามาลงสมัครคัดเลือกเป็นผู้แทน ก็เป็นแค่หัวคะแนน หรือเป็นที่รู้จักกันทั่วไป น้อยมาก หรือ มีข่าวน้อยมากที่ว่า คนที่มาลงสมัครคัดเลือกนั้น คร่ำหวอด และทำงานเพื่อปชชมานาน จึงได้รับความไว้วางใจ แต่กลับเป็นแค่ชื่อเสียง หรือบางคนโนเนมมาก เพิ่งจบ เพิ่งได้ตำแหน่งนางงาม เพิ่งได้เหรียญกีฬาทีมชาติ ฯลฯ แต่คนที่ทำงานเพื่อสังคมจริงๆ กลับถูกมองข้ามไปอย่างน่าเสียดาย เพียงเพราะค่านิยม "เลือกทั้งพรรค"
อย่างเช่นตอนนี้ น่าจะเป็นช่วงเวลาหาเสียงที่ดีของนักการเมืองโนเนม ทั้งหลาย ที่อยากสร้างชื่อ สร้างผลงาน ชาวบ้าน ประชาชนส่วนใหญ่ ได้รับความเดือดร้อน จากภาวะ ศกตกต่ำ ภัยแล้ง ราคาผลิตผลภาคเกษตรต่ำ ตลาดระบายผลผลิต ฯลฯ ที่นักการเมืองของทุกพรรค ควรให้ความสนใจ จริงอยู่ ณ ตอนนี้ เป็นช่วงเวลาที่ไม่สามารถดำเนินกิจกรรมทางการเมืองได้อย่างเต็มที่ แต่หากมีการเข้าถึงพื้นที่ ช่วยจัดการทรัพยากรในหมู้บ้าน อย่างน้อยก็ในเขตที่ต้องการลงสมัครคัดเลือกผู้แทนของตัวเองก็ได้ เพื่อช่วยเหลือในเบื้องต้นในระดับหมู่บ้าน ตำบล อำเภอ จังหวัด มันไม่เป็นการหาเสียงที่ยั่งยืนกว่าเหรอ?
จริงอยู่ ระดับ "บิ๊กๆ" ในพรรค ไม่สามารถเคลื่อนไหวทางการเมืองได้อย่างอิสระ จังต้องทำหน้าที่ของตัวเองเป็นฝ่ายตรวจสอบรัฐบาลไป โดยการใช้ sn เป็นหลัก แต่สมาชิกพรรคเล็กๆคนอื่นๆ ก็ยังสามารถทำงานได้ โดยไม่ต้องรอให้ระดับบิ๊กๆเป็นคนสั่งงาน แต่อาจจะมีการปรึกษาหารือกันเป็นนอกรอบ ว่า ในเขตนั้นเขตนี้ ควรช่วยกันส่งเสริมอะไรบ้าง แล้วให้คนของพรรครับหน้าที่ประสานงานกันไป การเพิ่มความเข้มแข็งให้กับชุมชน ก็เป็นวิธีสร้างความปรองดอง ความเป็นประชาธิปไตย ความเสมอภาค ความเท่าเทียมได้เหมือนกันนะ
และเป็นการหาเสียงที่ยั่งยืนด้วย กล่าวคือ หากเขาเคยเห็นหน้าคุณทำงานในระดับเล็กๆ แล้วเขาก็จะเชื่อโดยสนิทใจว่า คุณจะไม่ทิ้งเขาในการเมืองระดับใหญ่ ชาวบ้าน เขาก็คิดง่ายๆแค่นี้ ใครทำงานให้เขา เขาก็เลือก ฉนั้น ช่วยๆออกมาทำงานให้พวกเขา ก่อนจะได้เข้าไปรับเงินเดือนในสภาได้หรือไม่?
แทนที่จะทุ่มงบ ไปทำ PR เอาตอนจะเลือกตั้ง น่าจะจัดสรรงบมาทำตรงนี้ บ้างนะ ไม่ต้องไปสร้างหรือทำโรงข้าวโรงสี อะไรให้พวกเขา แค่เข้าไปช่วยดูแลว่า จะประสานงานกันอย่างไร จะแก้ไขปัญหาผลผลิตต่ำอย่างไร (ไม่ใช่ไปปลุกม้อบอย่างเดียวนะ) เช่น แนะนำการทำโซนนิ่ง แนะนำการทำโครงการเพื่อขอกู้เงินรัฐบาล แนะนำการขนส่ง ตลอดจนการกระจายสินค้าในแต่ละ หมู่บ้าน อำเภอ หรือจังหวัด การแนะแนวการดูแลการเงินของครอบครัว แนะแนวทางการดำเนินชีวิต จะอิงหลักอะไรก็ตามทีให้มีระเบียบแบบแผนที่ดี ชาวบ้าน ที่หมดกำลังใจ บางที การแนะนำอะไรพื้นๆ ก็สามารถช่วยให้เขาฟื้นตัวได้อย่างไม่น่าเชื่อนะ
หรือแม้แต่ ฝ่ายสนับสนุนพรรคการเมืองแต่ละพรรค ก็ตาม หากใครมีความสามารถเข้าถึงชุมชน เพื่อพัฒนาอะไรสักอย่างได้ ก็ลองเข้าไปมีส่วนร่วมดู น่าจะมีประโยชน์และสร้างความเชื่อมั่นในกลุ่มก้อนกิจกรรมทางการเมืองที่กำลังเป็นอยู่ด้วย โดยไม่ต้องไปสร้าง propaganda อะไร เขาเห็นเองอยู่ว่า เขากำลังได้รับสิ่งดีๆ จากคุณ
ใครๆก็เข้าได้ กติกามีอย่างเดียวคือ อย่าทะเลาะกัน
หากใคร พอใจจะเข้ามามีส่วนร่วม
แบ่งปันความรู้ จะสาระบ้างไม่สาระบ้าง
การเมืองได้ เศรษฐกิจก็ได้ ศาสนาก็ไม่เกี่ยง
อวดรู้ได้ อวดดีได้ อวดเก่งก็ได้มาเลย.. ชอบ
ชอบอ่าน ชอบเขียน ชอบจิก ชอบกัด ชอบให้คนรักกัน (ฮิ้ววว)
กระทู้นี้ยินดีเปิดให้ทุกคนได้แสดงออกในทางสร้างสรรค์
เพื่อเป็นการสร้างความสัมพันธ์และบรรยากาศอันดีให้แก่กันและกันค่ะ
แขวะได้ แซะได้ พองาม แต่อย่ามากไป และอย่าโกรธกัน
ความเดิมตอนที่แล้ว
สัพเพเหระกับหมวยอินดี้ ตอน สัตยาเคราะห์ โดย "อหิงสา" ในแบบของ มหาตมะ คานธี