สวัสดีครับ อันนี้เป็นการลองรีวิวการท่องเที่ยวครั้งเเรกของผมนะครับ
ทริปนี้เกิดจากการนั่งดูรูปถ่ายของสถานที่ในไอซแลนด์เเละแสงเหนือที่ว่ากันว่าครั้งนึงควรจะไปเห็นด้วยตาตัวเองสักครั้ง
จุดประสงค์หลักในการไปเที่ยวครั้งนี้คือตั้งใจไปเก็บรูปแสงเหนือเป็นหลัก ทริปนี้ไปช่วง 2-13 มกราคม 2559

ผมชื่อ วี ครับ มาเรียนต่อที่ประเทศอังกฤษ เพราะฉะนั้นจุดเริ่มต้นการเดินทางคือออกจาก UK นะครับ เริ่มที่การขอเชงเก้นวีซ่าที่ประเทศอังกฤษนั้นถือว่าไม่ยุ่งยากมากเท่าไรขั้นตอนที่วุ่นวายที่สุดคงเป็นการกรอกข้อมูลลงในเวปที่จะให้ ขอวีซ่าก็เป็นการขอผ่านสถานฑูตเดนมาร์ก ก่อนอื่นก็เข้าไปจองวันที่จะยื่นในเวป เเล้วกรอกข้อมูล ส่วนเรื่องเอกสาร ผมใช้ 1.หนังสือรับรองของมหาลัย 2.ประกันชีวิต 3.หนังสือรับรองของแบงค์ 4.แผนการเดินทาง 5.รูปถ่าย 6.เอกสารที่เกี่ยวกับข้อมูลการจองภายในทริปของเรา เช่น โรงเเรม ตั๋วเครื่องบิน เป็นต้น หลังจากยื่นไปกรณีให้ส่งกลับมาที่บ้านเราเลย ผมได้ 3 วันหลังจากที่ไปยื่นถือว่าไวมากครั้งนี้ผมได้วีซ่ามา 6 เดือน วีซ่าพร้อมก็ออกบินกันเลย ครั้งนี้เลือกบินกับสายการบิน easy jet ขึ้นที่สนามบิน stansted airport ครั้งนี้ต้องซื้อกระเป๋าเพิ่มหนึ่งใบเพื่อโหลดลงใต้เครื่อง ปกติสายการบินนี้จะเข้มงวดเรื่องจำนวนเเละขนาดของกระเป๋ามากถ้าเชคไม่ดีอาจจะโดนปรับได้ ครั้งนี้โดนให้เอากระเป๋าที่จะขึ้นเครื่องเข้าไปวัดในช่องทั้งไปเเละกลับเเต่กระเป๋าเราเล็กกว่าช่องเลยรอดไป เเต่บางคนก็โดนให้จัดกระเป๋าใหม่หน้าเกทกันสองสามคน


ใช้เวลาเดินทางประมาณสามชม. แต่ลืมกินข้าวเที่ยงกินเเต่ข้าวเช้า เครื่องบ่ายสามเลยพลาดหิวบนเครื่องเลยต้องสั่งอะไรกินนิดนึง
ก็เลยได้ขนมกับคิทแคทมากินรองท้องไปก่อน
เครื่องมาถึงที่ Iceland ก็หกโมงเย็นกว่าๆแล้วเครื่องมาลงที่เมือง Keflavik
นี่คือเเผนเดิมทางก่อนมาคือวางเเผนคราวๆตามสถานที่ คือจะพยายามวางวันต่อวันเพราะก่อนมาเชคสภาพอากาศว่าเมฆเปิดเเต่ก็เปลี่ยนก่อนเลยคิดว่ามาวางวันต่อวันดีกว่า แต่พอเอาเข้าจริงๆ ก็ไม่ได้ไปโซนด้านบนของไอซ์แลนด์เพราะอากาศแย่มากจริงๆเลยเปลี่ยนใจไม่ไปดีกว่า
เข้ามาสนามบินก็เจอป้ายโฆษณา Blue Lagoon กับ โยเกิร์ตยี่ห้อ Sky.is ที่เค้าเเนะนำว่าต้องลอง อร่อยกว่าปกติตรงมันจะหนึบๆกว่า

วันที่ 1 ของทริป คือยังไม่ได้เช่ารถก็เลยเช่าบ้านอยู่ก่อนคืนเเรกบ้านเช่าก็ใช้แอพ airbnb ก่อนอื่นก็เเวะซื้อซิมการ์ด siminn มาใช้ นั่งรถแท๊กซี่จากสนามบินไปที่บ้านพักก็ไม่ไกล เเต่ผมไม่ได้แลกเงินไปมีเเต่ยูโร ค่ารถก็ 20 ยูโร
ห้องที่จะนอนคืนเเรกครับ เจ้าของบ้านก้ให้การต้อนรับอย่างดี
เนื่องจากหิวมากเลยถามเจ้าของบ้านว่าเมืองนี้มีอะไรที่น่ากินบ้างเค้าก็แนะนำร้านพิซซ่ามาร้านก็อยู่ไม่ไกลจากบ้านพักเท่าไรอยู่บนถนนเส้นหลักของเมืองนี้
อากาศก็หนาวใช้ได้ครับอยู่ที่ -1 องศา

รสชาตอร่อยครับแป้งหนานุ่มกำลังดีหน้าที่สั่งคือ Hawaii ราคาก็ 20 ยูโร ก่อนกลับก็เลยขอถ่ายรูปพนักงานไว้(คือผมทำอัลบั้ม Snap shot ที่รวมรูปคนที่ผมเจอเวลาไปเที่ยวตามที่ต่างจะขอเค้าถามรูปไว้)
วันนี้ตอนเเรกกะว่าจะซื้อของตุนไว้ใช้ในรถเเต่ร้านปิดเเล้วก็เลยเดี่ยวค่อยซื้อพรุ่งนี้เเทน
วันนี้เลยนอนเอาเเรงก่อนเพราะต่อจากนี้คงไม่ได้นอนบนเตียงดีดีเเล้วเพราะเราจะนอนในรถกัน
วันนี้ก็เริ่มต้นด้วยการไป Blue Lagoon ตอนเเรกกะว่าจะมาวันสุดท้ายเเต่เค้าจะปิดปรับปรุงเลยย้ายมาเป้นวันเเรกเเทน วันนี้คือวันที่โซนปกติจะเปิดเป็นวันสุดท้ายก่อนจะปิด
เราซื้อตั๋วรถบัสจากสนามบินไปที่บลูลากูนเป็นตั๋วไปกลับเอากระดาษไปเเลกเป็นตั๋ว
พนักงานจะอยู่ด้านหลังมีป้ายบอกว่าถ้าต้องการติดต่อให้เคาะที่เค้าวเตอร์เค้าก็จะออกมาเวลารถทัวร์คือ 8 โมงเช้าฟ้ายังมืดอยู่
ลองเอามาดูว่าเค้ามีไปเที่ยวไหนบ้างเพราะรถนั่งไปประมาณครึ่งชม.
นี่คือสิ่งเเรกที่เห็นหมอกๆไอๆด้านข้าง
ถ้าจองมาออนไลน์เเล้วเข้า 2 ช่องซ้าย
วันนี้ก็เริ่มต้นด้วยการไป Blue Lagoon ตอนเเรกกะว่าจะมาวันสุดท้ายเเต่เค้าจะปิดปรับปรุงเลยย้ายมาเป้นวันเเรกเเทน เค้าลดราคาพอดีเลยเลือกแบบสองมาราคา 50 ยูโรเท่าปกติที่เป็นค่าเข้าปกติ แต่อันนี้จะได้ผ้าเช็ดตัว ครีมกับโคลนสีเขียว เครื่องดื่มฟรี 1 แก้ว
พอรับของเรียบร้อยจะเป็นทางเเยกผู้ชายจะเดินขึ้นไปทางข้างบน ผู้หญิงจะเเยกเข้าทางด้านล่าง ตอนเเรกทุกคนจะตกใจเล็กน้อยเเต่ทางออกก็ไปจะไปเจอข้างหลังส่วนบรรยากาศในห้องเเตกตัวเค้าห้ามถ่ายเลยไม่ได้ถ่ายมา ตู้ใหญ่เป็นตัว L ส่วนยาวจะไว้เก็บเสื้อกันหนาว เข้าไปก็จะถอดรองเท้าไว้ในชั้นพอเข้าไปเสร็จก็จะให้อาบน้ำล้างตัวก่อนจะมีบางล๊อคแบบมีที่บัง แต่บางคนก็อาบแบบเปิดได้เลยแล้วเเต่ชอบ
พระอาทิตย์ขึ้นตอน 11 โมง เกือบครึ่ง ถึงได้เริ่มออกมาถ่ายรูป แต่เพราะไม่มีรองเท้าเเตะเลยต้องวิ่งเข้าวิ่งออกมาถ่ายเพราะพื้นเย็นมากต้องหาจุดที่ไม่โดนน้ำยืนถ่ายถึงจะยืนได้สักพัก




หลังจากออกมาพอดีว่าดูเวลาผิดว่าบัสที่จะกลับไปที่สนามบินเป็นเที่ยงครึ่งเเต่รอบนั้นไปเข้าเมืองหลวง เลยลองโทรไปหาบริษัทเช่ารถว่าจะไปช้าเเต่เค้าบอกถ้างั้นเดี๋ยวไปรับที่ บลูลากูนเลยก็ได้ คือเค้าเอารถมารับไปเอารถที่เมืองหลวงผิดจากที่เข้าใจว่าจะเอารถเช่ามาให้เลยก็เลยขอให้เค้ากลับไปบ้านเอาของก่อน รถบริษัทที่ผมเช่าเป็นของ KUKU Camper นะครับหลายคนคงก็คงได้ยินมาว่ารถเจ้านี่ไม่โอเค เเต่เนี่องจากผมขับเกียร์กระปุกไม่เป็นเลยไม่มีตัวเลือกมากนัก รุ่นที่เลือกคือ AA ผมเลือกเช่าถุงนอนหมอนอย่างละสองชุด เเก๊ซไว้ทำกับข้าว ที่แปลงไฟ เลือกซื้อประกันซึ่งประกันตัวนี้ไม่ครอบคลุมกรณีประตูพังเพราะโดนลมเเรงนะครับ ซึ่งสุดท้ายแล้วกลางทริปผมก็โดนเรื่องนี่ละเคยอ่านเจอมาบ้างเเต่กรณีที่ผู้หญิงระวังเเล้วยังไงก็คงโดนอยู่ดีเพราะยอมรับว่าที่นี่ลมเเรงมากจริงๆผมเองบางครั้งยังเกือบจับไว้ไม่อยู่ อันนี้ที่พังคือพังในเมืองด้วยนะไม่ใช่เที่ยวนอกเมือง
ข้อมูลก็เข้าไปเชคได้ที่เวปนี้
http://www.kukucampers.is/prices/


กว่าจะรับรถเชครถเสร็จก็บ่ายสี่เเล้วเกือบจะเเสงหมดเเล้วจากตอนเเรกว่าจะไปน้ำตกก็เลยไม่ได้ไปเปลี่ยนแผนไปหาที่ถ่ายในเมืองเอาเเล้วกันเลยเลือกโบสถ์พระเอกของเมือง Reykjavik

มุ่งหน้าขับรถไปตามมือถือ


บรรยากาศภายใน ตอนเเรกกะจะขึ้นไปถ่ายรูปด้านบนเเต่กว่าจะมาถึงก็เกือบปิดเเล้วถ่ายมาสองรูปข้างในเสร้จก็ปิดเลย



เลยมาถ่ายข้างนอกเเทน


สองภาพนี้ใช้โดรนถ่ายนะครับ ยังใหม่มากกับการใช้โดรนเรียกว่าพึ่งซื้อก่อนบินมาเเค่สัปดาห์เดียวได้ลองหัดบินอยู่บ้างเเต่ก็ได้ลองถามวิธีการถ่ายจากคุณ Payont Thanasatirakul ให้คำเเนะนำมาเลยทำให้ได้ภาพนี้มาจริงๆที่ตัดสินใจซื้อโดรนเพราะคนนี้เลยจริงๆ
facebook :
https://www.facebook.com/Whereveego
IG: whereveego
ติดตามผลงานได้นะครับ
facebookส่วนตัว: vee verapat
[CR] Aurora Hunter in Iceland แสงเหนือ หิมะ สระน้ำ และ น้ำตก
ผมชื่อ วี ครับ มาเรียนต่อที่ประเทศอังกฤษ เพราะฉะนั้นจุดเริ่มต้นการเดินทางคือออกจาก UK นะครับ เริ่มที่การขอเชงเก้นวีซ่าที่ประเทศอังกฤษนั้นถือว่าไม่ยุ่งยากมากเท่าไรขั้นตอนที่วุ่นวายที่สุดคงเป็นการกรอกข้อมูลลงในเวปที่จะให้ ขอวีซ่าก็เป็นการขอผ่านสถานฑูตเดนมาร์ก ก่อนอื่นก็เข้าไปจองวันที่จะยื่นในเวป เเล้วกรอกข้อมูล ส่วนเรื่องเอกสาร ผมใช้ 1.หนังสือรับรองของมหาลัย 2.ประกันชีวิต 3.หนังสือรับรองของแบงค์ 4.แผนการเดินทาง 5.รูปถ่าย 6.เอกสารที่เกี่ยวกับข้อมูลการจองภายในทริปของเรา เช่น โรงเเรม ตั๋วเครื่องบิน เป็นต้น หลังจากยื่นไปกรณีให้ส่งกลับมาที่บ้านเราเลย ผมได้ 3 วันหลังจากที่ไปยื่นถือว่าไวมากครั้งนี้ผมได้วีซ่ามา 6 เดือน วีซ่าพร้อมก็ออกบินกันเลย ครั้งนี้เลือกบินกับสายการบิน easy jet ขึ้นที่สนามบิน stansted airport ครั้งนี้ต้องซื้อกระเป๋าเพิ่มหนึ่งใบเพื่อโหลดลงใต้เครื่อง ปกติสายการบินนี้จะเข้มงวดเรื่องจำนวนเเละขนาดของกระเป๋ามากถ้าเชคไม่ดีอาจจะโดนปรับได้ ครั้งนี้โดนให้เอากระเป๋าที่จะขึ้นเครื่องเข้าไปวัดในช่องทั้งไปเเละกลับเเต่กระเป๋าเราเล็กกว่าช่องเลยรอดไป เเต่บางคนก็โดนให้จัดกระเป๋าใหม่หน้าเกทกันสองสามคน
ก็เลยได้ขนมกับคิทแคทมากินรองท้องไปก่อน
ห้องที่จะนอนคืนเเรกครับ เจ้าของบ้านก้ให้การต้อนรับอย่างดี
เนื่องจากหิวมากเลยถามเจ้าของบ้านว่าเมืองนี้มีอะไรที่น่ากินบ้างเค้าก็แนะนำร้านพิซซ่ามาร้านก็อยู่ไม่ไกลจากบ้านพักเท่าไรอยู่บนถนนเส้นหลักของเมืองนี้
อากาศก็หนาวใช้ได้ครับอยู่ที่ -1 องศา
วันนี้ตอนเเรกกะว่าจะซื้อของตุนไว้ใช้ในรถเเต่ร้านปิดเเล้วก็เลยเดี่ยวค่อยซื้อพรุ่งนี้เเทน
วันนี้เลยนอนเอาเเรงก่อนเพราะต่อจากนี้คงไม่ได้นอนบนเตียงดีดีเเล้วเพราะเราจะนอนในรถกัน
วันนี้ก็เริ่มต้นด้วยการไป Blue Lagoon ตอนเเรกกะว่าจะมาวันสุดท้ายเเต่เค้าจะปิดปรับปรุงเลยย้ายมาเป้นวันเเรกเเทน วันนี้คือวันที่โซนปกติจะเปิดเป็นวันสุดท้ายก่อนจะปิด
เราซื้อตั๋วรถบัสจากสนามบินไปที่บลูลากูนเป็นตั๋วไปกลับเอากระดาษไปเเลกเป็นตั๋ว
พนักงานจะอยู่ด้านหลังมีป้ายบอกว่าถ้าต้องการติดต่อให้เคาะที่เค้าวเตอร์เค้าก็จะออกมาเวลารถทัวร์คือ 8 โมงเช้าฟ้ายังมืดอยู่
ลองเอามาดูว่าเค้ามีไปเที่ยวไหนบ้างเพราะรถนั่งไปประมาณครึ่งชม.
นี่คือสิ่งเเรกที่เห็นหมอกๆไอๆด้านข้าง
ถ้าจองมาออนไลน์เเล้วเข้า 2 ช่องซ้าย
วันนี้ก็เริ่มต้นด้วยการไป Blue Lagoon ตอนเเรกกะว่าจะมาวันสุดท้ายเเต่เค้าจะปิดปรับปรุงเลยย้ายมาเป้นวันเเรกเเทน เค้าลดราคาพอดีเลยเลือกแบบสองมาราคา 50 ยูโรเท่าปกติที่เป็นค่าเข้าปกติ แต่อันนี้จะได้ผ้าเช็ดตัว ครีมกับโคลนสีเขียว เครื่องดื่มฟรี 1 แก้ว
พอรับของเรียบร้อยจะเป็นทางเเยกผู้ชายจะเดินขึ้นไปทางข้างบน ผู้หญิงจะเเยกเข้าทางด้านล่าง ตอนเเรกทุกคนจะตกใจเล็กน้อยเเต่ทางออกก็ไปจะไปเจอข้างหลังส่วนบรรยากาศในห้องเเตกตัวเค้าห้ามถ่ายเลยไม่ได้ถ่ายมา ตู้ใหญ่เป็นตัว L ส่วนยาวจะไว้เก็บเสื้อกันหนาว เข้าไปก็จะถอดรองเท้าไว้ในชั้นพอเข้าไปเสร็จก็จะให้อาบน้ำล้างตัวก่อนจะมีบางล๊อคแบบมีที่บัง แต่บางคนก็อาบแบบเปิดได้เลยแล้วเเต่ชอบ
พระอาทิตย์ขึ้นตอน 11 โมง เกือบครึ่ง ถึงได้เริ่มออกมาถ่ายรูป แต่เพราะไม่มีรองเท้าเเตะเลยต้องวิ่งเข้าวิ่งออกมาถ่ายเพราะพื้นเย็นมากต้องหาจุดที่ไม่โดนน้ำยืนถ่ายถึงจะยืนได้สักพัก
ข้อมูลก็เข้าไปเชคได้ที่เวปนี้ http://www.kukucampers.is/prices/
facebook :https://www.facebook.com/Whereveego
IG: whereveego
ติดตามผลงานได้นะครับ
facebookส่วนตัว: vee verapat
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น