เมื่อก่อนพอมีเพื่อนสมาชิก มาถามเรื่อง เกี่ยวกับการขอวีซ่าอเมริกา มีประเด็นนึงคือ เรื่องการบอกว่ามีคนรู้จัก หรือการมีญาติอยู่ทางโน้น จะมีผลอย่างไร
นี่เป็นขั้นตอนตอนกรอกข้อมูลลงใน DS160 ส่วนใหญ่เราจะแนะนำกันว่ามันไม่เป็นผลดีต่อการพิจารณา ซึ่งก็ไม่เป็นที่ยืนยันแน่นอนว่ามันจริงไหม
พอมาถึงเวลานี้เป็นเรื่องจริงที่ได้เจอกับตัวเอง แต่เป็นขั้นตอนของการผ่านตม. เราเจอคำถามว่า "มาทำอะไร" เราก็พาซื่อ บอกไปว่า "มาหาญาติ"
ซึ่งเป็นความจริงที่เราจะต้องบอกไปแบบนั้นอยู่แล้ว
ต้องขออธิบายความก่อนว่า ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ที่เราได้มาอเมริกาอีกครั้ง แบบที่ไม่ได้ตั้งว่าจะได้มีโอกาสมาอีก การที่ได้มาครั้งนี้เพราะญาติสนิทเขาได้ทุน
จากหน่วยงานให้มาฝึกงานที่ DC เป็นเวลา 6 เดือน จึงถือว่าเป็นโอกาสดีที่จะได้มาอีก เพราะวีซ่าของเรายังใช้ได้อีก 2 ปี เราแค่มีค่าตั๋วเครื่องบินก็พอ
ต้องย้อนกลับไปถึงการมาครั้งแรกก่อน ครั้งแรกก็บินลงที่ JFK เหมือนกัน ตอนปี 18 ครั้งนั้น จนท.ตม.ไม่ได้ถามอะไรเลย คงเพราะรูุ้จุดประสงค์ที่เราบอกไปแล้วกรอก DS160 ว่าจะมาเที่ยว ตอนนั้นเรากรอกไปว่าไม่มีญาติไม่รู้จักใคร จึงผ่านไปได้ง่ายๆ แต่พอมาครั้งนี้ ทิ้งระยะห่างมา 5 ปี ตม.จึงต้องถามตามหน้าที่ของเขา ซึ่งเราก็ต้องบอกไปตามความเป็นจริง เรื่องจึงเกิด
ตอนแรกที่เรารอเข้าคิว ทุกคนผ่านไปได้ อย่างรวดเร็ว ใช้เวลาประมาณคนละ 1 นาที แต่พอมาถึงเรา ที่บอกว่ามาหาญาติจึงเป็นเรื่อง โดยสอบถามอยู่นานเลย โชคดีที่ญาติเขาไม่ได้มาอยู่ที่นี่ถาวร แค่มาฝึกงานระยะสั้น เราต้องแสดงที่พักที่เราเช่าอยู่ แสดงตั๋วบินกลับ แสดงประกันภัยการเดินทาง เพื่อให้เขาแน่ในการเดินทางมาครั้งนี้เรามีจุดประสงค์ที่ชัดเจน ใช้เวลาเกือบ 20 นาที เสร็จแล้ว โดนพิมพ์ลายนิ้วมือทั้งสิบนิ้วอีก เขาเข็มงวดจริงครับ ก็ถือว่ายังโชคดีที่ผ่านออกมาได้
เรื่องจริงที่ได้เจอ ประเทศนี้ อย่าได้บอกเชียวว่า "มาหาญาติ"
เมื่อก่อนพอมีเพื่อนสมาชิก มาถามเรื่อง เกี่ยวกับการขอวีซ่าอเมริกา มีประเด็นนึงคือ เรื่องการบอกว่ามีคนรู้จัก หรือการมีญาติอยู่ทางโน้น จะมีผลอย่างไร
นี่เป็นขั้นตอนตอนกรอกข้อมูลลงใน DS160 ส่วนใหญ่เราจะแนะนำกันว่ามันไม่เป็นผลดีต่อการพิจารณา ซึ่งก็ไม่เป็นที่ยืนยันแน่นอนว่ามันจริงไหม
พอมาถึงเวลานี้เป็นเรื่องจริงที่ได้เจอกับตัวเอง แต่เป็นขั้นตอนของการผ่านตม. เราเจอคำถามว่า "มาทำอะไร" เราก็พาซื่อ บอกไปว่า "มาหาญาติ"
ซึ่งเป็นความจริงที่เราจะต้องบอกไปแบบนั้นอยู่แล้ว
ต้องขออธิบายความก่อนว่า ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ที่เราได้มาอเมริกาอีกครั้ง แบบที่ไม่ได้ตั้งว่าจะได้มีโอกาสมาอีก การที่ได้มาครั้งนี้เพราะญาติสนิทเขาได้ทุน
จากหน่วยงานให้มาฝึกงานที่ DC เป็นเวลา 6 เดือน จึงถือว่าเป็นโอกาสดีที่จะได้มาอีก เพราะวีซ่าของเรายังใช้ได้อีก 2 ปี เราแค่มีค่าตั๋วเครื่องบินก็พอ
ต้องย้อนกลับไปถึงการมาครั้งแรกก่อน ครั้งแรกก็บินลงที่ JFK เหมือนกัน ตอนปี 18 ครั้งนั้น จนท.ตม.ไม่ได้ถามอะไรเลย คงเพราะรูุ้จุดประสงค์ที่เราบอกไปแล้วกรอก DS160 ว่าจะมาเที่ยว ตอนนั้นเรากรอกไปว่าไม่มีญาติไม่รู้จักใคร จึงผ่านไปได้ง่ายๆ แต่พอมาครั้งนี้ ทิ้งระยะห่างมา 5 ปี ตม.จึงต้องถามตามหน้าที่ของเขา ซึ่งเราก็ต้องบอกไปตามความเป็นจริง เรื่องจึงเกิด
ตอนแรกที่เรารอเข้าคิว ทุกคนผ่านไปได้ อย่างรวดเร็ว ใช้เวลาประมาณคนละ 1 นาที แต่พอมาถึงเรา ที่บอกว่ามาหาญาติจึงเป็นเรื่อง โดยสอบถามอยู่นานเลย โชคดีที่ญาติเขาไม่ได้มาอยู่ที่นี่ถาวร แค่มาฝึกงานระยะสั้น เราต้องแสดงที่พักที่เราเช่าอยู่ แสดงตั๋วบินกลับ แสดงประกันภัยการเดินทาง เพื่อให้เขาแน่ในการเดินทางมาครั้งนี้เรามีจุดประสงค์ที่ชัดเจน ใช้เวลาเกือบ 20 นาที เสร็จแล้ว โดนพิมพ์ลายนิ้วมือทั้งสิบนิ้วอีก เขาเข็มงวดจริงครับ ก็ถือว่ายังโชคดีที่ผ่านออกมาได้