ส วั ส ดี... เ ร า คื อ " I N T R O V E R T "

กระทู้สนทนา
สวัสดี เราคือ Introvert เราเป็น antonym กับ Extrovert นะ แต่พวกเราไม่ใช่ศัตรูกันหรอก
ชื่อพวกเราเรียกยาก ยาวด้วย.... จะเรียกสั้นๆว่า อินโทรเวิร์ด ก็ได้ เอ... มันก็ยาวอยู่ดีแหะ
ถ้าอย่างนั้นจะเรียก อทว. อินทีวี ไอทีวี ก็ดีทั้งนั้นถ้าคุณจะสะดวก เราก็ดีใจแล้ว
เราไม่ค่อยเรื่องมากหรอก เพราะเราเป็นบุคคลที่สังคมไทยไม่ค่อยยอมรับกันสักเท่าไหร่

*โปรดลดอคติและอารมณ์ เพิ่มสติและวิจารณญานก่อนอ่านกระทู้*



อย่างแรก ผลจากการค้นหาคำแปลใน google ระบุว่า...

introvert    [N] คนที่ชอบคิดแต่เรื่องของตัวเอง
introvert    [ADJ] ที่สนใจแต่เรื่องของตัวเอง
ของ NECTEC's Lexitron-2 Dictionary
....เหมือนจะโดนด่าอยู่เป็นนัยๆ

introvert    (n) คนเห็นแก่ตัว
ของ Nontri Dictionary
....นี่ด่าพวกเราเลยรึ??

Introvert    บุคคลที่มีลักษณะเก็บตัว [การแพทย์]
ของ คลังศัพท์ไทย โดย สวทช. - อันนี้ฟังดูดีสุด

แต่ไปๆมาๆ พวกเราเหมือนจะเป็นคนไม่ดีสักเท่าไหร่ คิดแต่เรื่องของตัวเอง เหมือนเห็นแก่ตัว
บ้างก็บอกว่าพวกเราเป็นคนขี้อาย โลกส่วนตัวสูง ชอบอยู่กับตัวเอง ... ก็ถูกอยู่บางส่วนนะ
ถ้าเสียเวลาอ่านมาถึงจุดนี้แล้ว เราจะขอแนะนำตัวอย่างละเอียดเลยแล้วกัน เป็นการขอบคุณที่อ่านเรานะ

อย่างแรกเราจะขออ้างอิงถึงหนังสือ "พลังของคนเงียบในโลกที่ไม่เคยหยุดพูด" ของ ซูซาน เคน ระบุไว้ว่า

        "Extrovert คือคนที่พยายามแสดงออกว่าตนมีความมั่นใจในตัวเองสูง ตัดสินใจรวดเร็ว ชอบเสี่ยง ชอบพูด ชอบแสดงออก
เขาจะเป็นคนที่แสดงความคิดเห็นหรือพูดมากที่สุดในที่ประชุม ชอบสังคมเฮฮาปาร์ตี้ ชอบเด่นดังอยู่ในความสนใจของสาธารณชน
ชอบอยู่เป็นกลุ่มฝูงหรือแก๊ง ขาดเพื่อนหรือคนรอบกายไม่ได้ พวกนี้แสวงหาสิ่งกระตุ้นจากภายนอก
เราสามารถพบเห็นคนพวกนี้ได้ในอาชีพ ดารา นักแสดง นักการเมือง นักประชาสัมพันธ์ และพวกคนวอลล์สตรีต

          Introvert เป็นคนที่ค่อนข้างเก็บตัว ขี้อาย ไม่ชอบอยู่เป็นฝูงหรือเข้าแก๊ง ไม่ชอบไปงานสังคมถ้าไม่จำเป็น
พูดน้อยแต่ฟังมาก สุขุมรอบคอบและไตร่ตรอง ชอบครุ่นคิดและสำรวจเข้าไปภายในตนเอง (inner world) มากกว่าภายนอก
เราจะพบเห็นคนพวกนี้อยู่ในห้องสมุด ไม่ก็แค่นั่งกินข้าวกับเพื่อนสนิทไม่กี่คน หรือไม่ก็นั่งทำอะไรคนเดียวแบบไม่แคร์ใคร
แต่คนอินโทรเวิร์ตเหล่านี้เองที่กลายเป็นนักคิดหรือนักประดิษฐ์ที่ยิ่งใหญ่ของโลก ไม่ว่าจะเป็นไอแซค นิวตัน, แวนโก๊ะ, คานธี,
แม่ชีเทเรซ่า, ผู้ก่อตั้งกูเกิล, ผู้ประดิษฐ์คอมพิวเตอร์พีซี, ผู้เขียนแฮรี่ พอตเตอร์ หรือวอร์เรน บัฟเฟตต์ มหาเศรษฐีอันดับสองของโลก
แม้กระทั่งการออกแบบรองเท้ารีบอคเจ๋งๆ ก็มาจากดีไซเนอร์ที่เป็นอินโทรเวิร์ต (ที่ไม่ชอบงานระดมสมองแต่ชอบคิดคนเดียวเงียบๆ)"

เราจะเห็นว่าส่วนมากพวกเราจะกลายร่างเป็นศิลปิน
เพราะศิลปินมักสร้างโลกจินตนาการของตัวเองเก่ง พวกเขาอยู่ในโลกนั้นบ่อย

แต่ในต่างประเทศกับในไทยมักเกิดความแตกต่างกัน
พวกเราส่วนมากถูกมองเป็นคนไม่กระตือรือร้น ไม่เอาสังคม ไม่สุงสิงใคร ส่วนมากไปในทางลบ
เพราะฉะนั้นโปรดเข้าใจว่าเราตั้งกระทู้นี้ขึ้นเพื่อให้พวกคุณเข้าใจเรานะ ยิ้ม

ใจเย็นๆ ค่อยๆอ่าน



ภาพนี้แสดงให้เห็นว่ากลุ่มเอ็กโทรจะอ้ารับสารโดพามีนแบบเต็มสตรีม
ในขณะที่พวกเราจะค่อนข้างเซ็นซิทีฟกับสารนี้มากๆ... แล้วสารโดพามีนคืออะไร?

มันคือ สารเคมีในสมองที่ทำหน้าที่สื่อประสาทคอยกระตุ้นตัวรีเซพเตอร์
เมื่อหลั่งออกมาแล้วจะส่งผลให้มีความตื่นตัว กระฉับกระเฉง ไวต่อสิ่งกระตุ้นรอบตัว
ในขณะหนึ่งก็ถูกมองเป็นสารแห่งรักด้วย เพราะฉะนั้นจึงเดาได้ไม่ยากว่าทำไมเอ็กโทรจึงเฟรนลี่และรักสังคม

พวกเราจะหลั่งสารเซโรโทนินมากกว่า หากดูในซีรี่ย์ดังอย่างฮอร์โมน มันถูกเรียกว่าเป็นฮอร์โมนแห่งความสงบ

พวกเราเป็นบุคคลที่น่าสงสาร
น่าสงสารที่น้อยคนจะเข้าใจเรา ไม่ใช่พวกเขาผิดหรอกนะ
พวกเราผิดเองมากกว่าที่ไม่ค่อยพูด ผิดเองที่พูดน้อย ผิดที่ชอบทำหน้านิ่งๆ
เราอยากแก้นะ แต่บางทีเราก็ค้นพบว่าเมื่อเราพยายามแล้วเรากลายเป็นอีกคนหนึ่ง มันก็เหมือนเราหลอกตัวเราเอง
เราเลยต้องยอมรับที่ตัวเองเป็นแบบนี้ บางทีไม่มีเพื่อนมันก็เหงาบ้างบางอารมณ์ แต่เราก็มีความสุขเสียส่วนใหญ่

ถ้าจะทดสอบความเป็นอินโทรในตัวคุณ เอาแบบง่ายๆที่ก๊อปมาจากเว็บเลยนะ
1.คุณชอบสร้างสรรค์ผลงานเอง
2.คุณเป็นคนที่ใช้ความคิดลึกซึ้งและเก็บรายละเอียดได้ดี
3.คุณไม่ชอบหาเพื่อนใหม่ๆ
4.คุณมีเพื่อนน้อยมาก
5.คุณเป็นคนช่างสังเกตเสมอ
6.คุณไม่ชอบงานสังสรรค์
7.คุณใช้เวลาเพื่อตัวเองคนเดียว
8.คุณเป็นนักฟังที่ดี
9.คุณเป็นคนที่ชอบไปเที่ยวคนเดียว
10.คุณเป็นคนที่ชอบอยู่บ้าน
จากผู้เขียน Mr.lawrence10

วิเคราะห์เป็นข้อๆ
ข้อ 1. เพราะเราชอบสร้างสรรค์ผลงาน ไม่ว่าจะเขียนนิยาย วาดรูป เล่นดนตรี นานาจิตตัง ใดใดล้วนต้องใช้สมาธิ
นั่นทำให้เราชอบเก็บตัวอยู่ในห้องตัวเองมากกว่าออกไปข้างนอก เพราะสิ่งเร้ามันเยอะไงล่ะ
ข้อ 2. พวกเรามีความคิดแล่นอยู่ในหัวตลอดเวลา แค่รถเมล์วิ่งผ่านหน้าเราก็ไหลความคิดไปจุดหมายใหม่ๆได้แล้ว
ข้อ 3. พวกเราพูดไม่เก่ง เลยทำความรู้จักไม่เก่ง บทสนทนาพื้นฐานนี่ยากไปเลย "เราชื่อ ... เธอล่ะ..." ถามเสร็จปุ๊บ ...DEAD AIR!
ข้อ 4. เห็นพวกเราไม่สนโลกแบบนี้ แต่เราเป็นคนช่างสังเกตนะ (โยงกับข้อ 5) แม้จะหน้านิ่งๆ แต่เก็บรายละเอียดหมดแหละ
ยิ่งถ้ามีคนสนิทๆหน่อย (ซึ่งหายากมาก) เพื่อนเศร้าหรือเป็นอะไรแค่นิดเดียว ถลอกตรงตาตุ่ม เชื่อเถอะพวกเราสังเกตได้
พวกเรามีเพื่อนน้อยมากถึงขั้นไม่มีเลย แต่ถ้ามีแล้วเราจะรักแล้วรักเลยนะ
ข้อ 6. ง่ายๆเลย เพราะงานปาร์ตี้มันโยงไปเจอข้อ 3 และเพราะเราเป็นข้อ 4 ไปงานปาร์ตี้ก็เหมือนเจอแต่คนแปลกหน้าไงล่ะ
ข้อ 7. สร้างสรรค์ผลงาน โยงไปที่ข้อ 1
ข้อ 8. อันนี้มันดีนะ การเป็นผู้ฟังที่ดี แต่นัยหนึ่งมันก็ไม่ดี เพราะเราชอบเอาแต่ฟัง จนไม่ได้พูด พอไม่ได้พูด ก็ไม่มีตัวตน
ยิ่งผู้หญิงที่เป็นอย่างพวกเรา อินโทรเวิร์ด ถูกมองชัดเจนว่าเป็นคนไม่สนเพื่อน ไม่สนใคร สนแต่ตัวเอง กลายเป็นคำว่า หยิ่ง
แต่เปล่าเลย ที่จริงพวกเรามีเรื่องที่พวกเราสนใจนะ แต่ดันเป็นเรื่องที่เพื่อนรอบตัวเราดันไม่สนใจน่ะสิ จู่ๆจะพูดไปก็กลัวจะเงิบกัน
ยิ่งวงสนทนาประสาสาวๆ พวกเรามักเป็นคนที่นั่งนิ่งในวงเพื่อน หรืออาจไม่ได้นั่งอยู่ตรงนั้นเลย เพราะพวกเรารู้สึกอึดอัดในคนหมู่มาก
เราไม่ได้อึดอัดเพราะพวกเขาไม่ดีหรอก เราแค่มีความคิดท่วมหัว คิดไปหมดอ่ะ มานั่งตรงนี้ทำไมนะ คุยเรื่องไรกันเราไม่เข้าใจ
เรารู้สึกว่าเรื่องที่พวกเขาคุยกันไม่ได้น่าสนใจ หรือไม่ก็... เราไม่ได้รู้เรื่องนั้นๆเลยไม่รู้จะพูดอะไร นั่งอยู่เหมือนไม่มีตัวตนเลยแฮะ
แต่นั่นแหละทำให้เรากลายเป็นผู้ฟังที่ดีเรื่อยมาจนกลายเป็นนิสัย
ใครทำอะไรรอบตัว ใครปฏิบัติกับเราต่างจากเดิม ดีขึ้น แย่ลง พยายามตีตัวออกจากเรา
เรารู้หมดนะ พวกเราเพียงไม่พูด เพราะไม่รู้พูดไปจะได้อะไร แต่ลึกๆพวกเราก็เจ็บมาก
ข้อ 9. เชื่อว่าปัจจุบันคงมีหลายคนเป็นอินโทรเวิร์ดจากข้อนี้นี่แหละ
ข้อ 10. มันดูย้อนแย้งกับข้อ 9. แต่มันต่างกันนะ ถ้าไปที่แบบคนเยอะๆที่พวกเขาจับคู่คุยกันหมดแล้วเราไม่มีใครก็จงอยู่บ้านดีกว่า
แต่ถ้าไปเที่ยวคนเดียวก็ไม่จำเป็นต้องคุยกับใครไง



ข้อดีของพวกเรามีเยอะนะ

อ้างบางส่วนจากบล็อกของคุณ the last whimsy

1. เข้าใจตัวเองได้ดี
การที่ชอบอยู่คนเดียว ทำให้พวกเราเข้าใจตัวเองได้ดี รู้ว่าตัวเองต้องการอะไร
ได้ยินเสียงหัวใจตัวเอง จึงสามารถค้นพบด้วยเองได้ง่ายกว่าคนอื่น
รู้ว่าตัวเองถนัดอะไร มีพรสวรรค์ด้านไหน จึงไม่แปลกที่จะพบว่าศิลปินส่วนใหญ่จะมาจากคนประเภทนี้

2. ถึงพูดไม่เก่ง แต่เข้าใจคนอื่นเก่งนะ
พวกเราสามารถเข้าใจผู้อื่นและสิ่งต่างๆ ได้โดยง่าย  เป็นนักฟังได้ดี เพราะมีความลึกซึ้ง
เวลาเห็นอะไรก็ตาม สมองของIntrovertจะสั่งการให้วิเคราะห์ กลั่นกรอง เป็นกระบวนการซะมากว่าจะเป็นความรู้สึก
อย่างเช่น มีดอกไม้ตั้งอยู่ดอกนึง ในขณะที่คนอื่นๆ เอาแต่ชื่นชมความสวยงามของดอกไม้
แต่Introvertจะลงดีเทลไปแล้วว่า มันเป็นดอกไม้ชนิดไหน ใบเลี้ยงคู่หรือใบเลี้ยงเดี่ยว ขึ้นในฤดูอะไร ให้ปุ๋ยกี่ครั้ง
และเพราะอะไรมันถึงมีความสวยงามเช่นนี้ ...พวกเราจะมีคำถามและข้อสงสัยเต็มไปหมด

3. รักจริงหวังแต่ง
อันนี้เพราะอะไรน่ะรึ เพราะพวกเราให้คนเข้ามาในโลกของเราก็ยากมากพออยู่แล้ว ถ้าเข้ามาได้อย่าได้ออกไปเลยนะ
ถึงเราจะแบ่งโลกอีกส่วนไว้ให้ตัวเราเอง แต่เราก็แบ่งโลกส่วนหนึ่งให้คนที่เรารักเช่นกัน
แล้วเราจะเข้าใจอีกฝ่ายได้ดี เราจะไม่ค่อยจู้จี้ ไม่ค่อยก้าวก่ายโลกของเขามากเกินไป
ถึงพวกเราจะพูดน้อย แต่กับคนที่เราเข้าใจเขาและเขาเข้าใจเรา พวกเราจะตรงไปตรงมามากๆ เพราะมันจริงใจดี

4. เพื่อนตายยยยยย
พวกเราเป็นเพื่อนที่ดีนะ ถึงแม้ว่าจะไม่ค่อยได้ไปสังสรรกับเพื่อนบ่อยนัก แต่ความรู้สึกเราเท่าเดิม
เชื่อหรือไม่ว่า มิตรภาพกลุ่มเพื่อนสมัยนี้ วัดกันที่ไปเที่ยวด้วยกันบ่อยแค่ไหน เม้ามอยด้วยกันบ่อยไหม
ถ้าหากไม่ค่อยไปด้วย ไม่ค่อยได้เม้าด้วย ความสนิทมันก็ลดลง แล้วส่วนมากก็ตีตัวห่าง
ทั้งที่จริงพวกเราพูดไม่เก่ง แต่ความรู้สึกของพวกเราที่มีต่อเพื่อนไม่เคยลดลงเลยนะ



ข้อเสียพวกเราก็มีนะ ไม่ใช่ว่าเราจะเข้าข้างตัวเองหรอก
1. กำแพงสูงมากไป
พวกเราชอบสร้างกำแพงขึ้นมาบดบังตัวเอง คนที่อยากจะผูกมิตรกับสาวหรือหนุ่มอย่างพวกเรานั้น
ต้องเป็นพวกปีนกำแพงเก่งๆ พวกเราเปิดใจยากจึงมีเพื่อนน้อย และพลาดโอกาสเจอคนดีๆที่ผ่านเข้ามาในชีวิต
แต่ในทางกลับกันเมื่อชาวIntrovertมั่นใจและเปิดใจจะเป็นเพื่อนกับใครแล้ว มั่นใจได้เลยว่าคุณทั้งสองจะเป็นเพื่อนกันอีกนาน
พวกเราอาจไม่ถนัดในเรื่องเริ่มต้นสร้างความสัมพันธ์ แต่ถนัดเรื่องพัฒนาให้เป็นความสัมพันธ์ระยะยาว (ขึ้นไปสนับสนุนข้อดี เย้)

2. ลืมโลกภายนอกไปบางครั้ง
การที่ชอบอยู่กับตัวเองมากเกินไป หรือไม่ก็หมกหมุ่นอยู่กับสิ่งที่ตัวเองสนใจ
ทำให้พวกเราลืมสนใจโลกภายนอก และผู้คนรอบตัว ไม่รู้ว่าข่าวสารบ้านเมืองไปถึงไหนแล้ว
บางทีพอโตโน่เป็นข่าวกับแตงโมเราถึงจะรู้ว่าโตโน่ที่แท้หน้าตาเป็นงี้นี่เอง เคยได้ยินคนพูดแต่ไม่เคยเห็นภาพ

3. บางครั้งทำให้กลายเป็นโรคซึมเศร้า
มันดูเหมือนไม่เกี่ยว แต่มันเกี่ยว เพราะถ้ามีเรื่องเครียดหลายเรื่อง แล้วเอาแต่จมกับความคิดในหัวตัวเอง
เราก็เริ่มตัดพ้อตัวเอง ตำหนิตัวเอง ว่าตัวเอง ท้อเอง ร้องไห้เอง แล้วก็ซึมเศร้าเองเพราะตัวเราเอง (คือทำตัวเองนั่นแหละ)

ใกล้จบแล้ว สู้ๆนะ อ่านเราอีกหน่อย หัวเราะ





พวกเราเป็นคนหมู่น้อยบนโลกใบนี้
พวกเราดูแปลกแยกเสมอไม่ว่าจะที่ไหนๆ
มีผลสำรวจออกมาว่า คนในโลกนี้ส่วนใหญ่คือ Extrovert
1 ใน 3 คือพวกเรา Introvert
จริงๆแล้วโดยนิสัยของ Introvert ไม่ได้ต้องการแปลกแยก หรือเป็นที่สนใจเลย
แต่ก็ต้องตกเป็นประเด็นของสังคมทุกทีไป ...นินทาพวกเราทำไมกันนะ?

เพราะฉะนั้นเห็นพวกเราในที่แห่งใดโปรดเข้าใจพวกเราด้วยนะ
พวกเราพูดไม่เก่ง ไม่ชอบ small talk แต่ชอบ deep talk มาก
ถ้ามีเรื่องไหนที่สนใจตรงกันพวกเราก็คุยได้น้ำไหลไฟดับเลยล่ะ
ถ้าเป็นเพื่อนกับใครที่มีพฤติกรรมแบบเรา ก็เข้าใจพวกเขาด้วยล่ะ
พวกเราบางทีก็คิดว่าตัวเองแปลกอยู่หลายครั้งหลายหน แต่ก็นะ
ทำไงได้ในเมื่อเราเป็นแบบนี้ แก้ไปก็เหมือนไม่ใช่ตัวเราเอง


เอ.... แล้วเราตั้งกระทู้นี้ขึ้นมาทำไมกันนะ? แต่ยังไงก็ขอบคุณที่อ่านเรานะ เข้าใจพวกเราด้วยนะ ยิ้ม
หากเราผิดพลาดประการใดก็อย่าโกรธเรา เพราะนอกจากพูดไม่เก่งบางทีเรายังเขียนไม่ค่อยเก่งด้วย



“Introverts do not hate small talk because we dislike people.
We hate small talk because we hate the barrier it creates between people.”

~ Laurie Helgoe
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่