[CR] รีวิวเที่ยวฉบับคู่รัก - Winter in Kansai - Day4: Osaka พุงป่องกระเป๋าเเฟ่บ


- Day 1 : Kinosaki - แช่ออนเซ็นท่ามกลางหิมะ - http://pantip.com/topic/34196389
- Day 2 : Izushi - เสาโทริ & เส้นโซบะ - http://pantip.com/topic/34198470
- Day 3 : Kobe -  มีอะไรมากกว่าเเค่สเต็ก - http://pantip.com/topic/34201976
- Day 4 : Osaka - พุงป่อง กระเป๋าเเฟ่บ - http://pantip.com/topic/34214910
- Day 5 : Kyoto - ย้อนเวลาในชุด กิโมโน - http://pantip.com/topic/34227536

วันที่4 เราจะได้เข้าเมืองสักที หลังจากเที่ยวรอบนอกมาหลายวัน วันนี้เราจะไป Osaka กันแล้วนะ ลุยยยเม่าบัลเล่ต์
        
เช้านี้ท้องฟ้าสดใส แดดแรงมาก ถ่ายรูปสวยแน่นอน
ถึงosaka เราก็ต้องมาหาซื้อ One day pass สำหรับใช้เดินทางในเมืองกันก่อน เพราะ Kansai wide area pass ที่เรามีอยู่นั้น มันไม่ได้ครอบคลุมถึงรถไฟฟ้าใต้ดินในเมืองโอซาก้า

          Pass ของโอซาก้ามีให้เลือกเยอะมาก ทั้งแบบ One Day และ Two Day ลองดูรายละเอียดได้จากlinkนี้เลย Osaka Pass (http://www.tiewyeepoon.com/hot-topics/update/osaka-amazing-pass-2015/)
ส่วนคำถามที่ว่า ในโอซาก้าควรซื้อ pass แบบไหนนั้น มันก็ขึ้นอยู่กับว่าเราจะไปไหนบ้าง จะอยู่ในโอซาก้ากี่วัน

          ยกตัวอย่างกรณีของเรา เราวางแผนเที่ยวในโอซาก้าแค่วันเดียว เพราะวันรุ่งขึ้นจะไปเกียวโต เราก็ซื้อแบบ One day ก็เพียงพอ นอกจากนี้เราวางแผนที่จะไป Kaiyukan Aquarium (http://www.kaiyukan.com/language/thai/)ด้วย ซึ่งที่นี่จะมีตั๋วแบบเฉพาะ คือตั๋วที่เป็นทั้ง One day pass เดินทางด้วยรถใต้ดินในโอซาก้าได้ และก็เป็นตั๋วผ่านเข้าชม Kaiyukan ได้ในอันเดียวกัน ตัวนี้มีชื่อว่า Osaka Kaiyu Ticket ใครสนใจไป Kaiyukan เราแนะนำให้ซื้ออันนี้เลย  
        

Osaka Kaiyu Ticket
Credit: Kaiyukan.com

          ได้ตั๋วมาเรียบร้อยก็เอากระเป๋าไปฝากที่โรงแรมก่อนเลย วันนี้เราพักกันที่ Hearton Hotel Kita Umeda  โรงแรมนี้อยู่ใกล้รถไฟใต้ดิน Nakatsu เดินนิดเดียวก็ถึง
          แล้วเราก็ลืมถ่ายรูปหน้าโรงแรม อีกตามเคย  ยืมรูปจาก เว็บ booking มาก่อนนะ  โรงแรมนี้ใหม่และอลังการกว่าที่คิดมาก เมื่อเทียบกับราคาที่ไม่แพง แถมอยู่ใจกลางเมืองอีก  เราพักที่นี่2 คืน  ราคาห้องตกคืนละประมาณ 2,700 บาท


Hearton Hotel Kita Umeda
Credit Photo: www.booking.com

          ที่แรกที่เราจะไปก็คือ Osaka Castle ไม่งั้นเดี๋ยวเหมือนมาไม่ถึงโอซาก้า โดยนั่งรถไฟใต้ดินไปลงสถานี Tanimachiyonchome ทางออก 2 เดินไปไม่ไกลก็ถึงทางเข้าปราสาท  เราเดินออกจากสถานีไปนิดหน่อยก็ไปเจอต้นไม้สองต้นนี้ มาตั้งหลายวัน เห็นใบไม้เปลี่ยนสีครั้งแรกเลยนะเนี่ย แล้วก็คงมีเหลือแค่2ต้นนี้ด้วย เพราะช่วงที่เราไปคือปลายธันวา ผ่านหน้าใบไม้เปลี่ยนสีไปซะแล้ว แต่ก็นะ โชคดีสุดๆที่ได้มาเจอ2ต้นนี้ เลยได้รูปต้นไม้สีสดๆแล้วสำหรับทริปนี้


ต้นสีเหลือง 2 ต้นสุดท้ายในโอซาก้า


          เดินเข้าไปในบริเวณปราสาทกัน เรากะแค่มาถ่ายรูปกับปราสาทเลยไม่ได้เสียค่าเข้าไปด้านใน เหมือนมาถ่ายรูปcheck-in ให้รู้ว่ามาแล้วนั่นเอง


รูปปั้นตรงทางเข้า


ป้อมกำแพงปราสาท

          
มุมนี้ถ่ายออกมาได้รูปสวยหลายรูปเลย ช่วยกันคิดท่าโพสต่างๆนานา ยิ้ม ใครคิดท่าไม่ออกเอาท่าเราสองคนไปเป็นideaได้นะ ไม่สงวนลิขสิทธิ์


อยู่ๆ แฟนเราก็พูดขึ้นว่า
"คุณแฟน เรามาทำท่าเก๊ก ตั้งกล้องไว้ แล้วเดินไปข้างหน้าดีมั้ย เหมือนมีคนอื่นถ่ายให้ไง"  โอ๊ะ  วันนี้ He ช่วยคิดท่าโพส เม่าอุ้มห่าน
"เดี๋ยวไม่ใช่หันกลับมากล้องหายไปแล้วนะ" แอบกังวล

สรุปกล้องไม่หาย แล้วก็ได้รูปเดินไปข้างหน้าสมใจ


ชื่อท่า : เราจะเดินไปด้วยกัน

ฟ้าสวยจริงๆ วันนี้


           ได้ภาพที่ถูกใจแล้วเราก็เดินเล่นดูของกระจุกกระจิกในร้านค้า  เจอเข้ากะพี่คนนี้ ท่าโพสได้ใจมาก ใครมีโอกาสได้ไปเที่ยวที่นี่ อย่าลืมแวะมาถ่ายรูปกะพี่เค้านะ (อยู่ในร้านขายของที่ระลึกแถวหน้าปราสาทเลย)


          เดินดูบริเวณสวนของปราสาทต่อ บริเวณสวนกว้างขวางกว่าที่คิดและมีต้นไม้ใหญ่เยอะมาก ถ้าได้มาช่วงใบไม้เปลี่ยนีสวนนี้คงสีสันสวยงามแน่นอน ต้นสนเขียวๆนี่ก็สวย


          เดินเล่นสักพักเราก็ตัดสินใจเดินทางต่อไปที่เป้าหมายหลักที่เรารอคอย ร้านซูชิชื่อดังของ Osaka นั่นก็คือ Endou Sushi (http://www.endo-sushi.com/english.html) นั่นเอง
          บางคนอาจเคยได้ยินชื่อร้านนี้ เป็นร้านที่เก่าแก่และมีชื่อเสียงของโอซาก้าโดยมีสาขาหลักอยู่ที่ตลาดปลาโอซาก้า ตอนแรกเรากะจะไปกินที่นั่น แต่บังเอิญได้ข้อมูลมาว่าเค้ามีอีกสาขาใกล้ๆ ปราสาทโอซาก้าเลย เราเลยตัดสินใจไปสาขานี้แทน

          ลงสถานี Kyobashi ร้านตั้งจะอยู่ในห้าง Keihen ซึ่งอยู่ติดกับสถานีเลย แต่ก่อนจะกิน หลังจากเดินเข้าห้าง โรคประจำตัวเราก็เกิดอาการกำเริบอีกแล้ว...โรครองเท้ากัด (อยากได้คู่ใหม่)

"โอ๊ย  เค้าเดินไม่ไหวแล้วคุณแฟน "
"ทำไงดีหละ กลับไปเปลี่ยนรองเท้าที่ รร มั้ย"
"แต่มันไกลนะ  จะเสียเวลารึป่าว"
"นั่นสิ เดี๋ยวไม่มีเวลาไป Kaiyukan งั้นซื้อใหม่เลยละกัน"
โอ๊ยยย รอคำนี้อยู่เลย (อันนี้คิดในใจ)นางพญาเม่านางพญาเม่า
          ได้มาอีก 1 คู่  ในราคาย่อมเยาว์


อารมณ์ดี  ได้รองเท้าใหม่

          ระหว่างหารองเท้า เราก็พบว่าของในห้างนี้ราคาไม่แพงเท่าไหร่ โดยเฉพาะรองเท้า เสื้อผ้า ถือว่าอยู่ในราคาที่รับได้ ถูกกว่าห้างในโตเกียวเยอะพอสมควร สาวๆที่อยากshop ลองไปดูได้ รองเท้าคู่นี้เราได้มาในราคาประมาณ 1,000 บาท  

          เอาหละ กลับมาที่มื้อเที่ยงของเรา เดินขึ้นไปที่ชั้น 5 ของห้าง เราก็เจอกับร้าน Endou Sushi จนได้  ร้านนี้เมนูดังของเค้าเรียกว่า Omakase หรือเมนูตามใจเชฟนั่นเอง คือในเซ็ตจะประกอบไปด้วยซูชิ 5 อย่าง ที่เชฟเค้าจะเป็นคนคัดสรรมาให้เราเอง ราคาก็เเค่ 1050เยน หรือประมาณ 320บาทเท่านั้นเอง ถือว่าคุ้มสดๆ

          ด้วยความหิวโหย หน้ามืด ตามัว เรา 2 คน จึงสั่งไป 5 set

2 set แรก



อีก 2 set ไม่เข้าใจตากล้องหิวจัดรึไง  โฟกัสขอบจานแทนซะงั้น

          
สรุปซูชิที่เรากินไปมี หน้าปลาไหล หน้าปลาแซลมอน หน้าปลาโทโร่ หน้าไข่หอยเม่น หน้าหมึก หน้าไข่แซลมอน.. อร่อยทุกอย่างอะ  แต่รู้สึกว่าเพราะความหิวทำให้กินเร็วไปหน่อย  ไม่ได้ค่อยๆละเลียด ลิ้มรสทีละคำอย่างช้าๆ  สงสัยต้องกลับไปกินใหม่

          ท้องอิ่ม รองเท้าก็ใหม่ พร้อมเดินต่อละ..
ที่ต่อไปที่เราจะไปคือ Kaiyukan Aquarium ที่ใหญ่เป็นอันดับต้นๆของญี่ปุ่น ดาราเด่นของ aquarium แห่งนี้ คือเจ้าฉลามวาฬตัวบิ๊กเบิ้ม ที่เป็นสัญลักษ์ของเค้านั่นเอง


ด้านหน้า Kaiyukan


ชิงช้าสวรรค์ข้างๆ Kaiyukan

           ไปถึงหน้า Aquarium แทบจะตัดใจ ถอยทัพกันเลยทีเดียว เพราะแถวยาวมากกกก คนเยอะยังกะมาดูคอนเสิร์ต แต่ปรากฎว่าแถวยาวๆนี้เป็นแถวซื้อตั๋ว อ่าว เรามีบัตรแล้วนี่นา เราเลยเดินผ่านกลุ่มคนเหล่านี้ ไปเข้าช่องทางสำหรับคนที่มีตั๋วได้เลย

          รอดตัวไป ดีที่ซื้อ Osaka Kaiyu Pass ให้อารมณ์เหมือนมีบัตรเบ่ง บัตร vip ขึ้นมาทันที

           ข้างใน ใหญ่มากกก เค้าจะมีเส้นทางให้เดินวนๆ ไปเรื่อยๆ จากด้านบนลงล่าง. ข้างบนก็จะเป็นพวกสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ และพวกอยู่น้ำตื้นๆก่อน  

          
          แต่สิ่งที่เราอยากดูคือ เพนกวิ้น ที่นี่มีเยอะเลยทีเดียว ทั้งตัวใหญ่ ตัวเล็ก ว่ายน้ำกันไปมา น่ารักมาก



ตัวจิ๋ว


          เดินวนๆ ดูปลา ลึกลงมาเรื่อยๆ ในที่สุดเราก็เจอเจ้าพระเอกของที่นี่ (หรือนางเอกก็ไม่รู้นะ ) ตัวใหญ่มาก ดูค่อยๆว่ายน้ำ อวดโฉมไปแบบ เนิบๆ



          
ถ่ายรูปเจ้าตัวนี้ไปหลายรูปจนพอใจ เราก็กลับออกมา เพื่อไปจุดหมายต่อไป เผลอแป๊บเดียว ข้างนอกนี้มืดอีกและ แต่ค่ำคืนยังอีกยาวไกล เรายังมีที่
ต้องไปcheck-in อีก 3 ที่ !! สู้ เพี้ยนไฟลุกเพี้ยนไฟลุก


                  ที่โกเบมีหอคอยโกเบ ที่โอซาก้าก็มีหอคอยเด่นๆของเค้าเหมือนกันชื่อหอคอย Tsutenkaku การเดินทางคือลงสถานี Ebisucho ทางออก 3เดินนิดหน่อยก็ถึง เนื่องจากเวลาอันจำกัด เราก็มาถ่ายรูปแค่นี้พอและ แต่ถ้าใครมีเวลา สามรถขึ้นไปบนหอคอยแห่งนี้เพื่อชมวิวยามค่ำคืนของโอซาก้าได้ ส่วนเราขอไปเป้าหมายที่แท้จริงของเรามันคือย่าน shopping แถวนี้นั่นเอง

        
          ย่านนี้เค้าเรียกกันว่า Den Den Town แต่เราขอเรียกย่านนี้ว่า
ย่านของเล่น ของเล่นที่ว่ามีตั้งแต่ ;
ของเล่นเด็ก
ของเล่นผู้ใหญ่ หัวใจเด็ก และ
ของเล่น18+ 18+
          
          ใครสนใจอันไหนก็ไปดูได้ ที่นี่มีครบ ให้ทายว่าเราอยู่ในจำพวกไหน ?

          แฮ่ 18+....ล้อเล่น เราสนใจ18+ อยู่หรอก แต่สนใจในที่นี้คืออยากรู้ว่าเป็นยังไง มาเปิดหูเปิดตา O_O

          การมาเดินที่นี่ก็คือ Sweet Gimmick ของเมืองโอซาก้า เป็นย่านที่เพิ่มรสชาติ(ซู่ซ่า) และสีสัน ให้กับทริปนี้จริงๆ
          เป้าหมายของเราจริงๆอยู่ในจำพวก ของเล่นผู้ใหญ่หัวใจเด็ก ชอบนักพวกฟิกเกอร์ของตั้งโชว์ตุ๊กตุ่นตุ๊กตา ที่ทำให้ห้องรกเนี่ย  



    
ว่าแล้วก็จัดไปคนละ1กล่อง


ของเล่นสำหรับเด็กจริงๆก็มีเยอะนะพวกคิตตี้ ของลายน่ารักแบ๊วๆเต็มไปหมด ใครอยากซื้อฝากลูกหลาน มีให้เลือกจนเลือกไม่ไหว
ชื่อสินค้า:   Kansai Area, Japan
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่