[CR] เนปาลในความทรงจำ (Namaste Nepal: Jomsom Poonhill Trekking and Nepal world heritage) part 6

ติดตามต่อกับวันที่ 6 กันเลยคับ
ย้อนรอยกระทู้เก่า
part 1 http://pantip.com/topic/33922935 (ฺBKK-Kathmandu-Pokhara)
part 2 http://pantip.com/topic/33923061 (Pokhara-Jomsom)
part 3 http://pantip.com/topic/33923220 (Jomsom-Kalopani)
part 4 http://pantip.com/topic/33926411 (Kalopani-Tatopani)
part 5 http://pantip.com/topic/33926789 (Tatopani-Jitre)
part 6 http://pantip.com/topic/33927025 (๋Jitre-Galopani-Poonhill-Hile)
part 7 http://pantip.com/topic/33927145 (Hile-Pokhara)

Good morning Jitre
อรุณสวัสดิ์ยามเช้า ณ หมู่บ้านจิตเตร จากเมื่อวานที่เราเจอปัญหาฝนตกกลางทางระหว่างที่เรากำลังจะเดินไปหมู่บ้านโกเรปานิ ทำให้เราต้องหยุดพักระหว่างทางก็คือหมู่บ้านนี้เพราะไม่อยากเสี่ยงเดินต่อไปท่ามกลางสภาพฝนฟ้าที่ไม่เป็นใจ เมื่อคืนฝนก็ยังตกกระหน่ำลงมาเรื่อยๆ ไฟฟ้าที่พักก็ดับ เราเลยต้องอยู่กันท่ามกลางความมืด ยังโชคดีที่ที่พักยังมีเตาผิงและน้ำอุ่นให้เราได้คลายความหนาว ไม่งั้นคงได้นอนแข็งแน่ๆ เพราะอากาศที่หนาวอยู่แล้วเจอกับลมฝนยิ่งหนาวเข้าไปอีกจับใจ
และเช้านี้ เราต้องรีบตื่นกันแต่เช้ากว่าปกติ เพราะเราจะต้องเดินชดเชยของเมื่อวานคือเดินไปหมู่บ้านโกเรปานิ และขึ้นพูนฮิล เป้าหมายของทริปนี้ หลังจากนั้นก็ต้องเดินลงทันที เพื่อไปนอนที่หมู่บ้านอูเลรี่ ตามกำหนดการเดิม แต่ถึงแม้เราจะไม่ได้ขึ้นไปชมพระอาทิตย์ขึ้นที่พูนฮิลเช้านี้ แต่วิวของที่นี่ก็พอจะเป็นรางวัลชมเชยให้เราได้บ้าง เพราะกำแพงหิมาลัยออกมาทักทายเรากันแต่เช้า เก็บภาพแล้วออกเดินทาง


Close up
ช่วงเดือนเมษายน เวลาเช้าจะเป็นเวลาเดียวที่ท้องฟ้าจะเปิดเต็มที่ให้เราได้มองเห็นเทือกเขาหิมาลัย อาจจะมีช่วงเย็นบ้างบางวันที่ท้องฟ้าเปิด ดังนั้นการมาเที่ยวเทร็คกิ้ง จึงจำเป็นต้องตื่นเช้า ปกติการตื่นเช้าจะเป็นปัญหามาก แต่การมาเที่ยวเนปาลกลับไม่ถือเป็นปัญหา เพราะเวลาที่นี่ช้ากว่าประเทศไทย ชั่วโมงครึ่ง ถ้านับตามเวลาประเทศไทย เราก็ตื่นสายพอๆกะตอนอยู่เมืองไทยน่ะแหละ เลยไม่รู้สึกทรมานกะการตื่นเช้าเท่าไหร่นัก แต่ทรมานกะอาการปวดขาซะมากกว่า


Rhododendron
เดินมาตามทางอีกสักพักก็จะเจอต้น Rhododendron หรือชื่อภาษาไทยเรียกว่า กุหลาบพันปี (ดอกไม่เหมือนกุหลาบเลยซักนิด) เท่าที่เห็นดอกกุหลาบพันปี จะมีสีแดง กับสีชมพู และออกดอกบานสะพรั่งอยู่ทั่วไป เค้าบอกว่าถ้าเราเดินย้อนกลับไปทางกานดรุก(เส้นทางเทร็คกิ้งอีกเส้นทางหนึ่ง) เราจะได้เห็นดงกุหลาบพันปีขึ้นบานสะพรั่งเต็มเขาไปหมด แต่น่าเสียดายที่เราไม่มีเวลาพอ งั้นก็ชมแค่ตัวอย่างไปก่อนแล้วกัน


Welcome to Ghorepani
เดินขึ้นเขามาอีก 2-3 ชั่วโมง (ย้ำว่าขึ้นเขา ไม่มีลง ไม่มีลาด) เราก็ได้ตระหนักแล้วว่า โชคดีแค่ไหนที่เมื่อวานเราไม่ดันทุรังไปต่อ เพราะเส้นทางขึ้นเขา บวกฝนตก บวกความหนาว เราอาจจะตายได้ที่กลางทาง เอาชีวิตรอดปลอดภัยดีกว่า ยังไงก็ถึงที่หมายเหมือนกัน
และแล้วเราก็มาเจอกับป้ายทางเข้าหมู่บ้าน ดีใจที่สุด แต่ก็นะ เส้นทางเนปาลไม่เคยปรานีใคร จากป้ายทางเข้าหมู่บ้านนั่นคือภาพลวงตา เพราะเรายังต้องเดินขึ้นเขาอีกต่อไปเกือบยี่สิบนาทีกว่าจะถึงตัวหมู่บ้าน


Blue mountain
ไม่ใช่ภูเขาเป็นสีฟ้า แต่บ้านเรือนที่นี่ทำให้เขาทั้งลูกเป็นสีฟ้า ไม่รู้ด้วยเหตุผลอะไรที่ทำให้คนที่นี่นิยมสร้างบ้านด้วยโทนฟ้าแปร๊ดขนาดนี้ แต่ก็ถือเป็นสัญลักษณ์ของที่นี่ก็ว่าได้ที่ทำให้นักท่องเที่ยวอย่างพวกเรารับรู้ว่าเราได้มาถึงหมู่บ้านโกเรปานิเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เมื่อเช้าเราออกเดินทางกันมาตั้งแต่เช้า ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องกันเลย เมื่อถึงหมู่บ้านเราจึงหยุดเติมพลังงานด้วยการทานข้าวเช้ากันก่อน นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ทยอยกันลงมาจากพูนฮิลกันแล้ว และร่ำลาหมู่บ้านนี้ไปยังเป้าหมายใหม่กันเกือบหมดแล้ว แต่เราเพิ่งมาถึง และกำลังจะขึ้นไปยังที่ที่พวกเค้าเพิ่งลงมา หลังจากเราทานอาหารกันเสร็จ เราก็ฝากกระเป๋าไว้ที่ร้านอาหารแล้วก็เดินตัวปลิวขึ้นพูนฮิลกัน เป้าหมายอีกไม่ไกลแล้ว


Zoom in
ภาพนี้ถ่ายจากหน้าต่างร้านอาหารที่หมู่บ้าน ด้วยกล้อง fuji HS20 ด้วยพลังซูม 30X ทำให้ถึงเอายอดเขามาอยู่ได้ใกล้แค่เอื้อม เผื่อฟลุ๊คได้มองเห็นเยติ (Yeti) หรือ big foot หรือมนุษย์หิมะ ซึ่งเป็นสัตว์ในตำนานที่เค้าร่ำลือกันว่ามีคนพบเห็นอยู่ที่เนปาลนี้เช่นกัน


No Ticket
หลังจากที่เดินไต่ขึ้นเขากันมาเรื่อยๆเกือบครึ่งทาง ก็ได้มาเจอกับซุ้มประตูทางขึ้นพูนฮิล ที่มีด่านเก็บตังค์อยู่ข้างๆ ในความโชคร้ายก็ยังมีความโชคดีเสมอ "เพราะไม่มีเจ้าหน้าที่คอยอยู่เก็บตังค์ ฮ่าๆๆๆ" คงเป็นเพราะว่าสายป่านนี้แล้วคงไม่มีนักท่องเที่ยวคนไหนขึนไปอีก ถึงจะมีก็ปล่อยให้มันขึ้นไปฟรีๆเถอะ เพราะช่วงพีคมันเลยมาเป็นชาติแล้ว เราก็เลยได้ขึ้นไปถึงยอดพูนฮิลโดยไม่เสียตังค์ซักบาท แอบดีใจ


My goal
เดินขึ้นมาเกือบๆชั่วโมง ก็มองเห็นยอดหอคอยอยู่ลิบๆ ทำให้รู้ว่ายอดพูนฮิลอยู่ไม่ไกลแล้ว มีกำลังใจฮึดสู้ต่อไป เดินเข้าไป ฮึบๆ


Hey!!!
และแล้วก็ขึ้นมาถึงจนได้ แสดงอาการดีใจสุดขีด ป้ายนี้และหอคอยนี้ ที่ที่ใครๆต่างก็ปีนป่ายขึ้นมาด้วยความยากลำบากเพื่อที่จะมาถ่ายรูปกับมัน ถามหน่อยว่าถ้ามันตั้งอยู่บนพื้นราบ หอคอยและป้ายเก่าๆแบบนี้จะมีค่าอะไรที่คนจะมาถ่ายรูปด้วยมั้ย แต่เพราะการที่จะได้มาเห็นได้มาเจอ มันต้องฝ่าฟันอุปสรรคมากมายด้วยความยากลำบาก ถึงจะเป็นหอคอยเก่าๆ ป้ายเก่าๆ ก็มีค่าที่คนที่ขึ้นมาจะต้องถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึกว่าครั้งนึง เราเคยได้มาพิชิตยอดเขาแห่งนี้ ยอดเขาที่สูงกว่าระดับน้ำทะเลถึง 3210 เมตร


On the top
จากการเดินเท้าร่วมสามวัน กับเส้นทางอันแสนทรหด ในที่สุดก็สามารถฝ่าฟันขีดจำกัดของตัวเองมายืนอยู่ ณ จุดๆนี้ จุดที่ถือได้ว่าเป็นจุดสูงสุดของชีวิต ที่เดินถึงได้ด้วยเท้า แม้จะเหนื่อยจนแทบขาดใจ แต่ทุกอย่างล้วนยิ่งใหญ่จนคำว่าเหนื่อยดูเล็กลงไปทันที มัน great ทั้งความยิ่งใหญ่ของโลก และความรู้สึกของตัวเอง สุดยอดจนไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้ บอกได้เลยว่า คนที่มองเห็นยอดเขาหิมาลัยบนเครื่องบิน ถึงจะได้สัมผัสใกล้แค่ไหน ก็คงเห็นถึงความสวย สู้คนที่มายืนมองดูยอดเขาหิมาลัยด้วยตาตัวเองกับสองเท้าของตัวเองได้ เพราะยิ่งลำบากขึ้นเท่าไหร่ คุณค่าของสิ่งที่ได้มาก็ทวีคุณค่ามากขึ้นเท่านั้น

Sadness
ขึ้นมาถึงยอดพูนฮิลประมาณ 10 โมงเช้า เมฆยามสายก็ค่อยๆเคลื่อนตัวมาบดบังกำแพงภูเขาจนลับตา ไม่ยอมปล่อยเวลาให้เราได้ชื่นชมไปมากกว่านี้ ถามว่าเสียใจมั้ยก็นิดหน่อย แต่จะเสียใจยิ่งกว่า ถ้าชีวิตนี้ไม่ได้มายืนอยู่ตรงจุดนี้ มันต้องมาเห็นด้วยตาตัวเอง พูดเลย!!!


Miss and mist
ถึงทริปนี้จะเจอกับความผิดพลาดไปบ้าง แต่ก็เป็นความผิดพลาดจากดินฟ้าอากาศ ก็พอจะอภัยกันได้ รูปสวยๆหาดูได้ทั่วไป แต่รูปที่เกิดจากความผิดพลาด ก็ย่อมเป็นประสบการณ์ที่ดีที่เราจะได้จดจำมันได้แม่นยำขึ้น และเป็นเป้าหมายที่จะทำให้เรากลับไปเยือนอีกครั้งถ้ามีโอกาส


Relax
แม้เมฆหมอกจะบดบังทัศนียภาพไปหมดแล้ว แต่การปลดปล่อยอารมณ์ไปกับสายลมและแสงแดด มันก็ช่วยชะล้างความเหนื่อยล้าที่สะสมมาสามวันเต็มๆให้หลุดลอยออกไปได้บ้าง อยากหยุดเวลานี้ไว้นานๆจัง


Mission complete
หลังจากทุกคนขึ้นมาถึง ถ่ายรูปตามอัธยาศัย ก็ถึงเวลาอันใกล้ที่เราจะต้องเดินทางจากไป คนเราอยู่จุดสูงสุดได้ไม่นานหรอก ไม่มีใครที่จะอยู่จุดสูงสุดได้ตลอดไป ซักวันนึงเราก็ต้องกลับไปอยู่ยังจุดที่เราจากมา แต่ก็ขอเก็บความทรงจำดีๆนะจุดสูงสุดไว้ให้นานๆนะ ก่อนกลับลงไปโกเรปานิ แล้วเดินทางต่อ ก็ขอเก็บรูปรวมเป็นที่ระลึกสักหน่อย กับป้ายยอดนิยมของพูนฮิล และ porter ผู้มีพระคุณกับเราทั้งสองคน


Snake
ระหว่างทางที่เดินลงจากพูนฮิล ก็เจอกับต้นอะไรไม่รู้(น่าจะเป็นหม้อข้าวหม้อแกงลิงพันธุ์นึง) ดูลักษณะคล้ายงูกำลังชูคอแผ่แม่เบี้ยอยู่ ธรรมชาติยังมีเรื่องที่มหัศจรรย์ให้เราค้นหาอยู่อีกเยอะ (ว่าแต่ทำไมตอนเดินขึ้นมองไม่เห็นหว่า)


Bye bye poonhill
ลาก่อนพูนฮิล ตอนเดินลงเราใช้เวลากันไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็มาถึงหมู่บ้าน (ทำไมตอนเดินขึ้นใช้เวลาเป็นชั่วโมง) ระหว่างทางก็ได้เจอต้นกุหลาบพันปีสีชมพูออกดอกบานสะพรั่งอยู่เต็มรายทาง ทั้งๆที่ตอนขึ้นมาไม่เห็นความสวยงามอะไรเลยซักนิด คงเป็นเพราะมัวแต่ก้มหน้าก้มตาเร่งฝีเท้าเพื่อให้ไปถึงยอดเขาเร็วๆจนไม่ทันได้สังเกตว่าข้างทางมีสิ่งสวยงามเต็มไปหมด แต่ก็ยังโชคดีที่ตอนลงไปได้เห็นความงามเหล่านี้


Go down
เป้าหมายต่อไปคือเราจะต้องลงไปนอนที่หมู่บ้าน ulleri ในคืนนี้เพื่อที่เราจะต้องกลับโพคาราในวันรุ่งขึ้น ระหว่างทางก็จะเป็นทางลงตลอดทางก็พอหายใจหายคอได้คล่องหน่อย เพราะเดินสบายไม่ค่อยได้หยุดพักเท่าไหร่ แถมสองข้างทางก็มีเงาต้นไม้ใหญ่คอยให้ความร่มรื่นเต็มสองข้างทาง แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่าถ้าเราเดินขึ้นเส้นทางนี้ก็โหดเอาการอยู่ เพราะทางขึ้นก็ชัน แถมยังเดินขึ้นไม่มีที่สิ้นสุดอีกต่างหาก ก็ถือว่าเราโชคดีแล้วตามเส้นทางที่เรามา ถึงจะเจอปัญหามาเกือบตลอดทริป แต่ก็พอที่จะทำให้เราได้เรียนรู้ที่จะมองหาความโชคดีอยู่ในนั้นบ้าง


Lamb
หมู่บ้านระหว่างทางไปอูเลรี่ มีลูกแกะ(หรือแพะ) ออกมาต้อนรับเรา และก็อวยพรให้เราเดินทางปลอดภัย (อืม...ฟังรู้เรื่อง???) หมู่บ้านนี้เป็นทางลงชันสุดๆ ทำเอาปวดเข่าไปเหมือนกัน ต้องหยุดพักระหว่างทางอยู่บ่อยๆ ประมาณสี่โมงเย็นเราก็ถึงหมู่บ้านอูเลรี่ ออกเดินหาที่พักแต่เต็มหมด เลยตกลงกับราชว่าเราจะเดินต่ออีกไปยังหมู่บ้านถัดไป ชื่อหมู่บ้านฮิลเล ซึ่งก็อยู่ไม่ไกล เดินอีกครึ่งชั่วโมงก็ถึง ถึงก็เป็นการร่นระยะเวลาที่เราจะเดินทางต่อพรุ่งนี้ สรุปว่าคืนนี้เราจะไปนอนที่หมู่บ้านฮิลเลกัน


จบแล้วคับสำหรับวันที่ 6 แม้เป้าหมายที่ตั้งใจจะไม่บรรลุจุดสูงสุด (ไม่ได้เห็นวิวภูเขาหิมะ 360 องศา) แต่ประสบการณ์ที่ได้มาก็มีคุณค่าพอจะทดแทนได้
ชื่อสินค้า:   Nepal, trekking, เนปาล
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่