ผมควรจะทำยังไงดี เมื่อแฟนเป็นโรคซึมเศร้า หนีออกจากบ้านและมีความคิดจะคิดสั้น

สวัสดีครับ ผมเป็นสมาชิก Pantip นานแล้วแต่ไม่เคยโพสต์เลย อ่านอย่างเดียว วันนี้ผมมีปัญหาเกี่ยวกับความรักอย่างมาก อยากทั้งขอคำปรึกษาและระบายด้วย เพราะเครียดจนนอนไม่หลับ ผมพึ่งเคยโพสต์ครั้งแรก ถ้าอ่านยากไม่เข้าใจ ใช้คำผิดต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย

ก่อนอื่นผมขอเกริ่นก่อนนะครับ ผมมีแฟนเป็นผู้ชาย คบกันมานานเกือบ 10 ปี ตอนนี้ผมอายุ 31 ปี แฟนผม อายุ 32 ปี เราเจอกันทางอินเตอร์เนต และคบกันมาด้วยดีตลอด มีบ้างทะเลาะกัน แต่น้อยมากๆ ปีนึงจะทะเลาะกันซักครั้งได้มั้ง ผมจะเป็นคนขี้หงุดหงิด ส่วนแฟนจะเป็นคนอารมณ์เย็นๆตามใจผมตลอด (ในความคิดผม) ผมกับแฟนเรารักกันแบบที่ว่าไม่เคยคิดว่าผมจะมีความรักยังงี้ได้ในชีวิตความเป็นเกย์ของผมเลย เรามีสุนัข 1 ตัว เลี้ยงเหมือนเป็นลูก

แฟนผมมีอาการโรคซึมเศร้า นอนหลับไม่สนิท หลับๆตื่นๆทั้งคืน นอนวันละ 10 ชั่วโมง รู้สึกเหนื่อย ขี้เกียจกับทุกอย่าง ไม่อยากออกไปข้างนอก อยากจะนอนแต่ในห้อง ซึ่งก่อนหน้านี้แฟนผมเค้าอยู่คนเดียวที่คอนโด และแฟนผมพยายามปิดบัง ว่าเค้าไม่มีคามสุข ตัดขาด พ่อ แม่ พี่ น้อง และเพื่อนๆ โดยโกหกว่าเค้าไปทำงาน ไปกินเบียร์กับเพื่อน แต่จริงๆแล้วเค้าแค่นอนอยู่ที่ห้องคนเดียว ผมไม่เคยรู้มาก่อน เพราะทำงานต่างจังหวัด ไม่ค่อยมีโอกาสได้เจอกันเท่าไหร่ แต่เพราะมีเหตุการณ์ที่ทำให้เราทะเลาะกัน (สำหรับผม ผมว่าทะเลาะเบาๆ) แล้วเค้าไม่รับโทรศัพท์ผม ไม่อ่านไลน์ และส่งข้อความว่าจะคิดสั้น (ครั้งแรก) ตอนนี้ผมพอรู้แล้วว่าเค้าเป็นโรคซึมเศร้า ผมพยายามติดต่อเค้า แต่ติดต่อไม่ได้เลย (มีเหตุการณ์เยอะมาก แต่ขอข้าม) และผมไปเจอเค้าที่คอนโด พยายามเกลี่ยกล่อม นาน 3 วัน กว่าจะให้เค้าไปนอนที่บ้านผมได้ ( มีเหตุบางประการทำให้จำเป็นต้องย้ายออก) ผมคิดว่าทุกอย่างเริ่มดีขึ้น เค้าสามารถกินข้าวดูหนังได้อย่างมีความสุข ผมอยู่กับเค้าที่บ้านผมได้แค่ 2 วัน ผมก็ต้องกลับไปทำงานต่อ ให้เค้าอยู่กับลูก เค้าก็โอเค เราก็ติดต่อคุยกัน เปิดกล้องปกติ ผ่านไป 3 วัน เค้าทนไม่ไหวที่จะอยู่บ้านผม เค้าบอกว่า "ไม่อยากเป็นเหลือบไร ของบ้านตัวเอง" ผมเลยรีบเคลียงานและกลับไปหาเค้า แต่ด้วยความเครียดในเรื่องงาน ผมก็บอกเค้าว่าเครียด เค้าก็พยายามให้เราระบายให้เค้าฟัง แต่ผมยังไม่สามารถวางเรื่องงานได้ ยังคงหงุดหงิดตลอดวัน จนเค้าต้องออกไปนั่งร้านกาแฟข้างนอกเพื่อให้ผมสงบสติอารมณ์ (ตอนแรกผมไม่ได้คิดอะไร ตอนนี้ผมรู้สึกผิดกับเหตุการณ์ครั้งนี้มาก) วันรุ่งขึ้น ผมพาเค้าไปหาหมอ แต่เป็นหมอที่ให้คำปรึกษา แต่ไม่สามารถจ่ายยาได้ (พี่สาวแนะนำ ไม่ทราบมาก่อน) หมอประเมินว่าเป็นโรคซึมเศร้าแน่นอน และจะนัดจิตแพทย์โดยตรงให้ และหมอแนะนำว่าควรให้แฟนผมออกกำลังกาย หรือ มอบหมายงานง่ายๆ ให้ทำเพื่อที่เค้าจะได้ไม่ฟุ้งซ่าน แต่เค้าไม่สามารถทำได้เลย เค้ายังนอนทั้งวัน และนี่เป็นอีกครั้งที่ทำให้ผมทำผิดครั้งที่สอง ผมโกรธเค้าซึ่งผมทำไปแบบไม่รู้ตัวเลย (ไม่ได้โกรธแรง แค่งอนๆ) แต่ก่อนนอนเราก็ปรับความเข้าใจกัน ผมก็คิดว่าไม่น่าเป็นอะไร

จนตอน 17.53น.  วันอาทิตย์ที่ 28 มิ.ย. เค้าหนีออกจากบ้านไป เค้ามีเงินติดตัวแค่ 100กว่าบาท โทรศัพท์มือถือ Power Bank 5000 mAh และกระเป๋าเป้ของเค้าอีก 1 ใบ ซึ่งก่อนออกจากบ้าน เค้าทำตัวดีมากจนผมคลายกังวลไป เค้ามาลูบหัวผมตอนผมหลับ ทำงานที่ผมมอบหมายสำเร็จ พอผมทราบว่าเค้าออกจากบ้านไป ผมวิ่งตามหาทั่ว ถนนแถวบ้าน จนหนังเท้าลอกเพราะรองเท้ากัด ขับรถตามหาทั่วบริเวณ แจ้งตำรวจ ให้ช่วยหา และขอพื้นที่ที่เค้าอยู่จากเครือข่ายโทรศัพท์ (ไม่เวิร์กเลยครับ) หาการใช้บัตรเครดิตเค้าก็ไม่ใช้ ล่าสุดบอกว่าทิ้งบัตรไปหมดแล้ว นั่นยิ่งทำให้เป็นห่วง เพราะจะโอนเงินให้เค้าใช้ยังไม่ได้เลย

ผมกินข้าวไม่ได้ นอนไม่หลับ บางวันไม่ได้นอน 40 ชั่วโมง จนตอนนี้ผ่านมาจะครบอาทิตย์แล้ว แต่ตอนนี้เค้ายังตอบไลน์ผมอยู่ แต่วันละ 3-4 ข้อความเท่านั้น เค้ายังพูดวนเวียนว่า "เค้าไร้ค่า ไม่คู่ควรกับตัวเอง" "ปล่อยเค้าไปเถอะ มีชีวิตใหม่ที่ดีกว่าได้นะ โดยไม่มีเค้า" สิ่งที่ผมคุยกับเค้าผมจะพูดทำนองให้เค้ากลับมา เรารักกัน ขอโทษ รู้สึกผิด รักเค้ามาก เป็นห่วงเค้า เราจะแก่ไปด้วยกัน โรคนี้รักษาได้ สิ่งที่ผมเห็นคือ เค้ามีฟีดแบคที่ดีขึ้น แต่บางทีก็แย่ลงมากๆ ล่าสุด เค้าเดินทางด้วยรถไฟฟรี ไปถึงพัทลุง ยะลา เบตง ผมเป็นห่วงเค้ามาก มากจริงๆ ร้องไห้จนไม่มีไรจะร้องแล้ว พึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็แล้ว ผมจนปัญญาจริงๆ

ที่ผมโพสต์นี้ ผมพร้อมรับทุกความเห็น ทั้งกำลังใจ คำด่า ซ้ำเติม แนะนำ ความคิดเห็นทั่วไป แบบไม่มีข้อแม้ใดๆ ผมรู้ว่าผมผิด ผมสำนึกได้ ตอนนี้ให้ทำอะไรก็ได้ให้เค้ากลับมา

ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับทุกคอมเม้นต์นะครับ

ปล. ผมพอทราบต้นเหตุการเป็นโรคซึมเศร้าของเค้า แต่ไม่ขอเล่านะครับ เพราะอาจจะยาวเกิน
ปล. ผมแท็ก เที่ยวไทย กับ รถไฟ เพราะเค้าบอกว่าเค้าเดินทางด้วยรถฟรี ซึ่งผมเข้าใจว่ารถไฟ
แก้ไขข้อความเมื่อ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 1
แฟนเราเป็นโรคซึมเศร้าค่ะ อาการจะเป็นเหมือนแฟนของคุณนะ อาการของแฟนเราเป็นแบบนี้ค่ะ

1 จะเริ่มไม่ไปทำงาน แล้วก็ออกไปเปิดห้องรายวันอยู่
2 โทรไปไม่รับสาย ไม่ว่าจะเป็นเราซึ่งเป็นแฟน แม้แต่กระทั่งพ่อ แม่ ก็ไม่รับด้วยเช่นกัน
3 เอาแต่นอน ซึ่งนอนได้ดีมาก แทบจะนอนตลอดเวลาเลยค่ะ
4 เบื่ออาหาร

ช่วงแรกๆที่เรายังไม่รู้ว่าเค้าเป็นโรคนี้ เราก็เหมือนคุณค่ะคือร้อนรน เป็นห่วง ทำไมไม่รับสาย กลัวเค้าตกงานแล้วก็คิดว่าเค้าเป็นคนขี้เกียจ เสียดายงานแทนเค้าเพราะว่างานที่ทำเงินเดือนค่อนข้างดีค่ะ อาการแบบนี้จะมีมาทุกๆ 6 เดือนแล้วจะเป็นอยู่ราวๆ 15-30 วัน แล้วก็จะอาการก็จะหายไป
เป็นแบบนี้มาตลอดห้าปีโดยที่ไม่เคยเอะใจเลยเค้าเป็นโรคนี้ เพราะมีบางปีเค้าก็ไม่ได้เป็นอะไรมาก

แต่ว่าเมื่อประมาณปีที่แล้วจนถึงปีนี้ อาการเป็นหนักมากแทบจะตลอดทั้งปี เริ่มไม่ไปทำงาน ไม่รับสาย ออกไปเช่าห้องอยู่คนเดียวแล้วก็นอน สุดท้ายก็ออกจากงาน เราเครียดมาก เพราะไม่รู้ว่าอนาคตมันจะเป็นยังไง ทั้งห่วงตัวเอง ห่วงเค้า คอยโทรหาตลาด แต่เค้าก็ไม่รับสาย จนตัวเองนี่ทุกข์ใจมาก เพราะตลอดเวลาที่คบกันมีเรื่องแบบนี้มาตลอด เราก็เริ่มเหนื่อย จนใจเริ่มปล่อยวางเพราะไม่รู้ว่าจะทำอะไรได้มากกว่านี้แล้ว เราเลยเลือกที่จะไม่โทรหาเค้า รอเวลาที่เค้าจะติดต่อกลับมา ปล่อยให้เค้าได้มีเวลาอยู่กับตัวเอง

เรารออยู่ประมาณอาทิตย์นึงได้ เค้าก็ติดต่อกลับมาผ่านทางไลน์ก็บอกขอโทษ ขอโพย กันไป สุดท้ายเค้าก็กลับบ้านแล้วก็พาเค้าไปหาหมอ ซึ่งตอนนี้อาการดีขึ้นมากแล้ว ก็กลับไปใช้ชีวิตตามปกติ ไปทำงานได้เหมือนเดิม

ตอนนี้รอค่ะ รอให้เค้าอาการทุเลาลงบ้างแล้วติดต่อกลับมา เวลาไลน์คุยกันช่วงนี้ คุยเรื่องอื่นไปเลย แบบกินข้าวยัง ทำไรอยู่ ถามแบบชีวิตปกติ อย่าเพิ่งไปจี้ให้เค้ากลับมาเพราะเค้าจะรู้สึกกดดัน เข้าใจนะคะว่าทำยาก แต่ว่าต้องทำให้ได้ เดี๋ยวพอเค้าดีขึ้นเค้าก็จะกลับมาเองค่ะ ถ้าคุณสองคนรักกันเหมือนอย่างเรานะ

เมื่อเค้ากลับมาแล้วให้พาไปหาหมอที่ ศิริราช ค่ะ แฟนเราหาที่นี่ ช่วงที่รับการรักษาแรกๆจิตใจเค้ายังหดอยู่ เรานี่อยู่กับเค้าตลอดเวลาเลยที่เป็นวันหยุด ไปไหนไปด้วยกัน เอาแม่กับหลานไปด้วย เพราะว่าจะได้สนุกสนาน ถ้าวันไหนเราไปทำงาน เค้าก็จะอยู่บ้านเราก็จะบอกให้เค้าทำนั่นนี่ให้ ล้างห้องน้ำ หรือทำความสะอาดบ้าน พยายามไม่ให้เค้านอน

มีคนในครอบครัวเป็นโรคนี้ คนรอบตัวต้องเข้มแข็ง และพยายามเข้าใจเค้าให้มากๆว่า สิ่งที่เค้ากำลังแสดงออกมันเป็นอาการของโรค
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่