รักละมุน ~ หอมกลิ่นแก้ว ตอนที่ 17 - อย่าเจอกันเลย by ปิ่นนลิน

กระทู้สนทนา
... เมื่อเขา คือ คนที่เธอแอบปลื้ม เหมือนไอดอลคนหนึ่ง
...... เมื่อเธอ คือ คนที่จะมาเช่าบ้านเก่า ซึ่งเขาไม่ยอมรับ และต้องการไล่เธอออกไป
............ เธอ พบ 'เทวดา'  ในบ้านหลังนี้ และ ความฝันที่จะได้ทำงานกับ 'เขา' อาจจะไม่ราบรื่นอย่างใจหวัง
คนเห็นวิญญาณ เทวดา ผีสาง วิญญาณไม่ยอมกลับร่าง และ ผู้ชายกวนๆ



บทนำ + ตอนที่ 1 http://pantip.com/topic/33402809
ตอนที่ 2 http://pantip.com/topic/33409017
ตอนที่ 3 http://pantip.com/topic/33418583
ตอนที่ 4 http://pantip.com/topic/33428314
ตอนที่ 5.1 http://pantip.com/topic/33434178
ตอนที่ 5.2 http://pantip.com/topic/33446172
ตอนที่ 6 http://pantip.com/topic/33464685
ตอนที่ 7.1 http://pantip.com/topic/33468900
ตอนที่ 7.2 http://pantip.com/topic/33472106
ตอนที่ 8 http://pantip.com/topic/33495703
ตอนที่ 9 http://pantip.com/topic/33500584
ตอนที่ 10 http://pantip.com/topic/33503967
ตอนที่ 11 http://pantip.com/topic/33508917
ตอนที่ 12 http://pantip.com/topic/33513898
ตอนที่ 13 http://pantip.com/topic/33527340
ตอนที่ 14 http://pantip.com/topic/33532264
ตอนที่ 15 http://pantip.com/topic/33534637
ตอนที่ 16 http://pantip.com/topic/33541565



ตอนที่ 17
    
    ตั้งแต่ขับรถออกจากโรงพยาบาลที่ใกล้รุ่งเข้าพักรักษาตัว รัตติดาราก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาเลย กลับทำหน้าตาเคร่งเครียดจนคนข้างกายเป็นห่วง ละมือจากพวงมาลัยไปลูบผมนุ่มเบาๆ

    “เป็นอะไรไป” น้ำเสียงอ่อนโยนทอดถาม เรียกให้คนคิดมากช้อนตามอง เห็นความเป็นห่วงเป็นใยก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เล่าถึงความรู้สึกให้เขาฟัง

    “ห่วงฟ้าค่ะ หนูเรรู้ว่าฟ้าคงเสียใจมาก แต่ก็ช่วยอะไรฟ้าไม่ได้เลย"

    ตลอดสองคืน สองวัน กับอีกหนึ่งเช้า ที่รัตติดาราอยู่เฝ้านั้นรับรู้ได้ว่าเพื่อนสาวเศร้าใจมากแค่ไหน แม้ใกล้รุ่งจะยิ้ม และพยายามเข้มแข็งต่อหน้าเธอและศตายุ ไม่ได้ร้องไห้เหมือนตอนที่ได้รู้ความจริงที่ว่าอติภาพจะจำเธอไม่ได้ ใกล้รุ่งบอกเพียงว่า เธอต้องรับความจริงและอยู่กับมันให้ได้

    'ยังไง ความรักระหว่างฟ้ากับเขาก็เป็นได้แค่ความฝันอยู่แล้ว ฟ้าจะคิดว่าฟ้าเพิ่งตื่นจากฝันดี'

    แต่รัตติดาราก็ยังแอบเห็นว่า ระหว่างพักฟื้นเพื่อนสาวแอบร้องไห้เงียบๆคนเดียวบ่อยๆ เธอได้แต่มองหน้าเทวดาหนุ่มที่อยู่เป็นเพื่อนเฝ้าไข้อย่างจนปัญญาว่าจะช่วยอย่างไรดี ศตายุก็ได้แต่บอกว่า

    'เราช่วยอะไรเธอไม่ได้นอกจากอยู่เคียงข้างเธอ คุณฟ้าต้องพยายามผ่านมันไปให้ได้ครับ'

    “แต่เราก็ช่วยอะไรเขาไม่ได้จริงๆนี่นา เขาต้องพยายามผ่านมันไปให้ได้" เสียงพูดของศตภัทรดังขึ้นซ้อนกับคำพูดของศตายุในความทรงจำ เล่นเอาคนฟังถึงกับอ้าปากค้าง สลับมองระหว่างศตภัทร กับเทวดาหนุ่มที่นั่งยิ้มแป้นให้เธออยู่เบาะหลัง

    “สมแล้วที่เป็นฝาแฝดกัน เมื่อวานคุณศตายุก็พูดแบบนี้" หญิงสาวพูดอย่างทึ่งๆ

    “ฟังแล้วผมอิจฉาคุณนะ ที่ได้เจอพี่เอ" ศตภัทรเหลือบมองหญิงสาว ยอมสารภาพจากใจเลย

    “ถ้าพี่ภัทรเห็นคุณศตายุได้ แปลว่าพี่ภัทรต้องเห็นวิญญาณรอบๆตัวเลยนะคะ ไม่กลัวหรือ" อย่างที่รู้กันว่าคนตัวสูงกลัวผีขนาดไหน เขาทำท่าคิด ผลดี ผลเสียที่เธอบอก แล้วส่ายหน้า

    “แต่ถ้าเห็นเรื่อยๆ ก็อาจจะชินไม่ใช่หรือ" ศตภัทรคาดเดาเอา จึงได้คำตอบคือการส่ายหน้าไปมาจากคนตัวเล็กบ้าง

    “ไม่มีทางชินหรอกค่ะ พวกวิญญาณปกติ หน้าตาก็ซีดๆ ตรงตาก็โบ๋วๆ อันนี้หนูเรก็ทำใจได้อยู่ แต่ถ้าพวกตายไม่ดี หน้าเละ ตาหลุด ไส้ทะลัก ...”

    “พอๆ ไม่อยากฟังแล้ว พูดอะไรน่ากลัวชะมัด!" ศตภัทรไม่ห้ามเปล่า ยังใช้มือปิดปากอีกฝ่ายด้วย จนแน่ใจว่าเธอจะไม่บรรยายอะไรสยดสยองต่อจึงยอมปล่อยมือออกจากริมฝีปากเล็ก ได้ยินเสียงหัวเราะสนุกสนานจากหญิงสาว ร่างสูงก็อดอมยิ้มตามไม่ได้

    “แล้วนี่เราจะไปไหนกันหรือคะ" รัตติดาราเพิ่งรู้สึกตัวว่าเธอตามเขามาแบบไม่ได้คิด เขาบอกว่าจะไปทำธุระ และอยากให้เธอไปด้วย เธอก็มัวแต่เป็นห่วงเพื่อนจนไม่ได้ถามรายละเอียด

    “พาไปกินของอร่อยๆ" คนถูกถามละสายตาจากถนนมายิ้มให้ ก่อนจะหันกลับไปสนใจถนนด้านหน้าเช่นเดิม

    “ที่ไหนหรือคะ อะไรหรือคะที่ว่าอร่อย" คำถามยังไม่หมดจากคนตัวเล็ก จึงทำให้ศตภัทรต้องหันมามองเธออีกรอบ เห็นดวงตากลมใสเป็นประกาย เขายักคิ้วแทนคำตอบ ไม่ยอมพูดอะไรต่อ ปล่อยให้รัตติดาราขมวดคิ้วสงสัย กระทั่งรถยนต์ที่นั่งมาแล่นเข้าสู่บริเวณของโรงแรม แกรนด์ ไฮด์ โฮเทล แอนด์ สปา สาขาใหญ่ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองในย่านที่ราคาที่ดินแพงที่สุดย่านหนึ่ง

    ศตภัทรจอดรถของเขาในที่จอดรถด้านในตึกข้างทางเข้าโรงแรม เป็นส่วนที่กั้นไว้สำหรับคนสำคัญของโรงแรมเท่านั้น ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นผู้บริหาร รวมถึงเครือญาติเจ้าของโรงแรมแห่งนี้ ชายหนุ่มก้าวลงจากรถและไม่รอช้าที่จะเดินไปเปิดประตูอีกฝั่ง รัตติดาราก้าวลงจากรถด้วยท่าทางงุนงง

    “โรงแรมคุณลุงหรือคะ ทำไม...” หญิงสาวรู้ว่าโรงแรมนี้เป็นโรงแรมที่ศิระดูแลอยู่ แต่เธอก็ไม่เข้าใจจุดประสงค์ชายหนุ่ม ได้แต่เดินตามเขาต้อยๆ

    “มีคนอยากเจอ" ศตภัทรจูงมือเล็กให้เดินตาม พนักงานกดลิฟท์รอเขาอยู่ก่อนแล้ว นิ้วหนากดลงที่ชั้นแปด ซึ่งเป็นส่วนของห้องอาหารหลัก

    “ใครหรือคะ คุณลุงหรือคะ" รัตติดาราหันไปถามเขา

    “ไม่ใช่พ่อหรอก ... แม่ผมต่างหากล่ะ" ในที่สุดเขาก็ยอมเฉลย นั่นทำให้คนฟังถึงกับเบิกตาโต

    “หา? เดี๋ยวก่อนสิคะ ทำไมพี่ภัทรไม่บอกหนูเรก่อน" รัตติดารายังคงโดนเขาดึงให้เดินตามทั้งที่เธอกำลังตกใจ ไม่คิดว่าเขาจะพาเธอมาพบแม่ของเขาแบบนี้จึงไม่ได้เตรียมตัวเลย ... ในสภาพตอนนี้ หญิงสาวหันไปมองตัวเองขณะโดนดึงให้เดินผ่านผนังกระจก เธอในเสื้อเชิ้ตคอบัวสีชมพูที่ออกตุ่นๆ และกระโปรงยาวคลุมเข่าสีน้ำตาล สวมรองเท้าผ้าใบหุ้มส้นยี่ห้อดังซึ่งมันเก่าและสีซีดไปหมดแล้ว แถมผมก็ยังฟูอีก นี่เขาแทบไม่ให้เธอรู้เพื่อเตรียมตัวก่อนสักนิด!

    “แค่กินข้าวเอง ทำไมต้องโวยวายด้วยเนี่ยะ" เขาหันมาถามหลังจากที่บอกชื่อของเขากับผู้จัดการสาวส่วนของห้องอาหาร ซึ่งผู้จัดการสาวได้ฟังก็รีบเดินนำทางไปยังห้องส่วนตัวที่จองไว้ก่อนหน้านี้แล้ว

    “ก็ ... “ รัตติดาราตอบเขาด้วยการก้มมองตัวเอง ไม่รวมกับมือเล็กที่จับผมฟูๆ ศตภัทรอมยิ้ม รู้ทันทีว่าที่โวยวายใส่เมื่อครู่ สาเหตุคืออะไร

    “สวยแล้วน่า แม่ผมก็ไม่ใช่คนพิธีรีตองมาก อย่างกังวลเลย" เขาให้กำลังใจเธอ ซึ่งมันไม่ได้ผล เพราะคนตัวเล็กยังกังวลอยู่

    “จริงครับ แม่ผมใจดีมากเลยนะ" ศตายุซึ่งเดินตามหลังมาติดๆเองก็ยืนยัน

    ทั้งคู่เดินมาหยุดลงตรงหน้าประตูไม้สีดำ พอเลื่อนออกก็พบว่ามีโต๊ะกลมตั้งอยู่ตรงกลางพร้อมเก้าอี้หกตัว ด้านซ้าย และข้างหลังโต๊ะเป็นกระจกใสเห็นวิวสวนสวยด้านนอก ส่วนอีกด้านเป็นผนังสีครีม มีรูปวาดสีน้ำมันเป็นภาพวิวทิวทัศน์สวยงามแขวนอยู่ แจกันพร้อมดอกไม้สีสวยตั้งอยู่มุมห้อง ศตภัทรพาหญิงสาวไปนั่งลงตรงเก้าอี้ตัวหนึ่ง ส่วนเขาก็หย่อนตัวลงข้างๆกัน

    “ขอโทษนะที่มันกระทันหันไปหน่อย แต่ผมก็อยากให้พบกันจริงๆ" ศตภัทรเห็นสีหน้าคนข้างกายยังประหม่าปนวิตก รู้สึกผิดขึ้นมานิดหน่อย ... เขาไม่ทันคิดว่าการมาพบหน้ามารดาของคนรักมันเป็นเรื่องใหญ่สำหรับผู้หญิง แต่เขาก็รู้จักแม่ตัวเองดี แม้มาธวีจะเจ้าระเบียบกับเขาเป็นพิเศษ แต่มาธวีก็เป็นคนใจดี ไม่ชอบมากเรื่องมากราว อีกทั้งจากอดีตที่ผ่านมาทำให้ศตภัทรมั่นใจว่า มารดาไม่ใช่คนหวงลูกชายจนอคติต่อคนรักลูกชายแต่แรกเห็น ขนาดที่เคยพูดไว้ว่า

    'ลูกรักใคร แม่ก็รักด้วย ขอแค่อย่างเดียวอย่าไปฉุดคร่า หรือฝืนใจลูกสาวใครมาก็พอ'

    ศตภัทรถึงกับส่ายหัวให้คำพูดของมารดา ... ถึงเขาจะอารมณ์ร้อน เอาแต่ใจ แถมขี้หวงสุดๆ แต่เรื่องความรักแล้วเขาไม่ใช่พวกตบจูบแบบนั้นสักหน่อย

    ระหว่างที่ศตภัทรกำลังให้กำลังใจหญิงสาว ศตายุก็หันไปมองประตูไม้ซึ่งปิดสนิทอยู่ รับรู้ถึงการมาถึงของมารดาเขาก่อนใคร รอยยิ้มของความดีใจที่ได้พบกันอีกครั้ง และแววตาที่มากด้วยความคิดถึงถูกระบายบนใบหน้าอ่อนโยนของศตายุ เสียงของประตูเลื่อนเปิดออกดังขึ้นเรียกให้ทั้งสองหันมอง ผู้จัดการสาวประจำห้องอาหารหลบไปหลังประตูหลังจากบริการเลื่อนเปิดให้ มาธวีค่อยๆเดินเข้ามาในห้อง พร้อมกอดรับลูกชายที่เดินมาหาถึงที่ มาธวียิ้มให้ศตภัทรก่อนจะเห็นว่ามีหญิงสาวอ่อนวัยอีกคนยืนอยู่ เธอนึกถึงคำของอดีตสามี พ่อของลูกชายขึ้นมาทันที

    'คุณเห็นแล้ว คุณจะสบายใจว่าไม่มีทางเป็นอย่างอลิซแน่นอน'

    เห็นท่าจะจริง แค่เพียงแรกสบตา มาธวีที่ผ่านโลกมาห้าสิบปีก็รู้สึกได้ว่าสาวน้อยตัวเล็กคนนี้ไม่มีทางทำร้ายจิตใจลูกชายเธอได้เช่นอดีต ดวงตากลมใสซื่อจนน่ากลัวว่าลูกชายเธอจะแกล้งอีกฝ่ายเสียมากกว่าด้วยซ้ำ

    “นี่ หนูเร ครับแม่ ... คนที่แม่ห้ามรักมากกว่าผม" ศตภัทรแนะนำให้มารดารู้จักคนตัวเล็กข้างกายเขา

    “สวัสดีจ้ะ นั่งเถอะ" มาธวีรับไหว้รัตติดาราด้วยสายตาเอ็นดู ก่อนจะเดินไปนั่งยังโต๊ะอาหาร ศตภัทรหันไปบอกให้บริกรสาวที่ยืนรอบริการให้จัดอาหารขึ้นโต๊ะ และเมื่อเขาหันไปเห็นสีหน้ามารดา ก็อดแซวไม่ได้

    “บอกแล้วนะครับ ห้ามรักเธอมากกว่าผม"

    มารดายิ้มพลางถอนใจกับอาการขี้เล่นของลูกชาย อันที่จริงแล้วมาธวีเพิ่งจะทราบเมื่อเช้าเองว่าศตภัทรจะพาสาวมาให้เธอรู้จัก

    “เหนื่อยไหม กับลูกชายแม่น่ะ" มาธวีแทนตัวเองว่า 'แม่' ทำให้คนตัวเล็กรู้สึกอบอุ่นหัวใจขึ้นมาทันที... มันนานมากแล้วที่เธอจะได้ยินคำนี้ ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนจริงใจ รวมถึงแววตาอาทร แม้จะพบหน้ากันครั้งแรกก็ตาม

    “นิดหน่อยค่ะ" รัตติดาราตอบไปตามตรง ก่อนจะยกมือขึ้นปิดปาก เมื่อคิดขึ้นมาได้ว่าเธอควรจะตอบเอาใจผู้ใหญ่มากกว่า เสียงหัวเราะคิกดังจากมาธวี ดูจากสีหน้าแล้วน่าจะพอใจกับสิ่งที่ได้ยินมากกว่า

    “ใช่ไหมล่ะ แม่เหนื่อยมากเลยนะกับลูกคนนี้ ... อย่าเพิ่งทิ้งลูกชายแม่ไปล่ะ"

    “แม่ครับ" ศตภัทรต้องแสดงตัวว่าเขายังอยู่ร่วมโต๊ะด้วย ก่อนที่มารดาจะเผาเขามากไปกว่านี้

    “แม่ห่วงจริงๆนะ ถ้าเลิกนิสัยอารมณ์ร้อนได้ แม่จะดีใจมาก" คนเป็นแม่กังวลใจเพียงเรื่องเดียว ... ลูกชายเธออาจจะต้องสูญเสียอะไรดีๆไปได้หากเขายังไม่คิดแก้นิสัยเสียจุดนี้

    “ผมโตแล้วนะครับแม่ ไม่ใช่วัยรุ่นเลือดร้อนสักหน่อย" ลูกชายท้วงติง ถึงแม้เขาจะยังสลัดความใจร้อนได้ไม่หมดทีเดียว แต่เขาก็มีเหตุผลมากขึ้น รู้จักระงับอารมณ์เพื่อไม่ให้เดือดร้อนภายหลังได้

    “ขอให้จริงเถอะ ... หิวหรือยังหนูเร อาหารที่นี่อร่อยนะ ทานเยอะๆนะจ๊ะ" มาธวีได้ฟังแล้วก็เบาใจ หันไปชักชวนสาวอ่อนวัยชิมอาหารมากมายที่ทยอยเสิร์ฟวางบนโต๊ะ อาหารไทยหลากหลายหน้าตาน่ารับประทานจนคนถูกชวนที่แม้จะตื่นเต้นก็รู้สึกหิวขึ้นมาทันที เอ่ยขอบคุณเมื่อแม่ของชายหนุ่มตักอาหารให้เธอ

    ศตภัทรเองก็เริ่มตักอาหารเข้าปาก แต่กินได้ไม่กี่คำ เสียงโทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้น ร่างสูงมองหน้าจอโทรศัพท์เห็นว่าเป็นกณิกก็ถอนหายใจ

    “นิกโทรมาครับ ไม่รู้มีเรื่องอะไร ... เดี๋ยวผมมานะครับ" ร่างสูงขยับลุก แล้วเดินออกไปเพื่อรับสายเป็นการส่วนตัว

    + มีต่อค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่