รักละมุน ~ หอมกลิ่นแก้ว ตอนที่ 13 - ทะเลยังหวาน -3- by ปิ่นนลิน

กระทู้สนทนา
... เมื่อเขา คือ คนที่เธอแอบปลื้ม เหมือนไอดอลคนหนึ่ง
...... เมื่อเธอ คือ คนที่จะมาเช่าบ้านเก่า ซึ่งเขาไม่ยอมรับ และต้องการไล่เธอออกไป
............ เธอ พบ 'เทวดา'  ในบ้านหลังนี้ และ ความฝันที่จะได้ทำงานกับ 'เขา' อาจจะไม่ราบรื่นอย่างใจหวัง
คนเห็นวิญญาณ เทวดา ผีสาง วิญญาณไม่ยอมกลับร่าง และ ผู้ชายกวนๆ



บทนำ + ตอนที่ 1 http://pantip.com/topic/33402809
ตอนที่ 2 http://pantip.com/topic/33409017
ตอนที่ 3 http://pantip.com/topic/33418583
ตอนที่ 4 http://pantip.com/topic/33428314
ตอนที่ 5.1 http://pantip.com/topic/33434178
ตอนที่ 5.2 http://pantip.com/topic/33446172
ตอนที่ 6 http://pantip.com/topic/33464685
ตอนที่ 7.1 http://pantip.com/topic/33468900
ตอนที่ 7.2 http://pantip.com/topic/33472106
ตอนที่ 8 http://pantip.com/topic/33495703
ตอนที่ 9 http://pantip.com/topic/33500584
ตอนที่ 10 http://pantip.com/topic/33503967
ตอนที่ 11 http://pantip.com/topic/33508917
ตอนที่ 12 http://pantip.com/topic/33513898



ตอนที่ 13

    ศตภัทรยอมรับว่าตกใจไม่น้อยเมื่อเขาถูกเธอกอดเข้าอย่างแรง แล้วได้ยินคำพูดนั้นจากเธอ เขาสัมผัสได้ว่าเธอกำลังสั่น คงต้องใช้ความกล้าหาญอย่างมากที่เอ่ยมันออกมา ชายหนุ่มรู้สึกผิดขึ้นมาจับใจ
    จริงอยู่ทึ่เขาน้อยใจที่ถูกเธอหลบหน้า มันทำให้เขาสับสนหลังจากได้รับรูปถ่ายนั้น ไม่อยากจะคิดไปเองว่าเธอก็รู้สึกเช่นเดียวกับเขา

    แต่ทั้งบ่ายรัตติดารากลับเอาแต่หลบหน้า กิจกรรมเวิร์คช้อปที่หนีออกมาเขาก็ต้องกลับเข้าไปร่วมด้วยหลังจากสงบสติอารมณ์ได้ พอเข้าไปร่วมอีกครั้ง เห็นอยู่ชัดๆหลายครั้งว่าเธอทั้งหนี ทั้งหลบ ไม่สบตา เขาไม่เข้าใจว่าทำไมถึงต้องเป็นแบบนั้น

    ศตภัทรหงุดหงิดใจไม่น้อย ถึงกับพาลมาลงกับหญิงสาว และนั่นคงทำให้เธอเสียขวัญ
    ... นิสัยใจร้อนแบบนี้ เมื่อไหร่เขาจะหายเสียทีนะ!

     เขาปลดมือน้อยออกจากตัวเขา หันไปมองเธอเต็มสายตา มือหนาปล่อยจากมือบางมาประคองดวงหน้าเล็กเท่าฝ่ามือช้อนขึ้นเพื่อให้เขาได้เห็นเธอชัดๆ หัวใจเขาวูบไหวทันทีที่เห็นว่าวงตากลมๆของเธอมีน้ำๆใสเอ่อจนเกือบล้น และเธอจะไม่ยอมให้เขาเห็นว่ามันกำลังไหลริน ซุกใบหน้าของเธอกับอกกว้างของเขา

    “รู้แล้วครับ ผมรู้แล้ว ไม่ต้องร้องนะ" เขาปลอบโยนลงข้างเรือนผมนุ่ม พลางขยับวงแขนกอดรับเธอแน่นกว่าเดิม



    หลังจากสภาวะอารมณ์ของคนตัวเล็กดีขึ้น และเธอเลิกร้องไห้ ศตภัทรกุมมือน้อยเดินมาส่งเธอที่หน้าห้องอาหาร ยังไม่ทันถึงประตูดี รัตติดาราต้องรีบดึงมือออกด้วยกลัวว่าใครจะมาเห็นเข้า มันคงไม่เหมาะสมเท่าไหร่เพราะเรื่องตำแหน่งการงานทั้งคู่ อย่างไรเขาก็เป็นหัวหน้า และเธอก็เป็นเด็กใหม่ แถมยังไม่ผ่านงานด้วยซ้ำ

    “ฟ้าไปไหนนะ" เมื่อคนตัวเล็กรู้สึกขัดเขินกับดวงตาคมที่มองเธอหวานเสียจนทะเลแทบจะกลายเป็นน้ำเชื่อม ทำเป็นถามหาเพื่อนสาวคนสนิท ก่อนจะได้ยินเสียงหัวเราะหึเบาๆ

    “นู่น เดินมานู่นแล้ว ไปหาสิ" เขาไม่แกล้งหลอกเธอ รัตติดาราหันมองตาม เห็นใกล้รุ่งเดินอยู่อีกด้าน เธอเพิ่งกลับมาจากห้องพัก คงเดินลัดหาดทรายมา เข้าประตูฝั่งติดทะเลซึ่งใกล้กว่าต้องเดินด้านในโรงแรม

    “งั้นหนูเรไปหาฟ้าก่อนนะคะ" เธอบอกเขา ชายหนุ่มพยักหน้ารับรู้ ยอมปล่อยให้เธอเดินไปอย่างไม่ดื้อดึง ยืนมองเธอด้วยรอยยิ้มโล่งใจหลังจากรู้ว่าความรู้สึกของเขานั้นตรงกับเธอ จนเขาต้องรีบหุบยิ้มเมื่อได้ยินเสียงกระแอมดังอยู่ข้างหูเขา

    “ฮะแฮ่ม" กณิกนั่นเอง เดินมาตั้งแต่เมื่อไหร่ศตภัทรก็ไม่รู้ และไม่คิดถาม

    “หายไปไหนมา" ถามเรื่องอื่นมากกว่า หลังจากจบกิจกรรม เพื่อนสนิทก็หายเงียบไปเลย

    “ไปคุยโทรศัพท์มานิดหน่อย" กณิกตอบ น้ำเสียงไม่ค่อยดี ทำให้เพื่อนซี้ต้องถามกลับ

    “มีปัญหาอะไรหรือเปล่า"

    “มีน่ะมี แต่บอกไม่ได้" กณิกไม่ยอมเล่า ศตภัทรไม่ถามต่อด้วยรู้นิสัยเพื่อนตัวเองดี แม้กณิกจะพูดมากขี้บ่น และชอบพูดอะไรที่ชวนให้เขาต้องว่ากลับ แต่เวลาที่เพื่อนเขาคิดจะไม่พูด ก็ต้องรอจนกณิกพร้อมจะบอกเอง เขาจึงไม่คิดจะซักไซร้ไล่เลียงให้เพื่อนต้องอึดอัด กอดคอคนหน้าเครียดเข้าไปหาอะไรมื้อเย็นกินเหมือนพนักงานคนอื่นบ้าง




    หลังจากเสร็จมื้อเย็นสบายๆในห้องอาหารของโรงแรมแล้ว ทางบริษัทฯ ได้ตามใจพนักงานด้วยการจัดรถบัสให้คนที่อยากเที่ยวตลาดนัดชื่อดังและเป็นที่นิยมของเมืองหัวหิน รัตติดาราทราบข่าวก็ไม่รอช้า รีบชักชวนใกล้รุ่งให้ไปเที่ยวด้วยกัน ใกล้รุ่งอยากจะหายจากความเครียดที่มีอยู่ ถ้าหากได้ไปเดินเที่ยวดูข้าวของผู้คน บางทีเธออาจจะสบายใจขึ้นก็ได้จึงตอบตกลงยอมไปด้วยโดยดี ส่วนศตายุนั้นก็บอกว่าจะไปทำธุระแล้วจะรีบกลับมาหา

    รถบัสใช้เวลาไม่นานจากโรงแรมในการเดินทางมาถึงตลาดนัดชื่อดัง รัตติดาราและใกล้รุ่งเดินคล้องแขนกันชักชวนดูข้าวของตามร้านรวง เดินได้ไม่นานก็ได้ทั้งเสื้อผ้า และเครื่องประดับแฮนด์เมดที่ถูกใจกันสองสามถุง ชายหนุ่มสี่คนเดินตามเห็นของขายรอบๆไม่ได้ตื่นเต้นเท่าสองสาวข้างหน้า คงเพราะว่าทั้งสองเพิ่งเคยไปเที่ยวเป็นครั้งแรก เดินได้สักพักใหญ่ เมฆและศิวกรก็ขอแยกตัวไปดูงานนิทรรศการภาพถ่ายในบ้านไม้โบราณซึ่งตั้งอยู่กลางตลาดนัด กณิกรู้จังหวะจึงเช้าไปทำเป็นขอความช่วยเหลือจากใกล้รุ่งให้ช่วยเลือกของฝากให้สาวของเขาหน่อย ใกล้รุ่งมองหน้ากณิกก็รู้ทันแผนการจึงยอมตามไปด้วยดี ศตภัทรแทบจะยกนิ้วโป้งถูกใจให้เพื่อนสนิททันทีที่แยกใกล้รุ่งออกไปได้

    “ขี้โกงนี่" รัตติดาราแกล้งต่อว่าเขา เมื่อต้องถูกแยกจากเพื่อนสาวคนสนิทอย่างช่วยไม่ได้ คนตัวสูงไม่ยอมรับ เขาไม่ได้เป็นคนต้นคิดนะ ถ้าจะว่าต้องว่ากณิกมากกว่า

    “ก็นายนิกบอกว่าจะไปดูของให้สาว ชวนผมไปก็ช่วยอะไรไม่ได้หรอก ผมเลือกของเป็นที่ไหน" เขาให้เหตุผล

    “แต่อันนี้ก็สวยนะคะ" รัตติดารายกข้อมือที่สวมกำไลให้เขาดู ศตภัทรมองแล้วอดยิ้มดีใจไม่ได้

    “ชอบใช่ไหม"

    คนตัวเล็กก็พยักหน้าตอบ
    “ชอบมากเลยค่ะ ใส่แล้วหนูเรไม่ต้องกลัวผีเข้าเลย" เธอพูดพร้อมใบหน้าสดใส ดวงตาเป็นประกายว่าเธอชอบมันจริงๆ

    “ไม่ต้องห่วงหรอก ต่อให้ไม่มีกำไล ถ้าผีเข้าอีก ผมจะไล่เอง" ร่างสูงทิ้งปริศนาไว้ในดวงตาวิบวับ ขยับเท้าเดินต่อแกล้งมองไปยังร้านรวงรอบข้าง ปล่อยให้คนฟังสงสัยเมื่อเธอยังไม่ได้คำตอบเลยว่าเขาไล่ผีออกจากตัวเธอยังไง

    “พี่ภัทรไล่ยังไงเหรอคะ" คนตัวเล็กรีบเดินไปเคียงข้าง เงยหน้าถามเขา แต่เขากลับไม่ตอบ ทำเป็นชี้ให้ดูนู่นนี่ รัตติดาราชักหน้ามุ่ย แต่แล้วเธอก็หันไปเห็นภาพวาดดอกแก้วในร้านขายภาพวาดสีน้ำมัน รู้สึกถูกใจจนต้องเข้าไปดูใกล้ๆ

    “สวยจัง เห็นแล้วคิดถึงบ้านจังนะคะ" เธอหันไปบอกกับร่างสูงที่เดินตามเธอมาติดๆ

    “นั่นสิ ซื้อไปติดที่บ้านน่าจะเข้าดี ... ขอโทษครับ รูปนี้เท่าไหร่ครับ" เขาหันไปถามราคากับคนขาย ซึ่งราคาไม่แพงมาก สมกับความสวยของภาพวาด ศตภัทรไม่ลังเลเลยที่จะซื้อมัน

    “พี่เอชอบดอกแก้วมาก เป็นของอย่างเดียวมั้งที่ผมชอบเหมือนเขา" ศตภัทรเล่าไปก็คิดถึงพี่ชายขณะที่เดินหิ้วถุงภาพวาดออกมาจากร้าน แม้ชายหนุ่มอยากจะจูงมือรัตติดารามากแค่ไหนก็ต้องข่มใจไว้ รอบๆเขามีพนักงานตรัยกรุ๊ปอยู่เยอะเกินไป มันจะไม่เป็นผลดีต่อรัตติดาราซึ่งยังไม่ผ่านงาน

    “แค่อย่างเดียวหรือคะที่ชอบเหมือนกัน" เธอถาม ศตภัทรพยักหน้าตอบ

    “ใช่ครับ แม้ผมว่ากลิ่นฉุนไปหน่อย แต่คงเพราะเห็นต้นแก้วอยู่ที่บ้านมาตั้งแต่จำความได้ กลิ่นของมันเลยกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตพวกเราไป ทั้งผม พี่เอ แม่ และยาย" เขาเล่าพลางระลึกถึงวันเก่าๆ

    “แล้วอย่างอื่นชอบไม่เหมือนกันเลยเหรอคะ" รัตติดาราถามอย่างสงสัย

    “แทบทุกอย่างเลยล่ะ อย่างอาหาร ผมชอบกินเผ็ด แต่พี่เอชอบรสจืดๆ เรื่องหนังสือพี่เอก็ชอบอ่านพวกหนังสือหนาๆ ส่วนผมเหรออ่านแต่การ์ตูนอย่างเดียว พี่เอชอบสีขาว ผมชอบสีดำ พี่เอใจเย็น ผมใจร้อน ... แล้วนี่นะ เวลาไปไหนด้วยกันที ผมจะไปซ้าย พี่เอก็จะไปขวาอยู่เรื่อยจนทะเลาะกันบ่อยๆ พอนึกแล้วก็ตลกดี แม่บอกว่าพวกเราเป็นแฝดที่นอกจากหน้าเหมือนแล้ว ก็ไม่มีอะไรเหมือนกันสักนิด"

     ศตภัทรเล่าไปก็ขำกับสิ่งที่ตัวเองนึกถึงในวันวาน รัตติดารามองคนเล่าเห็นดวงตาสีดำสนิทมีประกายวาววับ ไม่เย็นชา แข็งกร้าวเช่นวันแรกที่เขาไล่เธอออกจากบ้าน ยิ่งหลังจากเขาแสดงความรู้สึกว่าเขามีใจให้เธอ เธอมักจะเห็นความสดใสที่มีมากขึ้นเรื่อยๆทุกครั้งที่เธอมองตาเขา

    “ท่าทางพี่ภัทรจะดื้อนะคะ หนูเรเคยได้ยินเกียรติศัพท์เรื่องพี่จากคุณศตายุมาเยอะแยะเลย"

    “ใช่สิ ดื้อมากเลยล่ะ แม่บอกว่ามีแต่คนเตือนแม่ว่าผมจะเป็นเด็กเลี้ยงยาก ต้องให้มีใครสักคนคอยปราบ แม่ใจไม่แข็งพอที่จะดุผมเลยยยกหน้าที่นี้ให้พ่อ พ่อ ... ก็อย่างที่เห็น เขาไม่ค่อยมีจิตวิทยาในการคุยกับเด็กผมเลยโดนดุโดนตีตลอด โตมาก็เลยไม่ค่อยลงรอยกับท่านเท่าไหร่ มีแต่พี่เอที่คอยพูดให้ผมเข้าใจเรื่องต่างๆ ... แม่สอนให้ผมเรียกพี่เอว่าพี่มาตลอด แล้วต้องเชื่อฟังพี่ด้วยเพราะทั้งพ่อและแม่ทำงานยุ่งทั้งคู่ ทั้งที่เราเกิดห่างกันแค่ไม่กี่นาทีเองแท้ๆ แต่ว่าเขาก็ทำตัวสมกับเป็นพี่ชายจริงๆ คอยดูแลผมแทนพ่อแม่เสมอๆ"

    ใบหน้ายิ้มแย้มของคนตัวสูงเปลี่ยนเป็นหมองเศร้า ความรู้สึกตอนพี่ชายหมดลมหายใจในอ้อมแขนเขายังคงอยู่ ราวกับว่าเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน ... ไม่มีอีกแล้วความสนุกสนานดั่งวันเก่าที่มีพี่ชายฝาแฝดอยู่ข้างๆ บางทีก็จู้จี้ขี้บ่นจนน่ารำคาญ แต่ส่วนมากจะใจดีกับเขามากกว่า

    พอคิดขึ้นมาทีไรก็เจ็บและรู้สึกผิดไม่หาย ถ้าวันนั้นเขาเพียงใจเย็น ถ้าวันนั้นเขาฟังพี่ชาย ในวันนี้ศตายุก็คงจะยังยืนอยู่ข้างๆเขา ไม่จากเขาไปไกลแสนไกลแบบนี้

    หากความเศร้าในหัวใจชายหนุ่มพลันหายไปหมดเมื่อเขาสัมผัสได้ มือน้อยเกาะกุมมือเขาแน่น ราวกับจะให้กำลังใจ เธอรับรู้ผ่านดวงตาที่แปรเปลี่ยน ร่างเล็กระบายยิ้มให้เมื่อเขาก้มลงมองเธอ

    “คุณศตายุเป็นพี่ชายที่ใจดีมากๆนะคะ หนูเรเองก็ได้รับการดูแลที่ดีจากเขาเหมือนกัน"

    “จริงสิ ผมได้ยินเสียงเขาด้วยนะ ตอนที่ไปช่วยคุณ" ศตภัทรนึกขึ้นได้ เลยเล่าให้เธอฟัง คนตัวเล็กเลิกคิ้วถามกลับด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น

    “จริงหรือคะ แล้วพี่ภัทรกลัวหรือเปล่าคะ"

    รัตติดาราจำเรื่องราวที่เกิดขึ้นไม่ได้เลยแม้แต่สักนิด ทุกอย่างยังเป็นปริศนา ไม่มีใครยอมเล่าให้เธอฟังสักคน เหมือนกับมีความลับที่เธอไม่ควรรู้

    “พี่เอหรือ ไม่กลัวหรอก ทำไมต้องกลัว ดีใจมากกว่า" เขาตอบ ซึ่งไม่นานหลังจากนั้น รัตติดาราต้องรีบปล่อยมือจากเขา เมื่อเห็นว่าเมฆและศิวกรกำลังเดินตรงมายังเธอ ศตภัทรมองมือน้อยที่ปล่อยจากกัน เขาไม่โกรธหรือเคือง กลับรู้สึกขำเธอมากกว่า

    คอยดูเถอะ ถ้าเธอผ่านงานเมื่อไหร่ จะไม่ยอมให้ปล่อยมือง่ายๆแบบนี้แน่นอน!
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่