นานแล้วที่ไม่ได้เข้ามาในห้องโต๊ะเครื่องแป้ง จะคอยเข้ามาดูกระทู้ลดน้ำหนัก ออกกำลังกายเป็นระยะ ๆ และทุกครั้งที่เข้ามา ก็จะต้องเจอกระทู้คำถามเกี่ยวกับ ทำยังไงดีลดน้ำหนักด้วยการอดอาหารแล้วตะบะแตก หรือไม่ก็จะลดน้ำหนักโดยไม่ต้องอดอาหารต้องทำยังไง
ทำให้ได้เห็นอะไรบางอย่าง เกี่ยวกับทัศนคติที่ผิด ๆ ในการลดน้ำหนักของผู้คนมากมายบนโลกใบนี้ ซึ่งมันเป็นทัศนคติที่หายนะมาก ๆ
ทำไมต้องคิดว่า จะลดน้ำหนักต้องอดอาหาร ที่มามันคงมีมานานแสนจากนางแบบแคทวอร์คสมัยเก่า ๆ ที่เสพยา ไม่กินอาหารเพื่อให้ผอม หรือไม่ก็เห็นคนขาดอาหารจนผ่ายผอม เลยเลียนแบบบ้าง เพราะเห็นว่าตนคงจะผอมได้อย่างคนเหล่านั้น
รู้หรือไม่ว่า การอดอาหารเพื่อลดน้ำหนัก มันทำให้ร่างกายของคุณพังมากขนาดไหน ไม่เถียงค่ะ ว่ามีคนทำได้สำเร็จ ต้องขอยืนตรงแล้วปรบมือให้รัว ๆ ที่คุณสามารถเอาชนะความอยากอาหารของร่างกายที่พยามจะกินเพื่อให้รอดตาย ถึงขั้นทำให้ร่างกายคุณผ่ายผอมไปได้ แล้วเข้าใจว่าตัวเองกำจัดไขมันส่วนเกินออกจากร่างกายได้สำเร็จ แต่มันไม่ใช่อย่างที่คุณคิด เพราะคุณได้ทำให้ร่างกายขาดสารอาหาร จนต้องทำลายตัวเองไม่ว่าจะเป็นกล้ามเนื้อของตัวเอง และระบบเผาผลาญในร่างกายไปได้อย่างสมบูรณ์ และไขมันก็ยังคงอยู่ไม่ได้ไปไหนเลย
และหลังจากที่คุณคิดว่าคุณทำได้สำเร็จและเป็นผู้เอาชนะร่างกายของตัวเองได้แล้ว คุณรู้หรือไม่ ว่าต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น พอดีใจว่าตัวเองผอมลงได้ คราวนี้ ก็คงถึงที่สุดของร่างกายแล้วล่ะ ขาดอาหารมานาน ระเบิดเวลาเริ่มทำงาน คุณก็กลับมากินอย่างบ้าคลั่งหิวโหย เพราะไม่ได้กินดีอยู่ดีมานาน อยู่อย่างอดอยาก แล้วพอร่างกายได้รับสารอาหารอีกครั้ง ถึงคราวที่ร่างกายต้องกอบโกยแล้วค่ะ ร่างกายคุณจะเก็บทุกอย่างที่คุณกินเข้าไป และเก็บเป็นสองสามเท่า เพราะร่างกายมันไม่อยากตายค่ะ เก็บในรูปไขมันซะด้วย เพราะมันคือแหล่งพลังงานสำรองที่ดีที่สุด ที่ร่างกายจะมีได้ เพราะไม่รู้เมื่อไหร่ ที่มันจะขาดอาหารอีกครั้ง ระบบเผาผลาญของคุณก็พังค่ะ รวนไปหมด เผาผลาญไม่ได้อย่างเดิม เพราะไม่ได้ทำงานมานาน ก็ขี้เกียจเผาผลาญขึ้นมาซะอย่างนั้น ที่เข้าไปก็เก็บอย่างเดียว ไม่ออกเลย ก็กลับมาอ้วนกว่าเดิม ทฤษฎีนี้เห็นตัวอย่างมานักต่อนักแล้ว
เท่าที่ร่ายยาวมาข้างบน คุณก็จะเกิดคำถามแล้วสิ ว่าบ้ารึเปล่า กินเข้าไป แล้วน้ำหนักมันจะลงได้ยังไง ก็เขยิบเข้ามาค่ะ เปิดใจซะ แล้วอ่านและคิดตาม
อยากลดนำ้หนักใช่มั๊ยคะ ทุกคนรู้ดีอยู่แก่ใจค่ะว่าต้องทำยังไงถึงจะดีและได้ผล มันไม่มีสูตรลับอะไรหรอกค่ะ และไม่มีทางลัดด้วย ถ้าอยากหุ่นดี และสุขภาพดีอย่างยั่งยืน คุณต้องปฏิวัติตัวเองใหม่ อุปสรรคเดียวที่มีคือ จิตใจของคุณเอง ความขี้เกียจที่คุณมี ที่พยายามตั้งคำถามอยู่ทุกวันว่าอะไรคือทางลัด อะไรที่จะง่ายและสบายที่สุด ที่คุณไม่ต้องขยับตัว ไม่ต้องทำห่าอะไรเลย ตื่นมาแล้วหุ่นดีได้เลย คุณอย่าหลอกตัวเองค่ะ ทุกคนรู้ดีว่าต้องทำยังไง แต่ก็ยอมทำทุกอย่าง แม้กระทั่งยอมเสี่ยงตาย ยกเว้นอย่างเดียวที่ไม่อยากทำคือ ออกกำลังกาย
มันมีสองอย่างที่ต้องทำให้สมดุลกันค่ะ คือการกิน และการออกกำลังกาย การกินมีผล 70% และการออกกำลังกายมีผล 30%
แค่เลือกกินอาหารดี ๆ ค่ะ คุณไม่ต้องอดอาหารเลยซักมื้อ อย่างน้อย 3 มื้อต่อวัน นั่นคือมาตรฐาน แต่สำหรับคนออกกำลังกาย บางทีมีมื้อเล็ก ๆ อีก 2 มื้อด้วยซ้ำ กินให้ครบ 5 หมู่ ไม่หวาน ไม่มัน ไม่เค็ม
เลือกกินแป้งให้เหมาะสม คุณไม่ต้องอดแป้ง เพราะแป้งคือแหล่งพลังงานที่จำเป็นของสมอง และการทำงานอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกาย ขาดแป้งสมองคุณก็ขาดพลังงาน แล้วสมองคุณจะทำงานได้ยังไง ดังนั้น ห้ามอดแป้ง อาจจะเลือกกินข้าวกล้อง ขนมปังโฮวีทสำหรับคนที่อยากจะกินคลีน
เนื้อสัตว์ สำคัญมาก เพราะแหล่งโปรตีนต้องใช้ในการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ กล้ามเนื้อในร่างกายของคุณต้องการโปรตีน เลือกกินไข่ ปลา และเนื้อสัตว์ไม่ติดมัน
ผัก ผลไม้ เป็นแหล่งวิตามิน แต่อย่าลืม ผลไม้ไม่ได้ดีไปซะทุกชนิด เลือกกินผลไม้ที่ไม่หวานมาก เพราะน้ำตาลคือตัวแปรสำคัญที่จะทำให้คุณอ้วนโดยไม่รู้ตัว
ไขมัน เลือกกินไขมันดี เพราะร่างกายก็ยังต้องการไขมัน ไขมันดีเช่น น้ำมันมะกอก ไม่กินของทอด ของผัดที่ใช้น้ำมันเยอะ ๆ
แล้วต้องนับแคลอรี่มั๊ย อืมหลายคนอาจจะมัวมานั่งเครียดว่าวัน ๆ ต้องกินเท่านั้นเท่านี้แคลลอรี่ เอาส่วนตัวเราเอง เราไม่เคยนั่งนับแคลลอรี่ อาหารแต่ละมื้อต้องมีข้าว 1 - 2 ทัพพี เนื้อสัตว์ หรือไข่ 2 - 3 ฟอง และผักหรือผลไม้ กะให้กินให้อิ่มพอดีและไม่หิวจนกว่าจะถึงมื้อต่อไป นั่นหมายความว่าคุณกินได้พอเหมาะ แต่ถ้ากินแล้วหิวก่อนจะถึงมื้อต่อไป นั่นคือคุณกินน้อยเกินไปก็เพิ่มข้าว หรือเนื้อสัตว์เข้าไป หรือถ้าคุณกินแล้วไม่หิวเมื่อถึงเวลาที่ต้องกิน นั่นหมายความว่าคุณกินมากเกินไป ให้ลดข้าวและเนื้อสัตว์ลง แรก ๆ คุณก็ต้องใช้เวลาปรับนิดนึง พอคุณรู้จุดของตัวเองแล้ว มันก็ง่ายขึ้น คุณไม่ต้องกังวลเรื่องแคลลอรี่เลย ถ้าอาหารของคุณไม่ใช่ของทอด ของมัน และอาหารพลังงานสูง รับรองแต่ละมื้อพลังงานของคุณไม่เกินแน่นอน (หลักการนี้ใช้ไม่ได้กับการกินอาหารฟาสฟู๊ด อาหารขยะ ขนมขบเคี้ยวทั้งหลาย ของเหล่านี้คุณต้องทิ้งไปจากเมนูของคุณได้เลย) ถ้าถามหาเมนูอาหารพวกนั้นว่ามีอะไรบ้าง เสิร์ชหาได้ทั่วไปค่ะ ในกูเกิ้ล พิมพ์ "อาหารคลีน" หรือในห้องนี้ก็มีเพื่อนโพสต์ไว้เยอะแยะ
กินดีแล้วก็ต้องออกกำลังกายค่ะ กล้ามเนื้อต้องการการฝึกฝน เราสร้างกล้ามเนื้อเพื่อให้ระบบเผาผลาญของร่างกายดี กล้ามเนื้อมาก เผาผลาญได้มาก คุณก็ไม่อ้วน มันมีหลักแค่นั้นเองจริง ๆ ออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ เพื่อเบิร์นไขมัน และฝึกให้หัวใจแข็งแรง ไปพร้อม ๆ กับการเวทเทรนนิ่งเพื่อฝึกให้กล้ามเนื้อแข็งแรงและมีกล้ามเนื้อมากขึ้น คุณผู้หญิงไม่ต้องกลัวหรอกค่ะว่าคุณยกเวทแล้วคุณจะล่ำ ยกให้ตายก็ไม่ล่ำ เพราะฮอร์โมนเพศชายในร่างกายของเรามีอยู่น้อยนิด ยิ่งยกกล้ามเนื้อคุณจะยิ่งฟิต แน่น เป๊ะ และสวยงาม
ส่วนตัวแอนเอง หุ่นก็ไม่ได้ดีอะไรหรอกค่ะ ไม่มีเอวคอด ซิกแพคเป๊ะ มาอวด เพียงแต่อยากให้ทุกคนที่อยากจะลดความอ้วน มีทัศนคติที่ถูกต้องและดีกับตัวเองมากกว่านี้ เพราะทุกครั้งที่ได้ยินว่า "ชั๊นกำลังลดความอ้วน ชั๊นไม่กินหรอก" มันขัดใจอิชั้นทุกครั้งเลย
"อยากหุ่นดี ไม่ต้องอดอยากค่ะ กินให้ดี แล้วไปออกกำลังกายซะ"
ความเชื่อผิด ๆ "ลดนำ้หนักต้องอดอาหาร"
ทำให้ได้เห็นอะไรบางอย่าง เกี่ยวกับทัศนคติที่ผิด ๆ ในการลดน้ำหนักของผู้คนมากมายบนโลกใบนี้ ซึ่งมันเป็นทัศนคติที่หายนะมาก ๆ
ทำไมต้องคิดว่า จะลดน้ำหนักต้องอดอาหาร ที่มามันคงมีมานานแสนจากนางแบบแคทวอร์คสมัยเก่า ๆ ที่เสพยา ไม่กินอาหารเพื่อให้ผอม หรือไม่ก็เห็นคนขาดอาหารจนผ่ายผอม เลยเลียนแบบบ้าง เพราะเห็นว่าตนคงจะผอมได้อย่างคนเหล่านั้น
รู้หรือไม่ว่า การอดอาหารเพื่อลดน้ำหนัก มันทำให้ร่างกายของคุณพังมากขนาดไหน ไม่เถียงค่ะ ว่ามีคนทำได้สำเร็จ ต้องขอยืนตรงแล้วปรบมือให้รัว ๆ ที่คุณสามารถเอาชนะความอยากอาหารของร่างกายที่พยามจะกินเพื่อให้รอดตาย ถึงขั้นทำให้ร่างกายคุณผ่ายผอมไปได้ แล้วเข้าใจว่าตัวเองกำจัดไขมันส่วนเกินออกจากร่างกายได้สำเร็จ แต่มันไม่ใช่อย่างที่คุณคิด เพราะคุณได้ทำให้ร่างกายขาดสารอาหาร จนต้องทำลายตัวเองไม่ว่าจะเป็นกล้ามเนื้อของตัวเอง และระบบเผาผลาญในร่างกายไปได้อย่างสมบูรณ์ และไขมันก็ยังคงอยู่ไม่ได้ไปไหนเลย
และหลังจากที่คุณคิดว่าคุณทำได้สำเร็จและเป็นผู้เอาชนะร่างกายของตัวเองได้แล้ว คุณรู้หรือไม่ ว่าต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น พอดีใจว่าตัวเองผอมลงได้ คราวนี้ ก็คงถึงที่สุดของร่างกายแล้วล่ะ ขาดอาหารมานาน ระเบิดเวลาเริ่มทำงาน คุณก็กลับมากินอย่างบ้าคลั่งหิวโหย เพราะไม่ได้กินดีอยู่ดีมานาน อยู่อย่างอดอยาก แล้วพอร่างกายได้รับสารอาหารอีกครั้ง ถึงคราวที่ร่างกายต้องกอบโกยแล้วค่ะ ร่างกายคุณจะเก็บทุกอย่างที่คุณกินเข้าไป และเก็บเป็นสองสามเท่า เพราะร่างกายมันไม่อยากตายค่ะ เก็บในรูปไขมันซะด้วย เพราะมันคือแหล่งพลังงานสำรองที่ดีที่สุด ที่ร่างกายจะมีได้ เพราะไม่รู้เมื่อไหร่ ที่มันจะขาดอาหารอีกครั้ง ระบบเผาผลาญของคุณก็พังค่ะ รวนไปหมด เผาผลาญไม่ได้อย่างเดิม เพราะไม่ได้ทำงานมานาน ก็ขี้เกียจเผาผลาญขึ้นมาซะอย่างนั้น ที่เข้าไปก็เก็บอย่างเดียว ไม่ออกเลย ก็กลับมาอ้วนกว่าเดิม ทฤษฎีนี้เห็นตัวอย่างมานักต่อนักแล้ว
เท่าที่ร่ายยาวมาข้างบน คุณก็จะเกิดคำถามแล้วสิ ว่าบ้ารึเปล่า กินเข้าไป แล้วน้ำหนักมันจะลงได้ยังไง ก็เขยิบเข้ามาค่ะ เปิดใจซะ แล้วอ่านและคิดตาม
อยากลดนำ้หนักใช่มั๊ยคะ ทุกคนรู้ดีอยู่แก่ใจค่ะว่าต้องทำยังไงถึงจะดีและได้ผล มันไม่มีสูตรลับอะไรหรอกค่ะ และไม่มีทางลัดด้วย ถ้าอยากหุ่นดี และสุขภาพดีอย่างยั่งยืน คุณต้องปฏิวัติตัวเองใหม่ อุปสรรคเดียวที่มีคือ จิตใจของคุณเอง ความขี้เกียจที่คุณมี ที่พยายามตั้งคำถามอยู่ทุกวันว่าอะไรคือทางลัด อะไรที่จะง่ายและสบายที่สุด ที่คุณไม่ต้องขยับตัว ไม่ต้องทำห่าอะไรเลย ตื่นมาแล้วหุ่นดีได้เลย คุณอย่าหลอกตัวเองค่ะ ทุกคนรู้ดีว่าต้องทำยังไง แต่ก็ยอมทำทุกอย่าง แม้กระทั่งยอมเสี่ยงตาย ยกเว้นอย่างเดียวที่ไม่อยากทำคือ ออกกำลังกาย
มันมีสองอย่างที่ต้องทำให้สมดุลกันค่ะ คือการกิน และการออกกำลังกาย การกินมีผล 70% และการออกกำลังกายมีผล 30%
แค่เลือกกินอาหารดี ๆ ค่ะ คุณไม่ต้องอดอาหารเลยซักมื้อ อย่างน้อย 3 มื้อต่อวัน นั่นคือมาตรฐาน แต่สำหรับคนออกกำลังกาย บางทีมีมื้อเล็ก ๆ อีก 2 มื้อด้วยซ้ำ กินให้ครบ 5 หมู่ ไม่หวาน ไม่มัน ไม่เค็ม
เลือกกินแป้งให้เหมาะสม คุณไม่ต้องอดแป้ง เพราะแป้งคือแหล่งพลังงานที่จำเป็นของสมอง และการทำงานอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกาย ขาดแป้งสมองคุณก็ขาดพลังงาน แล้วสมองคุณจะทำงานได้ยังไง ดังนั้น ห้ามอดแป้ง อาจจะเลือกกินข้าวกล้อง ขนมปังโฮวีทสำหรับคนที่อยากจะกินคลีน
เนื้อสัตว์ สำคัญมาก เพราะแหล่งโปรตีนต้องใช้ในการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ กล้ามเนื้อในร่างกายของคุณต้องการโปรตีน เลือกกินไข่ ปลา และเนื้อสัตว์ไม่ติดมัน
ผัก ผลไม้ เป็นแหล่งวิตามิน แต่อย่าลืม ผลไม้ไม่ได้ดีไปซะทุกชนิด เลือกกินผลไม้ที่ไม่หวานมาก เพราะน้ำตาลคือตัวแปรสำคัญที่จะทำให้คุณอ้วนโดยไม่รู้ตัว
ไขมัน เลือกกินไขมันดี เพราะร่างกายก็ยังต้องการไขมัน ไขมันดีเช่น น้ำมันมะกอก ไม่กินของทอด ของผัดที่ใช้น้ำมันเยอะ ๆ
แล้วต้องนับแคลอรี่มั๊ย อืมหลายคนอาจจะมัวมานั่งเครียดว่าวัน ๆ ต้องกินเท่านั้นเท่านี้แคลลอรี่ เอาส่วนตัวเราเอง เราไม่เคยนั่งนับแคลลอรี่ อาหารแต่ละมื้อต้องมีข้าว 1 - 2 ทัพพี เนื้อสัตว์ หรือไข่ 2 - 3 ฟอง และผักหรือผลไม้ กะให้กินให้อิ่มพอดีและไม่หิวจนกว่าจะถึงมื้อต่อไป นั่นหมายความว่าคุณกินได้พอเหมาะ แต่ถ้ากินแล้วหิวก่อนจะถึงมื้อต่อไป นั่นคือคุณกินน้อยเกินไปก็เพิ่มข้าว หรือเนื้อสัตว์เข้าไป หรือถ้าคุณกินแล้วไม่หิวเมื่อถึงเวลาที่ต้องกิน นั่นหมายความว่าคุณกินมากเกินไป ให้ลดข้าวและเนื้อสัตว์ลง แรก ๆ คุณก็ต้องใช้เวลาปรับนิดนึง พอคุณรู้จุดของตัวเองแล้ว มันก็ง่ายขึ้น คุณไม่ต้องกังวลเรื่องแคลลอรี่เลย ถ้าอาหารของคุณไม่ใช่ของทอด ของมัน และอาหารพลังงานสูง รับรองแต่ละมื้อพลังงานของคุณไม่เกินแน่นอน (หลักการนี้ใช้ไม่ได้กับการกินอาหารฟาสฟู๊ด อาหารขยะ ขนมขบเคี้ยวทั้งหลาย ของเหล่านี้คุณต้องทิ้งไปจากเมนูของคุณได้เลย) ถ้าถามหาเมนูอาหารพวกนั้นว่ามีอะไรบ้าง เสิร์ชหาได้ทั่วไปค่ะ ในกูเกิ้ล พิมพ์ "อาหารคลีน" หรือในห้องนี้ก็มีเพื่อนโพสต์ไว้เยอะแยะ
กินดีแล้วก็ต้องออกกำลังกายค่ะ กล้ามเนื้อต้องการการฝึกฝน เราสร้างกล้ามเนื้อเพื่อให้ระบบเผาผลาญของร่างกายดี กล้ามเนื้อมาก เผาผลาญได้มาก คุณก็ไม่อ้วน มันมีหลักแค่นั้นเองจริง ๆ ออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ เพื่อเบิร์นไขมัน และฝึกให้หัวใจแข็งแรง ไปพร้อม ๆ กับการเวทเทรนนิ่งเพื่อฝึกให้กล้ามเนื้อแข็งแรงและมีกล้ามเนื้อมากขึ้น คุณผู้หญิงไม่ต้องกลัวหรอกค่ะว่าคุณยกเวทแล้วคุณจะล่ำ ยกให้ตายก็ไม่ล่ำ เพราะฮอร์โมนเพศชายในร่างกายของเรามีอยู่น้อยนิด ยิ่งยกกล้ามเนื้อคุณจะยิ่งฟิต แน่น เป๊ะ และสวยงาม
ส่วนตัวแอนเอง หุ่นก็ไม่ได้ดีอะไรหรอกค่ะ ไม่มีเอวคอด ซิกแพคเป๊ะ มาอวด เพียงแต่อยากให้ทุกคนที่อยากจะลดความอ้วน มีทัศนคติที่ถูกต้องและดีกับตัวเองมากกว่านี้ เพราะทุกครั้งที่ได้ยินว่า "ชั๊นกำลังลดความอ้วน ชั๊นไม่กินหรอก" มันขัดใจอิชั้นทุกครั้งเลย
"อยากหุ่นดี ไม่ต้องอดอยากค่ะ กินให้ดี แล้วไปออกกำลังกายซะ"