คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 3
อัตตาของเทวดา เป็นอัตตาที่สำเร็จด้วยใจ มีอวัยวะน้อยใหญ่ครบถ้วนครับ มีพระสูตรดังนี้
------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ดูกรโปฏฐปาทะ ความได้อัตตา ๓ เหล่านี้ คือ ได้อัตตาที่หยาบ ๑ ได้อัตตา
ที่สำเร็จด้วยใจ ๑ ได้อัตตาที่หารูปมิได้ ๑ ความได้อัตตาที่หยาบเป็นไฉน คือ อัตตาที่มีรูป
ประกอบด้วยมหาภูต ๔ บริโภคกวลิงการาหาร นี้ความได้อัตตาที่หยาบ ความได้อัตตาที่สำเร็จ
ด้วยใจเป็นไฉน คือ อัตตาที่มีรูปสำเร็จด้วยใจ มีอวัยวะน้อยใหญ่ครบถ้วน มีอินทรีย์ไม่บกพร่อง
นี้ความได้อัตตาที่สำเร็จด้วยใจ ความได้อัตตาที่หารูปมิได้เป็นไฉน คือ อัตตาอันหารูปมิได้ สำเร็จ
ด้วยสัญญา นี้ความได้อัตตาที่หารูปมิได้.
ดูกรโปฏฐปาทะ เราจะแสดงธรรมเพื่อละความได้อัตตาที่หยาบว่า พวกท่าน
ปฏิบัติอย่างไรจึงจะละสังกิเลสธรรมได้ โวทานิยธรรมจักเจริญยิ่งขึ้น พวกท่านจักทำความบริบูรณ์
และความไพบูลย์แห่งปัญญาให้แจ้งด้วยปัญญาอันยิ่งด้วยตนเองในปัจจุบันเข้าถึงอยู่.
ดูกรโปฏฐปาทะ บางคราวท่านจะพึงมีความเห็นอย่างนี้ว่า สังกิเลสธรรมเราจักละได้
โวทานิยธรรมจักเจริญยิ่งขึ้นได้ ผู้มีความเพียรจักทำให้แจ้งซึ่งความบริบูรณ์ และความไพบูลย์แห่ง
ปัญญาด้วยปัญญาอันยิ่งด้วยตนเองในปัจจุบัน เข้าถึงอยู่ได้ แต่ความอยู่ไม่สบาย.
ดูกรโปฏฐปาทะ แต่เรื่องนี้ท่านไม่พึงเห็นอย่างนั้น ที่แท้สังกิเลสธรรมพวกท่านจักละได้
โวทานิยธรรมจักเจริญยิ่งขึ้นได้ ผู้มีความเพียรจักทำให้แจ้งซึ่งความบริบูรณ์ และความไพบูลย์แห่ง
ปัญญาด้วยปัญญาอันยิ่งด้วยตนเองในปัจจุบันเข้าถึงอยู่ได้ ความปราโมทย์ ปีติ ปัสสัทธิ
สติสัมปชัญญะ และความอยู่สบายจักมีได้.
ดูกรโปฏฐปาทะ เราจะแสดงธรรมเพื่อละความได้อัตตาแม้ที่สำเร็จด้วยใจว่า
พวกท่านปฏิบัติอย่างไร จึงจักละสังกิเลสธรรมได้ โวทานิยธรรมจักเจริญยิ่งขึ้น พวกท่านจัก
ทำความบริบูรณ์ และความไพบูลย์แห่งปัญญาให้แจ้งด้วยปัญญาอันยิ่งด้วยตนเองในปัจจุบัน
เข้าถึงอยู่.
ดูกรโปฏฐปาทะ บางคราวท่านจะพึงมีความเห็นอย่างนี้ว่า สังกิเลสธรรมเราจักละได้
โวทานิยธรรมจักเจริญยิ่งขึ้น ผู้มีความเพียรจักทำให้แจ้งซึ่งความบริบูรณ์ และความไพบูลย์แห่ง
ปัญญาด้วยปัญญาอันยิ่งด้วยตนเองในปัจจุบันเข้าถึงอยู่ แต่ความอยู่ไม่สบาย.
ดูกรโปฏฐปาทะ แต่เรื่องนี้ท่านไม่พึงเห็นอย่างนั้น ที่แท้สังกิเลสธรรมพวกท่านจักละได้
โวทานิยธรรมจักเจริญยิ่งขึ้น ผู้มีความเพียรจักทำให้แจ้งซึ่งความบริบูรณ์ และความไพบูลย์แห่ง
ปัญญาด้วยปัญญาอันยิ่งด้วยตนเองในปัจจุบันเข้าถึงอยู่ได้ ความปราโมทย์ ปีติ ปัสสัทธิ
สติสัมปชัญญะ และความอยู่สบายจักมีได้.
----------------------------------------ฯลฯ---------------------------------------------------------
------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ดูกรโปฏฐปาทะ ความได้อัตตา ๓ เหล่านี้ คือ ได้อัตตาที่หยาบ ๑ ได้อัตตา
ที่สำเร็จด้วยใจ ๑ ได้อัตตาที่หารูปมิได้ ๑ ความได้อัตตาที่หยาบเป็นไฉน คือ อัตตาที่มีรูป
ประกอบด้วยมหาภูต ๔ บริโภคกวลิงการาหาร นี้ความได้อัตตาที่หยาบ ความได้อัตตาที่สำเร็จ
ด้วยใจเป็นไฉน คือ อัตตาที่มีรูปสำเร็จด้วยใจ มีอวัยวะน้อยใหญ่ครบถ้วน มีอินทรีย์ไม่บกพร่อง
นี้ความได้อัตตาที่สำเร็จด้วยใจ ความได้อัตตาที่หารูปมิได้เป็นไฉน คือ อัตตาอันหารูปมิได้ สำเร็จ
ด้วยสัญญา นี้ความได้อัตตาที่หารูปมิได้.
ดูกรโปฏฐปาทะ เราจะแสดงธรรมเพื่อละความได้อัตตาที่หยาบว่า พวกท่าน
ปฏิบัติอย่างไรจึงจะละสังกิเลสธรรมได้ โวทานิยธรรมจักเจริญยิ่งขึ้น พวกท่านจักทำความบริบูรณ์
และความไพบูลย์แห่งปัญญาให้แจ้งด้วยปัญญาอันยิ่งด้วยตนเองในปัจจุบันเข้าถึงอยู่.
ดูกรโปฏฐปาทะ บางคราวท่านจะพึงมีความเห็นอย่างนี้ว่า สังกิเลสธรรมเราจักละได้
โวทานิยธรรมจักเจริญยิ่งขึ้นได้ ผู้มีความเพียรจักทำให้แจ้งซึ่งความบริบูรณ์ และความไพบูลย์แห่ง
ปัญญาด้วยปัญญาอันยิ่งด้วยตนเองในปัจจุบัน เข้าถึงอยู่ได้ แต่ความอยู่ไม่สบาย.
ดูกรโปฏฐปาทะ แต่เรื่องนี้ท่านไม่พึงเห็นอย่างนั้น ที่แท้สังกิเลสธรรมพวกท่านจักละได้
โวทานิยธรรมจักเจริญยิ่งขึ้นได้ ผู้มีความเพียรจักทำให้แจ้งซึ่งความบริบูรณ์ และความไพบูลย์แห่ง
ปัญญาด้วยปัญญาอันยิ่งด้วยตนเองในปัจจุบันเข้าถึงอยู่ได้ ความปราโมทย์ ปีติ ปัสสัทธิ
สติสัมปชัญญะ และความอยู่สบายจักมีได้.
ดูกรโปฏฐปาทะ เราจะแสดงธรรมเพื่อละความได้อัตตาแม้ที่สำเร็จด้วยใจว่า
พวกท่านปฏิบัติอย่างไร จึงจักละสังกิเลสธรรมได้ โวทานิยธรรมจักเจริญยิ่งขึ้น พวกท่านจัก
ทำความบริบูรณ์ และความไพบูลย์แห่งปัญญาให้แจ้งด้วยปัญญาอันยิ่งด้วยตนเองในปัจจุบัน
เข้าถึงอยู่.
ดูกรโปฏฐปาทะ บางคราวท่านจะพึงมีความเห็นอย่างนี้ว่า สังกิเลสธรรมเราจักละได้
โวทานิยธรรมจักเจริญยิ่งขึ้น ผู้มีความเพียรจักทำให้แจ้งซึ่งความบริบูรณ์ และความไพบูลย์แห่ง
ปัญญาด้วยปัญญาอันยิ่งด้วยตนเองในปัจจุบันเข้าถึงอยู่ แต่ความอยู่ไม่สบาย.
ดูกรโปฏฐปาทะ แต่เรื่องนี้ท่านไม่พึงเห็นอย่างนั้น ที่แท้สังกิเลสธรรมพวกท่านจักละได้
โวทานิยธรรมจักเจริญยิ่งขึ้น ผู้มีความเพียรจักทำให้แจ้งซึ่งความบริบูรณ์ และความไพบูลย์แห่ง
ปัญญาด้วยปัญญาอันยิ่งด้วยตนเองในปัจจุบันเข้าถึงอยู่ได้ ความปราโมทย์ ปีติ ปัสสัทธิ
สติสัมปชัญญะ และความอยู่สบายจักมีได้.
----------------------------------------ฯลฯ---------------------------------------------------------
แสดงความคิดเห็น
เทวดา ไม่มีตับไตไส้พุง ไม่มีสมอง จริงหรือครับท่าน ?
แต่คุยไปคุยมา กลับไปถึงเรื่องเทวดาเฉยเลย แต่ไม่ใช่ว่า จะไม่มีประโยชน์นะครับท่าน เอาเข้าจริง มันก็เป็นประเด็นปัญหาที่น่าสนใจเหมือนกัน
คือชาวพุทธทั่วไปมักเชื่อเรื่องเทวดา อ้างว่ามีอยู่จริง ทั้งๆที่ไม่ได้เห็นกับตาตนเองเลย
เมื่อถูกสอบถามถึงหลักฐาน ก็มักไปลงที่พระไตรปิฎก คืออ้างพระไตรปิฎกเป็นหลักฐาน
ที่แย่หน่อย บางท่านถึงกับเอาตำรามาขู่ ไล่ผม ให้ไปศึกษาตำราเล่มนั่นเล่มนี้ ติเตียนว่าโง่บ้างอะไรบ้าง ฯลฯ
ก็ว่ากันไปตามเรื่อง แต่ที่จริง ผมก็อ่านตำราอยู่นะครับท่าน ไม่ใช่ว่า จะพูดจาส่งเดชโดยไม่อ่านอะไรมาเลย
แต่เรื่องที่ผมสงสัยตอนนี้ก็คือ กรณีที่บางท่านอ้างว่า เทวดาไม่มีสมอง ไม่มีตับไตไส้พุง นี่แหละครับ
ประการแรกก็คือ เทวดามีกายทิพย์ มีแขนทิพย์ ขาทิพย์ หัวทิพย์ ฯลฯ สารพัด แต่ทำไม ในกะโหลกทิพย์ของเทวดา จึงจะไม่มี สมองทิพย์หละครับ ?
เรื่องที่สอง ผมทราบว่า เทวดาพวกกามาวจร กินอาหารทิพย์ ก็ต้องกินทางปากทิพย์ แล้วถ้าไม่มีไส้ทิพย์ ก้นทิพย์ อาการทิพย์มันจะไปยังไงหละครับท่าน ?
ผมขออนุญาตตั้งข้อสังเกตว่า ส่วนใหญ่ท่านเหล่านั้นมักพูดเอาเอง ไม่มีหลักฐานยืนยันว่าพระพุทธเจ้าตรัส
น่าแปลก ที่ท่านเหล่านี้ มักคิดเข้าข้างตนเองว่าคิดถูก รู้ถูก ในขณะที่ ผู้อื่นผิด หรือโง่
หมายความว่า ถ้ามีหลักฐานว่าพระพุทธเจ้าตรัสอย่างนั้นจริง ผมก็พร้อมจะรับฟังครับ
แต่ถ้าไม่มีหลักฐานยืนยัน ผมก็ขออนุญาตเข้าใจว่า พวกท่านพูดกันไปเอง คิดกันไปเอง นะครับ
และถ้าหาก ท่านมองฯ ไอดอลของผมจะไม่เชื่อเรื่องเทวดาแปลกๆของพวกท่านหละก็
ผมกลับไม่เห็นว่าแปลกนะครับ และพวกท่านก็ไม่ควรจะไปโกรธท่านมองฯ เลยด้วย
เพราะเอาเข้าจริง ความคิดความเชื่อแปลกๆของท่าน จะเป็นพุทธธรรมจริงหรือเปล่า ก็ยังไม่รู้เลย
ในที่นี้ ขออนุญาต ฟังคำอธิบายจากท่านผู้รู้ ด้วยนะครับ
ว่ามันมีข้อเท็จจริงอย่างไรกันแน่ ?
ขอบพระคุณครับ