สวัสดีค่ะ เราเพิ่งไปขอวีซ่าอเมริกามาสดๆ ร้อนๆ เมื่อเช้านี้เองค่ะ 18 ก.พ. 58 เลยมาขอรีวิว ให้เพื่อนๆ Pantip ได้มีข้อมูลสำหรับเตรียมตัวค่ะ
Profile
เรา >>เป็นนางสาว โสด อายุ 32 ทำงานบริษัทเอกชน องค์กรขนาดใหญ่ ทำมาแล้ว 6 ปี ตำแหน่งงาน Senior Officer
ฟังภาษาอังกฤษได้ พูดได้แต่ไม่คล่อง
น้องสาว >>เป็นนางสาว โสด อายุ 25 ทำงานหน่วยงานราชการ สังกัดกระทรวง ทำมาแล้ว 2 ปี เป็นลูกจ้างชั่วคราว สัญญารายปี เงินเดือน 1x,xxx ตำแหน่งงาน Legal Officer (นิติกร) กำลังเรียนเนติบัณฑิตอยู่
ทั้งเราและน้องสาว ไม่เคยมีวีซ่าอเมริกามาก่อน ไม่เคยทำพาสปอร์ตหาย
ประวัติการเที่ยวต่างประเทศ เคยไป จีน 2 ครั้ง / ญี่ปุ่น 2 ครั้ง / เกาหลีใต้ / สิงคโปร์ / ฮ่องกง 2 ครั้ง (ทั้งไปกับทัวร์และไปเที่ยวเองค่ะ)
รายละเอียดการเดินทาง
- เดินทางช่วงวันหยุดยาว เดือน พฤษภาคม 58 ทั้งหมด 9 วัน
- เมืองที่ไป >>NY / Washington DC / Orlando
- ที่พัก >>NY พักที่ Hostel ในChina Town / DC พักที่ Hostel ใน DC / Orlando พักที่โรงแรม แถว Inter Drive
เริ่มต้นจากการ กรอก DS 160 และการนัดหมายสัมภาษณ์ ต้องขอขอบคุณกระทู้ของคุณ
ล็อคอินนี้ง่วงแล้วมากๆค่ะ เราทำตามทุกขั้นตอนอย่างละเอียด
กระทู้ที่ 1 >>
http://pantip.com/topic/32189283
กระทู้ที่ 2 >>
http://pantip.com/topic/32193184
และกระทู้ของท่านอื่นๆที่เราใช้อ่านประกอบ ได้แก่
กระทู้ของคุณ molprom>>
http://pantip.com/topic/31818923
กระทู้ของคุณArcii Hustle4Muscle>>
http://pantip.com/topic/31749206
กระทู้ของคุณCharles123>>
http://pantip.com/topic/33077731
กระทู้ของคุณ mypieblueberry>>
http://pantip.com/topic/31180911
กระทู้ของคุณ ว่านน้ำ >>
http://pantip.com/topic/30704149
กระทู้ของคุณ ninetua>>
http://pantip.com/topic/30827684
และของท่านอื่นๆอีกหลายๆท่าน ต้องขอบคุณทุกท่านที่มาช่วยกันแนะนำ มา ณ ที่นี้ค่ะ
กรอก DS 160 ที่นี่ค่ะ >>
https://ceac.state.gov/ceac/
ขอนัดหมายการสัมภาษณ์ที่นี่ค่ะ >>
https://cgifederal.secure.force.com/
เราเริ่มกรอกฟอร์ม DS 160 วันพุธที่ 28 มกราคม 58ใช้เวลากรอกประมาณ 1 อาทิตย์ค่ะ ค่อยๆเขียน ค่อยๆทบทวนรายละเอียดให้แม่นยำ ระหว่างนั้นก็ดำเนินการเรื่องการถ่ายรูปกับทางร้านและขอเอกสารประกอบอื่นๆไปด้วยค่ะ เมื่อกรอกจนครบ เอกสารพร้อมก็กดส่งฟอร์ม เพื่อรับใบ Confirmation เสร็จแล้วก็ไปจ่ายเงินเพื่อนำเลขที่มาขอนัดสัมภาษณ์ เราจ่ายเงินเมื่อวันจันทร์ที่ 9 กุมภาพันธ์ 58 พอวันที่ 10 ก็เข้าไปกดนัดหมายได้ค่ะ ช่วงนี้คิวค่อนข้างว่างนะคะ หากใครอยากขอให้รีบสมัครได้เลยค่ะ
แล้วเราก็ได้คิวมาค่ะวันพุธที่ 18 กุมภาพันธ์ 58 รอบเวลา 07:15 น. เรานัดของเราและน้องสาวพร้อมกันค่ะ
เอกสารที่เตรียมมาวันสัมภาษณ์
- ใบConfirmation DS 160>>ใบนี้สำคัญที่สุดค่ะ เป็นเอกสารที่ต้องใช้ค่ะ
- พาสปอร์ตเล่มล่าสุดตัวจริง >> ต้องใช้
- จดหมายรับรองการทำงานจากบริษัทที่ทำงานเป็นภาษาอังกฤษ ถึงสถานฑูตระบุวันที่เริ่มทำงาน เงินเดือน ตำแหน่ง และระยะเวลาที่จะพำนักในสหรัฐอเมริกา>>ไม่ได้ใช้ แต่เราหยิบขึ้นมาวางบนเคาเตอร์สัมภาษณ์ให้มองเห็นหัวกระดาษชื่อบริษัทชัดๆ
- รายละเอียดทริปที่เราเขียนไปคร่าวๆด้วยลายมือ (มีแบบละเอียดที่ปริ๊นไปด้วย), ใบจองห้องพักผ่าน Agodaและ Booking, ใบรายละเอียดเที่ยวบินที่เราตั้งใจจะจอง (ยังไม่ได้จองจริงๆ) >>ไม่ได้ใช้ แต่เราหยิบขึ้นมาวางบนเคาเตอร์สัมภาษณ์ วางไว้ใต้เอกสารรับรองการทำงาน
- บัตรประชาชน ตัวจริง>>ใช้ฝากโทรศัพท์ก่อนเข้าสถานทูต
- พาสปอร์ตเล่มเก่าๆ >>ไม่ได้แม้แต่จะหยิบออกมาจากกระเป๋า
- ใบนัดสัมภาษณ์วีซ่า>>ไม่ได้แม้แต่จะหยิบออกมาจากกระเป๋า
- ใบเสร็จจ่ายเงินค่าวีซ่าธนาคารกรุงศรี>>ไม่ได้แม้แต่จะหยิบออกมาจากกระเป๋า
- รูปถ่ายตัวจริง>>ไม่ได้แม้แต่จะหยิบออกมาจากกระเป๋า
- เอกสารรับรองสถานะทางการเงิน จากธนาคารที่มีบัญชีเงินฝาก เป็นภาษาอังกฤษ (ทั้งเงินเดือนและเงินเก็บ)>>ไม่ได้แม้แต่จะหยิบออกมาจากกระเป๋า
- Statement ย้อนหลัง 6 เดือน จากทางธนาคารที่มีบัญชีเงินฝาก เป็นภาษาอังกฤษ (ทั้งเงินเดือนและเงินเก็บ)>>ไม่ได้แม้แต่จะหยิบออกมาจากกระเป๋า
-หนังสือรับรองยอดเงินฝากสลากออมสิน เป็นภาษาอังกฤษ>>ไม่ได้แม้แต่จะหยิบออกมาจากกระเป๋า
- หนังสือรับรองและ Statement จากธนาคารของคุณแม่ (ยอดเงิน 7 หลัก)>>ไม่ได้แม้แต่จะหยิบออกมาจากกระเป๋า
- Book Bank บัญชีเงินฝากตัวจริงและถ่ายสำเนา (ทั้งเงินเดือนและเงินเก็บ)>>ไม่ได้แม้แต่จะหยิบออกมาจากกระเป๋า
-ทะเบียนบ้านตัวจริงและสำเนา>>ไม่ได้แม้แต่จะหยิบออกมาจากกระเป๋า
- สมุดเล่มทะเบียนรถยนต์ที่เป็นชื่อเรา>>ไม่ได้แม้แต่จะหยิบออกมาจากกระเป๋า
- รูปถ่ายครอบครัว ที่มีทั้งพ่อ แม่ และน้องสาว (น้องสาวเดินทางด้วยกัน)>>ไม่ได้แม้แต่จะหยิบออกมาจากกระเป๋า
เอกสารที่น้องสาวเตรียมไปเพิ่มเติม
- เนื่องจากน้องสาวกำลังอยู่ระหว่างการเรียนเนติบัณฑิต จึงไปขอหนังสือรับรองจากเนติฯมาด้วย >>ไม่ได้แม้แต่จะหยิบออกมาจากกระเป๋า
- เอกสารรับรองการได้ตั๋วทนาย >>ไม่ได้แม้แต่จะหยิบออกมาจากกระเป๋า
- ใบปริญญาบัตร >>ไม่ได้แม้แต่จะหยิบออกมาจากกระเป๋า
เตรียมเอกสารไปเยอะแยะมากมาย สุดท้าย ใช้แค่ พาสปอร์ตกับใบ DS 160 –“- ย้ำ!!! สำหรับเราและน้องสาว ใช้แค่นี้จริงๆค่ะ
18 กุมภาพันธ์ 58
(การแต่งกาย เราและน้องสาว ใส่ชุดแซคกระโปรงยาวคลุมเข่าสีดำ รองเท้าคัชชูค่ะ ผมทำทรงที่ดูสุภาพและมั่นใจที่สุดของเรา)
06:10 เราและน้องมาถึงหน้าสถานทูต คิวยังไม่ยาวมากค่ะ น่าจะสัก 20 คนได้ พอไปถึงเราก็ไปยืนเข้าแถวเลยค่ะ เนื่องจากอ่านรีวิวมาพอสมควร จึงทราบว่า เดี๋ยวถึงเวลาเจ้าหน้าที่จะมาเรียกไปเอง
06:45 ก็มีพี่รปภ.ร่างใหญ่ เสียงดังฟังชัด ออกมาชี้แจงเรื่องอุปกรณ์ที่อนุญาต และไม่อนุญาตให้นำเข้าภายในสถานทูต
06:50 เริ่มเรียกคิว 7 โมงตรงไปเข้าแถวด้านขวาแยกออกมาค่ะ และให้คิวอื่นๆ ยืนอีกแถวนึง เพื่อรอตามเวลานัดต่อไป
ก่อน 7 โมงนิดๆ ก็เริ่มเรียกคิว 7 โมงตรงเข้าไปค่ะ
07:10 พอคิว 7 โมงตรงเข้าไปหมด ก็เริ่มเรียกคิว 7:15 ค่ะ
ขอย้ำจริงๆนะคะ เรื่องอุปกรณ์ที่ไม่อนุญาตให้นำเข้าไป ขอให้ศึกษาให้ดีว่ามีอะไรบ้าง แล้วอย่าเอาไปเลยค่ะ เพราะมันจะยุ่งยากวุ่นวายมากตอนที่ต้องออกจากแถวเพื่อเอาไปฝากที่ข้างๆสถานทูต ไหนจะรีบร้อน ตกใจ ถามนู้นนี่ หาของ รื้อกระเป๋า วุ่นวาย เหนื่อยมากค่ะ
เมื่อถึงคิวเราก็จะมีน้องเจ้าหน้าที่มาแจ้งว่าให้เตรียม ใบ DS 160 และพาสปอร์ตเล่มล่าสุดมาถือไว้ พอถึงคิวเรากับน้องสาว ทางเจ้าหน้าที่ก็ถามว่ามาด้วยกันใช่ไหม ก็บอกว่าใช่ ก็จะได้เข้าไปด้วยกันค่ะ
ผ่านประตูเข้าไปเจอสแกนกระเป๋าและตัวเราเหมือนที่สนามบิน ตรงนี้เราสามารถฝากโทรศัพท์มือถือได้ 1 เครื่องเท่านั้น (ใช้บัตรประชาชนฝากค่ะ)
นอกจากนั้นไม่รับนะคะ !!!
ด่านที่ 1 น้องเจ้าหน้าที่คนไทยในตู้ น้องถามว่า ชื่ออะไร นามสกุลอะไร เคยได้วีซ่าสหรัฐอเมริกามาก่อนหรือไม่ แล้วก็ขอใบ
DS 160 และ พาสปอร์ตเล่มล่าสุดของเราไปติดเลขที่ EMS ค่ะ และน้องจะบอกให้เราจดเลขที่นี้ไว้ เพื่อตรวจสอบสถานะการจัดส่งค่ะ ตรงนี้เรากับน้องสาวก็เข้าไปพร้อมกันนะคะ แจ้งไปเลยว่าเป็นพี่น้องค่ะ จะได้ไปด้วยกันตลอด
ด่านที่ 2 ช่องสัมภาษณ์กับพี่เจ้าหน้าที่คนไทย (ที่เล่าลือกันว่าดุๆนั่นแหละค่ะ) โชคดีค่ะ เราได้ช่องที่ไม่ค่อยดุมาก เราเข้าไปพร้อมกับน้องสาวเหมือนเดิม ตรงนี้เจอคำถามคือ เคยเปลี่ยนชื่อนามสกุลหรือไม่ แล้วก็ SCAN นิ้วเลยค่ะ มือขวา 4 นิ้ว มือซ้าย 4 นิ้ว นิ้วโป้ง 2 นิ้ว(ก่อนSCAN พี่เจ้าหน้าที่บอกให้เช็ดมือให้แห้งๆก่อนSCAN สงสัยจะรู้ว่าเราตื่นเต้น จนมือเปียกหมดแล้ว อิอิ)
ด่านที่ 3 ช่องสัมภาษณ์กับเจ้าหน้าที่ฝรั่งผู้หญิงสวยๆ เข้าไปพร้อมน้องสาวเหมือนเดิม
เข้าไปถึงเราก็บอกว่า Come with my Sister.
เจ้าหน้าที่พยักหน้า Can you speak English?
เรา Yes.
เจ้าหน้าที่ Put your Right hand fingers อะไรบลาๆ ประมาณนี้ค่ะ คือแค่ให้วางนิ้วมือขวา วางนิ้วมือซ้าย วางนิ้วโป้ง 2 นิ้วเพื่อ SCAN เหมือนเดิม แล้วก็บอกว่า ให้ไปต่อแถวต่อไป ตรงนี้บอกเป็นภาษาอังกฤษ เราเงอะงะนิดหน่อย เพราะฟังที่แกพูดไม่ออก แต่แกก็พูดซ้ำนะคะ สงสัยเห็นเราเลิกลัก อิอิ
ด่านที่ 4 ทีนี้ก็มาถึงด่านสุดท้ายละค่ะ เข้าแถวประมาณ 5 นาที ช่องเปิดทั้งหมด 4 ช่อง เป็นผู้ชายหมดเลย เราได้ช่องคุณฝรั่งหล่อๆ ดูหนุ่มๆอยู่ ก็เข้าไปพร้อมน้องสาวเหมือนเดิม คุณฝรั่งก็ขอเอกสาร DS 160 ที่มี Barcode ไปทั้ง 2 คน แล้วก็โดนคำถามเป็นภาษาไทยค่ะ สลับกันถามระหว่างเรากับน้องสาว ผลัดกันตอบค่ะ (เราจำไม่ได้ทั้งหมดนะคะ ประมาณนี้)
ไปเที่ยวที่ไหนบ้าง
ไปกี่วัน
เคยไปเที่ยวประเทศไหนมาแล้วบ้าง
งานที่ทำตำแหน่งอะไร ทำงานมากี่ปีแล้ว บริษัทที่ทำอยู่เป็นธุรกิจอะไร
ของน้องสาวมีถามเพิ่มถึงหน้าที่งานนิดหน่อย เพราะเห็นเป็นเรื่องเกี่ยวกับกฎหมาย (อันนี้ถามมาเป็นภาษาอังกฤษ น้องเราตอบกลับไปทั้งไทย-อังกฤษผสมกันค่ะ)
สุดท้าย วีซ่าผ่านแล้วนะครับ จะส่งถึงบ้านในอีก 2-3 วัน
เย้!!!! เรากับน้องสาวก็ยิ้มแฉ่งและไหว้ขอบคุณไป 1 ทีค่ะ
สรุปสำหรับเรานะคะ การขอวีซ่าอเมริกาไม่ยาก แต่ต้องมีความมั่นใจและแสดงออกให้ท่านกงสุลได้เห็นถึงความมั่นใจของเราในทันทีค่ะ ตอบเสียงดังฟังชัด ตอบอย่างมั่นใจ แค่นี้ก็ผ่านโดยไม่ต้องใช้เอกสารอื่นอะไรประกอบเลยค่ะ
จากนี้ก็รอลุ้นว่าจะได้วีซ่ากี่ปีค่ะ
ขอให้ทุกคนที่ไปขอโชคดีนะคะ สู้ๆค่ะ
[CR] แชร์รายละเอียดการขอวีซ่า อเมริกา สดๆร้อนๆค่ะ (กุมภาพันธ์ 2558)
Profile
เรา >>เป็นนางสาว โสด อายุ 32 ทำงานบริษัทเอกชน องค์กรขนาดใหญ่ ทำมาแล้ว 6 ปี ตำแหน่งงาน Senior Officer
ฟังภาษาอังกฤษได้ พูดได้แต่ไม่คล่อง
น้องสาว >>เป็นนางสาว โสด อายุ 25 ทำงานหน่วยงานราชการ สังกัดกระทรวง ทำมาแล้ว 2 ปี เป็นลูกจ้างชั่วคราว สัญญารายปี เงินเดือน 1x,xxx ตำแหน่งงาน Legal Officer (นิติกร) กำลังเรียนเนติบัณฑิตอยู่
ทั้งเราและน้องสาว ไม่เคยมีวีซ่าอเมริกามาก่อน ไม่เคยทำพาสปอร์ตหาย
ประวัติการเที่ยวต่างประเทศ เคยไป จีน 2 ครั้ง / ญี่ปุ่น 2 ครั้ง / เกาหลีใต้ / สิงคโปร์ / ฮ่องกง 2 ครั้ง (ทั้งไปกับทัวร์และไปเที่ยวเองค่ะ)
รายละเอียดการเดินทาง
- เดินทางช่วงวันหยุดยาว เดือน พฤษภาคม 58 ทั้งหมด 9 วัน
- เมืองที่ไป >>NY / Washington DC / Orlando
- ที่พัก >>NY พักที่ Hostel ในChina Town / DC พักที่ Hostel ใน DC / Orlando พักที่โรงแรม แถว Inter Drive
เริ่มต้นจากการ กรอก DS 160 และการนัดหมายสัมภาษณ์ ต้องขอขอบคุณกระทู้ของคุณล็อคอินนี้ง่วงแล้วมากๆค่ะ เราทำตามทุกขั้นตอนอย่างละเอียด
กระทู้ที่ 1 >>http://pantip.com/topic/32189283
กระทู้ที่ 2 >>http://pantip.com/topic/32193184
และกระทู้ของท่านอื่นๆที่เราใช้อ่านประกอบ ได้แก่
กระทู้ของคุณ molprom>>http://pantip.com/topic/31818923
กระทู้ของคุณArcii Hustle4Muscle>> http://pantip.com/topic/31749206
กระทู้ของคุณCharles123>>http://pantip.com/topic/33077731
กระทู้ของคุณ mypieblueberry>>http://pantip.com/topic/31180911
กระทู้ของคุณ ว่านน้ำ >>http://pantip.com/topic/30704149
กระทู้ของคุณ ninetua>>http://pantip.com/topic/30827684
และของท่านอื่นๆอีกหลายๆท่าน ต้องขอบคุณทุกท่านที่มาช่วยกันแนะนำ มา ณ ที่นี้ค่ะ
กรอก DS 160 ที่นี่ค่ะ >>https://ceac.state.gov/ceac/
ขอนัดหมายการสัมภาษณ์ที่นี่ค่ะ >>https://cgifederal.secure.force.com/
เราเริ่มกรอกฟอร์ม DS 160 วันพุธที่ 28 มกราคม 58ใช้เวลากรอกประมาณ 1 อาทิตย์ค่ะ ค่อยๆเขียน ค่อยๆทบทวนรายละเอียดให้แม่นยำ ระหว่างนั้นก็ดำเนินการเรื่องการถ่ายรูปกับทางร้านและขอเอกสารประกอบอื่นๆไปด้วยค่ะ เมื่อกรอกจนครบ เอกสารพร้อมก็กดส่งฟอร์ม เพื่อรับใบ Confirmation เสร็จแล้วก็ไปจ่ายเงินเพื่อนำเลขที่มาขอนัดสัมภาษณ์ เราจ่ายเงินเมื่อวันจันทร์ที่ 9 กุมภาพันธ์ 58 พอวันที่ 10 ก็เข้าไปกดนัดหมายได้ค่ะ ช่วงนี้คิวค่อนข้างว่างนะคะ หากใครอยากขอให้รีบสมัครได้เลยค่ะ
แล้วเราก็ได้คิวมาค่ะวันพุธที่ 18 กุมภาพันธ์ 58 รอบเวลา 07:15 น. เรานัดของเราและน้องสาวพร้อมกันค่ะ
เอกสารที่เตรียมมาวันสัมภาษณ์
- ใบConfirmation DS 160>>ใบนี้สำคัญที่สุดค่ะ เป็นเอกสารที่ต้องใช้ค่ะ
- พาสปอร์ตเล่มล่าสุดตัวจริง >> ต้องใช้
- จดหมายรับรองการทำงานจากบริษัทที่ทำงานเป็นภาษาอังกฤษ ถึงสถานฑูตระบุวันที่เริ่มทำงาน เงินเดือน ตำแหน่ง และระยะเวลาที่จะพำนักในสหรัฐอเมริกา>>ไม่ได้ใช้ แต่เราหยิบขึ้นมาวางบนเคาเตอร์สัมภาษณ์ให้มองเห็นหัวกระดาษชื่อบริษัทชัดๆ
- รายละเอียดทริปที่เราเขียนไปคร่าวๆด้วยลายมือ (มีแบบละเอียดที่ปริ๊นไปด้วย), ใบจองห้องพักผ่าน Agodaและ Booking, ใบรายละเอียดเที่ยวบินที่เราตั้งใจจะจอง (ยังไม่ได้จองจริงๆ) >>ไม่ได้ใช้ แต่เราหยิบขึ้นมาวางบนเคาเตอร์สัมภาษณ์ วางไว้ใต้เอกสารรับรองการทำงาน
- บัตรประชาชน ตัวจริง>>ใช้ฝากโทรศัพท์ก่อนเข้าสถานทูต
- พาสปอร์ตเล่มเก่าๆ >>ไม่ได้แม้แต่จะหยิบออกมาจากกระเป๋า
- ใบนัดสัมภาษณ์วีซ่า>>ไม่ได้แม้แต่จะหยิบออกมาจากกระเป๋า
- ใบเสร็จจ่ายเงินค่าวีซ่าธนาคารกรุงศรี>>ไม่ได้แม้แต่จะหยิบออกมาจากกระเป๋า
- รูปถ่ายตัวจริง>>ไม่ได้แม้แต่จะหยิบออกมาจากกระเป๋า
- เอกสารรับรองสถานะทางการเงิน จากธนาคารที่มีบัญชีเงินฝาก เป็นภาษาอังกฤษ (ทั้งเงินเดือนและเงินเก็บ)>>ไม่ได้แม้แต่จะหยิบออกมาจากกระเป๋า
- Statement ย้อนหลัง 6 เดือน จากทางธนาคารที่มีบัญชีเงินฝาก เป็นภาษาอังกฤษ (ทั้งเงินเดือนและเงินเก็บ)>>ไม่ได้แม้แต่จะหยิบออกมาจากกระเป๋า
-หนังสือรับรองยอดเงินฝากสลากออมสิน เป็นภาษาอังกฤษ>>ไม่ได้แม้แต่จะหยิบออกมาจากกระเป๋า
- หนังสือรับรองและ Statement จากธนาคารของคุณแม่ (ยอดเงิน 7 หลัก)>>ไม่ได้แม้แต่จะหยิบออกมาจากกระเป๋า
- Book Bank บัญชีเงินฝากตัวจริงและถ่ายสำเนา (ทั้งเงินเดือนและเงินเก็บ)>>ไม่ได้แม้แต่จะหยิบออกมาจากกระเป๋า
-ทะเบียนบ้านตัวจริงและสำเนา>>ไม่ได้แม้แต่จะหยิบออกมาจากกระเป๋า
- สมุดเล่มทะเบียนรถยนต์ที่เป็นชื่อเรา>>ไม่ได้แม้แต่จะหยิบออกมาจากกระเป๋า
- รูปถ่ายครอบครัว ที่มีทั้งพ่อ แม่ และน้องสาว (น้องสาวเดินทางด้วยกัน)>>ไม่ได้แม้แต่จะหยิบออกมาจากกระเป๋า
เอกสารที่น้องสาวเตรียมไปเพิ่มเติม
- เนื่องจากน้องสาวกำลังอยู่ระหว่างการเรียนเนติบัณฑิต จึงไปขอหนังสือรับรองจากเนติฯมาด้วย >>ไม่ได้แม้แต่จะหยิบออกมาจากกระเป๋า
- เอกสารรับรองการได้ตั๋วทนาย >>ไม่ได้แม้แต่จะหยิบออกมาจากกระเป๋า
- ใบปริญญาบัตร >>ไม่ได้แม้แต่จะหยิบออกมาจากกระเป๋า
เตรียมเอกสารไปเยอะแยะมากมาย สุดท้าย ใช้แค่ พาสปอร์ตกับใบ DS 160 –“- ย้ำ!!! สำหรับเราและน้องสาว ใช้แค่นี้จริงๆค่ะ
18 กุมภาพันธ์ 58
(การแต่งกาย เราและน้องสาว ใส่ชุดแซคกระโปรงยาวคลุมเข่าสีดำ รองเท้าคัชชูค่ะ ผมทำทรงที่ดูสุภาพและมั่นใจที่สุดของเรา)
06:10 เราและน้องมาถึงหน้าสถานทูต คิวยังไม่ยาวมากค่ะ น่าจะสัก 20 คนได้ พอไปถึงเราก็ไปยืนเข้าแถวเลยค่ะ เนื่องจากอ่านรีวิวมาพอสมควร จึงทราบว่า เดี๋ยวถึงเวลาเจ้าหน้าที่จะมาเรียกไปเอง
06:45 ก็มีพี่รปภ.ร่างใหญ่ เสียงดังฟังชัด ออกมาชี้แจงเรื่องอุปกรณ์ที่อนุญาต และไม่อนุญาตให้นำเข้าภายในสถานทูต
06:50 เริ่มเรียกคิว 7 โมงตรงไปเข้าแถวด้านขวาแยกออกมาค่ะ และให้คิวอื่นๆ ยืนอีกแถวนึง เพื่อรอตามเวลานัดต่อไป
ก่อน 7 โมงนิดๆ ก็เริ่มเรียกคิว 7 โมงตรงเข้าไปค่ะ
07:10 พอคิว 7 โมงตรงเข้าไปหมด ก็เริ่มเรียกคิว 7:15 ค่ะ
ขอย้ำจริงๆนะคะ เรื่องอุปกรณ์ที่ไม่อนุญาตให้นำเข้าไป ขอให้ศึกษาให้ดีว่ามีอะไรบ้าง แล้วอย่าเอาไปเลยค่ะ เพราะมันจะยุ่งยากวุ่นวายมากตอนที่ต้องออกจากแถวเพื่อเอาไปฝากที่ข้างๆสถานทูต ไหนจะรีบร้อน ตกใจ ถามนู้นนี่ หาของ รื้อกระเป๋า วุ่นวาย เหนื่อยมากค่ะ
เมื่อถึงคิวเราก็จะมีน้องเจ้าหน้าที่มาแจ้งว่าให้เตรียม ใบ DS 160 และพาสปอร์ตเล่มล่าสุดมาถือไว้ พอถึงคิวเรากับน้องสาว ทางเจ้าหน้าที่ก็ถามว่ามาด้วยกันใช่ไหม ก็บอกว่าใช่ ก็จะได้เข้าไปด้วยกันค่ะ
ผ่านประตูเข้าไปเจอสแกนกระเป๋าและตัวเราเหมือนที่สนามบิน ตรงนี้เราสามารถฝากโทรศัพท์มือถือได้ 1 เครื่องเท่านั้น (ใช้บัตรประชาชนฝากค่ะ) นอกจากนั้นไม่รับนะคะ !!!
ด่านที่ 1 น้องเจ้าหน้าที่คนไทยในตู้ น้องถามว่า ชื่ออะไร นามสกุลอะไร เคยได้วีซ่าสหรัฐอเมริกามาก่อนหรือไม่ แล้วก็ขอใบ
DS 160 และ พาสปอร์ตเล่มล่าสุดของเราไปติดเลขที่ EMS ค่ะ และน้องจะบอกให้เราจดเลขที่นี้ไว้ เพื่อตรวจสอบสถานะการจัดส่งค่ะ ตรงนี้เรากับน้องสาวก็เข้าไปพร้อมกันนะคะ แจ้งไปเลยว่าเป็นพี่น้องค่ะ จะได้ไปด้วยกันตลอด
ด่านที่ 2 ช่องสัมภาษณ์กับพี่เจ้าหน้าที่คนไทย (ที่เล่าลือกันว่าดุๆนั่นแหละค่ะ) โชคดีค่ะ เราได้ช่องที่ไม่ค่อยดุมาก เราเข้าไปพร้อมกับน้องสาวเหมือนเดิม ตรงนี้เจอคำถามคือ เคยเปลี่ยนชื่อนามสกุลหรือไม่ แล้วก็ SCAN นิ้วเลยค่ะ มือขวา 4 นิ้ว มือซ้าย 4 นิ้ว นิ้วโป้ง 2 นิ้ว(ก่อนSCAN พี่เจ้าหน้าที่บอกให้เช็ดมือให้แห้งๆก่อนSCAN สงสัยจะรู้ว่าเราตื่นเต้น จนมือเปียกหมดแล้ว อิอิ)
ด่านที่ 3 ช่องสัมภาษณ์กับเจ้าหน้าที่ฝรั่งผู้หญิงสวยๆ เข้าไปพร้อมน้องสาวเหมือนเดิม
เข้าไปถึงเราก็บอกว่า Come with my Sister.
เจ้าหน้าที่พยักหน้า Can you speak English?
เรา Yes.
เจ้าหน้าที่ Put your Right hand fingers อะไรบลาๆ ประมาณนี้ค่ะ คือแค่ให้วางนิ้วมือขวา วางนิ้วมือซ้าย วางนิ้วโป้ง 2 นิ้วเพื่อ SCAN เหมือนเดิม แล้วก็บอกว่า ให้ไปต่อแถวต่อไป ตรงนี้บอกเป็นภาษาอังกฤษ เราเงอะงะนิดหน่อย เพราะฟังที่แกพูดไม่ออก แต่แกก็พูดซ้ำนะคะ สงสัยเห็นเราเลิกลัก อิอิ
ด่านที่ 4 ทีนี้ก็มาถึงด่านสุดท้ายละค่ะ เข้าแถวประมาณ 5 นาที ช่องเปิดทั้งหมด 4 ช่อง เป็นผู้ชายหมดเลย เราได้ช่องคุณฝรั่งหล่อๆ ดูหนุ่มๆอยู่ ก็เข้าไปพร้อมน้องสาวเหมือนเดิม คุณฝรั่งก็ขอเอกสาร DS 160 ที่มี Barcode ไปทั้ง 2 คน แล้วก็โดนคำถามเป็นภาษาไทยค่ะ สลับกันถามระหว่างเรากับน้องสาว ผลัดกันตอบค่ะ (เราจำไม่ได้ทั้งหมดนะคะ ประมาณนี้)
ไปเที่ยวที่ไหนบ้าง
ไปกี่วัน
เคยไปเที่ยวประเทศไหนมาแล้วบ้าง
งานที่ทำตำแหน่งอะไร ทำงานมากี่ปีแล้ว บริษัทที่ทำอยู่เป็นธุรกิจอะไร
ของน้องสาวมีถามเพิ่มถึงหน้าที่งานนิดหน่อย เพราะเห็นเป็นเรื่องเกี่ยวกับกฎหมาย (อันนี้ถามมาเป็นภาษาอังกฤษ น้องเราตอบกลับไปทั้งไทย-อังกฤษผสมกันค่ะ)
สุดท้าย วีซ่าผ่านแล้วนะครับ จะส่งถึงบ้านในอีก 2-3 วัน
เย้!!!! เรากับน้องสาวก็ยิ้มแฉ่งและไหว้ขอบคุณไป 1 ทีค่ะ
สรุปสำหรับเรานะคะ การขอวีซ่าอเมริกาไม่ยาก แต่ต้องมีความมั่นใจและแสดงออกให้ท่านกงสุลได้เห็นถึงความมั่นใจของเราในทันทีค่ะ ตอบเสียงดังฟังชัด ตอบอย่างมั่นใจ แค่นี้ก็ผ่านโดยไม่ต้องใช้เอกสารอื่นอะไรประกอบเลยค่ะ
จากนี้ก็รอลุ้นว่าจะได้วีซ่ากี่ปีค่ะ
ขอให้ทุกคนที่ไปขอโชคดีนะคะ สู้ๆค่ะ