เกมส์รักเดิมพันหัวใจ ตอนที่ 4



อมยิ้มอมยิ้มเซนต์เบอร์นาร์ดอมยิ้มอมยิ้มเซนต์เบอร์นาร์ดอมยิ้มอมยิ้มเซนต์เบอร์นาร์ดอมยิ้มอมยิ้ม[:

ความเดิมจาก ตอนที่ 3 http://pantip.com/topic/32167797/comment4

“นายมีแผนอะไรของนาย” ตุ่นถามอย่างสงสัย หมอบอกว่าคราวที่แล้วพวกเขาถูกพิสูจน์ไปแล้วและคราวนี้ถึงคราวที่พวกเขาจะพิสูจน์ชายบ้าง ตุ่นกับประกายดาวมองตากันปริบ ๆ ธนูมองหน้าเพื่อนอย่างเข้าใจโดยทันที แล้วแผนการของพวกเขาก็เริ่มขึ้น หมอรีบเอาจดหมายไปใส่ในล็อคเกอร์ของชายที่โรงยิม พอชายซ้อมยูโดเสร็จกลับมาเปิดล็อคเกอร์ก็พบกับจดหมายของน้ำค้าง เขาตื่นเต้นแล้วรีบเปิดจดหมายอ่านอย่างดีใจ ในจดหมายนั้นบอกว่าเธออยากพบเขาที่หอทองกวาวเวลาเที่ยงคืนตรง และจุดที่นัดพบก็คือ ห้องดนตรีไทย ชายปิดจดหมายอย่างสงสัยเพราะเขารู้ดีถึงกิตติศัพท์ของห้องนั้น แต่ถึงจะสงสัยอย่างไรหัวใจเขาก็พร้อมที่จะโบยบินไปหาเธอ หมอที่ซุ่มแอบมองดูอยู่ถึงกับพอใจในแผนการที่ดูเหมือนว่าจะเป็นไปด้วยดี

..........................................................

คืนนั้น ชายไปรอน้ำค้างที่ห้องดนตรีไทยจริง ๆ พวกหมอและธนูรีบเดินตามเข้าไปในหอพักทันที  ทุกคนรีบหาที่ซุ่มดูเหตุการณ์ในห้องดนตรีไทย หมอเตรียมกล้องถ่ายรูปไว้ด้วย

“นายจะเอากล้องถ่ายรูปมาทำไม” ตุ่นถาม

“ก็เอาไว้ถ่ายท่าหนีผีของไอ้ชายยังไงเล่า คอยดูนะฉันจะเอาไปแฉให้ทั่วมหา’ลัยเลยฮ่า ๆ” ธนูยิ้มให้กับปัญญาอันเลิศล้ำของเพื่อน  ตุ่นกับดาวมองปุ๊บก็รู้ปั๊บว่าพวกเขาเกลียดชายแค่ไหน แต่ก็ปล่อยให้ทั้งสองทำต่อไป เพราะพวกเธอก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าชายจะรักตัวเองมากกว่าน้ำค้างเพื่อนรักของเธอหรือไม่ หมอหันมาถามตุ่นว่าทางเขาเป็นไปตามแผนแล้ว แล้วทางเธอเป็นไปตามแผนหรือเปล่า

“แน่นอน...รับรองว่าฉันไม่พลาดแน่” ตุ่นตอบหมออย่างมั่นใจ แล้วคำพูดนั้นก็เป็นจริงเมื่อน้ำค้างเดินเข้ามาในห้องดนตรีไทยตามที่ตุ่นขอร้องเธอไหว้วานให้น้ำค้างช่วยไปเก็บสร้อยคอของประกายดาวที่ทำตกไว้เมื่อคืนที น้ำค้างไม่เคยปฏิเสธคำขอร้องจากเพื่อนอยู่แล้ว และนี่ก็คือผลงานชิ้นโบว์แดงของตุ่น เมื่อมาถึงน้ำค้างก็ตกใจที่เห็นชายยืนรอคอยเธอ ชายมองน้ำค้างอย่างดีใจสุดขีด เขารีบวิ่งเข้าไปจับมือเธอเอาไว้

“ไม่นึกมาก่อนเลย ว่าน้ำค้างจะเป็นฝ่ายชวนพี่ พี่ดีใจมากเลยจริง ๆ”

“อะไรกัน...ฉันเนี่ยนะจะชวนพี่ชาย” น้ำค้างยังไม่ได้อธิบายอะไรทั้งนั้น เสียงดนตรีไทยก็ดังขึ้น

“มาแล้ว” ตุ่นตาลอยเมื่อได้ยินเสียงนั้น ธนูจับมือของประกายดาวเอาไว้แน่น

“คราวนี้ รับรองว่าผมจะไม่ยอมปล่อยมือคุณไปอีกแน่” เขามองประกายดาวด้วยแววตาที่จริงจังจนประกายดาวอดยิ้มอย่างชื่นใจไม่ได้ หมอรีบตั้งกล้องรอเก็บรูปภาพที่เขาใฝ่ฝัน เมื่อชายได้ยินเสียงดนตรีไทยเขาก็หันมองรอบด้านเพื่อมองหาต้นเสียงนั้น น้ำค้างบอกให้เขารีบออกไปจากที่นี่เธอไม่อยากเป็นหนึ่งในผู้รบกวน

“ผู้รบกวนอะไรกันน้ำค้าง น้ำค้างไม่ต้องกลัวนะ ตราบใดที่มีพี่อยู่น้ำค้างจะปลอดภัย” ชายเอาตัวบังน้ำค้างอย่างปกป้อง

“ตราบใดที่มีพี่อยู่น้ำค้างจะปลอดภัย ชิ...น้ำเน่าชะมัด” หมอเบะปากพูดตามชายอย่างหมั่นไส้ เมื่อประกายดาวได้ยินถึงกับหลุดขำออกมา

“ขำอะไรครับคุณดาว”

“หืม...ก็ดาวรู้สึกว่าคำพูดนั้นมันคุ้นๆ น่ะค่ะ อุ๊บ” ประกายดาวเอามือปิดปากตัวเอง ธนูมองเธออย่างเขิน เขาเองก็รู้สึกเหมือนกันว่าหมอนั่นพูดคำพูดเหมือนเขาไม่มีผิด ตุ่นเรียกให้ทุกคนจับตาดูให้ดี เพราะโอกาสนี้แหละที่จะจับได้ว่าชายจะทำอย่างไรกับเหตุการณ์ที่กำลังจะปรากฏตรงหน้า แล้วทั้งหมดก็วิ่งไปประจำการรอบห้อง ตุ่นจับรางระนาดเอาไว้ธนูกับประกายดาวจับรางฆ้องเอาไว้ ส่วนหมอจับจระเข้ทั้งหมดเตรียมพร้อมแล้วเมื่อตุ่นให้สัญญาณพวกเขาก็เข็นเครื่องดนตรีในมือให้ลื่นไถลไปทางชาย ชายหวีดร้องสุดเสียง หมอไม่พลาดที่จะเก็บภาพทุกช็อต น้ำค้างมองดูก็รู้ว่าต้องเป็นแผนการของใครบางคนเป็นแน่ เพราะเมื่อคืนเธอก็ทำอย่างนั้นกับธนูเหมือนกัน น้ำค้างจึงยืนอย่างตั้งมั่นไม่ไหวติง ตุ่นกับพวกมองดูน้ำค้างด้วยความเป็นห่วง แต่ดูเหมือนว่าเธอจะเข้มแข็งมาก

“อะไรกันเนี่ย ขนาดผียังไม่กลัว สมกับเป็นยัยน้ำค้างจริง ๆ” ตุ่นร้องอย่างทึ่ง

“หึ...คงจะตกใจจนยกขาไม่ขึ้นมากกว่ามั้ง” ธนูยังไม่วายพูดกระทบ แล้วพวกเขาก็เห็นชายหวีดร้องสุดเสียง หมอพอใจเป็นอย่างมาก ชายเดินถอยจนไปชนกับน้ำค้างทำให้ทั้งคู่ล้มไปกับพื้นด้วยกัน

“ตายแล้ว...” ตุ่นรีบลุกขึ้นยืนมองดูเพื่อนรักอย่างตกใจ แต่ภาพที่พวกเขาเห็นกลับยิ่งทำให้ทุกคนแทบจะหวีดร้องเมื่อชายใกล้ชิดกับน้ำค้างจนใบหน้าแทบจะชิดกันอยู่แล้ว ธนูโกรธมากเขาลุกขึ้นแล้วกำลังจะเข้าไปลากคอศัตรู

“ฮึ้ย...ไอ้คนฉวยโอกาส” แต่แล้วชายกลับรีบลุกขึ้นมาแล้วช่วยดึงน้ำค้างขึ้น

"ไปกันเถอะน้ำค้าง เราอยู่ที่นี่ไม่ได้แล้ว"

"ไม่... ฉันยังหาของไม่พบเลย"

"ของอะไร... ไม่ต้องสนใจแล้ว รีบไปเถอะ" แล้วเขาก็รีบพาน้ำค้างวิ่งหนีออกไปจากห้องดนตรีไทยทันที พวกตุ่นกับประกายดาวต่างมองกันเป็นตาเดียว

“ก็ไม่เลวนี่นา” ตุ่นยิ้มอย่างภูมิใจ

“สงสัยเราจะมองคนผิดไป” ประกายดาวก็เห็นด้วย แต่ความเห็นนั้นช่างตรงกันข้ามกับธนูและหมอ

“นายเก็บภาพหมอนั่นเอาไว้แล้วใช่ไหม”

“ใช่...รับรองงานนี้ไม่มีพลาด” หมอรับปากธนูอย่างมั่นใจ

……………………………………………………….

แล้ววันที่ภาพถ่ายใบนั้นจะปรากฏก็มาถึง รุ่งขึ้นพวกนิสิตต่างวิ่งมาดูที่บอร์ดติดประกาศอย่างคึกคัก ธนูกับหมอมองดูความสำเร็จของตัวเองอย่างมีความสุข

“แกนี่ฝีมือไม่เลวจริง ๆ”

“แน่นอนอยู่แล้ว ฉันมีฉายาว่า คุณหมอผู้กว้างขวาง” ธนูยิ้มอย่างพอใจ แล้วพวกเขาก็เดินเข้าไปชมภาพแห่งชัยชนะ แต่ทว่าภาพนั้นกลับทำให้เขาทั้งสองถึงกับตะลึง มันไม่ได้มีแค่ชายอยู่ในภาพแต่กลับมีน้ำค้างอยู่ในภาพด้วย แล้วพวกเขาก็กำลังใกล้ชิด จนคนที่มองภาพนึกว่าทั้งสองกำลังจะจูบกันเสียอีก

“ไอ้หมอ ทำไมมันถึงเป็นภาพนี้ไปได้”

“ฉะ...ฉันอุตส่าห์ย้ำนักย้ำหนาแล้วนะ ไอ้คนที่จ้างมันกลับทำเสียเรื่อง” ธนูโกรธจนตัวสั่น แต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ได้แต่ยืนมองดูผู้คนที่โจษจัณฑ์ถึงภาพสวีทหวานแหว๋วของชายกับน้ำค้าง ไม่นานนักข่าวคู่รักคู่ใหม่ก็โด่งดังไปทั่ว ตุ่นกับประกายดาวรีบวิ่งเข้ามาถามความเป็นจริงกับสองหนุ่ม หมอได้แต่ก้มหน้าอย่างยอมรับผิด

“โธ่เอ๊ย...นี่นายทำอะไรลงไปรู้ตัวบ้างไหม ถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่นก็คงจะดีใจอยู่หรอกนะ แต่นี่เป็นยัยน้ำค้าง ยัยคนนี้ยิ่งไม่เหมือนชาวบ้านชาวช่องอยู่ด้วย”

“ตายแล้ว...แล้วนี่เราจะทำยังไงกันดีล่ะ ป่านนี้คนคงจะนินทากันทั่ว พี่ชายเองก็คงจะช่วยแก้ข่าวให้ไม่ได้”

“แหงล่ะ ป่านนี้ไอ้หมอนั่นคงจะดีใจยิ้มจนแก้มปริอยู่ แทนที่จะกันหมอนั่นออกไป ยิ่งกลับทำให้มันเข้าใกล้ยัยท่อนไม้ได้มากขึ้น” ตุ่นฟังแล้วนิ่งคิด

“แต่ก็ดีเหมือนกันนะ...ภาพที่ฉันเห็นเมื่อคืน ก็เป็นเครื่องพิสูจน์ได้แล้วว่า หมอนั่นก็ไม่เลวเหมือนกัน หน้าตาก็หล่อ เป็นถึงเดือนมหา’ลัย ดู ๆไปก็เหมาะสมกับยัยน้ำค้างเพื่อนเราเหมือนกัน เนอะดาวเนอะ” ประกายดาวไม่มีความเห็นแต่ก็พยักหน้าตาม ธนูกับหมอยิ่งคิดก็ยิ่งแค้น ที่แผนการของพวกเขากลับล้มเหลวแล้วยิ่งทำให้ชายก้าวนำไปอีกหนึ่งก้าว

……………………………………………………….

เรื่องนั้นเป็นจริงดังที่ที่พวกเขาคิด เมื่อชายได้เห็นภาพ ถึงกับหัวเราะร่า เขาดีใจเป็นที่สุดที่ความรักระหว่างเขากับน้ำค้างในที่สุดก็เป็นที่รับรู้ ต่อไปนี้เขาจะเดินหน้าอย่างไม่มีถอย

“น้ำค้าง...คราวนี้เราก็ไม่ต้องปกปิดกันอีกต่อไปแล้ว ฮะ ฮะ ฮ่า” เพื่อน ๆ ของชายต่างพากันปรบมือยินดีกับเพื่อนรักจนล้อมวงเข้ามามากขึ้นเรื่อย ๆ เรื่อย ๆ จนแทบจะเหยียบชายมิด

……………………………………………………….

เมื่อน้ำค้างปั่นจักรยานเข้ามาจอดหน้าคณะ เธอก็รู้สึกแปลก ๆ กับสายตาของทุกคนที่มองมา

“เอาอีกแล้วเหรอ...นี่มันเกิดอะไรขึ้นอีกเนี่ย” น้ำค้างยังคงเดินขึ้นตึกต่อไป ท่ามกลางร้อยสายตาที่จับจ้อง สองเพื่อนสาวคู่หนึ่งไม่ได้แค่มองแต่เธอแต่รีบวิ่งเข้ามาแสดงความยินดีกับเธอ น้ำค้างถึงกับผง่ะถามกลับว่ายินดีเรื่องอะไร

“ก็เรื่องที่เธอกับพี่ชายเป็นแฟนกันน่ะสิ อะไรกันเจ้าตัวยังไม่รู้เรื่องอีกเหรอเนี่ย”

“น้ำค้าง ไม่ต้องมาแกล้งปฏิเสธเลย รูปเธอกับพี่ชายสวีทกันน่ะติดอยู่ที่บอร์ดตรงโน้นโน่น ดูสิเธอทำให้หัวใจของฉันสลายเลยรู้ตัวไหม ฉันน่ะเป็นแฟนคลับของพี่ชายมานานแค่ไหน ยังเข้าใกล้เขาได้ไม่เท่าเธอเลย...อ้าว...กลับมาฟังฉันก่อนสิน้ำค้าง....น้ำค้าง” น้ำค้างรีบวิ่งไปตั้งแต่เธอบอกว่ารูปเธอกับชายติดอยู่ที่บอร์ดแล้ว สองสาวได้แต่พูดกับลมจนรู้ตัวเมื่อน้ำค้างวิ่งไปไกลเสียแล้ว เธอวิ่งอย่างสับสนใจหนึ่งก็คิดว่านั่นเป็นเรื่องโกหกอีกใจก็คิดว่าต้องมีอะไรเกิดขึ้นแน่ ๆ หรือจะเป็นเรื่องเมื่อคืน และแล้วสิ่งที่เธอคิดก็เป็นจริงเมื่อภาพเธอกับเขาอยู่ตรงหน้า ทำไมถึงได้มีภาพเธอกับชายมาอยู่ตรงนี้ได้ เธอนึกถึงตุ่นที่ให้เธอไปหาสร้อยคอของประกายดาวที่นั่น น้ำค้างสับสนสุดขีดเธอก้มหน้าคิดแล้วค่อยๆ หันหลังเดินกลับออกมาจากภาพนั้น สายตาเปี่ยมไปด้วยความสิ้นหวัง ไม่ว่าใครจะมองหรือจะทัก เธอก็ไม่รับรู้ไม่ได้ยินเสียงอะไรทั้งสิ้น

……………………………………………………….

ด้วยความกังวลและเป็นห่วง ตุ่นกับประกายดาวจึงรีบมาหาน้ำค้างที่ร้านกาแฟที่เธอทำงานอยู่

“ยินดีต้อนรับค่ะ...” เมื่อน้ำค้างเห็นตุ่นกับประกายดาวก็นิ่งก่อนจะยิ้มรับ ถามไถ่ด้วยสีหน้าปกติ ตุ่นไม่ดีใจเลยที่เห็นน้ำค้างมีท่าทางแบบนี้ น้ำค้างบอกเดี๋ยวจะไปนำเครื่องดื่มที่สองสาวชอบเอามาให้แล้วเธอก็เดินหันหลังจากไป

“ฉันว่ายัยน้ำค้างคงรู้เรื่องนี้แล้วแน่ ๆ เลย”

“รู้แล้ว แต่ก็ไม่รู้ทำไมถึงยังยิ้มได้แบบนี้ฉันไม่เข้าใจเลย” ประกายดาวมองเพื่อนรักอย่างห่วงใย ไม่นานน้ำค้างก็เดินออกมาพร้อมกับน้ำส้มคั้นของโปรดของประกายดาวและน้ำมะนาวของโปรดของตุ่น ตุ่นขอบใจเธออย่างสุดซึ้งที่จดจำสิ่งที่เพื่อนชอบได้เสมอ

“ทำไมจะจำไม่ได้ล่ะ ก็พวกเธอเป็นเพื่อนที่สำคัญที่สุดสำหรับฉัน” ตุ่นฟังแล้วน้ำตาจะไหล เธอรู้สึกผิดที่เป็นตัวการทำให้น้ำค้างต้องเจ็บปวด ประกายดาวอยากจะถามถึงเรื่องนั้นแต่เมื่อเห็นสีหน้าที่ยิ้มแย้มของน้ำค้างก็ไม่กล้า น้ำค้างหันมองประกายดาว และมองสร้อยคอของเธอ สร้อยคอเส้นนั้นเป็นเส้นเดียวที่เธอเห็นประกายดาวใส่อยู่ตลอดเวลา และคืนนั้นเธอคงไม่ได้ทำตกเอาไว้เหมือนกับที่ตุ่นพูด แม้จะรู้ดีอยู่เต็มอกว่าโดนเพื่อนหักหลัง แต่น้ำค้างก็เลือกที่จะเก็บความรู้สึกนั้นไว้ สาเหตุที่เพื่อนของเธอมาที่นี่ก็คงเป็นเพราะอยากรู้ถึงความรู้สึกของเธอต่อเรื่องที่เกิดขึ้น

“ฉันรู้ว่าพวกเธออยากจะถามอะไรฉัน แต่อย่างที่เธอเห็น ฉันสบายดี พวกเธอไม่ต้องห่วงฉันหรอก”

“จริงเหรอ ต่อไปเธอจะลำบากนะน้ำค้าง”

“ไม่หรอก...ฉันน่ะไม่เคยลำบากหรอก ไม่เคยแม้แต่ครั้งเดียว” ตุ่นกับประกายดาวยิ่งสงสารน้ำค้างแต่ก็พูดอะไรไม่ออกเมื่อเห็นความเข้มแข็งของเธอ ลูกค้าเริ่มเข้าร้านมากขึ้นทุกที ๆ น้ำค้างจึงต้องขอตัวไปทำงานต่อ เธอหันมาขอบคุณในความเป็นห่วงของเพื่อนรัก จนตุ่นถึงกับทนไม่ได้น้ำตานองหน้ากระทั่งเดินออกจากร้านไปแล้ว ตุ่นก็ยังร้องไม่หยุด

“ฉันผิดเอง ฮือ ๆ เพราะฉัน  เรื่องบ้า ๆ นี้ถึงได้เกิดขึ้น”

“ตุ่นอย่าโทษตัวเองสิ เธอไม่ได้ทำร้ายเพื่อนหรอก”

“ทำร้ายเพื่อน ฮือ ๆ ฉันนี่แหละตัวมารเลย ถ้าฉันไม่บอกให้น้ำค้างไปหาสร้อยนั่น ป่านนี้น้ำค้างก็คงไม่น้ำตาตกในอย่างนั้น ฮือ ๆ” ประกายดาวถามเรื่องสร้อยว่ามันคืออะไรกันแน่ ตุ่นมองไปที่คอของเธอประกายดาวถึงกับเจ็บที่หัวใจ

“นี่เธอไม่ได้บอกความจริงกับน้ำค้างในคืนนั้น แต่กลับหลอกให้เธอมาอย่างนั้นเหรอ” ประกายดาวจุกที่คอจนพูดอะไรไม่ออก เมื่อกี้น้ำค้างคงมองสร้อยคอเส้นนี้อย่างเจ็บปวด

“โธ่...ยัยตุ่น”

“น้ำค้างรู้ว่าฉันโกหก ก็ยังขอบคุณฉันไม่ต่อว่าฉันสักคำคงจะเจ็บปวดน่าดู ฮือ ๆ ฉันผิดเอง...ฮือ ๆ ...ฉันทำให้น้ำค้างต้องเสียใจตีฉันให้ตายเถอะดาว....ตีฉันให้สมกับความผิดที่ทำกับเพื่อนรักได้ลงคอ...ฮือ ๆ” ตุ่นทรุดลงคุกเข่ากับพื้น ร้องไห้ไม่หยุด ประกายดาวได้แต่ปลอบใจเวลานี้เธอเป็นห่วงน้ำค้างยิ่งนัก

……………………………………………………….
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่