สวัสดีครับเพื่อนๆ พอดีเป็นมือใหม่หัดเล่านะครับ ยังไงก็ฝากเนื้อฝากตัวไว้ด้วย
จริงๆ เห็นเพื่อนหลายคนที่มาเล่าประสบการณ์ในการลดน้ำหนักนี่เป็นอะไรที่น่าสนใจมากๆ
และที่สำคัญทุกคนดูดีขึ้นแบบแทบจะต้องบอกว่าลดน้ำหนักเปลี่ยนชีวิตกันเลยทีเดียว
ผมเองก็เคยอยากจะมาเล่าอยู่หลายครั้ง แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจไม่เล่าทุกที
เพราะผมก็ไม่ได้ลดน้ำหนักอะไรได้เยอะแบบเพื่อนๆ หลายคนที่มาเล่าเรื่องราวสู่กันฟัง
แต่พอดีช่วงนี้เกิดอาการเปลี่ยวเนื่องจากมีอาการเฮิร์ตนิดหน่อยเลยต้องหาอะไรทำไม่ให้จิตตก
เลยตัดสินใจมาลองเล่าประสบการณ์ของตัวเองให้เพื่อนๆ อ่านดีกว่า อย่างน้อยเผื่อจะมีเพื่อนคุยด้วย
ซึ่งประสบการณ์เกี่ยวกับการลดน้ำหนักของผมนี่ยาวนานมาก เรียกได้ว่าตั้งแต่มัธยมจนปัจจุบันเลย (พูดเหมือนอายุมาก จริงๆ ยังไม่แก่นะ แค่สองปลายๆ หรือแค่นี้ก็แก่แล้ว)
ทีนี้ประสบการณ์แรกที่อยากจะเล่ามากๆ เรื่องแรกเลยคงเป็นเรื่องของตัวเลขครับ
หลายคนที่ลดน้ำหนักแน่นอนว่าจะห่วงและให้ความสำคัญกับตัวเลขมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
คงไม่มีใครเถียงผมแน่ๆ เพราะร้อยทั้งร้อยทุกคนจะมีเป้าและคิดตัวเลขไว้ในหัวอยู่แล้วว่าฉันจะลดเท่านั้น จะลงให้ได้เท่านี้
ผมก็เป็นคนหนึ่งครับที่มีเป้าแบบนั้น ซึ่งเป้าหมายที่ผมเคยคิดเอาไว้คืออยู่ที่ประมาณ 58-60 คือแบบอยากผอมมากๆ
ทีนี้ถ้าเราจะสนใจแต่น้ำหนักโดยไม่ดูส่วนสูงก็จะยังไงอยู่ ต้องบอกไว้ก่อนเลยว่าผมไม่ใช่คนตัวสูง จัดเป็นพวกเตี้ยได้เลยถ้าเทียบกับน้องๆ เด็กๆ เดี๋ยวนี้
ผมสูง 171 ครับ แอบเศร้าใจเล็กๆ นี่ถ้าแต่ก่อนออกกำลังกาย ไม่เล่นเกมดึกๆ นอนเยอะๆ อาจจะสูงกว่านี้ แต่นี่ทำอะไรไม่ได้แล้วก็ต้องทำใจ 555+
หลายคนคงกำลังจะบอกผมว่าเป้าหมายผมนี่มันไม่ค่อยสัมพันธ์กับส่วนสูงนะ มันดูน้อยไป บางคนก็บอกว่าดีๆ
ซึ่งตอนนี้ผมก็คิดได้ครับ เลยมีเป้าหมายใหม่แล้วตอนนี้ คือตั้งเป้าไว้อยู่ที่ประมาณ 63-65 แทนครับ เพิ่มมาอีกนิดจะได้ไม่ดูซูบเกินไป
แล้วทีนี้กลับมาเรื่องตัวเลขที่จะมาเล่าต่อนะครับ เดี๋ยวจะออกอ่าวยาวไปจนกู่ไม่กลับ เรื่องตัวเลขที่จะบอกคือ
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
คืออยากจะบอกว่าบางทีอย่ามัวแต่ให้ความสำคัญกับตัวเลขเกินไปนักเลยครับ
เพราะหลายคนให้ความสำคัญกับน้ำหนักมากเกินถึงขนาดชั่งน้ำหนัก เช้า กลางวัน เย็น ก่อนนอน (ผมเคยเป็นนะชั่งเช้า เย็น)
แบบว่าบางทีน้ำหนักก็อาจจะเป็นส่วนหนึ่งที่เห็นได้ชัดว่า นี่ไงฉันลดแล้ว ฉันทำสำเร็จแล้ว น้ำหนักฉันลงมาตั้งหลายขีดแล้วนะเธอ
ซึ่งเราก็ต้องมาดูกันอีกครับว่าไอ้การที่น้ำหนักลดมันมาจากอะไร แล้วเราใช้วิธีการไหนในการลดน้ำหนัก
สำหรับผมนี่ผ่านมาหลายวิธีครับอย่างที่บอกประสบการณ์ตั้งแต่สมัยมัธยมจนถึงปัจจุบัน ไม่ว่าจะทานอาหารเสริม ทานยาลดความอ้วน ใช้เทคโนโลยีช่วย (อันนี้มีหลากหลายมาก ทั้ง Vella, NIR, carboxy, tripolar) คุมอาหาร และแน่นอนว่าต้องมีออกกำลังกายแน่ๆ
แล้วที่จะเล่าเกี่ยวกับตัวเลขวันนี้เพราะพอดีไปเจอรูปอยู่รูปหนึ่งครับ เป็นรูปสมัยตอนเรียนอยู่ปี 3 (ไม่ขอบอกปีละกัน)
พอมาดูรูปตอนปี 3 ก็เลยคิดได้เรื่องตัวเลขเนี่ยแหละครับ คือตอนช่วงนั้นคำว่าออกกำลังกายนี่เป็นอะไรที่ไกลมากๆ
ไปดูรูปกันก่อนเลยดีกว่าครับ (ขอเซ็นเซอร์หน้าพี่ที่อยู่ร่วมในเฟรมนะครับ แอบขอบเจ้ต่ายเลยเอามาเซ็นเซอร์เลยละกัน ไม่รู้เจ้ต่ายจะว่าหรือเปล่า เอาเป็นว่าขออนุญาตหน่อยนะครับ)
จากที่เห็นรูปแล้ว ขอความกรุณาอย่าวิจารณ์หน้าตาเลยนะครับ พอดีหน้าตาไม่ได้ดีเหมือนคนอื่นๆ เอาเป็นว่าดูเรื่องน้ำหนักละกันนะครับ
สำหรับรูปสมัยปี 3 นี้ ผมหนักอยู่ที่ประมาณ 73-74 เป็นช่วงที่น้ำหนักเด้งจากการใช้ยาลดความอ้วนครับ
คือผมเคยน้ำหนักลงไปอยู่ที่ 62 จากการใช้ยาลดความอ้วนครับ ไว้เดี๋ยวยังไงจะมาเล่าให้ฟังว่าเป็นยังไงบ้าง
ผมว่าทุกคนคงรู้อยู่แล้วว่ามันไม่ดีหรอกไอ้ยาลดความอ้วนเนี่ย แต่ไอ้ความอยากผอมบางทีมันก็ผลักดันให้เราทำอะไรบางอย่างได้เหมือนกันนะ
ทีนี้ลองไปดูอีกรูปครับ เป็นรูปปัจจุบัน เอามาให้ดูสามรูป
สองรูปหลังนี่ถ่ายเมื่อเช้า

หุ่นไม่ดีมาก กำลังฟิตอยู่ ไงก็ดูผ่านๆ ไปละกันนะครับ ส่วนหุ่นตอนก่อนหน้าไว้ขอไปขุดรูปก่อนนะครับ
ไม่รู้ว่าดูแล้วมันแตกต่างกันหรือเปล่า ไม่ต้องทักเรื่องจมูกนะครับ เพราะบนหน้าเนี่ยผมไปทำจมูกมา ทั้งหน้าทำมาอย่างเดียว
แบบอยากดูดีเหมือนคนอื่นบ้างน่ะครับ เลยไปเสริมมา ทำมาสองครั้งครับรูปแรกคือที่ทำมาครั้งแรก รูปหลังนี่จมูกล่าสุด
ถ้ามีคนอยากดูเรื่องทำจมูกไว้จะเอารูปตอนหลังทำมาประจานตัวเองให้ดูนะครับ
แล้วรูปปัจจุบันถามว่าหนักเท่าไหร่ บอกได้เลยครับว่า 70-71 ดูแล้วอาจจะบอกว่าน้ำหนักไม่เห็นต่างกันเลย
ครับน้ำหนักไม่ต่างกันเลย แต่ดูแล้วหน้าพอจะต่างกันบ้างใช่ไหมครับ ซึ่งสิ่งหนึ่งที่สำคัญเลยคือการออกกำลังกายครับ
ต้องบอกเลยว่าผมมาเริ่มออกกำลังกายหลังจากเรียนจบปีสี่ครับ ก็ไปสมัครฟิตเนสที่เพิ่งปิดตัวไปไม่นาน เสียไปหลายบาทอยู่
จำได้ว่าตอนสมัครนี่ตลอดชีพรีนิวปีละสองพันได้มั้ง เสียไปประมาณ 28000 แล้วพอเล่นไปได้ไม่นานเซลก็ชวนให้อัพเกรดจะได้เล่นได้ทุกอย่างคือโยคะด้วย
ก็เสียไปอีกใกล้ๆ เดิม (บ้ามากสมัครยังไม่ถึงปีเลย จ่ายอีกละ แถมเอาจริงๆ ไอ้ที่เสียเพิ่มมาก็ไม่ได้เล่น)
ทีนี้หลายคนอาจสงสัยก็สมัครฟิตเนสแล้วไม่ลดบ้างเหรอ ต้องบอกเลยว่าที่สมัครฟิตเนสที่นี่แทบจะไม่ได้เล่นเวทหรือวิ่งอะไรเลย
เพราะพอมาเล่นแล้วก็เจอสิ่งที่ทำให้ผมติดคือคลาสครับ เป็นคลาสเต้น (ไม่ได้เข้าข้างอะไรนะ แต่จากที่ลองไปๆ มา คลาสเต้นที่มีในฟิตเนสเนี่ยของที่นี่เลิศสุดละ)
จริงๆ เข้าคลาสก็ควรจะลดถูกไหมครับ แต่เนื่องจากพอเล่นไปได้สักพักก็จะมีเพื่อน เริ่มรู้จักเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ในคลาส ซึ่งคนในคลาสมีความเหมือนกันคือชอบกิน
นั่นเลยเหตุผล เต้นเสร็จเลิกคลาสชวนกันไปกิน แต่ก็ยังดีนะที่ได้ออกกำลัง ถึงจะออกแล้วก็ไปเอาเข้าใหม่ก็เหอะ ถ้าไม่ออกแล้วกินอย่างเดียวคงแย่กว่านี้
ทีนี้ทำไมอยู่ๆ ถึงได้มาออกกำลังกายจริงจังตอนนี้ ก็เพราะฟิตเนสเดิมมันจะปิดตัวลง คลาสเต้นที่มีก็หายไป ผมก็เลยไม่ได้ไปฟิตเนสเท่าไหร่
จนถึงต้นปีเริ่มรู้สึกว่าอยากลดน้ำหนักจริงๆ เลยตัดสินใจไปสมัครฟิตเนสใหม่ครับ ทีนี้ก็ไปวิ่งบ้าง เข้าคลาสบ้าง มันก็ยังไม่ค่อยเท่าไหร่
ก็เล่นเรื่อยเปื่อยจนมาหลังสงกรานต์ครับ เห็นหุ่นคนอื่นแล้วเกิดอยากหุ่นดีแบบคนอื่นบ้าง ก็เริ่มหาข้อมูล ดูว่าต้องทำอะไรบ้าง
แล้วก็พอดีไปเจอรูปในอินสตาแกรมที่เป็นแรงผลักดันครับ เป็นรูปของคนที่เล่นโยคะ ต้องบอกเลยว่าผลอย่างหนึ่งจากการเข้าคลาสเต้นคือเรื่องความอ่อนตัวที่พอจะมีบ้าง
พอมาเห็นคนเล่นโยคะก็เลยคิดว่าอันนี้น่าจะเหมาะกับเราก็เลยลองเข้าดูครับ คลาสแรกที่เข้านี่ทำเอารู้ซึ้งเลยว่าโยคะไม่ใช่อะไรที่แค่เคลื่อนไหวง่ายๆ ช้าๆ ดูไม่มีอะไร คือเป็นอะไรที่เรียกเหงื่อได้ดีมากๆ
เหอๆ เผลอออกอ่าวอีกแล้วไว้เดี๋ยวมาเล่าเรื่องการเล่นโยคะกับแรงบันดาลใจต่อทีหลังละกัน มาพูดเรื่องน้ำหนักต่อก่อน
คือจากรูปแต่ก่อนเนี่ยพอผมเอาลงเฟส ก็มีเพื่อนมาถามว่าดูลดไปเยอะนะ แต่ก่อนหนักเท่าไหร่ ผมก็ได้แต่ยิ้มๆ เพราะก็ไม่รู้จะตอบยังไง
เนื่องจากว่าน้ำหนักมันไม่ได้ลงเท่าไหร่เลยครับ ผมเลยมาลองนึกดูเกี่ยวกับข้อมูลเรื่องการลดน้ำหนักที่เคยอ่านๆ มาครับ
คำตอบคือมวลของไขมันกับมวลของกล้ามเนื้อมันหนักไม่เท่ากันครับ ถ้าเราออกกำลังกายจะช่วยทำให้มีมวลกล้ามเนื้อเพิ่มซึ่งจะมีผลดีในเรื่องการเผาผลาญ
และแน่นอนว่าไอ้มวลกล้ามเนื้อที่เพิ่มมาบางทีอาจจะน้ำหนักพอกับไขมันที่หายไปหรืออาจจะมากกว่าด้วยซ้ำ
นี่เลยอาจเป็นเหตุผลที่ทำให้หลายๆ คนท้อครับเวลาที่พูดถึงตัวเลข แบบออกกำลังไปแล้วทำไมไม่ลดเลย แล้วสุดท้ายก็เลิกล้มความตั้งใจไป
ผมเลยอยากเป็นคนหนึ่งที่มาเล่าและเป็นกำลังใจให้คนที่กำลังลดน้ำหนักเหมือนกันครับ อย่าเพิ่งท้อขอแค่เราตั้งใจ
ที่สำคัญอย่าเพิ่งไปให้ความสำคัญกับตัวเลขมากนักเพราะการที่น้ำหนักคุณมันยังไม่ลดหรือว่าลดน้อยอาจเป็นเพราะร่างกายคุณได้มวลกล้ามเนื้อเพิ่มมาทดแทนที่ไขมันบ้างแล้ว
ปล. ผมไม่ได้ลดน้ำหนักได้เยอะเหมือนกับหลายๆ คนที่มาลงนะครับ แต่ที่มาเล่าเพราะอยากให้กำลังใจคนที่กำลังลดน้ำหนักเหมือนกันแล้วกำลังท้ออยู่ที่น้ำหนักไม่ลง
ปล.2 ผมเล่าไม่ค่อยเก่งนะครับ อาจจะดูข้ามไปข้ามมา ถือว่าอ่านขำๆ ละกันนะครับ ไม่รู้จะมีใครหลงเข้ามาอ่านหรือเปล่า ถ้าหลงเข้ามาก็ต้องขอบคุณล่วงหน้า แล้วยังไงก็มาตอบมาทักทายผมกันได้นะครับ ช่วงนี้กำลังนอยๆ จิตตก 555+
ปล.3 ถ้ามีคนอ่านไว้ผมจะมาเล่าเรื่องแรงบันดาลใจในการลดน้ำหนักกับการลดน้ำหนักตอนปัจจุบันต่อครั้งหน้านะครับ
บางทีเราให้ความสำคัญกับตัวเลขมากไปหรือเปล่า
จริงๆ เห็นเพื่อนหลายคนที่มาเล่าประสบการณ์ในการลดน้ำหนักนี่เป็นอะไรที่น่าสนใจมากๆ
และที่สำคัญทุกคนดูดีขึ้นแบบแทบจะต้องบอกว่าลดน้ำหนักเปลี่ยนชีวิตกันเลยทีเดียว
ผมเองก็เคยอยากจะมาเล่าอยู่หลายครั้ง แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจไม่เล่าทุกที
เพราะผมก็ไม่ได้ลดน้ำหนักอะไรได้เยอะแบบเพื่อนๆ หลายคนที่มาเล่าเรื่องราวสู่กันฟัง
แต่พอดีช่วงนี้เกิดอาการเปลี่ยวเนื่องจากมีอาการเฮิร์ตนิดหน่อยเลยต้องหาอะไรทำไม่ให้จิตตก
เลยตัดสินใจมาลองเล่าประสบการณ์ของตัวเองให้เพื่อนๆ อ่านดีกว่า อย่างน้อยเผื่อจะมีเพื่อนคุยด้วย
ซึ่งประสบการณ์เกี่ยวกับการลดน้ำหนักของผมนี่ยาวนานมาก เรียกได้ว่าตั้งแต่มัธยมจนปัจจุบันเลย (พูดเหมือนอายุมาก จริงๆ ยังไม่แก่นะ แค่สองปลายๆ หรือแค่นี้ก็แก่แล้ว)
ทีนี้ประสบการณ์แรกที่อยากจะเล่ามากๆ เรื่องแรกเลยคงเป็นเรื่องของตัวเลขครับ
หลายคนที่ลดน้ำหนักแน่นอนว่าจะห่วงและให้ความสำคัญกับตัวเลขมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
คงไม่มีใครเถียงผมแน่ๆ เพราะร้อยทั้งร้อยทุกคนจะมีเป้าและคิดตัวเลขไว้ในหัวอยู่แล้วว่าฉันจะลดเท่านั้น จะลงให้ได้เท่านี้
ผมก็เป็นคนหนึ่งครับที่มีเป้าแบบนั้น ซึ่งเป้าหมายที่ผมเคยคิดเอาไว้คืออยู่ที่ประมาณ 58-60 คือแบบอยากผอมมากๆ
ทีนี้ถ้าเราจะสนใจแต่น้ำหนักโดยไม่ดูส่วนสูงก็จะยังไงอยู่ ต้องบอกไว้ก่อนเลยว่าผมไม่ใช่คนตัวสูง จัดเป็นพวกเตี้ยได้เลยถ้าเทียบกับน้องๆ เด็กๆ เดี๋ยวนี้
ผมสูง 171 ครับ แอบเศร้าใจเล็กๆ นี่ถ้าแต่ก่อนออกกำลังกาย ไม่เล่นเกมดึกๆ นอนเยอะๆ อาจจะสูงกว่านี้ แต่นี่ทำอะไรไม่ได้แล้วก็ต้องทำใจ 555+
หลายคนคงกำลังจะบอกผมว่าเป้าหมายผมนี่มันไม่ค่อยสัมพันธ์กับส่วนสูงนะ มันดูน้อยไป บางคนก็บอกว่าดีๆ
ซึ่งตอนนี้ผมก็คิดได้ครับ เลยมีเป้าหมายใหม่แล้วตอนนี้ คือตั้งเป้าไว้อยู่ที่ประมาณ 63-65 แทนครับ เพิ่มมาอีกนิดจะได้ไม่ดูซูบเกินไป
แล้วทีนี้กลับมาเรื่องตัวเลขที่จะมาเล่าต่อนะครับ เดี๋ยวจะออกอ่าวยาวไปจนกู่ไม่กลับ เรื่องตัวเลขที่จะบอกคือ
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
คืออยากจะบอกว่าบางทีอย่ามัวแต่ให้ความสำคัญกับตัวเลขเกินไปนักเลยครับ
เพราะหลายคนให้ความสำคัญกับน้ำหนักมากเกินถึงขนาดชั่งน้ำหนัก เช้า กลางวัน เย็น ก่อนนอน (ผมเคยเป็นนะชั่งเช้า เย็น)
แบบว่าบางทีน้ำหนักก็อาจจะเป็นส่วนหนึ่งที่เห็นได้ชัดว่า นี่ไงฉันลดแล้ว ฉันทำสำเร็จแล้ว น้ำหนักฉันลงมาตั้งหลายขีดแล้วนะเธอ
ซึ่งเราก็ต้องมาดูกันอีกครับว่าไอ้การที่น้ำหนักลดมันมาจากอะไร แล้วเราใช้วิธีการไหนในการลดน้ำหนัก
สำหรับผมนี่ผ่านมาหลายวิธีครับอย่างที่บอกประสบการณ์ตั้งแต่สมัยมัธยมจนถึงปัจจุบัน ไม่ว่าจะทานอาหารเสริม ทานยาลดความอ้วน ใช้เทคโนโลยีช่วย (อันนี้มีหลากหลายมาก ทั้ง Vella, NIR, carboxy, tripolar) คุมอาหาร และแน่นอนว่าต้องมีออกกำลังกายแน่ๆ
แล้วที่จะเล่าเกี่ยวกับตัวเลขวันนี้เพราะพอดีไปเจอรูปอยู่รูปหนึ่งครับ เป็นรูปสมัยตอนเรียนอยู่ปี 3 (ไม่ขอบอกปีละกัน)
พอมาดูรูปตอนปี 3 ก็เลยคิดได้เรื่องตัวเลขเนี่ยแหละครับ คือตอนช่วงนั้นคำว่าออกกำลังกายนี่เป็นอะไรที่ไกลมากๆ
ไปดูรูปกันก่อนเลยดีกว่าครับ (ขอเซ็นเซอร์หน้าพี่ที่อยู่ร่วมในเฟรมนะครับ แอบขอบเจ้ต่ายเลยเอามาเซ็นเซอร์เลยละกัน ไม่รู้เจ้ต่ายจะว่าหรือเปล่า เอาเป็นว่าขออนุญาตหน่อยนะครับ)
จากที่เห็นรูปแล้ว ขอความกรุณาอย่าวิจารณ์หน้าตาเลยนะครับ พอดีหน้าตาไม่ได้ดีเหมือนคนอื่นๆ เอาเป็นว่าดูเรื่องน้ำหนักละกันนะครับ
สำหรับรูปสมัยปี 3 นี้ ผมหนักอยู่ที่ประมาณ 73-74 เป็นช่วงที่น้ำหนักเด้งจากการใช้ยาลดความอ้วนครับ
คือผมเคยน้ำหนักลงไปอยู่ที่ 62 จากการใช้ยาลดความอ้วนครับ ไว้เดี๋ยวยังไงจะมาเล่าให้ฟังว่าเป็นยังไงบ้าง
ผมว่าทุกคนคงรู้อยู่แล้วว่ามันไม่ดีหรอกไอ้ยาลดความอ้วนเนี่ย แต่ไอ้ความอยากผอมบางทีมันก็ผลักดันให้เราทำอะไรบางอย่างได้เหมือนกันนะ
ทีนี้ลองไปดูอีกรูปครับ เป็นรูปปัจจุบัน เอามาให้ดูสามรูป
สองรูปหลังนี่ถ่ายเมื่อเช้า
หุ่นไม่ดีมาก กำลังฟิตอยู่ ไงก็ดูผ่านๆ ไปละกันนะครับ ส่วนหุ่นตอนก่อนหน้าไว้ขอไปขุดรูปก่อนนะครับ
ไม่รู้ว่าดูแล้วมันแตกต่างกันหรือเปล่า ไม่ต้องทักเรื่องจมูกนะครับ เพราะบนหน้าเนี่ยผมไปทำจมูกมา ทั้งหน้าทำมาอย่างเดียว
แบบอยากดูดีเหมือนคนอื่นบ้างน่ะครับ เลยไปเสริมมา ทำมาสองครั้งครับรูปแรกคือที่ทำมาครั้งแรก รูปหลังนี่จมูกล่าสุด
ถ้ามีคนอยากดูเรื่องทำจมูกไว้จะเอารูปตอนหลังทำมาประจานตัวเองให้ดูนะครับ
แล้วรูปปัจจุบันถามว่าหนักเท่าไหร่ บอกได้เลยครับว่า 70-71 ดูแล้วอาจจะบอกว่าน้ำหนักไม่เห็นต่างกันเลย
ครับน้ำหนักไม่ต่างกันเลย แต่ดูแล้วหน้าพอจะต่างกันบ้างใช่ไหมครับ ซึ่งสิ่งหนึ่งที่สำคัญเลยคือการออกกำลังกายครับ
ต้องบอกเลยว่าผมมาเริ่มออกกำลังกายหลังจากเรียนจบปีสี่ครับ ก็ไปสมัครฟิตเนสที่เพิ่งปิดตัวไปไม่นาน เสียไปหลายบาทอยู่
จำได้ว่าตอนสมัครนี่ตลอดชีพรีนิวปีละสองพันได้มั้ง เสียไปประมาณ 28000 แล้วพอเล่นไปได้ไม่นานเซลก็ชวนให้อัพเกรดจะได้เล่นได้ทุกอย่างคือโยคะด้วย
ก็เสียไปอีกใกล้ๆ เดิม (บ้ามากสมัครยังไม่ถึงปีเลย จ่ายอีกละ แถมเอาจริงๆ ไอ้ที่เสียเพิ่มมาก็ไม่ได้เล่น)
ทีนี้หลายคนอาจสงสัยก็สมัครฟิตเนสแล้วไม่ลดบ้างเหรอ ต้องบอกเลยว่าที่สมัครฟิตเนสที่นี่แทบจะไม่ได้เล่นเวทหรือวิ่งอะไรเลย
เพราะพอมาเล่นแล้วก็เจอสิ่งที่ทำให้ผมติดคือคลาสครับ เป็นคลาสเต้น (ไม่ได้เข้าข้างอะไรนะ แต่จากที่ลองไปๆ มา คลาสเต้นที่มีในฟิตเนสเนี่ยของที่นี่เลิศสุดละ)
จริงๆ เข้าคลาสก็ควรจะลดถูกไหมครับ แต่เนื่องจากพอเล่นไปได้สักพักก็จะมีเพื่อน เริ่มรู้จักเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ในคลาส ซึ่งคนในคลาสมีความเหมือนกันคือชอบกิน
นั่นเลยเหตุผล เต้นเสร็จเลิกคลาสชวนกันไปกิน แต่ก็ยังดีนะที่ได้ออกกำลัง ถึงจะออกแล้วก็ไปเอาเข้าใหม่ก็เหอะ ถ้าไม่ออกแล้วกินอย่างเดียวคงแย่กว่านี้
ทีนี้ทำไมอยู่ๆ ถึงได้มาออกกำลังกายจริงจังตอนนี้ ก็เพราะฟิตเนสเดิมมันจะปิดตัวลง คลาสเต้นที่มีก็หายไป ผมก็เลยไม่ได้ไปฟิตเนสเท่าไหร่
จนถึงต้นปีเริ่มรู้สึกว่าอยากลดน้ำหนักจริงๆ เลยตัดสินใจไปสมัครฟิตเนสใหม่ครับ ทีนี้ก็ไปวิ่งบ้าง เข้าคลาสบ้าง มันก็ยังไม่ค่อยเท่าไหร่
ก็เล่นเรื่อยเปื่อยจนมาหลังสงกรานต์ครับ เห็นหุ่นคนอื่นแล้วเกิดอยากหุ่นดีแบบคนอื่นบ้าง ก็เริ่มหาข้อมูล ดูว่าต้องทำอะไรบ้าง
แล้วก็พอดีไปเจอรูปในอินสตาแกรมที่เป็นแรงผลักดันครับ เป็นรูปของคนที่เล่นโยคะ ต้องบอกเลยว่าผลอย่างหนึ่งจากการเข้าคลาสเต้นคือเรื่องความอ่อนตัวที่พอจะมีบ้าง
พอมาเห็นคนเล่นโยคะก็เลยคิดว่าอันนี้น่าจะเหมาะกับเราก็เลยลองเข้าดูครับ คลาสแรกที่เข้านี่ทำเอารู้ซึ้งเลยว่าโยคะไม่ใช่อะไรที่แค่เคลื่อนไหวง่ายๆ ช้าๆ ดูไม่มีอะไร คือเป็นอะไรที่เรียกเหงื่อได้ดีมากๆ
เหอๆ เผลอออกอ่าวอีกแล้วไว้เดี๋ยวมาเล่าเรื่องการเล่นโยคะกับแรงบันดาลใจต่อทีหลังละกัน มาพูดเรื่องน้ำหนักต่อก่อน
คือจากรูปแต่ก่อนเนี่ยพอผมเอาลงเฟส ก็มีเพื่อนมาถามว่าดูลดไปเยอะนะ แต่ก่อนหนักเท่าไหร่ ผมก็ได้แต่ยิ้มๆ เพราะก็ไม่รู้จะตอบยังไง
เนื่องจากว่าน้ำหนักมันไม่ได้ลงเท่าไหร่เลยครับ ผมเลยมาลองนึกดูเกี่ยวกับข้อมูลเรื่องการลดน้ำหนักที่เคยอ่านๆ มาครับ
คำตอบคือมวลของไขมันกับมวลของกล้ามเนื้อมันหนักไม่เท่ากันครับ ถ้าเราออกกำลังกายจะช่วยทำให้มีมวลกล้ามเนื้อเพิ่มซึ่งจะมีผลดีในเรื่องการเผาผลาญ
และแน่นอนว่าไอ้มวลกล้ามเนื้อที่เพิ่มมาบางทีอาจจะน้ำหนักพอกับไขมันที่หายไปหรืออาจจะมากกว่าด้วยซ้ำ
นี่เลยอาจเป็นเหตุผลที่ทำให้หลายๆ คนท้อครับเวลาที่พูดถึงตัวเลข แบบออกกำลังไปแล้วทำไมไม่ลดเลย แล้วสุดท้ายก็เลิกล้มความตั้งใจไป
ผมเลยอยากเป็นคนหนึ่งที่มาเล่าและเป็นกำลังใจให้คนที่กำลังลดน้ำหนักเหมือนกันครับ อย่าเพิ่งท้อขอแค่เราตั้งใจ
ที่สำคัญอย่าเพิ่งไปให้ความสำคัญกับตัวเลขมากนักเพราะการที่น้ำหนักคุณมันยังไม่ลดหรือว่าลดน้อยอาจเป็นเพราะร่างกายคุณได้มวลกล้ามเนื้อเพิ่มมาทดแทนที่ไขมันบ้างแล้ว
ปล. ผมไม่ได้ลดน้ำหนักได้เยอะเหมือนกับหลายๆ คนที่มาลงนะครับ แต่ที่มาเล่าเพราะอยากให้กำลังใจคนที่กำลังลดน้ำหนักเหมือนกันแล้วกำลังท้ออยู่ที่น้ำหนักไม่ลง
ปล.2 ผมเล่าไม่ค่อยเก่งนะครับ อาจจะดูข้ามไปข้ามมา ถือว่าอ่านขำๆ ละกันนะครับ ไม่รู้จะมีใครหลงเข้ามาอ่านหรือเปล่า ถ้าหลงเข้ามาก็ต้องขอบคุณล่วงหน้า แล้วยังไงก็มาตอบมาทักทายผมกันได้นะครับ ช่วงนี้กำลังนอยๆ จิตตก 555+
ปล.3 ถ้ามีคนอ่านไว้ผมจะมาเล่าเรื่องแรงบันดาลใจในการลดน้ำหนักกับการลดน้ำหนักตอนปัจจุบันต่อครั้งหน้านะครับ