นักล่าแห่งรัตติกาล ภาค สัญลักษณ์เลือด บทต้น
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=moonyforever&month=14-11-2012&group=25&gblog=1
บทที่ 12 การปรากฏตัวของไรซิน
http://pantip.com/topic/30171877
บทที่ 13 คำชักชวน
ริมฝีปากบางที่กำลังเหยียดยิ้มอย่างมีเลศนัยทำให้โทมัสนั่งตัวแข็ง ตลอดเวลาที่ผ่านมาแม้จะถูกกลั่นแกล้งอย่างหนักเขาไม่เคยหวาดกลัวเลยสักครั้ง แต่ในตอนนี้เป็นครั้งแรกที่เขายอมรับกับตัวเองว่ากลัว เพียงแต่ไม่รู้ว่ากลัวอะไรระหว่างรอยยิ้มลึกลับหรือดวงตาสีเปลือกไม้ที่แสนเย็นชาอำมหิตของบุรุษที่อ้างว่าตัวเองคือบุคคลที่มีอายุมากกว่าสองร้อยปี
“จะให้เชื่อได้ยังไงว่าคุณมีอายุยืนยาวขนาดนั้น” โทมัสเอ่ยปากออกมาได้ในที่สุด ไรซินผายมือทั้งสองข้างออกพร้อมกับยักไหล่
“วิทยาศาสตร์”
“ผมไม่เข้าใจ” โทมัสพูดด้วยความงุนงง อีกฝ่ายยังคงยิ้มพร้อมกับตอบ
“วิศวพันธุกรรมสร้างเรื่องมหัศจรรย์ได้เสมอ” เขาเอนตัวพิงพนักเก้าอี้ “ที่ผมสร้างมหาวิทยาลัยนี้ขึ้นมาก็เพื่อเฟ้นหาบุคลากรที่มีความสามารถสำหรับงานด้านนี้ แต่เท่าที่ได้ก็มีเพียงนักชีววิทยามือสมัครเล่นกับนักเคมีฝีมือพอทน แต่ไม่มีใครสักคนเก่งพอที่จะพูดภาษาเดียวกับผม”
เขาหยุดและมองหน้าโทมัสเขม็ง
“ผมถอดใจเรื่องผู้ช่วยมานานกระทั่งเห็นวีรกรรมครั้งแรกของคุณ จะบอกว่าประทับใจก็ไม่เชิงนักเพราะมันเป็นแค่การทะเลาะกันระหว่างเด็ก สิ่งที่ถูกใจคือเรื่องราวที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นต่างหาก”
ดวงตาของไรซินทอประกาย
“คุณไม่ต้องการฆ่าใครแต่เจตนาให้พวกเขาเปลี่ยนสภาพและทนทุกข์ทรมานกับรูปร่างที่ทำให้รู้สึกเหมือนตกนรกทั้งเป็น”
โทมัสไม่ได้ฟังเรื่องราวที่ไรซินพูดเท่าใดนักเพราะสนใจเรื่องอื่นมากกว่า เขาประสานมือไว้บนโต๊ะพร้อมกับพูด
“เพราะเหตุนี้คุณจึงเป็นธุระเรื่องค่าใช้จ่ายในการเรียน ถ้าผมฉลาดไม่คุ้มกับเงินที่เสียไปละ คุณจะทำยังไง”
“อย่างน้อยผมก็ได้ตัวอย่างทดลองเพิ่มมาอีกหนึ่ง” ไรซินตอบ “แต่ผมเป็นคนจำพวกเชื่อมั่นในความคิด จึงรู้ดีว่านี่ไม่ใช่การตัดสินใจผิด”
โทมัสนิ่งไปเล็กน้อยก่อนจะจ้องอีกฝ่าย
“คุณคอยเฝ้าดูผมมาตลอด”
“เกือบตลอดเวลา ถึงผมจะเป็นคนเจ้าระเบียบแต่ก็เคารพในความเป็นส่วนตัวของคนอื่น”
ไรซินพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบอย่างที่เคยใช้ตามปรกติ โทมัสนิ่งไปอีกครั้ง เขามองหน้าอีกฝ่ายอย่างไตร่ตรองและตัดสินใจเอ่ยปากพูดในที่สุด
“ผมไม่ชอบอ้อมค้อม บอกตามตรงมาเลยดีกว่าว่าคุณต้องการอะไร”
“ตรงไปตรงมาดี” ไรซินพูดด้วยท่าทางพึงพอใจ “งั้นขอบอกตามตรงว่า ผมอยากให้คุณมาเข้าร่วมทีมวิจัย”
“วิจัยอะไร” โทมัสซักด้วยความสงสัย อีกฝ่ายจึงโบกนิ้วชี้ไปมา
“มีเรื่องนี้เท่านั้นที่ผมบอกคุณไม่ได้”
“บอกไม่ได้” โทมัสทวนคำเสียงเรียบ “หรือว่างานวิจัยของคุณเป็นเรื่องผิดกฏหมาย”
ไรซินยิ้มให้กับคำถามของเด็กหนุ่ม เขาโน้มตัวมาข้างหน้าเล็กน้อยพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงที่ฟังคล้ายผู้ใหญ่กำลังเล่านิทาน
“นานมาแล้วมีเด็กกำพร้าคนหนึ่งถูกรังแกโดยเพื่อนนักเรียนด้วยกันอยู่ตลอดเวลา แม้เขาจะพยายามบอกครูแต่ก็ไม่มีใครสนใจฟัง กระทั่งวันหนึ่งเขาได้พบตำราวิเศษ เด็กคนนั้นจึงสร้างยาขนานหนึ่งขึ้นมาจัดการเพื่อนใจร้ายพวกนั้นจนหมอบกระแต ถึงจะมีคนรู้ว่ายาวิเศษนั่นคือยาพิษแต่ก็ไม่มีใครคิดว่าเด็กตัวน้อยจะเป็นคนทำ ผลก็คือเขาสามารถมาโรงเรียนได้อย่างสบายใจและคิดว่าตั้งแต่นี้ต่อไปหากถูกรังแก เขาจะโต้กลับด้วยวิธีที่อีกฝ่ายจะต้องจำไปจนวันตาย”
ไรซินหยุดคำพูดและมองหน้าโทมัส
“คำถามก็คือ สิ่งที่เด็กคนนั้นทำเป็นเรื่องผิดกฏหมายหรือเปล่า เพราะแม้จะไม่มีคนตายแต่ผลลัพท์ที่ได้ก็ใกล้เคียงกัน”
โทมัสนั่งฟังอีกฝ่ายเล่าจนจบ ดวงตาที่มักจะปราศจากความรู้สึกทอประกายบางอย่างออกมา
“สิ่งที่เด็กคนนั้นทำอาจไม่ถูกต้อง แต่ก็ไม่ใช่เรื่องผิดกฏหมาย”
“คุณคิดอย่างนั้นหรือ” ไรซินสวนคำถามขึ้นทันควันและยิ้มเมื่อโทมัสนิ่งไม่ยอมตอบ “งั้นงานวิจัยของผมก็ไม่ใช่เรื่องผิดกฏหมาย”
โทมัสขมวดคิ้วและพูดอะไรไม่ออกอยู่ครู่ใหญ่ สุดท้ายจึงถาม
“ทำไมถึงเลือกผม”
“เพราะมุมมองและการกระทำของคุณ อย่างแรกคือคุณสนใจการค้นคว้าหาความรู้มากกว่าทรัพย์สินเงินทอง เรื่องที่สองก็คือคุณมีความอดกลั้นต่อการถูกกลั่นแกล้งแต่จะไม่ทนถ้าเห็นเพื่อนรักเจ็บตัว”
“คริส” โทมัสเผลอหลุดปากออกมาเบาๆและรีบสั่นศีรษะ “ผมไม่ต้องการให้เขาต้องมารับเคราะห์แทน”
“พร้อมจะเป็นศัตรูกับคนทั้งโลกเพื่อคนสำคัญเพียงคนเดียว” ไรซินพูด ดวงตาเหลือบไปยังภาพวาดของวิลเลี่ยมก่อนจะตวัดกลับมาที่โทมัสอย่างเร็ว เด็กหนุ่มยักไหล่
“ผมไม่สนใครอยู่แล้ว”
“งั้นคุณก็มีคุณสมบัติที่เหมาะสมสำหรับงานวิจัย” ไรซินพูด “ทีนี้สนใจจะมาทำงานกับผมแล้วหรือยัง”
“ผมยังเป็นเพียงนักศึกษาปีหนึ่ง”
“มันสมองของคุณมีระดับสูงกว่านักศึกษาปริญญาเอกเสียอีก” ไรซินพูดแทรกขึ้นมาในทันที โทมัสนิ่งไปอีกครั้งก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่เบากว่าเดิม
“แล้วคริส”
“ไม่ต้องเป็นห่วง ด้วยสติปัญญากับความสามารถของเขาคงตามไปอยู่กับพวกเราได้ในไม่ช้า เพียงแต่ว่าเขาอาจจะได้ทำงานคนละส่วนกับของคุณ”
คำพูดของมนุษย์พิษทำให้โทมัสขมวดคิ้วและใช้ความคิดอยู่นาน ที่สุดเขาจึงตัดสินใจ
“ผมขอเวลาคิดดูก่อน”
“ตามสบาย” ไรซินพูดพร้อมกับผายมือไปที่ประตู “ถ้าอย่างนั้นผมจะไม่กวนเวลาของคุณ กลับไปนอนพักและคิดดูให้ดี ตัดสินใจได้เมื่อไหร่ผมจะส่งคนมารับ”
โทมัสลุกขึ้นเดินไปที่ประตูและชะงักมือเมื่อเสียงเรียบเย็นพูดขึ้น
“แล้วพบกันใหม่ คุณเฮลเลอร์สไตน์”
นักล่าแห่งรัตติกาล ภาค สัญลักษณ์เลือด บทที่ 13 คำชักชวน
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=moonyforever&month=14-11-2012&group=25&gblog=1
บทที่ 12 การปรากฏตัวของไรซิน
http://pantip.com/topic/30171877
บทที่ 13 คำชักชวน
ริมฝีปากบางที่กำลังเหยียดยิ้มอย่างมีเลศนัยทำให้โทมัสนั่งตัวแข็ง ตลอดเวลาที่ผ่านมาแม้จะถูกกลั่นแกล้งอย่างหนักเขาไม่เคยหวาดกลัวเลยสักครั้ง แต่ในตอนนี้เป็นครั้งแรกที่เขายอมรับกับตัวเองว่ากลัว เพียงแต่ไม่รู้ว่ากลัวอะไรระหว่างรอยยิ้มลึกลับหรือดวงตาสีเปลือกไม้ที่แสนเย็นชาอำมหิตของบุรุษที่อ้างว่าตัวเองคือบุคคลที่มีอายุมากกว่าสองร้อยปี
“จะให้เชื่อได้ยังไงว่าคุณมีอายุยืนยาวขนาดนั้น” โทมัสเอ่ยปากออกมาได้ในที่สุด ไรซินผายมือทั้งสองข้างออกพร้อมกับยักไหล่
“วิทยาศาสตร์”
“ผมไม่เข้าใจ” โทมัสพูดด้วยความงุนงง อีกฝ่ายยังคงยิ้มพร้อมกับตอบ
“วิศวพันธุกรรมสร้างเรื่องมหัศจรรย์ได้เสมอ” เขาเอนตัวพิงพนักเก้าอี้ “ที่ผมสร้างมหาวิทยาลัยนี้ขึ้นมาก็เพื่อเฟ้นหาบุคลากรที่มีความสามารถสำหรับงานด้านนี้ แต่เท่าที่ได้ก็มีเพียงนักชีววิทยามือสมัครเล่นกับนักเคมีฝีมือพอทน แต่ไม่มีใครสักคนเก่งพอที่จะพูดภาษาเดียวกับผม”
เขาหยุดและมองหน้าโทมัสเขม็ง
“ผมถอดใจเรื่องผู้ช่วยมานานกระทั่งเห็นวีรกรรมครั้งแรกของคุณ จะบอกว่าประทับใจก็ไม่เชิงนักเพราะมันเป็นแค่การทะเลาะกันระหว่างเด็ก สิ่งที่ถูกใจคือเรื่องราวที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นต่างหาก”
ดวงตาของไรซินทอประกาย
“คุณไม่ต้องการฆ่าใครแต่เจตนาให้พวกเขาเปลี่ยนสภาพและทนทุกข์ทรมานกับรูปร่างที่ทำให้รู้สึกเหมือนตกนรกทั้งเป็น”
โทมัสไม่ได้ฟังเรื่องราวที่ไรซินพูดเท่าใดนักเพราะสนใจเรื่องอื่นมากกว่า เขาประสานมือไว้บนโต๊ะพร้อมกับพูด
“เพราะเหตุนี้คุณจึงเป็นธุระเรื่องค่าใช้จ่ายในการเรียน ถ้าผมฉลาดไม่คุ้มกับเงินที่เสียไปละ คุณจะทำยังไง”
“อย่างน้อยผมก็ได้ตัวอย่างทดลองเพิ่มมาอีกหนึ่ง” ไรซินตอบ “แต่ผมเป็นคนจำพวกเชื่อมั่นในความคิด จึงรู้ดีว่านี่ไม่ใช่การตัดสินใจผิด”
โทมัสนิ่งไปเล็กน้อยก่อนจะจ้องอีกฝ่าย
“คุณคอยเฝ้าดูผมมาตลอด”
“เกือบตลอดเวลา ถึงผมจะเป็นคนเจ้าระเบียบแต่ก็เคารพในความเป็นส่วนตัวของคนอื่น”
ไรซินพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบอย่างที่เคยใช้ตามปรกติ โทมัสนิ่งไปอีกครั้ง เขามองหน้าอีกฝ่ายอย่างไตร่ตรองและตัดสินใจเอ่ยปากพูดในที่สุด
“ผมไม่ชอบอ้อมค้อม บอกตามตรงมาเลยดีกว่าว่าคุณต้องการอะไร”
“ตรงไปตรงมาดี” ไรซินพูดด้วยท่าทางพึงพอใจ “งั้นขอบอกตามตรงว่า ผมอยากให้คุณมาเข้าร่วมทีมวิจัย”
“วิจัยอะไร” โทมัสซักด้วยความสงสัย อีกฝ่ายจึงโบกนิ้วชี้ไปมา
“มีเรื่องนี้เท่านั้นที่ผมบอกคุณไม่ได้”
“บอกไม่ได้” โทมัสทวนคำเสียงเรียบ “หรือว่างานวิจัยของคุณเป็นเรื่องผิดกฏหมาย”
ไรซินยิ้มให้กับคำถามของเด็กหนุ่ม เขาโน้มตัวมาข้างหน้าเล็กน้อยพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงที่ฟังคล้ายผู้ใหญ่กำลังเล่านิทาน
“นานมาแล้วมีเด็กกำพร้าคนหนึ่งถูกรังแกโดยเพื่อนนักเรียนด้วยกันอยู่ตลอดเวลา แม้เขาจะพยายามบอกครูแต่ก็ไม่มีใครสนใจฟัง กระทั่งวันหนึ่งเขาได้พบตำราวิเศษ เด็กคนนั้นจึงสร้างยาขนานหนึ่งขึ้นมาจัดการเพื่อนใจร้ายพวกนั้นจนหมอบกระแต ถึงจะมีคนรู้ว่ายาวิเศษนั่นคือยาพิษแต่ก็ไม่มีใครคิดว่าเด็กตัวน้อยจะเป็นคนทำ ผลก็คือเขาสามารถมาโรงเรียนได้อย่างสบายใจและคิดว่าตั้งแต่นี้ต่อไปหากถูกรังแก เขาจะโต้กลับด้วยวิธีที่อีกฝ่ายจะต้องจำไปจนวันตาย”
ไรซินหยุดคำพูดและมองหน้าโทมัส
“คำถามก็คือ สิ่งที่เด็กคนนั้นทำเป็นเรื่องผิดกฏหมายหรือเปล่า เพราะแม้จะไม่มีคนตายแต่ผลลัพท์ที่ได้ก็ใกล้เคียงกัน”
โทมัสนั่งฟังอีกฝ่ายเล่าจนจบ ดวงตาที่มักจะปราศจากความรู้สึกทอประกายบางอย่างออกมา
“สิ่งที่เด็กคนนั้นทำอาจไม่ถูกต้อง แต่ก็ไม่ใช่เรื่องผิดกฏหมาย”
“คุณคิดอย่างนั้นหรือ” ไรซินสวนคำถามขึ้นทันควันและยิ้มเมื่อโทมัสนิ่งไม่ยอมตอบ “งั้นงานวิจัยของผมก็ไม่ใช่เรื่องผิดกฏหมาย”
โทมัสขมวดคิ้วและพูดอะไรไม่ออกอยู่ครู่ใหญ่ สุดท้ายจึงถาม
“ทำไมถึงเลือกผม”
“เพราะมุมมองและการกระทำของคุณ อย่างแรกคือคุณสนใจการค้นคว้าหาความรู้มากกว่าทรัพย์สินเงินทอง เรื่องที่สองก็คือคุณมีความอดกลั้นต่อการถูกกลั่นแกล้งแต่จะไม่ทนถ้าเห็นเพื่อนรักเจ็บตัว”
“คริส” โทมัสเผลอหลุดปากออกมาเบาๆและรีบสั่นศีรษะ “ผมไม่ต้องการให้เขาต้องมารับเคราะห์แทน”
“พร้อมจะเป็นศัตรูกับคนทั้งโลกเพื่อคนสำคัญเพียงคนเดียว” ไรซินพูด ดวงตาเหลือบไปยังภาพวาดของวิลเลี่ยมก่อนจะตวัดกลับมาที่โทมัสอย่างเร็ว เด็กหนุ่มยักไหล่
“ผมไม่สนใครอยู่แล้ว”
“งั้นคุณก็มีคุณสมบัติที่เหมาะสมสำหรับงานวิจัย” ไรซินพูด “ทีนี้สนใจจะมาทำงานกับผมแล้วหรือยัง”
“ผมยังเป็นเพียงนักศึกษาปีหนึ่ง”
“มันสมองของคุณมีระดับสูงกว่านักศึกษาปริญญาเอกเสียอีก” ไรซินพูดแทรกขึ้นมาในทันที โทมัสนิ่งไปอีกครั้งก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่เบากว่าเดิม
“แล้วคริส”
“ไม่ต้องเป็นห่วง ด้วยสติปัญญากับความสามารถของเขาคงตามไปอยู่กับพวกเราได้ในไม่ช้า เพียงแต่ว่าเขาอาจจะได้ทำงานคนละส่วนกับของคุณ”
คำพูดของมนุษย์พิษทำให้โทมัสขมวดคิ้วและใช้ความคิดอยู่นาน ที่สุดเขาจึงตัดสินใจ
“ผมขอเวลาคิดดูก่อน”
“ตามสบาย” ไรซินพูดพร้อมกับผายมือไปที่ประตู “ถ้าอย่างนั้นผมจะไม่กวนเวลาของคุณ กลับไปนอนพักและคิดดูให้ดี ตัดสินใจได้เมื่อไหร่ผมจะส่งคนมารับ”
โทมัสลุกขึ้นเดินไปที่ประตูและชะงักมือเมื่อเสียงเรียบเย็นพูดขึ้น
“แล้วพบกันใหม่ คุณเฮลเลอร์สไตน์”