"การเป็นคนที่น่าเชื่อถือ มีค่ามากกว่าการเป็นคนที่คนรัก"*
เมื่อวันพุธผมได้ไปเยี่ยมผู้บริหารชุดใหม่ของธนาคารอิสลามในฐานะกรรมาธิการสภาฯ มีปัญหามากครับ
โดยเฉพาะความสั่นคลอนในความน่าเชื่อถือที่มีต่อธนาคาร จากข่าวเรื่องหนี้เสีย และการลังเลที่จะเพิ่มทุนโดยกระทรวงการคลัง
การบริหารสถาบันการเงินเป็นงานละเอียดอ่อน เรื่องความน่าเชื่อถือเป็นเรื่องสำคัญที่สุด
จึงไม่แปลกใจว่ามีการแห่ถอนเงินฝากไปกว่า 4,800 ล้านบาทแล้ว ในเวลาเพียงแค่ 7 วันที่ผ่านมา
จึงเป็นที่มาของการให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนโดยท่านนายกฯ ยิ่งลักษณ์วันนี้ว่า...
'เรามี พรบ.การคุ้มครองเงินฝากอยู่แล้ว ดังนั้นทุกบัญชีเงินฝากจะได้รับการคุ้มครอง ดังนั้นขอให้ประชาชนไม่ต้องกังวลในส่วนนี้ '
ปัญหาคือ คุณยิ่งลักษณ์พูดโดยไม่รู้ข้อเท็จจริง หรือไม่ก็มีเจตนาโกหกหลอกลวงประชาชน
เพราะ สถาบันคุ้มครองเงินฝาก 'ไม่' ครอบคลุมการคุ้มครองผู้ฝากเงินในธนาคารของรัฐ
เพียงแต่คุ้มครองผู้ฝากเงินในธนาคารพาณิชย์ที่จ่ายค่าธรรมเนียมเข้ากองทุนแต่ละปีเท่านั้น
หากจะให้คุ้มครองธนาคารรัฐได้ ต้องออกพระราชกฤษฎีกาแยกต่างหาก
ผมได้ยินเรื่ิองการสัมภาษณ์ของนายกฯยิ่งลักษณ์พร้อมกับคุณอภิสิทธิ์ขณะที่เราทั้งคู่อยู่บนเวทีหาเสียงเลือกตั้งผู้ว่าฯที่สวนหลวง ในชั้นแรกเราให้เกียรติท่านนายกฯว่ารัฐบาลท่านคงได้ออกพระราชกฤษฎีกาไปแล้ว ถึงได้กล้าพูดอย่างนี้ แต่หลังจากที่ตรวจเช็คก็ปรากฎว่ายังไม่มี
ถ้าธนาคารมีปัญหา ก็ขึ้นอยู่กับว่าผู้ถือหุ้นจะเข้ามาดูแลผู้ฝากหรือไม่ ซึ่งผู้ถือหุ้นเขาก็ส่งสัญญาณไว้ว่า เขาไม่คิดจะเพิ่มทุนตามที่ขอุมา
ที่นายกฯพูดอย่างนี้ ถ้าไม่รีบออกมาแก้ข่าวยอมรับผิด อนาคตถูกลูกค้าฟ้องได้นะครับว่าหลอกลวง
นี่ยังไม่นับข้อเท็จจริงว่า 'กองทุนคุ้มครองเงินฝาก' ตอนนี้ก็อ่อนเปลี้ย เพราะรัฐบาลได้ออกกฏหมายโอนค่าธรรมเนียมที่เคยได้รับจากธนาคารพาณิชย์
เอาไปชำระดอกเบี้ยของหนี้กองทุนฟื้นฟู ที่รัฐบาลนี้เองเป็นคนไปออก พรก.โอนหนี้ ตอนต้นปี 55 แทนที่จะใช้เงินรัฐบาลเองในการดูแลส่วนนี้
ซึ่งผมได้เคยเตือนไว้แล้วว่า จะทำให้กองทุนฯ ขาดศักยภาพในการดูแลเงินฝากของประชาชนในกรณีที่เกิดวิกฤติ
เห็นใจผู้ฝากเงินครับ !
ผมต้องขอตำหนิผู้บริหารที่ไม่ระมัดระวังเพียงพอในการสื่อสาร อาจเป็นเพราะมุ่งมั่นมากเกินไปที่จะโยนบาปให้กับผู้บริหารชุดเดิม เข้ามาใหม่มีไฟแรงนั้นเป็นเรื่องที่ผมสนับสนุน แต่การบริหารสถาบันการเงินไม่เหมือนธุรกิจทั่วไป อย่างไรผมก็ขอเป็นกำลังใจให้ เพราะเห็นว่าพยายามทำในสิ่งที่ดี
แต่ผมต้องขอต่อว่าท่านนายกฯโดยตรง เหมือนกับที่ว่าตอนบนครับ อย่ามัวแต่ห่วงว่าคนจะรักหรือเปล่า ยิ่งเป็นถึงนายกฯควรจะใส่ใจมากกว่าว่า คนเชื่อถือในคำพูดและการกระทำเราเพียงใด
แต่แล้วผมก็เชื่อว่าท่านนายกฯคงไม่ได้คิดเองในสิ่งที่พูดไป ก็ไปว่ากันเองแล้วกันว่าได้ข้อมูลจากใคร
ที่มา:เฟสบุ๊คของ กรณ์ จาติกวณิช
ปล.อ่านแล้วมองเห็นภาพเลยว่า...รัฐบาลกลัวผิดรีบโยนบาป ให้คนอื่น..ซึ่งทำมาตลอดทุกเรื่อง...เอิ๊ก ๆ ๆ
สาสน์ จากกรณ์ ถึง ปู
เมื่อวันพุธผมได้ไปเยี่ยมผู้บริหารชุดใหม่ของธนาคารอิสลามในฐานะกรรมาธิการสภาฯ มีปัญหามากครับ
โดยเฉพาะความสั่นคลอนในความน่าเชื่อถือที่มีต่อธนาคาร จากข่าวเรื่องหนี้เสีย และการลังเลที่จะเพิ่มทุนโดยกระทรวงการคลัง
การบริหารสถาบันการเงินเป็นงานละเอียดอ่อน เรื่องความน่าเชื่อถือเป็นเรื่องสำคัญที่สุด
จึงไม่แปลกใจว่ามีการแห่ถอนเงินฝากไปกว่า 4,800 ล้านบาทแล้ว ในเวลาเพียงแค่ 7 วันที่ผ่านมา
จึงเป็นที่มาของการให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนโดยท่านนายกฯ ยิ่งลักษณ์วันนี้ว่า...
'เรามี พรบ.การคุ้มครองเงินฝากอยู่แล้ว ดังนั้นทุกบัญชีเงินฝากจะได้รับการคุ้มครอง ดังนั้นขอให้ประชาชนไม่ต้องกังวลในส่วนนี้ '
ปัญหาคือ คุณยิ่งลักษณ์พูดโดยไม่รู้ข้อเท็จจริง หรือไม่ก็มีเจตนาโกหกหลอกลวงประชาชน
เพราะ สถาบันคุ้มครองเงินฝาก 'ไม่' ครอบคลุมการคุ้มครองผู้ฝากเงินในธนาคารของรัฐ
เพียงแต่คุ้มครองผู้ฝากเงินในธนาคารพาณิชย์ที่จ่ายค่าธรรมเนียมเข้ากองทุนแต่ละปีเท่านั้น
หากจะให้คุ้มครองธนาคารรัฐได้ ต้องออกพระราชกฤษฎีกาแยกต่างหาก
ผมได้ยินเรื่ิองการสัมภาษณ์ของนายกฯยิ่งลักษณ์พร้อมกับคุณอภิสิทธิ์ขณะที่เราทั้งคู่อยู่บนเวทีหาเสียงเลือกตั้งผู้ว่าฯที่สวนหลวง ในชั้นแรกเราให้เกียรติท่านนายกฯว่ารัฐบาลท่านคงได้ออกพระราชกฤษฎีกาไปแล้ว ถึงได้กล้าพูดอย่างนี้ แต่หลังจากที่ตรวจเช็คก็ปรากฎว่ายังไม่มี
ถ้าธนาคารมีปัญหา ก็ขึ้นอยู่กับว่าผู้ถือหุ้นจะเข้ามาดูแลผู้ฝากหรือไม่ ซึ่งผู้ถือหุ้นเขาก็ส่งสัญญาณไว้ว่า เขาไม่คิดจะเพิ่มทุนตามที่ขอุมา
ที่นายกฯพูดอย่างนี้ ถ้าไม่รีบออกมาแก้ข่าวยอมรับผิด อนาคตถูกลูกค้าฟ้องได้นะครับว่าหลอกลวง
นี่ยังไม่นับข้อเท็จจริงว่า 'กองทุนคุ้มครองเงินฝาก' ตอนนี้ก็อ่อนเปลี้ย เพราะรัฐบาลได้ออกกฏหมายโอนค่าธรรมเนียมที่เคยได้รับจากธนาคารพาณิชย์
เอาไปชำระดอกเบี้ยของหนี้กองทุนฟื้นฟู ที่รัฐบาลนี้เองเป็นคนไปออก พรก.โอนหนี้ ตอนต้นปี 55 แทนที่จะใช้เงินรัฐบาลเองในการดูแลส่วนนี้
ซึ่งผมได้เคยเตือนไว้แล้วว่า จะทำให้กองทุนฯ ขาดศักยภาพในการดูแลเงินฝากของประชาชนในกรณีที่เกิดวิกฤติ
เห็นใจผู้ฝากเงินครับ !
ผมต้องขอตำหนิผู้บริหารที่ไม่ระมัดระวังเพียงพอในการสื่อสาร อาจเป็นเพราะมุ่งมั่นมากเกินไปที่จะโยนบาปให้กับผู้บริหารชุดเดิม เข้ามาใหม่มีไฟแรงนั้นเป็นเรื่องที่ผมสนับสนุน แต่การบริหารสถาบันการเงินไม่เหมือนธุรกิจทั่วไป อย่างไรผมก็ขอเป็นกำลังใจให้ เพราะเห็นว่าพยายามทำในสิ่งที่ดี
แต่ผมต้องขอต่อว่าท่านนายกฯโดยตรง เหมือนกับที่ว่าตอนบนครับ อย่ามัวแต่ห่วงว่าคนจะรักหรือเปล่า ยิ่งเป็นถึงนายกฯควรจะใส่ใจมากกว่าว่า คนเชื่อถือในคำพูดและการกระทำเราเพียงใด
แต่แล้วผมก็เชื่อว่าท่านนายกฯคงไม่ได้คิดเองในสิ่งที่พูดไป ก็ไปว่ากันเองแล้วกันว่าได้ข้อมูลจากใคร
ที่มา:เฟสบุ๊คของ กรณ์ จาติกวณิช
ปล.อ่านแล้วมองเห็นภาพเลยว่า...รัฐบาลกลัวผิดรีบโยนบาป ให้คนอื่น..ซึ่งทำมาตลอดทุกเรื่อง...เอิ๊ก ๆ ๆ