ศาสนาพุทธก็คือศาสนาผีนั่นเองชัดเจนถูกต้อง100%

อาจารย์
สุจิตต์ ชี้ศาสนาพุทธต้องประนีประนอมกับศาสนาผีพื้นเมือง มิฉะนั้นเผยแผ่พุทธไม่สำเร็จ จึงทำให้พุทธปนผี ดังนั้นลูกนิมิตฝังหลุมกลางโบสถ์ในวัดทุกวันนี้ไม่มีในพระไตรปิฎก จึงน่าสงสัยว่าเป็นความเชื่อพื้นเมือง “พุทธปนผี”


1. พุทธมาทีหลัง "ผี" เจ้าถิ่นมันแรง
ก่อนพุทธจะเข้ามา อุษาคเนย์นับถือผีเป็นหลัก (ผีบรรพบุรุษ ผีฟ้า ผีแถน) ถ้าพุทธจะมาตั้งรกรากแล้วไปหักดิบสั่งให้เลิกไหว้ผี มีหวังโดนไล่ตะเพิดแน่ๆ วิธีที่ฉลาดที่สุดคือ "ประนีประนอม" โดยการเอาความเชื่อผีมาผนวกเข้ากับพิธีกรรมพุทธ เพื่อให้ชาวบ้านยอมรับได้ง่ายขึ้น
2. ลูกนิมิต: หลักฐานคาตา "พุทธปนผี"
สุจิตต์ชี้เป้าไปที่การ "ฝังลูกนิมิต" ซึ่งเป็นงานใหญ่ของวัดไทย:
* ในพระไตรปิฎก: นิมิตคือการกำหนด "เครื่องหมาย" เฉยๆ จะเป็นหิน จอมปลวก หรือแม่น้ำก็ได้ เพื่อให้รู้เขตทำสังฆกรรม (สีมา) ไม่ได้บอกว่าต้องปั้นหินกลมๆ แล้วเอาไปฝังดินลึกๆ
* ในความเชื่อผี: การฝังของศักดิ์สิทธิ์ลงดิน คือการ "ฝังอาถรรพ์" หรือการจองพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งเป็นธรรมเนียมดั้งเดิมของพวกนับถือผีในการตั้งหลักแหล่ง
* บทสรุป: การฝังลูกนิมิตที่เราเห็นทุกวันนี้ จึงเป็นการเอาเรื่อง "สีมา" ของพุทธ มาผสมกับ "การฝังของรักษาพื้นที่" ของผี กลายเป็นพิธีกรรมที่ต้องมี "หลุม" และมีการ "ปิดทอง" อย่างที่เห็น
3. วัดคือพื้นที่ทับซ้อน
สุจิตต์มองว่า "โบสถ์" ในปัจจุบัน แท้จริงแล้วสร้างทับลงบน "ลานพิธีกรรมของผี" มาก่อน หลายแห่งมีหลักฐานว่าใต้โบสถ์เคยเป็นที่ฝังศพหรือที่ประกอบพิธีผีมาก่อนพุทธจะมาถึงด้วยซ้ำ
มุมมองนี้มันชวนให้ตั้งคำถามว่า:
ถ้าเราตัดความเป็น "ผี" ออกไปจากวัดไทยในปัจจุบัน เราจะเหลืออะไรที่เป็นพุทธจริงๆ บ้าง? เพราะดูเหมือนว่าคนไทยจะศรัทธา "ความศักดิ์สิทธิ์" (ผี) มากกว่า "พระธรรม" (พุทธ) เสียอีก
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่