แกะอนุกรมวิธานสัตว์เท้ากีบ (Euungulata) Part 2 - หมู กระจง พรองฮอร์น

Ungulate หรือ สัตว์เท้ากีบ คือกลุ่มสัตว์ที่พัฒนามาเพื่อหนีเหล่าจ้าวแห่งสัตว์ป่าให้ทัน

ซึ่งในสาย A สัตว์กีบเท้าเดี่ยว อย่างใน ม้า สมเสร็จ แรด มันมีปัญหามากมายคือ
1. เพราะพืชมีผนังเซลล์ ย่อยยาก ลำพังแค่ลำไส้ยาว แต่มีกระเพาะเดียว เอาไม่อยู่
2. การกระจายน้ำหนักลงขาทั้ง 4 อย่างสมดุล แทบเป็นไปไม่ได้
3. โครงสร้างขาที่แข็งทื่อ มันซ่อนความเปราะบางภายใน
ถ้าหากได้รับบาดเจ็บ มีโอกาสสูงที่จะอัมพาตไปเลย
นี่เป็นเหตุผลที่กรณีม้าแข่งกระดูกขาหัก มักถูกการุณยฆาต

และสัตว์กีบเท้าคู่ก็มาเพื่อแก้บั๊กเหล่านี้ครับ
โดยใน Part 1 เราได้เจอกลุ่มอูฐและลามาไปแล้วใน B Suborder Tylopoda



วิวัฒนาการถัดขึ้นมาก็คือกลุ่ม หมูป่า (Sus)

C Suborder Suina
- มีแค่ 1 กระเพาะอาหาร แต่ก็ยังไม่มีการเคี้ยวเอื้อง
การย่อยโดยรวมทำได้แย่กว่าอูฐ แต่สามารถกินอาหารได้หลากหลายขึ้น
ไม่จำเป็นต้องกินพืชเท่านั้น
สะโพกมีทรงถังน้ำมัน และนี่คือความซัส เลยหละ

C1 Family Suidae
- มี 4 นิ้วเท้าบนแต่ละเท้า โดยนิ้วที่ 3 กับ 4 รับน้ำหนักตัวสูงสุด
- ปุ่มฟันกราม (Cusp) ทรงกลม เพื่อบด รากพืช หัวพืช เมล็ดพืช รวมไปถึงสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง
- มี เขี้ยวงา (Tusk) สำหรับป้องกันตัว ที่โค้งงุ้มขึ้น

C1A Genus Porcula
กลุ่มของ หมูป่าแคระ (Porcula) ตัวเล็กมาก ปากยื่น (Snout) สั้น และ เขี้ยวงาลดรูป

Silva ป่า

P. salvania - Pygmy hog

C1B Genus Sus
หมูป่า ที่แท้จริง
ก็ไม่ได้มีอะไร แค่มีเขี้ยวงาตรงๆหรืออาจจะโค้งนิดหน่อย


S. scrofa - Wild boar (หมูป่า)
เป็นคำลาตินเก่า สื่อถึงการขุดรากพืชไปเลย

Domesticus ครัวเรือน

S. domesticus - Pig (หมู)

Ensis มาจาก

S. philippensis - Philippine warty pig

Cebi เกาะเซบูของฟิลิปปินส์
Frons หน้าผาก

S. cebifrons - Visayan warty pig

Ahenus สีทองแดง
Barbus เครา

S. ahoenobarbus - Palawan bearded pig


S. barbatus - Bornean bearded pig


S. celebensis - Sulawesi warty pig

Verruca เนินเขาเล็กๆ
Osus เต็มไปด้วย

S. verrucosus - Javan warty pig

C1C Genus Potamochoerus
กินอาหารได้เฉพาะอย่างกว่า C1B
เป็น หมู (Khoiros) ที่มักพบบริเวณ แม่น้ำ (Potamos)


P. porcus - Red river hog

Larva หน้ากาก
Atus ถือครอง

P. larvatus - Bushpig

C1D Genus Hylochoerus
หมูยักษ์แห่ง ป่าไม้ (Hyle) มีกะโหลกมหึมา
การประดับประดาบนหน้าน้อยมาก พบในป่าลึกของแอฟริกา


H. meinertzhageni - Giant forest hog

C1E Genus Phacochoerus
กลุ่มของ หมูป่าหน้าหูด (Warthog) ซึ่งก็ตามชื่อเลย มีตะปุ่มคล้าย หูด (Phakos) บนหน้า
ฟันตัด (Incisor) ลดรูป พบในทุ่งหญ้าเปิดกว้าง


P. aethiopicus - Desert warthog


P. africanus - Common warthog

C1F Genus Babyrousa
เขี้ยวงายาวเฟื้อยโค้งจนเลยปากยื่น และเขี้ยวโตเรื่อยๆตามวัย
เป็น หมู (Babi) ที่มีความ กวาง (Rusa) สุดๆไปเลย
พบได้บนเกาะของอินโดนีเซียเท่านั้น


B. babyrussa - Moluccan babirusa


B. celebensis - North Sulawesi babirusa
พบบน เกาะเซเลบีส เท่านั้น


B. togeanensis - Togian babirusa
พบบนเกาะ โทเกียน เท่านั้น ปัจจุบันใกล้สูญพันธุ์

C2 Family Tayassuidae
หมูเขี้ยวแห่งแดนอเมริกา นั่นก็คือ เพ็คคารี (Peccary)
- กระเพาะมีการแบ่งส่วนคร่าวๆ ปรับปรุงให้ย่อยไฟเบอร์จากพืชดีขึ้น
- เขี้ยวงางุ้มลง
- มีต่อมสร้างกลิ่นบริเวณหลัง
และนี่ก็คือความเป็น ทายาสซู (Tayassu)
คำภาษาทูปิสำหรับเรียกสัตว์นี้

C2A Genus Tayassu
ตัวเบส ขนาดเล็กที่สุดใน C2


T. pecari - White-lipped peccary
ส่วนทางฝั่งแคริบเบียนก็เรียกสัตว์นี้ว่า paquira
ก็คือมี 3 ภาษาในชื่อวิทยาศาสตร์ไปเลย

C2B Genus Dicotyles
เหมือนสวมปลอกคอ มีกลุ่มสังคมใหญ่มาก และมี ช่อง (Kotylos) ระหว่างฟันกับกะโหลก เป็นพื้นที่ในกระพุ้งแก้มทั้ง 2 (Di) ข้าง


D. tajacu - Collared peccary

C2C Genus Catagonus
ออกแบบสำหรับสภาพแห้งแล้งสุดขั้ว กะโหลกแคบ
ลักาณะมีความ เอียง (Gonu) หัว ลง (Kata) แทบแปะพื้นตลอด


C. wagneri - Chacoan peccary



จบครับกับหมู
ได้มีการปรับมีหลายกระเพาะ แบ่งส่วนกระเพาะ แต่มันก็ยังย่อยไม่ได้ประสิทธิภาพมากนัก
เห็นทีจะต้องสำรอกออกมา เคี้ยวซ้ำ (ruminare)
และเรากำลังพูดถึง สัตว์เคี้ยวเอื้อง (Ruminant) ครับ

Suborder Ruminantia
- มีถึง 4 กระเพาะอาหาร เรียงลำดับคือ
1. ผ้าขี้ริ้ว/สไบนาง (Rumen) - เป็นเหมือนแค่ หลอดอาหาร (Rūmen) เกิดการหมักจากแบคทีเรีย
2. รังผึ้ง (Reticulum) - เป็นที่เตรียม Cud หรือก็คือ อาหารย่อยหยาบสำหรับสำรอกไปเคี้ยวซ้ำ
คนไทยเห็นเป็นรังผึ้ง ส่วนฝรั่งมองเป็น ตาข่าย (Rēte) ขนาดเล็ก (-Culum)
3. สามสิบกลีบ (Omasum) - ส่วนดูดน้ำและแร่ธาตุ มาจากคำภาษาโกลิช
4. กระเพาะแท้ (Abomasum) - มีกรดย่อยจริงๆ แค่ตรงนี้
- ฟันกรามมีเนินทรงพระจันทร์เสี้ยว สำหรับบดพืชที่เส้นใยสูง

ซึ่งก็จะแบ่งเป็น 2 Infraorders คือ สายกระจง [D] กับ สายกวาง [E-H]

D Infraorder Tragulina + Family Tragulidae
- ไม่มี เขาโค้ง (Horn) และ เขากิ่ง (Antler)
- ตัวผู้มีฟันเขี้ยวโค้ง
- มักอยู่โดดเดี่ยว
- ออกแบบมาสำหรับกินพืชผลไม้อ่อนๆ
มีความเป็น แพะ (Tragos) น้อย

D1 Genus Tragulus
กระจง (Mouse-deer) ที่แท้จริง
ตัวเล็กมาก ขนราบเรียบ ส่วนใหญ่ไม่มีลายจุดใดๆ พบได้ทั่วไปในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้


T. javanicus - Java mouse-deer (กระจงชวา)


T. napu - Greater mouse-deer (กระจงใหญ่)
มาจาก napoh คำมาเลย์


T. kanchil - Lesser mouse-deer (กระจงเล็ก)
มาจาก kancil คำชวา

Nigricare กลายเป็นสีดำ

T. nigricans - Philippine mouse-deer

Versāre เปลี่ยน

T. versicolor - Vietnam mouse-deer

D2 Genus Moschiola
กลุ่มของ กระจงลายจุด (Chevrotain)
ตัวเล็กแล้วยังแต่งแต้มสีสันเป็น เด็กน้อย (Moschos)
พบเฉพาะในทวีปย่อยอินเดียเท่านั้น


M. meminna - Sri Lankan chevrotain
มาจาก meeminna คำสิงหล


M. indica - Indian chevrotain


M. kathygre - Yellow-striped chevrotain



Infraorder Pecora
มี ส่วนเติมแต่งกะโหลก (Cranial appendage)
กระเพาะทั้ง 4 อัพเกรด ทำงานมีประสิทธิภาพทุกส่วน
ปศุสัตว์ (Pecus) ที่แท้ทรูในระดับอนุกรมวิธาน

E Family Antilocapridae + Genus Antilocapra
- มี เขาเป็นแฉกแบบส้อม (Forked horn)
- ผลัดเขาทุกปี
มีความผสม แพะ (Capra) + แอนทีโลป (Antilopos)


A. americana - Pronghorn (ละมั่งอเมริกัน)

จบครับกับ E มีสปีชีส์เดียวนี่แหละ



Part 3 เราจะไปดูพวก ยีราฟ กวาง กันครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่