ข้อมูลราคาต่อคันสำหรับการอ้างอิง โดยอิงจาก "ดีลการจัดซื้อจริง" (Actual Procurement Contracts) ที่เกิดขึ้นล่าสุดครับ (ข้อมูล ณ ปี 2024-2025)
ราคา K2 Black Panther (อ้างอิงดีลโปแลนด์ 🇵🇱)
โปแลนด์ (Poland) เป็นลูกค้ารายใหญ่ที่สุดและใกล้เคียงกับรูปแบบการจัดหาของไทย (ซื้อล๊อตใหญ่เพื่อทดแทนรถถังเก่า) ข้อมูลจากสัญญาปี 2022 เฟส 1 (Emergency Gap Filler) ซึ่งเป็นการส่งรถสำเร็จรูปจากเกาหลีใต้ 180 คัน:
1. ราคาตัวรถเพียวๆ (Estimated Unit Cost)
* ราคาประมาณ: $8.5 - $10 ล้านเหรียญสหรัฐ
* คิดเป็นเงินบาท: ประมาณ 290 - 340 ล้านบาท / คัน
* อ้างอิง: ราคาประเมินมาตรฐานสำหรับกองทัพเกาหลีใต้ (ROKA) และราคาพื้นฐานก่อนบวกแพ็กเกจสนับสนุน
2. ราคา "พร้อมรบ" (System Package Price)
อันนี้คือราคาจริงที่รัฐบาลโปแลนด์จ่าย (รวมตัวรถ + กระสุน + อะไหล่สำรอง + การฝึกอบรม + ระบบส่งกำลังบำรุง)
* มูลค่าสัญญา: ประมาณ $2,300 - $3,370 ล้านเหรียญสหรัฐ (สำหรับ 180 คัน)
* หารเฉลี่ยต่อคัน: ประมาณ $12.8 - $18.7 ล้านเหรียญสหรัฐ
* คิดเป็นเงินบาท: ประมาณ 440 - 645 ล้านบาท / ชุด
* อ้างอิง: สัญญาระหว่างกระทรวงกลาโหมโปแลนด์ และ Hyundai Rotem (สิงหาคม 2022)
ตารางเปรียบเทียบกับคู่แข่ง (เพื่อให้เห็นภาพความคุ้มค่า)
| รุ่นรถถัง (Model) | ประเทศ | ราคาเฉลี่ยต่อชุด (พร้อมรบ) | หมายเหตุ |
|---|---|---|---|
| K2 Black Panther | 🇰🇷 เกาหลีใต้ | ~440 - 645 ล้านบาท | ได้รถใหม่ทันที (Hot Production) |
| M1A2 SEPv3 | 🇺🇸 สหรัฐฯ | ~800 - 1,000+ ล้านบาท | อิงดีลออสเตรเลีย/โรมาเนีย (แพงค่าส่งบำรุง) |
| Leopard 2A8 | 🇩🇪 เยอรมัน | ~1,000 - 1,100 ล้านบาท | อิงดีลสาธารณรัฐเช็ก (รอคิวนาน) |
| VT-4 | 🇨🇳 จีน | ~170 - 200 ล้านบาท | อิงราคาจัดหาของ ทบ. ไทย |
> "แม้ราคาจัดหาของ K2 (440 ล้านบาท) จะสูงกว่า VT-4 ของจีน (170 ล้านบาท) แต่สิ่งที่กองทัพไทยจะได้คือมาตรฐาน NATO ที่แท้จริง, ระบบ Data Link ที่เชื่อมต่อกับพันธมิตรตะวันตกได้ และความมั่นใจว่าเครื่องยนต์และระบบควบคุมการยิงจะไม่ล้าสมัยหรือขาดแคลนอะไหล่ในอีก 30 ปีข้างหน้า ซึ่งเป็นการลงทุนที่คุ้มค่ากว่าการซื้อของราคาถูกแต่เสี่ยงต่อการถูกลอยแพในอนาคต"
>
(หมายเหตุ: อัตราแลกเปลี่ยนคำนวณที่ 1 USD = 34.50 THB โดยประมาณ)
🇰🇷 Technical Brief: K2 Black Panther Main Battle Tank
(Next-Generation Main Battle Tank for Modern Warfare)
1. ระบบอาวุธและอำนาจการยิง (Armament & Firepower)
• Main Gun: ปืนใหญ่ลำกล้องเรียบ CN08 120mm / L55 Smoothbore (ความยาวลำกล้อง 55 เท่า) ให้ความเร็วต้นกระสุนและแรงเจาะเกราะสูงกว่ามาตรฐาน L44 ทั่วไป
• Ammunition: รองรับกระสุนมาตรฐาน NATO 120mm ทุกชนิด (APFSDS, HEAT) และกระสุนอัจฉริยะ KSTAM (Korean Smart Top-Attack Munition) สำหรับโจมตีวิถีโค้งระยะไกล 8 กม. ในรูปแบบ Fire-and-Forget
• Loading System: ระบบบรรจุกระสุนอัตโนมัติ (Belt-type Autoloader) อัตราการยิงต่อเนื่อง 10-15 นัด/นาที ลดพลประจำรถเหลือ 3 นาย
2. ระบบขับเคลื่อนและช่วงล่าง (Mobility & Suspension)
• Engine: เครื่องยนต์ดีเซล 4 จังหวะ ระบายความร้อนด้วยน้ำ 1,500 แรงม้า (HP) อัตราส่วนกำลังต่อน้ำหนัก 27.3 แรงม้า/ตัน
• Suspension: ระบบกันสะเทือนแบบ In-arm Suspension Unit (ISU) ควบคุมด้วยไฮดรอลิกและนิวเมติก ช่วยให้รถสามารถปรับระดับความสูง (Attitude Control) ได้รอบทิศทาง:
• Sitting: ลดความต่ำเพื่อซ่อนพราง
• Standing: ยกตัวสูงเพื่อข้ามสิ่งกีดขวาง
• Kneeling: "คุกเข่า" เพื่อเพิ่มมุมกด/มุมเงยในการยิง (Hull-down tactics)
• Leaning: เอียงซ้าย-ขวาเพื่อชดเชยความลาดเอียงของพื้นที่
3. ระบบควบคุมการยิงและตรวจจับ (Fire Control & Sensors)
• FCS: ระบบควบคุมการยิงขั้นสูง พร้อมฟังก์ชัน Hunter-Killer (ผู้บังคับรถค้นหาเป้าหมายอิสระในขณะที่พลปืนทำการยิง)
• Sensors: ติดตั้งเรดาร์ Millimeter-band Radar บนป้อมปืน เชื่อมโยงกับ Laser Rangefinder และ Crosswind Sensor เพื่อคำนวณวิถีกระสุนอัตโนมัติ แม่นยำสูงแม้เป้าหมายเคลื่อนที่
• C4I: รองรับระบบบริหารจัดการสนามรบ (BMS) และการเชื่อมโยงข้อมูลทางยุทธวิธี (Tactical Data Link) ตามมาตรฐานสากล (Interoperability with Allied Forces)
4. การป้องกันและความอยู่รอด (Protection & Survivability)
• Armor: เกราะคอมโพสิตขั้นสูง (Advanced Composite Material) เสริมด้วยเกราะปฏิกิริยา (ERA) แบบ NERA modules บริเวณด้านข้างและหลังคาป้อม
• Active Protection: รองรับการติดตั้งระบบป้องกันเชิงรุก KAPS (Hard-kill Active Protection System) เพื่อสกัดกั้นจรวดต่อสู้รถถังและ RPG
• Safety: ออกแบบแยกห้องเก็บกระสุนพร้อมแผงระบายแรงระเบิด (Blow-out Panels) เพื่อความปลอดภัยสูงสุดของกำลังพล
Dimensions:
• Combat Weight: ~55 ตัน (เหมาะสมกับโครงสร้างพื้นฐานถนนและสะพานมาตรฐาน)
• Crew: 3 นาย (ผู้บังคับรถ, พลปืน, พลขับ)
ข้อมูลอ้างอิง: DAPA / Hyundai Rotem Technical Specifications
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้บทวิเคราะห์ทางยุทธวิธี: มาตรการตอบโต้และการป้องกันตนเองของยานเกราะรบหลัก K2 Black Panther
(Tactical Analysis: Countermeasures and Survivability of K2 Black Panther against RPG and Top-Attack Threats)
ในการปฏิบัติการรบร่วมสมัย ภัยคุกคามจากอาวุธต่อสู้รถถังระยะประชิด (RPG) และอาวุธนำวิถีโจมตีจากด้านบน (Top-Attack Munitions) ถือเป็นความท้าทายสูงสุด ยานเกราะรบหลัก K2 Black Panther ได้รับการออกแบบให้รองรับภัยคุกคามดังกล่าวด้วยระบบป้องกันแบบบูรณาการ (Integrated Defense System) ซึ่งแบ่งขั้นตอนการตอบโต้เป็นลำดับขั้น ดังนี้:
1. การตอบโต้ภัยคุกคามจากการยิงวิถีตรง (Direct Fire Countermeasures: RPG)
เมื่อยานเกราะถูกโจมตีด้วยจรวดอาร์พีจี (RPG) หรือจรวดนำวิถีวิถีราบ ระบบป้องกันจะทำงานโดยอัตโนมัติตามขั้นตอนดังนี้:
• ขั้นที่ 1: การตรวจจับและจำแนกเป้าหมาย (Detection & Classification)
• ระบบเรดาร์ (Millimeter-band Radar): เรดาร์ตรวจจับที่ติดตั้งรอบป้อมปืนจะทำการกวาดหาสัญญาณวัตถุที่พุ่งเข้ามาด้วยความเร็วสูง เมื่อตรวจพบหัวรบ RPG ระบบคอมพิวเตอร์จะคำนวณวิถีโคจร (Trajectory) และประเมินเวลาปะทะ (Time-to-Impact) ภายในเสี้ยววินาที
• ขั้นที่ 2: การสกัดกั้นด้วยระบบป้องกันเชิงรุก (Hard-Kill Engagement)
• ระบบ KAPS (Korean Active Protection System): หากระบบประเมินว่าเป็นภัยคุกคามจริง แท่นยิงระเบิดต่อต้าน (Countermeasure Launcher) จะทำการยิงลูกระเบิดสกัดกั้นออกไปทำลายหัวรบ RPG ที่ระยะห่างจากตัวรถประมาณ 10-15 เมตร
• ผลลัพธ์: แรงระเบิดจากการสกัดกั้นจะทำลายดินขับหรือหัวรบของ RPG ให้ระเบิดกลางอากาศ (Premature Detonation) หรือเบี่ยงเบนวิถีไป ส่งผลให้ตัวรถไม่ได้รับความเสียหายโดยตรง
• ขั้นที่ 3: เกราะปฏิกิริยา (Reactive Armor Backup)
• หากระบบ KAPS ไม่ทำงาน หรือถูกโจมตีซ้ำในจุดเดิม เกราะปฏิกิริยา (ERA) และเกราะคอมโพสิต (Composite Armor) ด้านข้างตัวรถ จะทำหน้าที่ระเบิดสวนเพื่อตัดลำเจาะความร้อน (HEAT Jet) ของหัวรบ RPG
2. การตอบโต้ภัยคุกคามจากการโจมตีด้านบน (Top-Attack Countermeasures)
สำหรับภัยคุกคามจากขีปนาวุธที่พุ่งโจมตีส่วนหลังคา (เช่น Javelin) หรือโดรน K2 ใช้หลักนิยมการป้องกันที่ต่างออกไป:
• มาตรการหลัก: ระบบอำพรางแบบ Multispectral (Soft-Kill Priority)
• เมื่อเซนเซอร์แจ้งเตือนว่ามีการล็อกเป้าด้วยเลเซอร์หรืออินฟราเรด ระบบ VIRSS (Visual and Infrared Screening Smoke) จะยิงลูกระเบิดควันพิเศษออกมาทันที
• กลไกการทำงาน: ควันนี้มีคุณสมบัติในการ "บล็อก" ทั้งแสงที่ตามองเห็นและคลื่นความร้อน (IR) ทำให้ระบบนำวิถีของจรวดศัตรูสูญเสียเป้าหมาย (Break Lock) ส่งผลให้จรวดพุ่งพลาดเป้าหมายไป
• มาตรการรอง: การป้องกันทางกายภาพ (Physical Protection)
• เกราะหลังคาเสริม (Roof Armor): K2 (โดยเฉพาะรุ่นส่งออกและรุ่นอัปเกรด) ได้รับการออกแบบให้ติดตั้งเกราะปฏิกิริยา (ERA) บริเวณหลังคาป้อมปืน เพื่อลดทอนอำนาจการเจาะของหัวรบชนิด Top-Attack
• ระบบ KAPS (High Elevation): แท่นยิงของระบบ KAPS มีมุมเงยสูง (Elevation coverage) ซึ่งในทางทฤษฎีสามารถสกัดกั้นจรวดที่พุ่งลงมาในมุมเฉียง (High-diving profile) ได้ แต่อาจมีข้อจำกัดหากเป็นการทิ้งระเบิดดิ่งตรง 90 องศาจากโดรน
สรุป (Executive Summary)
K2 Black Panther ใช้แนวคิดการป้องกันแบบ "Layered Defense" โดยใช้ระบบ Hard-Kill (ระเบิดทำลาย) จัดการกับ RPG ที่รวดเร็ว และใช้ระบบ Soft-Kill (ควันอำพราง) จัดการกับ Top-Attack ที่เน้นการนำวิถี ซึ่งถือเป็นมาตรฐานความปลอดภัยสูงสุดในยุคปัจจุบันครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ข้อมูลทางเทคนิคเฉพาะของ K2 Black Panther เกี่ยวกับระบบกระสุนและกลไกความปลอดภัยเมื่อถูกโจมตี โดยเน้นรายละเอียดเชิงวิศวกรรมและความปลอดภัยของกำลังพล ดังนี้ครับ
ข้อมูลทางเทคนิค: ระบบบริหารจัดการกระสุนและความอยู่รอดของกำลังพล
(Technical Data: Ammunition Handling & Crew Survivability)
1. อัตรามูลฐานกระสุน (Ammunition Loadout)
ยานเกราะ K2 Black Panther มีขีดความสามารถในการบรรทุกกระสุนปืนใหญ่ขนาด 120 มม. รวมทั้งสิ้น 40 นัด โดยมีการจัดเก็บแบบแยกส่วนเพื่อบริหารจัดการความเสี่ยง ดังนี้:
* ส่วนที่ 1: กระสุนพร้อมรบ (Ready Rounds): จำนวน 16 นัด บรรจุอยู่ในรังเพลิงของระบบบรรจุกระสุนอัตโนมัติ (Autoloader) บริเวณท้ายป้อมปืน (Turret Bustle) เพื่อความรวดเร็วในการทำการยิงต่อเนื่อง
* ส่วนที่ 2: กระสุนสำรอง (Stowed Rounds): จำนวน 24 นัด จัดเก็บอยู่ภายในตัวรถส่วนหน้า (Hull) บริเวณด้านขวาของพลขับ ซึ่งต้องทำการลำเลียงขึ้นมาเติมเมื่อกระสุนในป้อมหมด
2. กลไกการทำงานเมื่อส่วนเก็บกระสุนถูกโจมตี (Survivability Mechanism)
ยานเกราะ K2 ได้รับการออกแบบตามหลักวิศวกรรมความปลอดภัยขั้นสูง เพื่อปกป้องชีวิตของกำลังพล 3 นาย ในกรณีที่ส่วนเก็บกระสุนท้ายป้อมปืน (Turret Bustle) ถูกกระสุนเจาะเกราะหรือความร้อนสูงจนเกิดการระเบิด (Ammunition Cook-off) ระบบจะทำงานดังนี้:
* การแยกส่วนพื้นที่ (Compartmentalization): ห้องเก็บกระสุนท้ายป้อมถูกแยกออกจากห้องพลประจำรถอย่างเด็ดขาดด้วย "ประตูกันระเบิดหุ้มเกราะ" (Armored Blast Door) ซึ่งประตูนี้จะเปิดออกเพียงเสี้ยววินาทีเฉพาะจังหวะที่แขนกลดึงกระสุนเข้ารังเพลิงเท่านั้น และจะปิดล็อคทันที ทำให้เปลวเพลิงไม่สามารถลุกลามเข้ามาในห้องโดยสารได้
* ระบบระบายแรงระเบิด (Blow-out Panels): บริเวณหลังคาของช่องเก็บกระสุนท้ายป้อม มีการติดตั้งแผ่นโลหะที่มีจุดเชื่อมต่ออ่อนกว่าส่วนอื่น (Weak Link)
* เมื่อเกิดการระเบิด: แรงดันมหาศาลจากดินส่งกระสุนจะดันให้แผ่น Blow-out Panels นี้หลุดกระเด็นออกด้านบนทันที
* ผลลัพธ์: แรงระเบิดและเปลวไฟจะพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า (Venting upwards) ภายนอกตัวรถตามหลักฟิสิกส์ (Path of least resistance) แทนที่จะอัดทำลายโครงสร้างภายใน
สรุปสถานการณ์ความปลอดภัย:
ด้วยการออกแบบระบบนิรภัยดังกล่าว แม้กระสุนทั้ง 16 นัดในป้อมจะระเบิดจากการถูกโจมตี กำลังพลภายในรถ (ผู้บังคับรถและพลปืน) จะยังคงปลอดภัยจากแรงอัดและเปลวเพลิง และยานเกราะยังคงมีโอกาสสูงที่จะถอนตัวออกจากพื้นที่ปะทะได้เพื่อทำการซ่อมแซมต่อไปครับ
K2 Black Panther ทางเลือกมาตรฐาน NATO ที่ตอบโจทย์สมดุลระหว่าง 'อานุภาพการยิง' และ 'ภูมิศาสตร์ของไทย
ข้อมูลราคาต่อคันสำหรับการอ้างอิง โดยอิงจาก "ดีลการจัดซื้อจริง" (Actual Procurement Contracts) ที่เกิดขึ้นล่าสุดครับ (ข้อมูล ณ ปี 2024-2025)
ราคา K2 Black Panther (อ้างอิงดีลโปแลนด์ 🇵🇱)
โปแลนด์ (Poland) เป็นลูกค้ารายใหญ่ที่สุดและใกล้เคียงกับรูปแบบการจัดหาของไทย (ซื้อล๊อตใหญ่เพื่อทดแทนรถถังเก่า) ข้อมูลจากสัญญาปี 2022 เฟส 1 (Emergency Gap Filler) ซึ่งเป็นการส่งรถสำเร็จรูปจากเกาหลีใต้ 180 คัน:
1. ราคาตัวรถเพียวๆ (Estimated Unit Cost)
* ราคาประมาณ: $8.5 - $10 ล้านเหรียญสหรัฐ
* คิดเป็นเงินบาท: ประมาณ 290 - 340 ล้านบาท / คัน
* อ้างอิง: ราคาประเมินมาตรฐานสำหรับกองทัพเกาหลีใต้ (ROKA) และราคาพื้นฐานก่อนบวกแพ็กเกจสนับสนุน
2. ราคา "พร้อมรบ" (System Package Price)
อันนี้คือราคาจริงที่รัฐบาลโปแลนด์จ่าย (รวมตัวรถ + กระสุน + อะไหล่สำรอง + การฝึกอบรม + ระบบส่งกำลังบำรุง)
* มูลค่าสัญญา: ประมาณ $2,300 - $3,370 ล้านเหรียญสหรัฐ (สำหรับ 180 คัน)
* หารเฉลี่ยต่อคัน: ประมาณ $12.8 - $18.7 ล้านเหรียญสหรัฐ
* คิดเป็นเงินบาท: ประมาณ 440 - 645 ล้านบาท / ชุด
* อ้างอิง: สัญญาระหว่างกระทรวงกลาโหมโปแลนด์ และ Hyundai Rotem (สิงหาคม 2022)
ตารางเปรียบเทียบกับคู่แข่ง (เพื่อให้เห็นภาพความคุ้มค่า)
| รุ่นรถถัง (Model) | ประเทศ | ราคาเฉลี่ยต่อชุด (พร้อมรบ) | หมายเหตุ |
|---|---|---|---|
| K2 Black Panther | 🇰🇷 เกาหลีใต้ | ~440 - 645 ล้านบาท | ได้รถใหม่ทันที (Hot Production) |
| M1A2 SEPv3 | 🇺🇸 สหรัฐฯ | ~800 - 1,000+ ล้านบาท | อิงดีลออสเตรเลีย/โรมาเนีย (แพงค่าส่งบำรุง) |
| Leopard 2A8 | 🇩🇪 เยอรมัน | ~1,000 - 1,100 ล้านบาท | อิงดีลสาธารณรัฐเช็ก (รอคิวนาน) |
| VT-4 | 🇨🇳 จีน | ~170 - 200 ล้านบาท | อิงราคาจัดหาของ ทบ. ไทย |
> "แม้ราคาจัดหาของ K2 (440 ล้านบาท) จะสูงกว่า VT-4 ของจีน (170 ล้านบาท) แต่สิ่งที่กองทัพไทยจะได้คือมาตรฐาน NATO ที่แท้จริง, ระบบ Data Link ที่เชื่อมต่อกับพันธมิตรตะวันตกได้ และความมั่นใจว่าเครื่องยนต์และระบบควบคุมการยิงจะไม่ล้าสมัยหรือขาดแคลนอะไหล่ในอีก 30 ปีข้างหน้า ซึ่งเป็นการลงทุนที่คุ้มค่ากว่าการซื้อของราคาถูกแต่เสี่ยงต่อการถูกลอยแพในอนาคต"
>
(หมายเหตุ: อัตราแลกเปลี่ยนคำนวณที่ 1 USD = 34.50 THB โดยประมาณ)
🇰🇷 Technical Brief: K2 Black Panther Main Battle Tank
(Next-Generation Main Battle Tank for Modern Warfare)
1. ระบบอาวุธและอำนาจการยิง (Armament & Firepower)
• Main Gun: ปืนใหญ่ลำกล้องเรียบ CN08 120mm / L55 Smoothbore (ความยาวลำกล้อง 55 เท่า) ให้ความเร็วต้นกระสุนและแรงเจาะเกราะสูงกว่ามาตรฐาน L44 ทั่วไป
• Ammunition: รองรับกระสุนมาตรฐาน NATO 120mm ทุกชนิด (APFSDS, HEAT) และกระสุนอัจฉริยะ KSTAM (Korean Smart Top-Attack Munition) สำหรับโจมตีวิถีโค้งระยะไกล 8 กม. ในรูปแบบ Fire-and-Forget
• Loading System: ระบบบรรจุกระสุนอัตโนมัติ (Belt-type Autoloader) อัตราการยิงต่อเนื่อง 10-15 นัด/นาที ลดพลประจำรถเหลือ 3 นาย
2. ระบบขับเคลื่อนและช่วงล่าง (Mobility & Suspension)
• Engine: เครื่องยนต์ดีเซล 4 จังหวะ ระบายความร้อนด้วยน้ำ 1,500 แรงม้า (HP) อัตราส่วนกำลังต่อน้ำหนัก 27.3 แรงม้า/ตัน
• Suspension: ระบบกันสะเทือนแบบ In-arm Suspension Unit (ISU) ควบคุมด้วยไฮดรอลิกและนิวเมติก ช่วยให้รถสามารถปรับระดับความสูง (Attitude Control) ได้รอบทิศทาง:
• Sitting: ลดความต่ำเพื่อซ่อนพราง
• Standing: ยกตัวสูงเพื่อข้ามสิ่งกีดขวาง
• Kneeling: "คุกเข่า" เพื่อเพิ่มมุมกด/มุมเงยในการยิง (Hull-down tactics)
• Leaning: เอียงซ้าย-ขวาเพื่อชดเชยความลาดเอียงของพื้นที่
3. ระบบควบคุมการยิงและตรวจจับ (Fire Control & Sensors)
• FCS: ระบบควบคุมการยิงขั้นสูง พร้อมฟังก์ชัน Hunter-Killer (ผู้บังคับรถค้นหาเป้าหมายอิสระในขณะที่พลปืนทำการยิง)
• Sensors: ติดตั้งเรดาร์ Millimeter-band Radar บนป้อมปืน เชื่อมโยงกับ Laser Rangefinder และ Crosswind Sensor เพื่อคำนวณวิถีกระสุนอัตโนมัติ แม่นยำสูงแม้เป้าหมายเคลื่อนที่
• C4I: รองรับระบบบริหารจัดการสนามรบ (BMS) และการเชื่อมโยงข้อมูลทางยุทธวิธี (Tactical Data Link) ตามมาตรฐานสากล (Interoperability with Allied Forces)
4. การป้องกันและความอยู่รอด (Protection & Survivability)
• Armor: เกราะคอมโพสิตขั้นสูง (Advanced Composite Material) เสริมด้วยเกราะปฏิกิริยา (ERA) แบบ NERA modules บริเวณด้านข้างและหลังคาป้อม
• Active Protection: รองรับการติดตั้งระบบป้องกันเชิงรุก KAPS (Hard-kill Active Protection System) เพื่อสกัดกั้นจรวดต่อสู้รถถังและ RPG
• Safety: ออกแบบแยกห้องเก็บกระสุนพร้อมแผงระบายแรงระเบิด (Blow-out Panels) เพื่อความปลอดภัยสูงสุดของกำลังพล
Dimensions:
• Combat Weight: ~55 ตัน (เหมาะสมกับโครงสร้างพื้นฐานถนนและสะพานมาตรฐาน)
• Crew: 3 นาย (ผู้บังคับรถ, พลปืน, พลขับ)
ข้อมูลอ้างอิง: DAPA / Hyundai Rotem Technical Specifications
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้