ถ้าพูดถึงหนังสยองขวัญแนว ล่าฆ่..ในคืนคริสต์มาส หลายคนคงจะนึกถึงบรรยากาศแสนหนาวเหน็บกลางฤดูหนาว กับเสียงหัวเราะฉลองเทศกาลที่แฝงไปด้วยความสยองปะปน แต่ถ้าใครเบื่อสูตรสำเร็จแบบเดิม ๆ ขอแนะนำ “Black Christmas” หนังที่หยิบเอาเทศกาลคริสต์มาสอันแสนอบอุ่น มาผูกเรื่องเข้ากับปริศนาลึกลับของลัทธิหนังเวอร์ชันปี 2019 นี่ถือเป็นการนำเสนอใหม่ที่ไม่ได้เป็นแค่หนังฆาตกรไล่ล่าเน้นโชว์เลือดสาดอย่างเดียว แต่พ่วงประเด็นสังคมจัดเต็ม ใครสายสยองขวัญ สายปริศนา หรืออยากดูอะไรที่จับต้องประเด็นหนักหน่อย ในโครงสร้างหนังวัยรุ่นๆ ต้องลอง
หนังเริ่มจากกลุ่มสาวๆ นิสิตชมรม Mu Kappa Epsilon ที่ส่วนใหญ่ก็เต็มไปด้วยกลิ่นอาย “ซิสเตอร์ฮู้ด” (Sisterhood) หรือสายสัมพันธ์พี่น้องหญิงล้วน โดยที่แต่ละคนก็มีอดีตหรือปัญหาใจแตกต่างกัน ยิ่งเข้าใกล้วันคริสต์มาสพวกเธอก็วางแผนจัดปาร์ตี้กับเพื่อนๆ แต่แล้วเหตุการณ์ไม่ได้เป็นอย่างที่คาด
เมื่อมีใครบางคนเริ่มส่งข้อความขู่ฆ่า ความหลอนปนความงงก็เริ่มปะทุขึ้นตัวหนังเองใช้เวลาไม่นานนักในการปูเรื่อง หรือแนะนำตัวละครซึ่งมันเป็นทั้งข้อดีและข้อด้อยในเวลาเดียวกัน บางคนอาจนึกเสียดายอยากให้ได้รู้จักตัวละครมากกว่าเดิม เพราะแต่ละคนมีเสน่ห์และนิสัยโดดเด่น แต่พอหนังเดินเครื่องเร็ว ก็ไม่ได้ชวนเบื่อ
แต่สิ่งที่ชวนขนลุกจริงๆ คือบรรยากาศและ “ลัทธิ” ลึกลับในเรื่อง ถ้าดูเผินๆ เหมือนจะเป็นหนังฆาตกรปกติแบบ “Slasher” เดิมๆ คนร้ายใส่หน้ากากไล่เชือดผู้หญิงกลางหอพัก แต่พอหนังเปิดเผยจุดสำคัญคุณจะต้องร้อง “อ้าว” เพราะเบื้องหลังมันลึกซึ้งซับซ้อนกว่าดูแค่หน้าหนัง และมีประเด็น “พลังอำนาจชาย” “ความรุนแรงปิตาธิปไตย” สอดแทรกอยู่ตลอดเรื่องซึ่งไม่ได้ยัดเยียดจนรู้สึกฝืน แต่ก็ทำให้คนดูที่ชินกับสูตรเดิมๆ รู้สึกเจออะไรใหม่ ๆ
ว่ากันตามตรง Black Christmas มีสไตล์งานสร้างที่ดูแล้วกำลังดี ไม่ใช่งานทุนหนา CGI โชว์อลังการ แต่วิธีใช้แสง เสียง การถ่ายภาพ ทำให้ความหวาดระแวงและบรรยากาศ “สิ่งลี้ลับในรั้วมหาวิทยาลัย” เกิดขึ้นได้จริงๆ มันมีทั้งตอนที่ระทึกขวัญ ชวนลุ้น และช่วงโหดเลือดสาดตามสไตล์หนังแนว slasher แต่ไม่เน้นโชว์ความสยองจนเกินขอบเขต หนังพาเราไปตามรอยกลุ่มเด็กสาว (นำโดย Riley Played by Imogen Poots) ที่เคยผ่านเหตุการณ์เลวร้ายในอดีต จนเกิดเป็นปมในใจ แล้วต้องมาเจอกับ “ศัตรู” ที่ทั้งลึกลับและน่าเกรงขามมากกว่าที่คิด เธอและเพื่อนๆ ต้องรวมพลังเอาตัวรอด พยายามหาทางเปิดโปงเบื้องหลังลัทธิที่แฝงตัวอยู่ในมหาลัยที่ทุกคนไว้ใจ
ความน่าสนใจของ Black Christmas เวอร์ชัน 2019 ไม่ใช่แค่การหนีรอดจากฆาตกร หรือการหักมุมแบบหนังพล็อตง่าย แต่หนังมีอะไรหลายอย่างที่สะท้อนกับยุคสมัยนี้ อย่างประเด็น “การกลืนเสียงของผู้หญิง” “สังคมชายเป็นใหญ่” การตั้งคำถามกับผู้มีอำนาจในสถาบันการศึกษา หรือแม้แต่ “ความกลัว” ที่ไม่ได้มีแค่วายร้ายกับอาวุธ แต่คือสังคมรอบตัวที่พร้อมมองข้าม หรือไม่เชื่อในสิ่งที่ผู้หญิงเผชิญ
ในแง่คาแรกเตอร์ต้องชมเลยว่า ทีมสาวๆ ของแก๊ง Mu Kappa Epsilon มีคาแรกเตอร์สนุก คนดูเลือกเชียร์เลือกลุ้นได้เลย บางคนมีแผลใจจากอดีต บางคนแข็งแกร่งแต่ก็เปราะบาง ที่ขาดไม่ได้คือตัวละครเสริมที่สร้างสีสัน เช่น เพื่อนสายมุก เพื่อนสาย “ซ่า” ทำให้หนังไม่ขาดมิติของชีวิตวัยรุ่น ส่วนตัวละครผู้ร้ายแม้จะออกแบบมาง่ายๆ(ใส่หน้ากากใส่ชุดดำ) แต่เมื่อเปิดเผย “เฉลย” แล้วจะทำให้คุณย้อนคิดกับทุกความสัมพันธ์ในเรื่องอีกที
ถ้าถามถึงฉากสยอง ฉากโหด มีอยู่พอสมควร แต่ไม่ได้เลือดกระเซ็นหรือเน้นเสียวไส้แบบสมัยต้นฉบับปี 1974 เพราะทีมผู้สร้างตั้งเป้าให้หนังเข้าถึงผู้ชมวัยรุ่น กลุ่มกว้าง ไม่หนักไปทางอีโรติกหรือโหดสะใจจนหลายคนเข้าไม่ถึง อารมณ์ประมาณ “เกิดอะไรขึ้นในที่ที่ควรปลอดภัย?” มากกว่า ซึ่งก็ได้ผลดีพอควร
สรุปง่ายๆ เลย Black Christmas เวอร์ชันนี้เหมาะกับใครที่ชอบหนังสยองขวัญ-ทริลเลอร์ที่มี “ประเด็นสังคม” แฝงอยู่ อยากดูเฟมินิสม์แบบไม่ยัดเยียด อยากดูความระทึกแนวแก๊งเพื่อนสาวเอาตัวรอดในสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด หรือแค่อยากดูหนังสยองในคืนคริสต์มาสที่ไม่เดินตามสูตรสำเร็จเดิมๆ
แน่นอนว่าถ้ามองในแง่แฟนหนังสายเลือดสาดระดับ Hardcore อาจรู้สึกว่าหนังเบาไปหน่อย เดาง่ายจริงบ้างในบางจุด แต่สำหรับใครที่เปิดใจ ดูเพื่ออินไปกับประเด็นสังคม แถมได้บรรยากาศลัทธิลี้ลับสุดหลอนในรั้วมหาวิทยาลัย ที่ทั้งน่ากลัวและชวนตั้งคำถาม Black Christmas ก็เป็นหนึ่งในหนังที่ “น่าสนใจ” และควรค่ากับเวลาช่วงท้ายปีที่อยากหาความระทึกปนสาระสักเรื่อง
ปิดท้าย ใครจะไปคิดว่าความอบอุ่นของคริสต์มาส จะกลายเป็นความหลอนแบบนี้ได้? ถ้าอยากพิสูจน์ด้วยตัวเอง ก็ลองสักครั้ง แล้วจะรู้ว่าลัทธิลี้ลับบางอย่าง...พามากกว่าความกลัว
[CR] รีวิวหนัง Black Christmas เมื่อสาวกลุ่มหนึ่งต้องเผชิญกับลัทธิลี้ลับจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด
หนังเริ่มจากกลุ่มสาวๆ นิสิตชมรม Mu Kappa Epsilon ที่ส่วนใหญ่ก็เต็มไปด้วยกลิ่นอาย “ซิสเตอร์ฮู้ด” (Sisterhood) หรือสายสัมพันธ์พี่น้องหญิงล้วน โดยที่แต่ละคนก็มีอดีตหรือปัญหาใจแตกต่างกัน ยิ่งเข้าใกล้วันคริสต์มาสพวกเธอก็วางแผนจัดปาร์ตี้กับเพื่อนๆ แต่แล้วเหตุการณ์ไม่ได้เป็นอย่างที่คาด
เมื่อมีใครบางคนเริ่มส่งข้อความขู่ฆ่า ความหลอนปนความงงก็เริ่มปะทุขึ้นตัวหนังเองใช้เวลาไม่นานนักในการปูเรื่อง หรือแนะนำตัวละครซึ่งมันเป็นทั้งข้อดีและข้อด้อยในเวลาเดียวกัน บางคนอาจนึกเสียดายอยากให้ได้รู้จักตัวละครมากกว่าเดิม เพราะแต่ละคนมีเสน่ห์และนิสัยโดดเด่น แต่พอหนังเดินเครื่องเร็ว ก็ไม่ได้ชวนเบื่อ
แต่สิ่งที่ชวนขนลุกจริงๆ คือบรรยากาศและ “ลัทธิ” ลึกลับในเรื่อง ถ้าดูเผินๆ เหมือนจะเป็นหนังฆาตกรปกติแบบ “Slasher” เดิมๆ คนร้ายใส่หน้ากากไล่เชือดผู้หญิงกลางหอพัก แต่พอหนังเปิดเผยจุดสำคัญคุณจะต้องร้อง “อ้าว” เพราะเบื้องหลังมันลึกซึ้งซับซ้อนกว่าดูแค่หน้าหนัง และมีประเด็น “พลังอำนาจชาย” “ความรุนแรงปิตาธิปไตย” สอดแทรกอยู่ตลอดเรื่องซึ่งไม่ได้ยัดเยียดจนรู้สึกฝืน แต่ก็ทำให้คนดูที่ชินกับสูตรเดิมๆ รู้สึกเจออะไรใหม่ ๆ
ว่ากันตามตรง Black Christmas มีสไตล์งานสร้างที่ดูแล้วกำลังดี ไม่ใช่งานทุนหนา CGI โชว์อลังการ แต่วิธีใช้แสง เสียง การถ่ายภาพ ทำให้ความหวาดระแวงและบรรยากาศ “สิ่งลี้ลับในรั้วมหาวิทยาลัย” เกิดขึ้นได้จริงๆ มันมีทั้งตอนที่ระทึกขวัญ ชวนลุ้น และช่วงโหดเลือดสาดตามสไตล์หนังแนว slasher แต่ไม่เน้นโชว์ความสยองจนเกินขอบเขต หนังพาเราไปตามรอยกลุ่มเด็กสาว (นำโดย Riley Played by Imogen Poots) ที่เคยผ่านเหตุการณ์เลวร้ายในอดีต จนเกิดเป็นปมในใจ แล้วต้องมาเจอกับ “ศัตรู” ที่ทั้งลึกลับและน่าเกรงขามมากกว่าที่คิด เธอและเพื่อนๆ ต้องรวมพลังเอาตัวรอด พยายามหาทางเปิดโปงเบื้องหลังลัทธิที่แฝงตัวอยู่ในมหาลัยที่ทุกคนไว้ใจ
ความน่าสนใจของ Black Christmas เวอร์ชัน 2019 ไม่ใช่แค่การหนีรอดจากฆาตกร หรือการหักมุมแบบหนังพล็อตง่าย แต่หนังมีอะไรหลายอย่างที่สะท้อนกับยุคสมัยนี้ อย่างประเด็น “การกลืนเสียงของผู้หญิง” “สังคมชายเป็นใหญ่” การตั้งคำถามกับผู้มีอำนาจในสถาบันการศึกษา หรือแม้แต่ “ความกลัว” ที่ไม่ได้มีแค่วายร้ายกับอาวุธ แต่คือสังคมรอบตัวที่พร้อมมองข้าม หรือไม่เชื่อในสิ่งที่ผู้หญิงเผชิญ
ในแง่คาแรกเตอร์ต้องชมเลยว่า ทีมสาวๆ ของแก๊ง Mu Kappa Epsilon มีคาแรกเตอร์สนุก คนดูเลือกเชียร์เลือกลุ้นได้เลย บางคนมีแผลใจจากอดีต บางคนแข็งแกร่งแต่ก็เปราะบาง ที่ขาดไม่ได้คือตัวละครเสริมที่สร้างสีสัน เช่น เพื่อนสายมุก เพื่อนสาย “ซ่า” ทำให้หนังไม่ขาดมิติของชีวิตวัยรุ่น ส่วนตัวละครผู้ร้ายแม้จะออกแบบมาง่ายๆ(ใส่หน้ากากใส่ชุดดำ) แต่เมื่อเปิดเผย “เฉลย” แล้วจะทำให้คุณย้อนคิดกับทุกความสัมพันธ์ในเรื่องอีกที
ถ้าถามถึงฉากสยอง ฉากโหด มีอยู่พอสมควร แต่ไม่ได้เลือดกระเซ็นหรือเน้นเสียวไส้แบบสมัยต้นฉบับปี 1974 เพราะทีมผู้สร้างตั้งเป้าให้หนังเข้าถึงผู้ชมวัยรุ่น กลุ่มกว้าง ไม่หนักไปทางอีโรติกหรือโหดสะใจจนหลายคนเข้าไม่ถึง อารมณ์ประมาณ “เกิดอะไรขึ้นในที่ที่ควรปลอดภัย?” มากกว่า ซึ่งก็ได้ผลดีพอควร
สรุปง่ายๆ เลย Black Christmas เวอร์ชันนี้เหมาะกับใครที่ชอบหนังสยองขวัญ-ทริลเลอร์ที่มี “ประเด็นสังคม” แฝงอยู่ อยากดูเฟมินิสม์แบบไม่ยัดเยียด อยากดูความระทึกแนวแก๊งเพื่อนสาวเอาตัวรอดในสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด หรือแค่อยากดูหนังสยองในคืนคริสต์มาสที่ไม่เดินตามสูตรสำเร็จเดิมๆ
แน่นอนว่าถ้ามองในแง่แฟนหนังสายเลือดสาดระดับ Hardcore อาจรู้สึกว่าหนังเบาไปหน่อย เดาง่ายจริงบ้างในบางจุด แต่สำหรับใครที่เปิดใจ ดูเพื่ออินไปกับประเด็นสังคม แถมได้บรรยากาศลัทธิลี้ลับสุดหลอนในรั้วมหาวิทยาลัย ที่ทั้งน่ากลัวและชวนตั้งคำถาม Black Christmas ก็เป็นหนึ่งในหนังที่ “น่าสนใจ” และควรค่ากับเวลาช่วงท้ายปีที่อยากหาความระทึกปนสาระสักเรื่อง
ปิดท้าย ใครจะไปคิดว่าความอบอุ่นของคริสต์มาส จะกลายเป็นความหลอนแบบนี้ได้? ถ้าอยากพิสูจน์ด้วยตัวเอง ก็ลองสักครั้ง แล้วจะรู้ว่าลัทธิลี้ลับบางอย่าง...พามากกว่าความกลัว
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้