ประโยคคำถาม "Who did it?" เราต้องตอบ "Me." หรือ "I did."

พูดถึงหัวข้อแกรมมาร์ระดับ beginner อย่างการใช้ “Pronoun” (สรรพนาม) กันสักหน่อยครับ

แม้เป็นเรื่องง่าย ๆ (คงไม่มีใครสับสนกับการใช้ ยิ้ม, she, it) แต่อาจมีหลายจุดที่เราเผลอมองข้าม เป็นสาเหตุให้ผิดแกรมมาร์เรื่องเดิมซ้ำ ๆ ครับ
_______________

Pronoun มีสองรูปแบบหลักคือ...
👉🏻 แบบประธาน (subject pronoun) ได้แก่ I, you, we, they, ยิ้ม, she, it
👉🏻 แบบกรรม (object pronoun) ได้แก่ Me, you, us, them, him, her, it
*สังเกตว่ามีสองคำที่ไม่เปลี่ยนรูปคือ you และ it 
. . . . .

เรื่องแรกที่นักเรียนสับสนคือ “การตอบคำถามที่ขึ้นต้นด้วย who

เราควรใช้เวอร์ชันไหนในการตอบ?

A: Who made this mistake? (ใครเป็นคนทำพลาด)
B: I / Me. (ฉัน)

A: Who was the person responsible for this? (ใครเป็นคนรับผิดชอบเรื่องนี้)
B: I / Me. (ฉัน)

A: Who came up with this plan? (ใครเป็นคนคิดแผนนี้ขึ้นมา)
B: I / Me. (ฉัน)

ข้อสอบบางอันถึงขั้น throw in (เพิ่ม) คำว่า “myself” เข้าไปในตัวเลือกเพื่อเพิ่มความสับสน
A: Who is that in the picture? (คนที่อยู่ในรูปคือใคร)
B: I / Me / Myself. (ฉันเอง)

ควรใช้อันไหนดี? ลองนึกถึงวลีง่าย ๆ อย่าง “Hi, it’s ______.” (I / Me / Myself)
นักเรียนส่วนมากสามารถตอบได้ทันทีว่าที่ถูกต้องคือ “Hi, it’s me.” (หวัดดี นี่ฉันเอง)

ซึ่งในการตอบคำถามของ B ในสี่ตัวอย่างที่ผมยกมาก็จะใช้ Me เช่นกัน
_______________

แต่สำหรับ native speaker บางคนอาจเลือกใช้เวอร์ชัน subject pronoun แทนก็ได้ (แต่จะต้องมีกริยาช่วยตามมาด้วย)

ลองเอาสามคำถามในย่อหน้าที่แล้วมาตอบด้วย subject pronoun ( + กริยาช่วย) ก็จะได้ดังนี้

A: Who made this mistake? (ใครเป็นคนทำพลาด)
B: I did. (ฉันทำเอง)

A: Who was the person responsible for this? (ใครเป็นคนรับผิดชอบเรื่องนี้)
B: I was. (ฉันเป็นคนรับ)

A: Who came up with this plan? (ใครเป็นคนคิดแผนนี้ขึ้นมา)
B: I did. (ฉันคิดเอง)

จริง ๆ การตอบด้วย Me แบบสั้น ๆ มันก็เป็นการย่อมาจากประโยคเต็มอีกทีครับ
A: Who ate the pancakes? (ใครเป็นคนกินแพนเค้ก)
B: Me. ( ย่อมาจาก It was me who did it.)
. . . . .

แล้วการตอบทั้งสองแบบต่างกันตรงไหน?

ง่าย ๆ เลยคือถ้าเราอยากให้ภาษาฟังดูทางการจะใช้แบบ subject pronoun + verb (I did/was.)
แต่ในภาษาพูดทั่วไปเราจะใช้แบบ object pronoun (Me.) ครับ
 
📌 แบบทางการ: (ใช้ I did)
A: "Who completed the project in such a brief period?” (ใครกันที่ทำโปรเจกต์ให้เสร็จได้ในเวลาอันสั้นขนาดนี้)
B: "I did, sir.” (ผมเองครับ)

📌 แบบไม่ทางการ: (ใช้ me)
A: “Who came up with this lame-ass project bullsh*t?” (ใครเป็นคิดปรเจกต์บ้าบอคอแตกนี้ขึ้นมา?)
B: “Me! Got a problem with that, boy?” (ข้าเอง เอ็งมีปัญหาปะละ?)
_______________

อีกจุดที่นักเรียนผิดบ่อย ๆ คือ “การใช้สรรพนามคู่กับคำนาม” ทั้งที่ไม่จำเป็น

ลองดูภาษาไทยประโยคนี้ (ให้อ่านแบบติดกันไปเลยนะ)
จอห์นเขาเป็นคนเอาการเอางาน”
มะลิเธอเป็นคนไม่ค่อยมีเพื่อน”
“กินข้าวหรือยังหนูลูก?”

ประโยคเหล่านี้หากแปลแบบตรงตัวครบทุกคำ มันจะผิดหลักแกรมมาร์ทันนี
John he is a hard-working man.”
Mali she is a bit shy.”
“Did you eat anything, you kid?”

ในภาษาอังกฤษเราไม่ใช้สรรพนามซ้ำกันแบบนี้ครับ ให้เลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง โดยส่วนมากถ้าเป็นการพูดครั้งแรกก็ใช้แค่ชื่อได้เลย
John is a hard-working man.” (หรือ “He is a hard-working man.”)
Mali is a bit shy.” (หรือ “She is a bit shy.”)

แต่วลีอย่าง You kid... นี่ใช้ได้นะครับ ลองมาดูคำอธิบายในย่อหน้าถัดไป
________________

เวลาเจอวลีอย่าง “You idiot.” “You crazy ass b*tch.” “You bastard.”  นักเรียนจะงงว่ามันผิดแกรมมาร์หรือเปล่า? (เพราะคิดว่าผู้เขียนลืมเติม are ให้ประธาน และลืมเติม article a, an ให้คำนาม?)

ที่ถูกต้องควรเป็น...
You idiot -> You (are) (an) idiot?
You crazy ass b*tch. -> You (are) (a) crazy ass b*tch? 
You bastard -> You (are) (a) bastard?

จริง ๆ ไม่ใช่ครับ มันไม่ได้ผิดแกรมมาร์แต่อย่างใด เพราะเหล่านี้เป็นเพียง “วลี” (phrase) ไม่ใช่ “ประโยค” (ดังนั้นไม่ต้องมีกริยาและ article)

สำหรับ native speaker (โดยเฉพาะเวลาต่อว่าใครสักคน) จะใช้โครงสร้าง You + noun (ที่เป็นคำด่า) ได้เลยครับ หรืออาจเป็น You + noun phrase (adjective + noun) ก็ยังได้ 

ส่วนมากจะอยู่ท้ายสุด (หรือหน้าสุด) ของประโยค
“They did tell you that it wouldn’t work, you crazy ass b*tch!” (พวกเขาก็บอกแกแล้วว่ามันใช้ไม่ได้ ยัยบ้าเอ้ย)
“Jon Snow, you bastard!” (จอน สโนว์ ไอ้ลูกนอกสมรส!)
You idiot, I told you so many times, didn’t I?” (โถวไอ้ง่าวเอ้ย ฉันบอกแกแล้วไม่รู้กี่รอบ)
_______________

✅ สรุปสามประเด็น

1) เวลาตอบคำถาม who สามารถเลือกใช้ได้สองโครงสร้างคือ object pronoun (informal) หรือ subject pronoun + verb (formal)
2) หากภาษาไทยมีทั้งชื่อและสรรพนามอยู่ติดกัน ให้เราเลือกมาแค่หนึ่งอย่างเวลาแปลเป็นภาษาอังกฤษ
3) โครงสร้าง Pronoun + noun ไม่ได้ผิดหลักแกรมมาร์ ส่วนมากจะใช้ในการต่อว่า (หรือให้ฉายากับใครสักคน)

เป็นเรื่องยิบย่อยเกี่ยวกับ pronoun ที่ฝากไว้ในวันนี้ครับ ยังมีอีกหลายจุดที่น่าสนใจ ไว้มาศึกษาเพิ่มเติมในภายหลัง
_______________

รู้ให้มากกว่าเมื่อวาน
JGC.
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่