คุณเห็นด้วยกับข้อความนี้บ้างไหมเหรอครับ มีบางคนมาบอกผมว่า ไม่สมควรมีเด็กซิ่ว เพราะไปเบียดเบียนที่นั่งของคนอื่นอ่ะ

พวกคุณทุกคนเห็นด้วยกับข้อความนี้บ้างไหมเหรอครับ มีบางคนมาบอกผมว่า ไม่สมควรมีเด็กซิ่ว เพราะไปเบียดเบียนที่นั่งของคนอื่นอ่ะ แล้วไม่สมควรมีดารขยายรอบรับตรงให้มากขึ้นกว่าเดิมด้วยครับ โดยไปลดที่นั่งในรอบ port เขาบอกว่า คนที่สอบติดรอบ port มีความสามารถรอบด้านมากกว่า คนที่สอบติดรับตรงอ่ะครับ

เขาบอกว่า " คนจำพวกเด็กซิ่วไม่ควรมีด้วยซ้ำครับ เพราะเป็นการย้ายไปเบียดเบียนเด็กรุ่นต่อไปจากที่ต้องแข่งกันในรุ่นตัวเองดันมีรุ่นพี่มาแข่งด้วย ควรมีระบบจัดการกลุ่มนี้มากกว่าอีก คนส่วนใหญ่ที่มาซิ่วก็ เช่น ปีตัวเองอยากได้แพทย์แต่ยังไม่ได้เลยเรียน สัตวแพทย์ไปก่อนแล้วรอซิ่ว (ไม่นับคนที่เกิดปัญหาชีวิตอะไรที่ทำให้ต้องซิ่วจริงๆนะครับ)

ยกตัวอย่างง่ายๆ สมมุติคะแนนที่มหาลัยหนึ่งรับไปในคณะวิศวะ 100 คนแล้วใน 100 คนมีเด็กซิ่วติดมาสองคน ขณะที่ลำดับ 101-102 เป็นเด็กปกติ เขาต้องมาเสียโอกาสเพราะเด็กซิ่ว เพราะเด็กซิ่วมีเวลาเตรียมตัวเยอะกว่าเด็กปกติที่ต้องเรียนไปด้วยติวไปด้วยหลายขุมครับ

ผมตอบเขาไปแบบนี้ว่า

"เอาจริงๆ จะพูดว่าไปเบียดเบียนเด็กรุ่นถัดไป มันก็อาจจะถูกและไม่ถูกทั้งหมดครับ เพราะถ้าสามารถทำคะแนนสอบเข้าได้สูงๆ แล้วใครจะมาเบียดเบียนได้เหรอครับ ?

แล้วพวกที่เชาซิ่ว เขาเองก็ต้องไปเริ่มอ่านหนังสือใหม่ด้วยซ้ำ ซึ่งแปลว่าเขาต้องปูพื้นฐานใหม่ทั้งหมดเลย  

ถ้าอย่างงั้นผมก็พูดได้สิครับว่า ระบบที่รับแต่ ม.ปลาย ไม่เปิดรับเด็ก ปวช .ในรอบรับตรง ก็เป็นการเบียดเบียนไม่ให้เด็กจากสายการเรียนอื่นๆได้มีที่เรียนเหมือนกัน

แล้วเอาจริงๆ ถึงต่อให้ไม่มีพวกรุ่นพี่มาเเข่ง แต่ถ้าสอบติดเข้าไปได้ด้วยคะแนนน้อยๆ ถ้าไปเรียนจริงๆ แล้วมันจะรอดบ้างไหมเหรอครับ ? คนที่สอบได้คะแนนเยอะกว่า ก็แสดงให้เห็นถึงโอกาสที่จะไปเรียนต่อได้มากกว่ารึเปล่าครับ "

เขาตอบผมกลับมาแบบนี้ว่า

"แล้วที่คุณบอกความรู้เริ่มใหม่คือคุณคิดว่าความรู้คือผลไม้หรอครับใช้กินไปวันนี้วันหน้าต้องปลูกใหม่ คนที่เคยมีความรู้หนึ่งไปแล้ว อ่านทวนไม่กี่ทีแล้วไปฝึกต่อก็ได้แล้วครับต่างจากคนที่พึ่งเก็บต้องเก็บให้เข้าใจอย่างดีก่อน แล้วก็ถ้าคุณจะพูดเรื่องคะแนน มีคนที่ผมรู้จักหลายคนที่เขาสอบเข้าได้คะแนนไม่สูงแต่เข้าไปแล้วเป็นเด็ก top เพราะความสามารถรอบด้าน เพราะงั้นข้อสอบกระดาษากับผลงานรอบด้านที่ลงมือทำจริง มันคนละระดับกันเลยครับ ถ้าคุณยังไม่เข้าใจผมก็ไม่น่าจะเชื่ออะไรการศึกษาไทยได้แล้วละครับ

ปัญหาคือการเพิ่มจำนวนเด็กที่แข่งขันคนที่เก่งๆก็หลุดได้ถ้ามีรุ่นพี่เก่งๆมาแข่ง ทำให้คนเก่งเหล่านั้นก็ต้องซิ่วต่อ กลายเป็นวงจรที่ไม่สมควรเกิด ซึ่งเป็นอยู่ตอนนี้"

จะเอาอะไรมาอ้างสารพัดแต่เด็กซิ่วก็ได้ "เปรียบ"กว่าอยู่ดี สมมุติเด็กสองคนที่ความเก่งเท่ากันหมด แต่คนนึงมีเวลาเตรียมตัวชิวๆ 1 ปีกับคนนึงที่ต้องเรียนไปด้วยติวไปด้วย ก็ชัดเจนดีนะว่าใครจะคะแนนดีกว่า

แล้วผมพูดกับเขาเรื่องที่ควรขยายรอบรับตรง แต่เขามาบอกผมแบบนี้อ่ะครับว่า

"ทำไมต้องขยายที่นั่งรับรอบตรงครับ ง่ายๆคือรอบ 1 สำหรับคนที่มีผลงานพิเศษด้านคณะนั้นๆ รอบสามสำหรับคนที่ไม่มีผลงานแค่ต้องสอบเข้า แล้วก็ตรงสอบโอลิปิคเท่าที่เห็นก็มีแต่คนซื้อหนังสือมาทำฝึกกันเองนะ ที่ติดรอบลึกๆก็ไม่เห็นต้องไปติวแพงๆแต่ติดเพราะ "เก่ง" ไม่ใช่ "เงิน" "

"ยังไงรอบพอร์ตก็เห็นความสามารถรอบด้านกว่าอยู่แล้วทั้งการฝึกงาน การใช้คะแนนที่มาจากทั้งพูด ทั้งตอบ ทั้งปฏิบัติจริง รวมถึงลักษณะผลการทำงานต่างๆ ซึ่งต่างจากรอบสามที่เห็นแต่ "คะแนนสอบ" แล้วก็วนมาที่เดิมคนที่มีความสามารถรอบด้านจนมาติดมหาลัยได้ก็สมควรที่จะมีการยื่นครับ มหาลัยดังๆจากทั่วโลกใช้ระบบส่งพอร์ตเยอะมากครับ นั่นแหละคือเหตุผล เพราะงั้นคำว่า "ไม่ยุติธรรม" ของคุณ ( เขาหมายถึงสำหรับคนที่อยากให้มีที่นั่งในรอบรับตรงมาดขึ้นกว่าเดิมครับ ) ในสายตาเวทีโลกก็แค่ "ข้ออ้าง" ของคนกลุ่มที่ไม่ได้มีความสามารถรอบด้านเท่าคนที่ยื่นติด "

จะลด( รอบ port)ทำไมละครับ สมมุติรับไป 100 ไม่คุณภาพ 1 แล้วเอา 1 คนนี้ไปอ้างให้ลดรอบเหลือ 50 มันไม่ถูกไงครับ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่