ความเดิมตอนที่แล้ว
https://pantip.com/topic/43919825
ตอนที่แพลนทริปกัน ดิฉันไม่ได้เข้าไปยุ่งอะไรมากเลย ลูกจะวางแผนยังไงก็ปล่อย
สองสาวคนโต คนรอง เธอสุมหัว ช่วยกันคิด ช่วยกันวางแผน
ตั่วเจ้อยากไปเที่ยวสวิส เลยมาถามแม่ว่า อยากไปโลซาน หรือ ซูริคมากกว่ากัน ?
ป๋ากับหม่ามี้เคยไปซูริคมั้ย ?
นี่แค่เคยเปลี่ยนเครื่องที่ซูริค
ไม่เคยลงไปเหยียบในเมืองเลยจ้า
ลูกก็จัดให้ บอกนั่งรถไฟจากเวียนนาไปซูริคก็แล้วกัน เพราะนั่งเครื่อง คำนวณดูแล้วจะแพงกว่า
ยาว ๆ ไปครับ นั่งไปประมาณเจ็ดชั่วโมง
ออกตอนเก้าโมงเช้ากว่า ๆ ถึงตอนประมาณบ่ายสี่กว่า ๆ
ข้อเสียของการไปยุโรปตอนเริ่มเข้าหน้าหนาวคือ กลางวันสั้นมากค่า
สี่โมงกว่าเริ่มครึ้ม ๆ ห้าโมงกว่านี่เริ่มมืดละ
เราแวะซื้ออาหารขึ้นไปกินบนรถไฟ ประสบการณ์นี้ทำให้ดิฉันนึกถึงสมัยเด็ก ๆ เวลานั่งรถไฟกรุงเทพ-หาดใหญ่
ครอบครัวก็มักจะแพ็คอาหารขึ้นไปทานกันบนรถไฟด้วย สนุก ประหยัดและเพลินดี
ที่สถานีรถไฟกลางของเวียนนา มีร้านอาหารไทยชื่อ SOM KITCHEN
ดิฉันเห็นตั้งแต่วันแรกที่มาถึงละ แต่ยังไม่ได้ลองชิม
เราซื้อใส่กล่องไปทานบนรถไฟ
คุณญาญ่าแม่ครัวไทยชาวนครฯ น่ารักใจดีมาก
เธอถามว่า เราจะไปไหน เราบอกซูริค
เธอบอก โห... นั่งไกลเลย ซื้อของจากที่นี่ไปกินนะ ที่นั่นทุกอย่างแพงกว่าสองเท่า
แล้วเธอก็ให้จานกระดาษ ช้อนส้อมไม้ สำหรับแบ่งอาหารไปด้วย
เพราะข้าวห่อที่นี่ portion ใหญ่ เธอบอกว่า "พี่กินไม่หมดหรอก"
จริงของเธอค่ะ ข้าวผัดหนึ่งกล่อง ครอบครัวเราแบ่งกินกันได้ 3 portion แหละ มันเยอะจริง ๆ
อ้อ...แต่รถไฟยุโรป ก็ย่อมมีโบกี้ที่เป็น "รถเสบียง" เหมือนบ้านเรานี่แหละ แต่ดิฉันไม่ได้ซื้ออะไรที่นี่นอกจากน้ำผลไม้
ถึงซูริคตอนบ่าย ๆ เย็น ๆ
สถานีรถไฟกลางซูริค ขอเรียกหัวลำโพงซูริคละกันค่ะ คึกคักไปด้วยผู้คน
และเช่นกันค่ะ
ช่วงเวลานี้แห่งปี จะมีอะไรอย่างอื่นไปไม่ได้นอกจากตลาดคริสตมาสค่ะ
Gluhwein หรือไวน์อุ่นขายกันครึ่ด ๆ ดาดดื่นอีกแล้ว
ด้วยความที่ลูกจองโรงแรมที่ลูกบอกว่า "ถูกที่สุดเท่าที่หาได้"
โรงแรมก็อยู่ไปทางสนามบินค่า
และเพราะเราเหนื่อย เรางอม เรามากันห้าคน และเรากระเป๋าเยอะ
ก็ต้อง "แท็กซี่" อีกแล้วค่า
แม่อยากจะทึ้งผม ... ค่าแท็กซี่เกือบห้าพันบาท
เฮ้ออออ ยังไม่ชินสินะ กับเรทค่าแท็กซี่นี้ที่ยุโรป
โรงแรมนี้เล็ก ๆ มีแค่สี่ห้าชั้น แต่สะอาดเรียบร้อยตามมาตรฐานสวิสค่ะ
ใกล้ ๆ โรงแรมมี supermarket เล็ก ๆ อย่าง Aldi และ COOP ด้วย
ซึ่งอิชั้นชอบมาก เพราะเราจะได้ฝากท้อง ซื้อขนมปัง นม กาแฟ โยเกิร์ต และอาหารสำเร็จรูปจากที่นี่ไปอุ่นกิน ประหยัดเงินไปได้โขอยู่
คืนนั้น เรารีบเข้านอนกัน เพราะเอาจริง ห้าหกโมงเย็นซูริค มันก็ประมาณเที่ยงคืนเมืองไทย
ยังปรับเวลาไม่ค่อยได้ ง่วงแล้ว ก็เลยนอน
เพื่อที่จะพบว่า ตัวเองตื่นมาตอนตีสองตีสามเวลาซูริค
ตื่นมาแล้ว ไม่มีอะไรทำ เลยนั่งสวดมนต์เพลิน ๆ อุทิศให้เจ้าที่เจ้าทางเมืองฝรั่ง
พอเช้าตื่นมา ก็เอาขนมปัง โยเกิร์ต นมที่ซื้อมาจาก Aldi นั่นแหละกินเป็นข้าวเช้า เพราะคำนวณดูแล้วว่า อาหารเช้าที่โรงแรมเสนอให้ (แต่ต้องจ่ายเพิ่มประมาณ 15 สวิสฟรังก์ ถ้าจำไม่ผิด) ดูพื้น ๆ และไม่คุ้มเงินเท่าไร
โปรแกรมตอนเช้า ลูกบอกจะพาไปเดินเล่นตรงย่านเมืองเก่า และย่านถนนที่ขายของหรูหรา
window display ที่นี่สวยมากกกกก
ที่ดิฉันชอบมากคือร้านนี้ค่ะ GRAFF
ได้แต่มองและชื่นชมเพราะราคา GRAFF นี่ฟู่ฟ่าฟ้าจรดทรายมากกกก
แบรนด์อื่น ๆ ก็ตามมาตรฐานทั่วโลกค่ะ Cartier, LV และอื่น ๆ
ลูกถามว่า จะแวะ tiger ไหม ดิฉันรู้จักแต่ Onisuka Tiger
เลยบอกว่า ไม่แวะจ้า ขากลับเราแวะไทเป ดูนี่นั่นดีกว่า
ลูกบอกไม่ใช่ค่าาาา มันคือ Flying Tiger
มันเป็นร้านขายของกุ๊กกิ๊กแนว moshi moshi บ้านเรา แต่ยี่ห้อนี้มาจากโคเปนเฮเกน
นี่ก็แวะหมดจ้า
See all, buy few.
แบบจะทำอะไรต้องเกรงใจเงินในกระเป๋า
ซูริคเป็นเมืองสวยค่ะ และเป็นเนินนิด ๆ ไม่ขนาดเนิ้น เนิน แบบซานฟรานซิสโกนะคะ
แต่มีบางแว่บ ที่ดิฉันอดกระหวัดคิดถึงเมืองจันทบุรีไม่ได้
เนินน้อย ๆ ตามถนนหนทาง
มีแม่น้ำผ่ากลาง มีเป็ด มีหงส์ว่ายเล่น
ลูกสาวตื่นเต้นกับหงส์มาก
เธอโตมากับภาพลักษณ์ของหงส์ที่สง่างามใน Swan Lake มาเห็นหงส์ตัวจริง มุดลงไปหาอาหารแบบก้นโด่ง ก็ตกใจ
บอกว่า "หมดกัน" หงส์ลูก !!!
และเนื่องจากวันนั้น อากาศหนาวมากกก แม่บ่นอยากกินอะไรร้อน ๆ
เราเลยตกลงจะกินร้านเอเชียกัน
น่าจะเป็นร้านของคนเวียดนาม
รสชาติดิฉันว่าเฉย ๆ แต่ แต่ตัวโต ๆ คือ เราไปเวลากลางวัน แต่ลูกคนโตยังไม่หิว เลยไม่สั่งจานหลัก จะสั่งจานกินเล่นพวกของว่างเบา ๆ
ร้านยื่นคำขาดว่า ไม่ได้จ้า พวกเธอมาตอนร้านขายดี ใครไม่สั่งจานหลัก นั่งในร้านไม่ได้นะจ๊ะ
ลูกคนโตคว้ากระเป๋าลุกยืนเลยค่ะ
บอกให้ทุกคนกินไป ตัวเองจะออกไปเดินเล่น
ไม่ง้อจ้ะ
จบอาหารกลางวันแล้ว เราไปต่อกันที่พิพิธภัณฑ์ที่ขึ้นชื่อมากของที่นี่ KUNSTHAUS ZURICH หรือ The Art House of Zurich ค่า
ที่นี่เด็ดยังไง ? ไปดูกัน
ทุลักทุเล (แต่รีแลกซ์) ทัวร์ตอนที่ 2 -- ซูริค เรียบ หรู ดูแพง (จริง ๆ ไม่ได้แค่ดูแพง มันแพงจริ๊ง !!!)
https://pantip.com/topic/43919825
ตอนที่แพลนทริปกัน ดิฉันไม่ได้เข้าไปยุ่งอะไรมากเลย ลูกจะวางแผนยังไงก็ปล่อย
สองสาวคนโต คนรอง เธอสุมหัว ช่วยกันคิด ช่วยกันวางแผน
ตั่วเจ้อยากไปเที่ยวสวิส เลยมาถามแม่ว่า อยากไปโลซาน หรือ ซูริคมากกว่ากัน ?
ป๋ากับหม่ามี้เคยไปซูริคมั้ย ?
นี่แค่เคยเปลี่ยนเครื่องที่ซูริค
ไม่เคยลงไปเหยียบในเมืองเลยจ้า
ลูกก็จัดให้ บอกนั่งรถไฟจากเวียนนาไปซูริคก็แล้วกัน เพราะนั่งเครื่อง คำนวณดูแล้วจะแพงกว่า
ยาว ๆ ไปครับ นั่งไปประมาณเจ็ดชั่วโมง
ออกตอนเก้าโมงเช้ากว่า ๆ ถึงตอนประมาณบ่ายสี่กว่า ๆ
ข้อเสียของการไปยุโรปตอนเริ่มเข้าหน้าหนาวคือ กลางวันสั้นมากค่า
สี่โมงกว่าเริ่มครึ้ม ๆ ห้าโมงกว่านี่เริ่มมืดละ
เราแวะซื้ออาหารขึ้นไปกินบนรถไฟ ประสบการณ์นี้ทำให้ดิฉันนึกถึงสมัยเด็ก ๆ เวลานั่งรถไฟกรุงเทพ-หาดใหญ่
ครอบครัวก็มักจะแพ็คอาหารขึ้นไปทานกันบนรถไฟด้วย สนุก ประหยัดและเพลินดี
ที่สถานีรถไฟกลางของเวียนนา มีร้านอาหารไทยชื่อ SOM KITCHEN
ดิฉันเห็นตั้งแต่วันแรกที่มาถึงละ แต่ยังไม่ได้ลองชิม
เราซื้อใส่กล่องไปทานบนรถไฟ
คุณญาญ่าแม่ครัวไทยชาวนครฯ น่ารักใจดีมาก
เธอถามว่า เราจะไปไหน เราบอกซูริค
เธอบอก โห... นั่งไกลเลย ซื้อของจากที่นี่ไปกินนะ ที่นั่นทุกอย่างแพงกว่าสองเท่า
แล้วเธอก็ให้จานกระดาษ ช้อนส้อมไม้ สำหรับแบ่งอาหารไปด้วย
เพราะข้าวห่อที่นี่ portion ใหญ่ เธอบอกว่า "พี่กินไม่หมดหรอก"
จริงของเธอค่ะ ข้าวผัดหนึ่งกล่อง ครอบครัวเราแบ่งกินกันได้ 3 portion แหละ มันเยอะจริง ๆ
อ้อ...แต่รถไฟยุโรป ก็ย่อมมีโบกี้ที่เป็น "รถเสบียง" เหมือนบ้านเรานี่แหละ แต่ดิฉันไม่ได้ซื้ออะไรที่นี่นอกจากน้ำผลไม้
ถึงซูริคตอนบ่าย ๆ เย็น ๆ
สถานีรถไฟกลางซูริค ขอเรียกหัวลำโพงซูริคละกันค่ะ คึกคักไปด้วยผู้คน
และเช่นกันค่ะ
ช่วงเวลานี้แห่งปี จะมีอะไรอย่างอื่นไปไม่ได้นอกจากตลาดคริสตมาสค่ะ
Gluhwein หรือไวน์อุ่นขายกันครึ่ด ๆ ดาดดื่นอีกแล้ว
ด้วยความที่ลูกจองโรงแรมที่ลูกบอกว่า "ถูกที่สุดเท่าที่หาได้"
โรงแรมก็อยู่ไปทางสนามบินค่า
และเพราะเราเหนื่อย เรางอม เรามากันห้าคน และเรากระเป๋าเยอะ
ก็ต้อง "แท็กซี่" อีกแล้วค่า
แม่อยากจะทึ้งผม ... ค่าแท็กซี่เกือบห้าพันบาท
เฮ้ออออ ยังไม่ชินสินะ กับเรทค่าแท็กซี่นี้ที่ยุโรป
โรงแรมนี้เล็ก ๆ มีแค่สี่ห้าชั้น แต่สะอาดเรียบร้อยตามมาตรฐานสวิสค่ะ
ใกล้ ๆ โรงแรมมี supermarket เล็ก ๆ อย่าง Aldi และ COOP ด้วย
ซึ่งอิชั้นชอบมาก เพราะเราจะได้ฝากท้อง ซื้อขนมปัง นม กาแฟ โยเกิร์ต และอาหารสำเร็จรูปจากที่นี่ไปอุ่นกิน ประหยัดเงินไปได้โขอยู่
คืนนั้น เรารีบเข้านอนกัน เพราะเอาจริง ห้าหกโมงเย็นซูริค มันก็ประมาณเที่ยงคืนเมืองไทย
ยังปรับเวลาไม่ค่อยได้ ง่วงแล้ว ก็เลยนอน
เพื่อที่จะพบว่า ตัวเองตื่นมาตอนตีสองตีสามเวลาซูริค
ตื่นมาแล้ว ไม่มีอะไรทำ เลยนั่งสวดมนต์เพลิน ๆ อุทิศให้เจ้าที่เจ้าทางเมืองฝรั่ง
พอเช้าตื่นมา ก็เอาขนมปัง โยเกิร์ต นมที่ซื้อมาจาก Aldi นั่นแหละกินเป็นข้าวเช้า เพราะคำนวณดูแล้วว่า อาหารเช้าที่โรงแรมเสนอให้ (แต่ต้องจ่ายเพิ่มประมาณ 15 สวิสฟรังก์ ถ้าจำไม่ผิด) ดูพื้น ๆ และไม่คุ้มเงินเท่าไร
โปรแกรมตอนเช้า ลูกบอกจะพาไปเดินเล่นตรงย่านเมืองเก่า และย่านถนนที่ขายของหรูหรา
window display ที่นี่สวยมากกกกก
ที่ดิฉันชอบมากคือร้านนี้ค่ะ GRAFF
ได้แต่มองและชื่นชมเพราะราคา GRAFF นี่ฟู่ฟ่าฟ้าจรดทรายมากกกก
แบรนด์อื่น ๆ ก็ตามมาตรฐานทั่วโลกค่ะ Cartier, LV และอื่น ๆ
ลูกถามว่า จะแวะ tiger ไหม ดิฉันรู้จักแต่ Onisuka Tiger
เลยบอกว่า ไม่แวะจ้า ขากลับเราแวะไทเป ดูนี่นั่นดีกว่า
ลูกบอกไม่ใช่ค่าาาา มันคือ Flying Tiger
มันเป็นร้านขายของกุ๊กกิ๊กแนว moshi moshi บ้านเรา แต่ยี่ห้อนี้มาจากโคเปนเฮเกน
นี่ก็แวะหมดจ้า
See all, buy few.
แบบจะทำอะไรต้องเกรงใจเงินในกระเป๋า
ซูริคเป็นเมืองสวยค่ะ และเป็นเนินนิด ๆ ไม่ขนาดเนิ้น เนิน แบบซานฟรานซิสโกนะคะ
แต่มีบางแว่บ ที่ดิฉันอดกระหวัดคิดถึงเมืองจันทบุรีไม่ได้
เนินน้อย ๆ ตามถนนหนทาง
มีแม่น้ำผ่ากลาง มีเป็ด มีหงส์ว่ายเล่น
ลูกสาวตื่นเต้นกับหงส์มาก
เธอโตมากับภาพลักษณ์ของหงส์ที่สง่างามใน Swan Lake มาเห็นหงส์ตัวจริง มุดลงไปหาอาหารแบบก้นโด่ง ก็ตกใจ
บอกว่า "หมดกัน" หงส์ลูก !!!
และเนื่องจากวันนั้น อากาศหนาวมากกก แม่บ่นอยากกินอะไรร้อน ๆ
เราเลยตกลงจะกินร้านเอเชียกัน
น่าจะเป็นร้านของคนเวียดนาม
รสชาติดิฉันว่าเฉย ๆ แต่ แต่ตัวโต ๆ คือ เราไปเวลากลางวัน แต่ลูกคนโตยังไม่หิว เลยไม่สั่งจานหลัก จะสั่งจานกินเล่นพวกของว่างเบา ๆ
ร้านยื่นคำขาดว่า ไม่ได้จ้า พวกเธอมาตอนร้านขายดี ใครไม่สั่งจานหลัก นั่งในร้านไม่ได้นะจ๊ะ
ลูกคนโตคว้ากระเป๋าลุกยืนเลยค่ะ
บอกให้ทุกคนกินไป ตัวเองจะออกไปเดินเล่น
ไม่ง้อจ้ะ
จบอาหารกลางวันแล้ว เราไปต่อกันที่พิพิธภัณฑ์ที่ขึ้นชื่อมากของที่นี่ KUNSTHAUS ZURICH หรือ The Art House of Zurich ค่า
ที่นี่เด็ดยังไง ? ไปดูกัน