ปีที่กำลังจะหมดลงนี้ ตอนต้น ๆ ปี ลูกสาวคนรองยื่นเรื่องไปเป็นนักศึกษาแลกเปลี่ยนที่ออสเตรียหนึ่งเทอมค่ะ พ่อแม่ก็เลยวางแผนว่า ทั้งครอบครัวจะยกโขยงกันไปเที่ยว เพราะนี่อาจเป็นอีกไม่กี่ทริปที่จะได้เที่ยวกันเป็นครอบครัว ลูกเริ่มโตกันหมดแล้วค่ะ แต่ละคนตารางยุ่งเหยิงพอ ๆ กับพ่อแม่ นัดอะไรกันไม่ค่อยลงตัวละ
ลูกคนโตเพิ่งจบปีนี้ เธอได้งานเลย แล้วก็ทำงานไปด้วยเรียนภาคบัณฑิตนอกเวลาเพิ่มอีกใบหนึ่งทันที คนนี้ก็วุ่น
คนเล็กยังไม่ค่อยเท่าไร เพราะอยู่ปี 1
พ่อวุ่นเป็นปกติ
ส่วนแม่นี่ ปีนี้ ถ้าแม่ไม่กลัวเหาขึ้นหัว ก็ต้องขอยืมศัพท์ของสมเด็จพระนางเจ้าอลิซาเบธที่ 2 มาบรรยายปี 2025 ที่กำลังจะผ่านไปว่า Annus Horribilis เป็นปีแห่งความสะพรึงจริง ๆ ค่าที่มันหลายเรื่องโถมเข้ามาพร้อม ๆ กันแบบแบบจะน็อคกันให้ล้มไปให้ได้ แต่นี่ก็ไม่ยอมล้มค่ะ หลักดี ขาใหญ่ (ฮา)
แต่เอาละค้าบบบ นัดแล้วก็ต้องเป็นนัด
พอเป็นทริปยุโรป ก็ต้องวางแผนตั้งแต่ทำวีซ่า จองตั๋วเครื่องบิน วางแผนงานให้เรียบร้อย
ลูก ๆ สอบเสร็จช่วงต้นเดือนธันวา
เลยคิดว่า ก็ดีเหมือนกัน ไปช่วงหน้าหนาวจะได้ไปเดินตลาดคริสตมาสกันด้วย แม่อยากเดินนานละ อยากดู อยากสัมผัสบรรยากาศอารมณ์งานวัดแบบฝรั่งดูมั่งว่าจะเป็นยังไง ?
ตั๋วเดือนธันวามักจะแพง โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงคริสตมาสต่อปีใหม่ จริง ๆ เข้าธันวาก็เริ่มแพงละ
เราไปช่วงอาทิตย์ที่ 2 ทีแรกตั้งใจจะไปแค่ประมาณอาทิตย์นึง แต่บังเอิญตั๋วถูกที่สุดที่หาได้คือ EVA Air ซึ่งขาไปบินตรงกรุงเทพ-เวียนนา แต่ขากลับเราจะกลับจากสนามบิน Malpensa ที่มิลาน อิตาลี มันต้องแวะไทเป ถึงไทเปช่วงเช้า รอเครื่องแบบเงกกว่าจะได้ connecting flight มากรุงเทพต่อ
เลยคิดว่า นอนไทเปสักสองคืนดีกว่า เพราะลูกสาวคนโตเป็นคนเดียวที่ไม่เคยไปไต้หวัน เลยคิดว่าจะพาเธอเที่ยวเล่นไทเปนิดนึงก่อนกลับ อีกอย่าง การไม่ต้องใช้วีซ่า ก็ทำให้สะดวกในการแวะด้วย
ทริปนี้เลยยืดไปเป็นประมาณ 10 วัน ไป เวียนนา-ซูริค-มิลาน-ไทเป
อิชั้นเองในปีนี้อยู่ในสภาพแม่ผู้งอมและเหนื่อยล้ามาก เบื่อกับการต้องแพลนทุกอย่างทุกทริปของครอบครัวแล้ว เลยบอกลูกว่า โต ๆ กันแล้ว แพลนกัน จองกันให้หน่อย อยากไปเที่ยวไหน ก็ดู ๆ จิ้ม ๆ เอา แม่ขอรับผิดชอบแค่เขตไต้หวัน ในยุโรป ลูก ๆ จัดการละกัน ว่าไงก็ว่าตามกัน
ลูกคนโตมีสีหน้ากังวลเล็กน้อย เธอบอกว่า ถ้าแวะไต้หวัน เธอต้องขอ work from home (หมายถึง ใน Air BNB ที่เราไปเช่าน่ะค่ะ) ประมาณวันครึ่ง
ลูกคนรองซึ่งเรียนอยู่ Austria แต่เธออยู่เมืองเล็ก ๆ ชายแดน ก็บอกว่า ให้ทุกคนแวะเที่ยว Vienna ได้ก่อนเลย เธอจะนั่งรถไฟตามมาแจมตอนกลางคืน เพราะเธอมีเรียนช่วงเช้า
ก็เอาค่ะ ... เอาไงก็เอา
EVA พาเราไปถึงเวียนนาในตอนเช้า ด้วยความที่กระเป๋าพวกเราเยอะมาก เนื่องจากลูกคนรองเจอปัญหากระเป๋าเดินทางแตก ตอนเดินทางขามา เลยบอกให้พวกเราขนกระเป๋ามาให้เธอใช้ด้วย เธอกำหนดขนาดมาเสร็จสรรพว่า ห้ามให้ขนาดด้านยาวสุดเกิน 26 นิ้ว เพราะจะขึ้นรถไฟที่ฝรั่งเศสไม่ได้ (ใช่ค่ะ... หลังพ่อแม่กลับไปแล้ว เธอมีไปลุยเที่ยวกับเพื่อนต่อ) เราเลยขนมาให้สองใบ
ทุกอย่างมันเลยทุลักทุเล
เฮ้ออออ...ถอนใจยาว อากาศหนาว หิมะตก กระเป๋าเยอะ เลยต้องเรียกแท็กซี่ (แบบ van) จากสนามบินไปโรงแรม
สาบานเลยว่า เวลามายุโรป จะไม่ขนอะไรมามากมายเลย ถ้าไม่จำเป็น แท็กซี่ที่นี่แพงโหดร้ายมากค่า
สนามบินไปโรงแรม เกือบห้าพันบาท (เป็นอย่างนี้ในทุกเมืองที่ต้องเรียกแท็กซี่)
ลูกจองโรงแรม MOOON ไว้บอกว่า เจอรีวิวในติ๊กต่อก
อันนี้ ให้คะแนนเต็มค่ะ ไม่ใช่เพราะโรงแรมดีเด่อะไรนัก แต่เพราะโลเคชั่นสะดวกมาก ใกล้สถานีรถไฟหรือ บานโหฟ (bahnhof) มากแบบเดินถึงได้สบาย ๆ แถม ยังใกล้ที่เที่ยวอย่าง Belvedere Palace ที่เดินต่อเข้าไปในย่านเมืองเก่าได้แบบไม่ไกลเลย
เราไปถึงตอนเช้า ง่วง ๆ งอม ๆ แต่ยังไม่ถึงเวลาเช็คอิน
ตามแผนที่วางไว้คือ จะไปเที่ยวเชินบรุนน์กันก่อน แล้วกลับมาพักที่โรงแรม ส่วนตอนดึก ๆ จะเดินจากโรงแรมไปสถานีรถไฟรับลูกคนกลางที่นั่งรถไฟเข้ามาสมทบ
ลูกคนกลางบอกว่า ไปเชินบรุนน์กันก่อนเลย เพราะก่อนกลับเมืองไทย เธอน่าจะได้เข้ามาเวียนนาอีกครั้ง เดี๋ยวเธอค่อยไปเก็บเชินบรุนน์เอง
วันที่สอง เราค่อยไปเที่ยวโดยมีของดีของเด็ดประจำเวียนนาร่วมทริปคอยอธิบายไปด้วย
แถ่น...แท้น... ไกด์ป๊อปแห่งไกลบ้านนั่นเองค่ะ
เพราะความสะดวกด้านโลเคชั่นนี่แหละค่ะ
ทำให้เราเดินจากโรงแรมไปสถานีรถไฟกลาง (คล้าย ๆ หัวลำโพง หรือสถานีกรุงเทพอภิวัฒน์น่ะค่ะ แต่เป็นเวอร์ชั่นที่ดูหรูหรากว่าหน่อย) ได้สะดวกมาก
เรานั่งรถไฟไปเชินบรุนน์
ตลาดคริสตมาสเริ่มตั้งกันแล้ว บรรยากาศเริ่มคึกคัก
เราเดินเข้าไปด้านใน จ่ายค่าตั๋ว และรับหูฟัง เลือกช่องเสียงภาษาอังกฤษฟังคำบรรยายไปด้วย
สนุกดีค่ะ...
ห้องแต่ละห้องในเชินบรุนน์ สวยหรูโอ่อ่า สมชื่อ Schoenbrunn ที่แปลว่า ฤดูใบไม้ผลิที่สวยงาม
การรับหูฟังเดินฟังคำอธิบายไปด้วย จะทำให้ได้อรรถรสในการชมมากยิ่งขึ้น
เช่น บางห้องก็มีการบรรยายว่า ห้องนี้เป็นห้องที่มทสาร์ทเคยมาเล่นเปียโนตอนเด็ก ๆ ต่อหน้าพระพักตร์ราชวงศ์ และหนึ่งในผู้ชมวันนั้นคืออาร์ชดัชเชสมาเรีย แอนโตเนีย ซึ่งต่อมากลายเป็นพระนางมารีอังตัวแนตต์แห่งราชสำนักฝรั่งเศส
หรืออย่างห้องนี้
ซึ่งเป็นห้องใหญ่ห้องหนึ่งที่กว้างประมาณ 10 เมตร ยาว 40 เมตร ตบแต่งอย่างวิจิตรงดงาม ก็มีความสำคัญในประวัติสมัยใหม่ในฐานะที่เคยเป็นห้องประชุมระหว่าง นิกิตา ครุชเชฟ กับ จอห์น เอฟ เคนเนดี้ ในช่วงสงครามเย็นปี 1961 มาแล้ว
สงครามเย็นช่วงนั้น ถึงไม่รบกันต่อหน้า แต่ก็เผ็ดจะตาย เพราะปีต่อมา อเมริกาก็เผชิญกับ Cuban Missile Crisis ที่ขีปนาวุธรัสเซียไปติดตั้งที่ Cuba จน JFK ฟิวส์แทบขาดมาแล้ว
ประวัติที่เค้าเล่าผ่านหูฟัง ก็สนุกดีค่ะ
เวลาเดินผ่านบางห้อง ก็จะบอกว่า ห้องนี้เป็นห้องทรงงานของจักรพรรดิ์ ฟรานซ์ โจเซฟ ที่ท่านขยันมาก ตื่นมาทรงงานแต่เช้าทุกวัน
บางเรื่องก็เล่าแบบสามัญชนจนอิชั้นฟังแล้วขำเลย
เช่น บอกว่า บางทีซิสซี (Sisi) หรือจักรพรรดินีเอลิซาเบธ ก็ไม่ลงไปร่วมเสวยพระกระยาหารค่ำกับฟรานซ์ โจเซฟ เพราะท่านรักษาหุ่น 555
บางเรื่อง ก็เล่าเป็นเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยที่น่าสนใจ เช่น บอกว่า ปกติ อาหารที่เสิร์ฟกันในวัง ก็อาหารออสเตรียพื้น ๆ นี่แหละ แต่พระกระยาหารมื้อที่เป็นทางการก็จะเสิร์ฟอาหารฝรั่งเศส (ซึ่งเข้าใจว่าหรูเฟ่กว่า)
และเนื่องจากจักรพรรดินีเอลิซาเบธ หรือซิสซี ท่านเป็นผู้ที่ขึ้นชื่อว่าเลอโฉมมาก ของที่ระลึกในนี้ จึงเต็มไปด้วยรูปท่านเต็มไปหมด ตั้งแต่ตลับกระจกเล็ก ๆ กระเป๋า สมุด ไปกระทั่ง ช็อคโกแลต !!!
อุเหม่... ใช้ท่านคุ้มจริง ๆ พับผ่าเถอะ...
วันแรกในเวียนนา เรากลับจากเชินบรุนน์ไปพักที่โรงแรม
อ้อ... โรงแรมนี้น่ารักตรงกระจกโค้งกลม ๆ เราสามารถไปนั่งดูวิวถนน วิวรถได้นะคะ ถึงจะไม่ค่อยสบายเท่าไร เนื่องจาก บานกระจกเย็นจับใจในหน้าหนาว
ลูกส่งข้อความมาบอกว่า รถไฟเสียเวลาจ้า จะมาช้าหน่อยเกือบเที่ยงคืน ให้ทุกคนเข้านอนก่อนได้
แต่คนเป็นพ่อแม่เนอะ ... รู้เต็มอกแหละว่าลูกคล่องกว่า แต่เราก็อดห่วงไม่ได้
สักห้าทุ่ม เราก็เดินออกจากโรงแรมไปรอรับลูก
[CR] ทุลักทุเล (แต่รีแลกซ์) ทัวร์ ตอนที่ 1 -- เวียนนา มีดีที่ไกด์ป๊อป
ปีที่กำลังจะหมดลงนี้ ตอนต้น ๆ ปี ลูกสาวคนรองยื่นเรื่องไปเป็นนักศึกษาแลกเปลี่ยนที่ออสเตรียหนึ่งเทอมค่ะ พ่อแม่ก็เลยวางแผนว่า ทั้งครอบครัวจะยกโขยงกันไปเที่ยว เพราะนี่อาจเป็นอีกไม่กี่ทริปที่จะได้เที่ยวกันเป็นครอบครัว ลูกเริ่มโตกันหมดแล้วค่ะ แต่ละคนตารางยุ่งเหยิงพอ ๆ กับพ่อแม่ นัดอะไรกันไม่ค่อยลงตัวละ
ลูกคนโตเพิ่งจบปีนี้ เธอได้งานเลย แล้วก็ทำงานไปด้วยเรียนภาคบัณฑิตนอกเวลาเพิ่มอีกใบหนึ่งทันที คนนี้ก็วุ่น
คนเล็กยังไม่ค่อยเท่าไร เพราะอยู่ปี 1
พ่อวุ่นเป็นปกติ
ส่วนแม่นี่ ปีนี้ ถ้าแม่ไม่กลัวเหาขึ้นหัว ก็ต้องขอยืมศัพท์ของสมเด็จพระนางเจ้าอลิซาเบธที่ 2 มาบรรยายปี 2025 ที่กำลังจะผ่านไปว่า Annus Horribilis เป็นปีแห่งความสะพรึงจริง ๆ ค่าที่มันหลายเรื่องโถมเข้ามาพร้อม ๆ กันแบบแบบจะน็อคกันให้ล้มไปให้ได้ แต่นี่ก็ไม่ยอมล้มค่ะ หลักดี ขาใหญ่ (ฮา)
แต่เอาละค้าบบบ นัดแล้วก็ต้องเป็นนัด
พอเป็นทริปยุโรป ก็ต้องวางแผนตั้งแต่ทำวีซ่า จองตั๋วเครื่องบิน วางแผนงานให้เรียบร้อย
ลูก ๆ สอบเสร็จช่วงต้นเดือนธันวา
เลยคิดว่า ก็ดีเหมือนกัน ไปช่วงหน้าหนาวจะได้ไปเดินตลาดคริสตมาสกันด้วย แม่อยากเดินนานละ อยากดู อยากสัมผัสบรรยากาศอารมณ์งานวัดแบบฝรั่งดูมั่งว่าจะเป็นยังไง ?
ตั๋วเดือนธันวามักจะแพง โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงคริสตมาสต่อปีใหม่ จริง ๆ เข้าธันวาก็เริ่มแพงละ
เราไปช่วงอาทิตย์ที่ 2 ทีแรกตั้งใจจะไปแค่ประมาณอาทิตย์นึง แต่บังเอิญตั๋วถูกที่สุดที่หาได้คือ EVA Air ซึ่งขาไปบินตรงกรุงเทพ-เวียนนา แต่ขากลับเราจะกลับจากสนามบิน Malpensa ที่มิลาน อิตาลี มันต้องแวะไทเป ถึงไทเปช่วงเช้า รอเครื่องแบบเงกกว่าจะได้ connecting flight มากรุงเทพต่อ
เลยคิดว่า นอนไทเปสักสองคืนดีกว่า เพราะลูกสาวคนโตเป็นคนเดียวที่ไม่เคยไปไต้หวัน เลยคิดว่าจะพาเธอเที่ยวเล่นไทเปนิดนึงก่อนกลับ อีกอย่าง การไม่ต้องใช้วีซ่า ก็ทำให้สะดวกในการแวะด้วย
ทริปนี้เลยยืดไปเป็นประมาณ 10 วัน ไป เวียนนา-ซูริค-มิลาน-ไทเป
อิชั้นเองในปีนี้อยู่ในสภาพแม่ผู้งอมและเหนื่อยล้ามาก เบื่อกับการต้องแพลนทุกอย่างทุกทริปของครอบครัวแล้ว เลยบอกลูกว่า โต ๆ กันแล้ว แพลนกัน จองกันให้หน่อย อยากไปเที่ยวไหน ก็ดู ๆ จิ้ม ๆ เอา แม่ขอรับผิดชอบแค่เขตไต้หวัน ในยุโรป ลูก ๆ จัดการละกัน ว่าไงก็ว่าตามกัน
ลูกคนโตมีสีหน้ากังวลเล็กน้อย เธอบอกว่า ถ้าแวะไต้หวัน เธอต้องขอ work from home (หมายถึง ใน Air BNB ที่เราไปเช่าน่ะค่ะ) ประมาณวันครึ่ง
ลูกคนรองซึ่งเรียนอยู่ Austria แต่เธออยู่เมืองเล็ก ๆ ชายแดน ก็บอกว่า ให้ทุกคนแวะเที่ยว Vienna ได้ก่อนเลย เธอจะนั่งรถไฟตามมาแจมตอนกลางคืน เพราะเธอมีเรียนช่วงเช้า
ก็เอาค่ะ ... เอาไงก็เอา
EVA พาเราไปถึงเวียนนาในตอนเช้า ด้วยความที่กระเป๋าพวกเราเยอะมาก เนื่องจากลูกคนรองเจอปัญหากระเป๋าเดินทางแตก ตอนเดินทางขามา เลยบอกให้พวกเราขนกระเป๋ามาให้เธอใช้ด้วย เธอกำหนดขนาดมาเสร็จสรรพว่า ห้ามให้ขนาดด้านยาวสุดเกิน 26 นิ้ว เพราะจะขึ้นรถไฟที่ฝรั่งเศสไม่ได้ (ใช่ค่ะ... หลังพ่อแม่กลับไปแล้ว เธอมีไปลุยเที่ยวกับเพื่อนต่อ) เราเลยขนมาให้สองใบ
ทุกอย่างมันเลยทุลักทุเล
เฮ้ออออ...ถอนใจยาว อากาศหนาว หิมะตก กระเป๋าเยอะ เลยต้องเรียกแท็กซี่ (แบบ van) จากสนามบินไปโรงแรม
สาบานเลยว่า เวลามายุโรป จะไม่ขนอะไรมามากมายเลย ถ้าไม่จำเป็น แท็กซี่ที่นี่แพงโหดร้ายมากค่า
สนามบินไปโรงแรม เกือบห้าพันบาท (เป็นอย่างนี้ในทุกเมืองที่ต้องเรียกแท็กซี่)
ลูกจองโรงแรม MOOON ไว้บอกว่า เจอรีวิวในติ๊กต่อก
อันนี้ ให้คะแนนเต็มค่ะ ไม่ใช่เพราะโรงแรมดีเด่อะไรนัก แต่เพราะโลเคชั่นสะดวกมาก ใกล้สถานีรถไฟหรือ บานโหฟ (bahnhof) มากแบบเดินถึงได้สบาย ๆ แถม ยังใกล้ที่เที่ยวอย่าง Belvedere Palace ที่เดินต่อเข้าไปในย่านเมืองเก่าได้แบบไม่ไกลเลย
เราไปถึงตอนเช้า ง่วง ๆ งอม ๆ แต่ยังไม่ถึงเวลาเช็คอิน
ตามแผนที่วางไว้คือ จะไปเที่ยวเชินบรุนน์กันก่อน แล้วกลับมาพักที่โรงแรม ส่วนตอนดึก ๆ จะเดินจากโรงแรมไปสถานีรถไฟรับลูกคนกลางที่นั่งรถไฟเข้ามาสมทบ
ลูกคนกลางบอกว่า ไปเชินบรุนน์กันก่อนเลย เพราะก่อนกลับเมืองไทย เธอน่าจะได้เข้ามาเวียนนาอีกครั้ง เดี๋ยวเธอค่อยไปเก็บเชินบรุนน์เอง
วันที่สอง เราค่อยไปเที่ยวโดยมีของดีของเด็ดประจำเวียนนาร่วมทริปคอยอธิบายไปด้วย
แถ่น...แท้น... ไกด์ป๊อปแห่งไกลบ้านนั่นเองค่ะ
เพราะความสะดวกด้านโลเคชั่นนี่แหละค่ะ
ทำให้เราเดินจากโรงแรมไปสถานีรถไฟกลาง (คล้าย ๆ หัวลำโพง หรือสถานีกรุงเทพอภิวัฒน์น่ะค่ะ แต่เป็นเวอร์ชั่นที่ดูหรูหรากว่าหน่อย) ได้สะดวกมาก
เรานั่งรถไฟไปเชินบรุนน์
ตลาดคริสตมาสเริ่มตั้งกันแล้ว บรรยากาศเริ่มคึกคัก
เราเดินเข้าไปด้านใน จ่ายค่าตั๋ว และรับหูฟัง เลือกช่องเสียงภาษาอังกฤษฟังคำบรรยายไปด้วย
สนุกดีค่ะ...
ห้องแต่ละห้องในเชินบรุนน์ สวยหรูโอ่อ่า สมชื่อ Schoenbrunn ที่แปลว่า ฤดูใบไม้ผลิที่สวยงาม
การรับหูฟังเดินฟังคำอธิบายไปด้วย จะทำให้ได้อรรถรสในการชมมากยิ่งขึ้น
เช่น บางห้องก็มีการบรรยายว่า ห้องนี้เป็นห้องที่มทสาร์ทเคยมาเล่นเปียโนตอนเด็ก ๆ ต่อหน้าพระพักตร์ราชวงศ์ และหนึ่งในผู้ชมวันนั้นคืออาร์ชดัชเชสมาเรีย แอนโตเนีย ซึ่งต่อมากลายเป็นพระนางมารีอังตัวแนตต์แห่งราชสำนักฝรั่งเศส
หรืออย่างห้องนี้
ซึ่งเป็นห้องใหญ่ห้องหนึ่งที่กว้างประมาณ 10 เมตร ยาว 40 เมตร ตบแต่งอย่างวิจิตรงดงาม ก็มีความสำคัญในประวัติสมัยใหม่ในฐานะที่เคยเป็นห้องประชุมระหว่าง นิกิตา ครุชเชฟ กับ จอห์น เอฟ เคนเนดี้ ในช่วงสงครามเย็นปี 1961 มาแล้ว
สงครามเย็นช่วงนั้น ถึงไม่รบกันต่อหน้า แต่ก็เผ็ดจะตาย เพราะปีต่อมา อเมริกาก็เผชิญกับ Cuban Missile Crisis ที่ขีปนาวุธรัสเซียไปติดตั้งที่ Cuba จน JFK ฟิวส์แทบขาดมาแล้ว
ประวัติที่เค้าเล่าผ่านหูฟัง ก็สนุกดีค่ะ
เวลาเดินผ่านบางห้อง ก็จะบอกว่า ห้องนี้เป็นห้องทรงงานของจักรพรรดิ์ ฟรานซ์ โจเซฟ ที่ท่านขยันมาก ตื่นมาทรงงานแต่เช้าทุกวัน
บางเรื่องก็เล่าแบบสามัญชนจนอิชั้นฟังแล้วขำเลย
เช่น บอกว่า บางทีซิสซี (Sisi) หรือจักรพรรดินีเอลิซาเบธ ก็ไม่ลงไปร่วมเสวยพระกระยาหารค่ำกับฟรานซ์ โจเซฟ เพราะท่านรักษาหุ่น 555
บางเรื่อง ก็เล่าเป็นเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยที่น่าสนใจ เช่น บอกว่า ปกติ อาหารที่เสิร์ฟกันในวัง ก็อาหารออสเตรียพื้น ๆ นี่แหละ แต่พระกระยาหารมื้อที่เป็นทางการก็จะเสิร์ฟอาหารฝรั่งเศส (ซึ่งเข้าใจว่าหรูเฟ่กว่า)
และเนื่องจากจักรพรรดินีเอลิซาเบธ หรือซิสซี ท่านเป็นผู้ที่ขึ้นชื่อว่าเลอโฉมมาก ของที่ระลึกในนี้ จึงเต็มไปด้วยรูปท่านเต็มไปหมด ตั้งแต่ตลับกระจกเล็ก ๆ กระเป๋า สมุด ไปกระทั่ง ช็อคโกแลต !!!
อุเหม่... ใช้ท่านคุ้มจริง ๆ พับผ่าเถอะ...
วันแรกในเวียนนา เรากลับจากเชินบรุนน์ไปพักที่โรงแรม
อ้อ... โรงแรมนี้น่ารักตรงกระจกโค้งกลม ๆ เราสามารถไปนั่งดูวิวถนน วิวรถได้นะคะ ถึงจะไม่ค่อยสบายเท่าไร เนื่องจาก บานกระจกเย็นจับใจในหน้าหนาว
ลูกส่งข้อความมาบอกว่า รถไฟเสียเวลาจ้า จะมาช้าหน่อยเกือบเที่ยงคืน ให้ทุกคนเข้านอนก่อนได้
แต่คนเป็นพ่อแม่เนอะ ... รู้เต็มอกแหละว่าลูกคล่องกว่า แต่เราก็อดห่วงไม่ได้
สักห้าทุ่ม เราก็เดินออกจากโรงแรมไปรอรับลูก
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้