หน้าแรก
คอมมูนิตี้
ห้อง
แท็ก
คลับ
ห้อง
แก้ไขปักหมุด
ดูทั้งหมด
เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
ลองใหม่
แท็ก
แก้ไขปักหมุด
ดูเพิ่มเติม
เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
ลองใหม่
{room_name}
{name}
{description}
กิจกรรม
แลกพอยต์
อื่นๆ
ตั้งกระทู้
เข้าสู่ระบบ / สมัครสมาชิก
เว็บไซต์ในเครือ
Bloggang
Pantown
PantipMarket
Maggang
ติดตามพันทิป
ดาวน์โหลดได้แล้ววันนี้
เกี่ยวกับเรา
กฎ กติกา และมารยาท
คำแนะนำการโพสต์แสดงความเห็น
นโยบายเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล
สิทธิ์การใช้งานของสมาชิก
ติดต่อทีมงาน Pantip
ติดต่อลงโฆษณา
ร่วมงานกับ Pantip
Download App Pantip
Pantip Certified Developer
เรื่องสั้น ชุด "ฝัน STory" ตอน ดาวพฤหัสบดี โดย จ๊ะ เสือไบ
กระทู้สนทนา
แต่งเรื่องสั้น
เรื่องสั้น
๒๕
ดาวพฤหัสบดี
มนุษย์ต่างดาว แม้จักเป็นสิ่งที่ยังพิสูจน์ไม่ได้ว่ามีจริงฤาไม่ ทว่าในความฝัน มนุษย์ต่างดาวนั้นกลับถูกเนรมิตให้มีจริงขึ้นมา และพวกเขาอยู่ในดาวพฤหัสบดี แม้จักไกลแสนไกลจากโลกมนุษย์เราก็จริง ทว่าพวกเขากลับมีนวัตกรรมที่สามารถเชื่อมต่อระหว่างโลกของเรากับดวงดาวของพวกเขา เป็นหลักการอันคล้ายๆกับ
“ประตูไปที่ไหนก็ได้”
ซึ่งเป็นของวิเศษของโดราเอม่อน เพียงแต่มันเชื่อมต่อกันโดยมีทะเลอ่าวไทยขวางกั้น ณ ชายหาดลับแห่งหนึ่งในจังหวัดจันทบุรี
ฝันในครั้งนี้ของข้าพเจ้าเกิดขึ้นเมื่อเช้าตรู่ของวันที่ ๑๑ สิงหาคม ๒๕๖๘ ม่านแห่งความฝันครั้งนี้เปิดขึ้นที่บ้านของน้าอ้อย น้าสาวของข้าพเจ้า บ้านหลังนั้นเป็นบ้านจัดสรร ๒ ชั้นอันตั้งตระหง่านอยู่ไม่ไกลจากที่ว่าการอำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี การเดินทางไปยังหมู่บ้านแห่งนี้นับว่าลำเค็ญนัก เพราะรถตู้โดยสารสายที่เข้าหมู่บ้านมีอยู่ไม่กี่คัน มิหนำซ้ำยังไม่ถี่ การมีรถส่วนตัวหรือโดยสาร TAXI ดูจักเป็นหนทางที่สะดวกที่สุดในเพลานี้ เว้นเสียแต่ว่าจักมีรถไฟฟ้าจากสถานีคลองบางไผ่ต่อขยายแล้วมาพาดผ่านหน้าหมู่บ้าน
บ้านจัดสรรสีขาว ตระหง่านในพื้นที่ไม่กี่ตารางวา เนื่องจากเป็นบ้านหลังสุดท้ายในซอย ยังผลให้มีพื้นที่ใช้สอยมากกว่าบ้านอื่นๆในละแวกเดียวกัน บ้านปูนสีขาวสองชั้นหลังคาหน้าจั่วมีรั้วรอบกั้นทั้ง ๔ ทิศ ทั้งยังมีประตูเหล็กเลื่อนเพื่อให้นำรถเข้าจอดได้ ๒-๓ คัน สำหรับพื้นที่ใช้สอยดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้นนั้น มีไม้ดอกไม้ประดับแลไม้ผลกินได้หลายชนิดที่น้าอ้อยแลคนอื่นๆปลูกไว้ บางต้นคงมีมาตั้งแต่สมัยที่ยังไม่ซื้อบ้าน เช่น ลั่นทม บางต้นไม่น้าอ้อยก็น้าคนอื่นๆนำมาปลูกไว้ มีแก้ว กล้วย หม่อน เป็นอาทิ
ประตูทางเข้าตัวบ้านทางด้านหน้าเป็นประตูกระจกบานเลื่อน ประตูบานอื่นๆในบ้านเป็นประตูไม้สังเคราะห์เกือบทุกบาน เว้นเสียแต่ประตูห้องน้ำ ๒ ห้องที่อยู่ชั้นละห้องนั้นเป็นประตูพลาสติก
...
มันเป็นเพลา ๑๒ นาฬิกาเศษ ข้าพเจ้ากำลังนั่งคุยกับพ่อเฒ่า (แปลว่าคุณตาในภาษากลาง) แลน้อย น้องชายของข้าพเจ้า ท่านผู้อ่านคงจักคุ้นเคยกับ ๒ ตัวละครนี้มาบ้างแล้ว ข้าพเจ้าคงมิต้องอธิบายอันใดให้ยืดยาวเปลืองหน้ากระดาษ
ข้าพเจ้าสวมใส่กางเกงขาสั้นสีแดงแลเสื้อยืดสีฟ้า น้อยสวมกางเกงสามส่วนสีดำมีลายเส้นเป็นสีขาว สวมเสื้อยืดสีเทา ทางด้านพ่อเฒ่าสวมเสื้อยืดสีฟ้าแลกางเกงวอร์มสีเทา สภาพเท้าของพวกเราทั้งสามคนเปลือยเปล่า มิได้ใส่ถุงเท้าแต่ประการใด
เครื่องปรับอากาศยี่ห้อ SINGER ที่ถูกเปิดอยู่นั้นมิได้เย็นฉ่ำมาก อันเนื่องมาจาก BTU ที่ไม่เหมาะสมกับพื้นที่ชั้น ๑ ของบ้าน มันเป็นโถงกว้าง มีห้องน้ำ ห้องครัว แลบันไดไม้เพื่อก้าวเท้าขึ้นชั้น ๒ ทั้งนี้ห้องครัวเองก็มิได้มีประตูเป็นกิจจะลักษณะ มันเชื่อมต่อกับโถงชั้น ๑ เสมือนเป็นห้องเดียวกัน ความจริงควรเรียก “มุมครัว” จึงจักถูกต้อง อนึ่งบ้านหลังนี้ทาสีขาวถ้วนทั่วทั้งภายในแลภายนอก
ท่านผู้อ่านคงต้องคิดเหมือนกับข้าพเจ้าเทียวว่า จากการที่ข้าพเจ้าจาระไนพื้นที่ชั้น ๑ ของตัวบ้านนั้นแม้จักไม่ละเอียดนัก ท่านคงใช้สามัญสำนึกคิดได้ว่า เครื่องปรับอากาศที่ BTU ไม่เหมาะสมคงจักทำงานหนักพอสมควร เนื่องจากต้องปล่อยลมสู่พื้นที่ครัว ห้องโถง ห้องน้ำ (ถ้าเปิดประตูไว้) แลบันได โดยลมอาจจักขึ้นไปที่ชั้น ๒ ได้เนื่องจากไร้ประตูกั้นขวาง
พื้นที่โถงชั้น ๑ บริเวณมุมครัว มีเครื่องครัวสารพัด ทั้งช้อนส้อมถ้วยจานชาม แก๊สแลเตาแก๊ส สารพัดหม้อ (หม้อแรงดันก็มีนะเออ)หม้อหุงข้าว กระติกน้ำร้อน เครื่องชงกาแฟ อ่างล้างจาน ถัดมาบริเวณใกล้บันไดจะมีตู้เย็น รวมทั้งที่เก็บเสื้อผ้าใต้บันได ส่วนบริเวณโถงจักมีโต๊ะทานข้าวแบบ ๖ คน เตารีด ชั้นวางของ เปียโนไฟฟ้ามือสอง คอมพิวเตอร์ โทรทัศน์ เครื่องเสียง ตั้งเรียงรายจนรกบ้านไปเสียหมด นอกจากนี้ยังมีเตียงนอนที่พ่อเฒ่า-แม่เฒ่า (ภาษากลางแปลว่าคุณตากับคุณยาย)ใช้นอนหลับยามค่ำคืน ใกล้เคียงก็มีโซฟาเบดสีดำ หรือโซฟาที่สามารถปรับเป็นที่นอนได้ แลบริเวณโซฟานี่เองที่เราสามคนนั่งสนทนาพาทีกัน
“จริงเออะ
[1]ที่จิ๊จ๊ะว่ามนุษย์ต่างดาวมีจริง ?” น้อยเอ่ยขึ้นมา
“มีจริงดิ เห็นมาแล้ว” ข้าพเจ้ายืนกราน
“แล้วเห็นได้พรือ
[2]” น้อยปุจฉาขึ้นมาอีก
“หาดลับไปเมืองจันท์มันมีพื้นที่ต่อไปยังดาวพฤหัสได้” ข้าพเจ้าวิสัชนา
“เออะ! ขาดหุ้นหม้าย ถ้าอีไปดาวพฤหัสต้องนั่งยานอวกาศเหาะไปแหละ มันอีมีรอยต่อกับจันทบุรีได้พรือ?
[3]” น้อยพูดอย่างไม่เห็นด้วยกับข้าพเจ้าอย่างยิ่ง
“มันเชื่อมต่อกันโดยมีอ่าวไทยคั่นกลาง มีบ้านร้างอยู่หลังหนึ่งฝั่งไทย แล้วก็มีต้นมะพร้าวอยู่กลางอ่าวไทย ที่ตรงนั้นน้ำตื้นที่สุดแล้ว สามารถเดินผ่านฝั่งไทยไปดาวพฤหัสได้
“ดาวพฤหัสหรือเขมรวะ”
“ดาวพฤหัสจริงๆ สาบานได้”
“แล้วจิ๊จ๊ะได้ข้ามฝั่งไปแลหม้าย?
[4]”
“ข้ามไปแหละ
[5] ก็เดินขึ้นบ้านร้าง แล้วก็ปีนออกทางหน้าต่าง”
“ขึ้นบ้านใครโฉ้เออะ!
[6]” จู่ๆ พ่อเฒ่าก็พูดออกมา
“บ้านร้าง หม้ายคนอยู่พ่อเฒ่า”
[7] ข้าพเจ้าบอกผู้เป็นตา
“แล้วยังไงต่อ?” น้อยถามขึ้นมา
ทีนี้ข้าพเจ้าจึงเล่ายาวๆ
“บ้านร้างที่หาดลับในเมืองจันท์ ด้านหน้ามีประตูเข้าไปก็จริง แต่ด้านหลังไม่มีประตูออกไปสู่ชายหาดเลย ต้องปีนหน้าต่างลงไป จากนั้นก็เดินไปที่ชายหาด ให้สังเกตต้นพร้าว
[8]ที่อยู่กลางเล
[9] ที่ตรงนั้นน้ำตื้นหวาเพื่อน
[10] ให้เดินลุยน้ำเลไปตรงต้นพร้าวนั่น ราวๆโลนึงได้ก็อีถึงดาวพฤหัสบดีแล้วแหละ
[11] ทีนี้พอมาถึงอีกฝั่ง ก็มีเริน
[12]ร้างเหมือนกัน อีไป
[13]เที่ยวฝั่งนั้นได้นั้น ต้องปีนหน้าต่างขึ้นไปยังบ้านร้าง จากนั้นก็เดินออกสู่ประตูและอีเห็น
[14]ลานเบียร์เรียงราย พี่จ๊ะไปนั่งกินเบียร์มาแล้ว หรอย
[15]ใช้ได้เลย เบียร์ของดาวพฤหัส”
“เอาะจ๊ะกินเบียร์เออะ กินเข้าไปไซรของมึนเมา?
[16]” พ่อเฒ่าเอ็ดข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าทำอันใดมิได้นอกเสียจากยิ้มแหยะๆให้พ่อเฒ่า ด้วยความที่ท่านถือศีล๕ ท่านจึงไม่พอเจ้าข้าพเจ้าอย่างยิ่ง เพราะท่านเคร่งครัดในเรื่องนี้ แลไม่สนับสนุนให้ลูกหลานดื่มสุราเมรัย
ก่อนที่บรรยากาศจักตึงเครียดยิ่งกว่านี้ น้อยได้ถามขัดจังหวะเสียก่อน
“เลยลานเบียร์ไป บรรยากาศพรรค์พรือมั่ง?
[17]”
“ไม่ได้ไปถึงตรงนั้น ดื่มจนเมาแล้วก็กลับมาฝั่งไทยเลย ก็เดินเข้าประตูบ้านร้างฝั่งดาวพฤหัส จากนั้นก็ปีนหน้าต่าง แล้วก็เดินลุยเลมาทางต้นพร้าวเข้าเขตเมืองจันท์ จากนั้นปีนหน้าต่างอีกรอบ แล้วเดินออกทางประตูหลบ
[18]โรงแรม”
“เวร!”
“อยากลองไปพิสูจน์ไหมล่ะหน่อยน้อย?”
“เออ ไปก็ไป วันไหนล่ะ?”
“ตอเช้า
[19]เลยไหม?”
“เออ”
หลังสิ้นเสียงของน้อย พ่อเฒ่าถึงกับส่ายหัวในแผนการของเรา แต่ท่านก็มิได้ห้ามปรามแต่ประการใด คงเพราะพ่อเฒ่าคิดว่าที่ข้าพเจ้ากล่าวไปนั้นเป็นเรื่องแหกตาอำกันเล่นตามประสาเด็ก แลหลานชายคนโตของพ่อเฒ่าคงจักเสพของมึนเมาจนหลอนคิดว่าได้ไปดาวพฤหัสเป็นแน่ ต่อให้พวกมันถ่อไปถึงจันทบุรีก็คงมิมีอะไรดอกกระมัง คงเป็นการไปเที่ยวเฉยๆ
...
เราเดินทางด้วย GRAB จากหมู่บ้านในอำเภอบางบัวทอง สู่สถานีขนส่งหมอชิต ๒ แล้วเดินเท้าต่อไปยังคิวรถตู้มุ่งหน้าสู่จังหวัดจันทบุรี เรานั่งอยู่ในรถตู้หลายชั่วโมงจนกระทั่งถึงจันทบุรี เมื่อลงรถตู้แล้วเราเรียก GRAB ให้พาไปส่งที่หาดลับดังกล่าว
หาดลับแห่งนี้มีบ้านไม้หลังเก่าตั้งตระหง่านอยู่ มันสูง ๒ ชั้น เป็นบ้านไม้ทั้งหลังทาด้วยสีน้ำตาลแดง หลังคาเป็นทรงหน้าจั่วสีขาวซึ่งบัดนี้กลายเป็นสีดำด้วยคราบรา ประตูหน้าต่างเปิดอ้าซ่าราวพิพิธภัณฑ์โบราณที่คอยต้อนรับผู้มาเยือน
ข้าพเจ้ากับน้อยเดินผ่านประตูเข้าไปในบ้านไม้ที่ไร้คนอยู่หลังนั้น ข้าพเจ้านำทางน้อยเพื่อไปยังหน้าต่างไม้ที่ถูกเปิดเอาไว้อย่างโจ่งแจ้ง หน้าต่างบานที่จักพาเราไปสู่ชายหาด แลเดินข้ามทะเลสู่เขตของดาวพฤหัสบดี
แต่เท้าของข้าพเจ้ายังไม่ทันที่จักย่างเข้าไป ณ หน้าต่าง ก็เหมือนมีตัวอะไรมาตะปบที่ขาของข้าพเจ้าแลน้องชาย
“แม้ววววววว!”
เสียงขู่ของสัตว์เลี้ยงยอดนิยมของมนุษย์ คนไทยเรียกว่าแมว ซึ่งสันนิษฐานว่าเรียกตามเสียงร้องของมัน แมวเหล่านี้มีทั้งหมด ๕ ตัว กอปรด้วย แมวลายเสือสีดำ ๑ ตัว แมวลายวัว ๑ ตัว แมวสามสี ๑ ตัว แมวดำ ๑ ตัว แลแมวลายสลิดสีส้ม อีก ๑ ตัว บัดนี้ทั้ง ๕ ตัวได้ขู่คำรามทั้งข้าพเจ้าแลน้อยอย่างไม่ลดละ
“แมวหรือหมาวะเนี่ย” น้อยอุทาน
“ขู่ใหญ่เลย” ข้าพเจ้าพูดบ้าง
“แม้ววววว! ฟู่!ฟู่!”
ไม่ถึงนาที เหล่าแมวก็กระโดดมากัดแลข่วนที่ลำตัวของข้าพเจ้าแลน้อย เราสองคนใช้มือจับที่ต้นคอของแมวแล้วโยนมันไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จักทำได้ เจ้าแมวลายสลิดสีส้มโดนโยนจนหลังมันไปกระแทกบันไดโดยที่ข้าพเจ้าเป็นคนโยนเอง ข้าพเจ้าหวังลึกๆว่าเจ้าเหมียวคงไม่เป็นอะไรมาก ต่อมาน้อยก็โยนแมวลายวัวไปที่ประตูของห้องๆหนึ่ง ร่างของมันเมื่อถูกประตู มันก็ร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวด
“เมี้ยวววววว”
จากนั้นมันก็วิ่งหนีไปในลักษณะเดินขากะเผลกๆ
[1] แปลว่า จริงหรือ
[2] แปลว่า แล้วเห็นได้อย่างไร
[3] แปลว่า เหอะ ปัญญาอ่อนรึเปล่า ถ้าจะไปดาวพฤหัสต้องนั่งยานอวกาศเหาะไปสิ มันจะมีรอยต่อกับจันทบุรีได้ไง
[4] แปลว่า แล้วจิ๊จ๊ะได้ข้ามฝั่งไปดูรึเปล่า
[5] แปลว่า ข้ามไปสิ
[6] แปลว่า ขึ้นบ้านใครก็ไม่รู้เหรอ
[7] แปลว่า บ้านร้าง ไม่มีคนอยู่หรอกตา
[8] ต้นพร้าว แปลว่า ต้นมะพร้าว
[9] เล แปลว่า ทะเล
[10] ในที่นี้หมายถึง น้ำตื้นกว่าที่อื่น
[11] แปลว่า ให้เดินตะลุยน้ำทะเลไปตรงต้นมะพร้าวนั้น ราวๆ ๑กิโลเมตรเห็นจะได้ ก็จะถึงดาวพฤหัสแล้ว
[12] เริน แปลว่า บ้าน
[13] แปลว่า จะไป
[14] อีเห็น ในที่นี่แปลว่าจะเห็น ไม่ใช่ตัวอีเห็นที่คล้ายกับชะมดแต่อย่างใด
[15] แปลว่าอร่อย
[16] แปลว่า หนอยแน่จ๊ะกินเบียร์เหรอ กินเข้าไปทำไมของมึนเมา
[17] แปลว่า บรรยากาศเป็นอย่างไร
[18] หลบ แปลว่า กลับ
[19] แปลว่า พรุ่งนี้
แก้ไขข้อความเมื่อ
▼
กำลังโหลดข้อมูล...
▼
อ่านความคิดเห็นทั้งหมด
หน้า:
หน้า
จาก
บนสุด
ล่างสุด
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน
อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่
ยอมรับ
เรื่องสั้น ชุด "ฝัน STory" ตอน ดาวพฤหัสบดี โดย จ๊ะ เสือไบ
ฝันในครั้งนี้ของข้าพเจ้าเกิดขึ้นเมื่อเช้าตรู่ของวันที่ ๑๑ สิงหาคม ๒๕๖๘ ม่านแห่งความฝันครั้งนี้เปิดขึ้นที่บ้านของน้าอ้อย น้าสาวของข้าพเจ้า บ้านหลังนั้นเป็นบ้านจัดสรร ๒ ชั้นอันตั้งตระหง่านอยู่ไม่ไกลจากที่ว่าการอำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี การเดินทางไปยังหมู่บ้านแห่งนี้นับว่าลำเค็ญนัก เพราะรถตู้โดยสารสายที่เข้าหมู่บ้านมีอยู่ไม่กี่คัน มิหนำซ้ำยังไม่ถี่ การมีรถส่วนตัวหรือโดยสาร TAXI ดูจักเป็นหนทางที่สะดวกที่สุดในเพลานี้ เว้นเสียแต่ว่าจักมีรถไฟฟ้าจากสถานีคลองบางไผ่ต่อขยายแล้วมาพาดผ่านหน้าหมู่บ้าน
บ้านจัดสรรสีขาว ตระหง่านในพื้นที่ไม่กี่ตารางวา เนื่องจากเป็นบ้านหลังสุดท้ายในซอย ยังผลให้มีพื้นที่ใช้สอยมากกว่าบ้านอื่นๆในละแวกเดียวกัน บ้านปูนสีขาวสองชั้นหลังคาหน้าจั่วมีรั้วรอบกั้นทั้ง ๔ ทิศ ทั้งยังมีประตูเหล็กเลื่อนเพื่อให้นำรถเข้าจอดได้ ๒-๓ คัน สำหรับพื้นที่ใช้สอยดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้นนั้น มีไม้ดอกไม้ประดับแลไม้ผลกินได้หลายชนิดที่น้าอ้อยแลคนอื่นๆปลูกไว้ บางต้นคงมีมาตั้งแต่สมัยที่ยังไม่ซื้อบ้าน เช่น ลั่นทม บางต้นไม่น้าอ้อยก็น้าคนอื่นๆนำมาปลูกไว้ มีแก้ว กล้วย หม่อน เป็นอาทิ
ประตูทางเข้าตัวบ้านทางด้านหน้าเป็นประตูกระจกบานเลื่อน ประตูบานอื่นๆในบ้านเป็นประตูไม้สังเคราะห์เกือบทุกบาน เว้นเสียแต่ประตูห้องน้ำ ๒ ห้องที่อยู่ชั้นละห้องนั้นเป็นประตูพลาสติก
มันเป็นเพลา ๑๒ นาฬิกาเศษ ข้าพเจ้ากำลังนั่งคุยกับพ่อเฒ่า (แปลว่าคุณตาในภาษากลาง) แลน้อย น้องชายของข้าพเจ้า ท่านผู้อ่านคงจักคุ้นเคยกับ ๒ ตัวละครนี้มาบ้างแล้ว ข้าพเจ้าคงมิต้องอธิบายอันใดให้ยืดยาวเปลืองหน้ากระดาษ
ข้าพเจ้าสวมใส่กางเกงขาสั้นสีแดงแลเสื้อยืดสีฟ้า น้อยสวมกางเกงสามส่วนสีดำมีลายเส้นเป็นสีขาว สวมเสื้อยืดสีเทา ทางด้านพ่อเฒ่าสวมเสื้อยืดสีฟ้าแลกางเกงวอร์มสีเทา สภาพเท้าของพวกเราทั้งสามคนเปลือยเปล่า มิได้ใส่ถุงเท้าแต่ประการใด
เครื่องปรับอากาศยี่ห้อ SINGER ที่ถูกเปิดอยู่นั้นมิได้เย็นฉ่ำมาก อันเนื่องมาจาก BTU ที่ไม่เหมาะสมกับพื้นที่ชั้น ๑ ของบ้าน มันเป็นโถงกว้าง มีห้องน้ำ ห้องครัว แลบันไดไม้เพื่อก้าวเท้าขึ้นชั้น ๒ ทั้งนี้ห้องครัวเองก็มิได้มีประตูเป็นกิจจะลักษณะ มันเชื่อมต่อกับโถงชั้น ๑ เสมือนเป็นห้องเดียวกัน ความจริงควรเรียก “มุมครัว” จึงจักถูกต้อง อนึ่งบ้านหลังนี้ทาสีขาวถ้วนทั่วทั้งภายในแลภายนอก
ท่านผู้อ่านคงต้องคิดเหมือนกับข้าพเจ้าเทียวว่า จากการที่ข้าพเจ้าจาระไนพื้นที่ชั้น ๑ ของตัวบ้านนั้นแม้จักไม่ละเอียดนัก ท่านคงใช้สามัญสำนึกคิดได้ว่า เครื่องปรับอากาศที่ BTU ไม่เหมาะสมคงจักทำงานหนักพอสมควร เนื่องจากต้องปล่อยลมสู่พื้นที่ครัว ห้องโถง ห้องน้ำ (ถ้าเปิดประตูไว้) แลบันได โดยลมอาจจักขึ้นไปที่ชั้น ๒ ได้เนื่องจากไร้ประตูกั้นขวาง
พื้นที่โถงชั้น ๑ บริเวณมุมครัว มีเครื่องครัวสารพัด ทั้งช้อนส้อมถ้วยจานชาม แก๊สแลเตาแก๊ส สารพัดหม้อ (หม้อแรงดันก็มีนะเออ)หม้อหุงข้าว กระติกน้ำร้อน เครื่องชงกาแฟ อ่างล้างจาน ถัดมาบริเวณใกล้บันไดจะมีตู้เย็น รวมทั้งที่เก็บเสื้อผ้าใต้บันได ส่วนบริเวณโถงจักมีโต๊ะทานข้าวแบบ ๖ คน เตารีด ชั้นวางของ เปียโนไฟฟ้ามือสอง คอมพิวเตอร์ โทรทัศน์ เครื่องเสียง ตั้งเรียงรายจนรกบ้านไปเสียหมด นอกจากนี้ยังมีเตียงนอนที่พ่อเฒ่า-แม่เฒ่า (ภาษากลางแปลว่าคุณตากับคุณยาย)ใช้นอนหลับยามค่ำคืน ใกล้เคียงก็มีโซฟาเบดสีดำ หรือโซฟาที่สามารถปรับเป็นที่นอนได้ แลบริเวณโซฟานี่เองที่เราสามคนนั่งสนทนาพาทีกัน
“จริงเออะ[1]ที่จิ๊จ๊ะว่ามนุษย์ต่างดาวมีจริง ?” น้อยเอ่ยขึ้นมา
“มีจริงดิ เห็นมาแล้ว” ข้าพเจ้ายืนกราน
“แล้วเห็นได้พรือ[2]” น้อยปุจฉาขึ้นมาอีก
“หาดลับไปเมืองจันท์มันมีพื้นที่ต่อไปยังดาวพฤหัสได้” ข้าพเจ้าวิสัชนา
“เออะ! ขาดหุ้นหม้าย ถ้าอีไปดาวพฤหัสต้องนั่งยานอวกาศเหาะไปแหละ มันอีมีรอยต่อกับจันทบุรีได้พรือ?[3]” น้อยพูดอย่างไม่เห็นด้วยกับข้าพเจ้าอย่างยิ่ง
“มันเชื่อมต่อกันโดยมีอ่าวไทยคั่นกลาง มีบ้านร้างอยู่หลังหนึ่งฝั่งไทย แล้วก็มีต้นมะพร้าวอยู่กลางอ่าวไทย ที่ตรงนั้นน้ำตื้นที่สุดแล้ว สามารถเดินผ่านฝั่งไทยไปดาวพฤหัสได้
“ดาวพฤหัสหรือเขมรวะ”
“ดาวพฤหัสจริงๆ สาบานได้”
“แล้วจิ๊จ๊ะได้ข้ามฝั่งไปแลหม้าย?[4]”
“ข้ามไปแหละ[5] ก็เดินขึ้นบ้านร้าง แล้วก็ปีนออกทางหน้าต่าง”
“ขึ้นบ้านใครโฉ้เออะ![6]” จู่ๆ พ่อเฒ่าก็พูดออกมา
“บ้านร้าง หม้ายคนอยู่พ่อเฒ่า”[7] ข้าพเจ้าบอกผู้เป็นตา
“แล้วยังไงต่อ?” น้อยถามขึ้นมา
ทีนี้ข้าพเจ้าจึงเล่ายาวๆ
“บ้านร้างที่หาดลับในเมืองจันท์ ด้านหน้ามีประตูเข้าไปก็จริง แต่ด้านหลังไม่มีประตูออกไปสู่ชายหาดเลย ต้องปีนหน้าต่างลงไป จากนั้นก็เดินไปที่ชายหาด ให้สังเกตต้นพร้าว[8]ที่อยู่กลางเล[9] ที่ตรงนั้นน้ำตื้นหวาเพื่อน[10] ให้เดินลุยน้ำเลไปตรงต้นพร้าวนั่น ราวๆโลนึงได้ก็อีถึงดาวพฤหัสบดีแล้วแหละ[11] ทีนี้พอมาถึงอีกฝั่ง ก็มีเริน[12]ร้างเหมือนกัน อีไป[13]เที่ยวฝั่งนั้นได้นั้น ต้องปีนหน้าต่างขึ้นไปยังบ้านร้าง จากนั้นก็เดินออกสู่ประตูและอีเห็น[14]ลานเบียร์เรียงราย พี่จ๊ะไปนั่งกินเบียร์มาแล้ว หรอย[15]ใช้ได้เลย เบียร์ของดาวพฤหัส”
“เอาะจ๊ะกินเบียร์เออะ กินเข้าไปไซรของมึนเมา?[16]” พ่อเฒ่าเอ็ดข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าทำอันใดมิได้นอกเสียจากยิ้มแหยะๆให้พ่อเฒ่า ด้วยความที่ท่านถือศีล๕ ท่านจึงไม่พอเจ้าข้าพเจ้าอย่างยิ่ง เพราะท่านเคร่งครัดในเรื่องนี้ แลไม่สนับสนุนให้ลูกหลานดื่มสุราเมรัย
ก่อนที่บรรยากาศจักตึงเครียดยิ่งกว่านี้ น้อยได้ถามขัดจังหวะเสียก่อน
“เลยลานเบียร์ไป บรรยากาศพรรค์พรือมั่ง?[17]”
“ไม่ได้ไปถึงตรงนั้น ดื่มจนเมาแล้วก็กลับมาฝั่งไทยเลย ก็เดินเข้าประตูบ้านร้างฝั่งดาวพฤหัส จากนั้นก็ปีนหน้าต่าง แล้วก็เดินลุยเลมาทางต้นพร้าวเข้าเขตเมืองจันท์ จากนั้นปีนหน้าต่างอีกรอบ แล้วเดินออกทางประตูหลบ[18]โรงแรม”
“เวร!”
“อยากลองไปพิสูจน์ไหมล่ะหน่อยน้อย?”
“เออ ไปก็ไป วันไหนล่ะ?”
“ตอเช้า[19]เลยไหม?”
“เออ”
หลังสิ้นเสียงของน้อย พ่อเฒ่าถึงกับส่ายหัวในแผนการของเรา แต่ท่านก็มิได้ห้ามปรามแต่ประการใด คงเพราะพ่อเฒ่าคิดว่าที่ข้าพเจ้ากล่าวไปนั้นเป็นเรื่องแหกตาอำกันเล่นตามประสาเด็ก แลหลานชายคนโตของพ่อเฒ่าคงจักเสพของมึนเมาจนหลอนคิดว่าได้ไปดาวพฤหัสเป็นแน่ ต่อให้พวกมันถ่อไปถึงจันทบุรีก็คงมิมีอะไรดอกกระมัง คงเป็นการไปเที่ยวเฉยๆ
เราเดินทางด้วย GRAB จากหมู่บ้านในอำเภอบางบัวทอง สู่สถานีขนส่งหมอชิต ๒ แล้วเดินเท้าต่อไปยังคิวรถตู้มุ่งหน้าสู่จังหวัดจันทบุรี เรานั่งอยู่ในรถตู้หลายชั่วโมงจนกระทั่งถึงจันทบุรี เมื่อลงรถตู้แล้วเราเรียก GRAB ให้พาไปส่งที่หาดลับดังกล่าว
หาดลับแห่งนี้มีบ้านไม้หลังเก่าตั้งตระหง่านอยู่ มันสูง ๒ ชั้น เป็นบ้านไม้ทั้งหลังทาด้วยสีน้ำตาลแดง หลังคาเป็นทรงหน้าจั่วสีขาวซึ่งบัดนี้กลายเป็นสีดำด้วยคราบรา ประตูหน้าต่างเปิดอ้าซ่าราวพิพิธภัณฑ์โบราณที่คอยต้อนรับผู้มาเยือน
ข้าพเจ้ากับน้อยเดินผ่านประตูเข้าไปในบ้านไม้ที่ไร้คนอยู่หลังนั้น ข้าพเจ้านำทางน้อยเพื่อไปยังหน้าต่างไม้ที่ถูกเปิดเอาไว้อย่างโจ่งแจ้ง หน้าต่างบานที่จักพาเราไปสู่ชายหาด แลเดินข้ามทะเลสู่เขตของดาวพฤหัสบดี
แต่เท้าของข้าพเจ้ายังไม่ทันที่จักย่างเข้าไป ณ หน้าต่าง ก็เหมือนมีตัวอะไรมาตะปบที่ขาของข้าพเจ้าแลน้องชาย
“แม้ววววววว!”
เสียงขู่ของสัตว์เลี้ยงยอดนิยมของมนุษย์ คนไทยเรียกว่าแมว ซึ่งสันนิษฐานว่าเรียกตามเสียงร้องของมัน แมวเหล่านี้มีทั้งหมด ๕ ตัว กอปรด้วย แมวลายเสือสีดำ ๑ ตัว แมวลายวัว ๑ ตัว แมวสามสี ๑ ตัว แมวดำ ๑ ตัว แลแมวลายสลิดสีส้ม อีก ๑ ตัว บัดนี้ทั้ง ๕ ตัวได้ขู่คำรามทั้งข้าพเจ้าแลน้อยอย่างไม่ลดละ
“แมวหรือหมาวะเนี่ย” น้อยอุทาน
“ขู่ใหญ่เลย” ข้าพเจ้าพูดบ้าง
“แม้ววววว! ฟู่!ฟู่!”
ไม่ถึงนาที เหล่าแมวก็กระโดดมากัดแลข่วนที่ลำตัวของข้าพเจ้าแลน้อย เราสองคนใช้มือจับที่ต้นคอของแมวแล้วโยนมันไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จักทำได้ เจ้าแมวลายสลิดสีส้มโดนโยนจนหลังมันไปกระแทกบันไดโดยที่ข้าพเจ้าเป็นคนโยนเอง ข้าพเจ้าหวังลึกๆว่าเจ้าเหมียวคงไม่เป็นอะไรมาก ต่อมาน้อยก็โยนแมวลายวัวไปที่ประตูของห้องๆหนึ่ง ร่างของมันเมื่อถูกประตู มันก็ร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวด
“เมี้ยวววววว”
จากนั้นมันก็วิ่งหนีไปในลักษณะเดินขากะเผลกๆ
[1] แปลว่า จริงหรือ
[2] แปลว่า แล้วเห็นได้อย่างไร
[3] แปลว่า เหอะ ปัญญาอ่อนรึเปล่า ถ้าจะไปดาวพฤหัสต้องนั่งยานอวกาศเหาะไปสิ มันจะมีรอยต่อกับจันทบุรีได้ไง
[4] แปลว่า แล้วจิ๊จ๊ะได้ข้ามฝั่งไปดูรึเปล่า
[5] แปลว่า ข้ามไปสิ
[6] แปลว่า ขึ้นบ้านใครก็ไม่รู้เหรอ
[7] แปลว่า บ้านร้าง ไม่มีคนอยู่หรอกตา
[8] ต้นพร้าว แปลว่า ต้นมะพร้าว
[9] เล แปลว่า ทะเล
[10] ในที่นี้หมายถึง น้ำตื้นกว่าที่อื่น
[11] แปลว่า ให้เดินตะลุยน้ำทะเลไปตรงต้นมะพร้าวนั้น ราวๆ ๑กิโลเมตรเห็นจะได้ ก็จะถึงดาวพฤหัสแล้ว
[12] เริน แปลว่า บ้าน
[13] แปลว่า จะไป
[14] อีเห็น ในที่นี่แปลว่าจะเห็น ไม่ใช่ตัวอีเห็นที่คล้ายกับชะมดแต่อย่างใด
[15] แปลว่าอร่อย
[16] แปลว่า หนอยแน่จ๊ะกินเบียร์เหรอ กินเข้าไปทำไมของมึนเมา
[17] แปลว่า บรรยากาศเป็นอย่างไร
[18] หลบ แปลว่า กลับ
[19] แปลว่า พรุ่งนี้