เรื่องสั้น ชุด "ฝัน STory" ตอน ดาวพฤหัสบดี โดย จ๊ะ เสือไบ

๒๕
ดาวพฤหัสบดี
          มนุษย์ต่างดาว แม้จักเป็นสิ่งที่ยังพิสูจน์ไม่ได้ว่ามีจริงฤาไม่ ทว่าในความฝัน มนุษย์ต่างดาวนั้นกลับถูกเนรมิตให้มีจริงขึ้นมา และพวกเขาอยู่ในดาวพฤหัสบดี แม้จักไกลแสนไกลจากโลกมนุษย์เราก็จริง ทว่าพวกเขากลับมีนวัตกรรมที่สามารถเชื่อมต่อระหว่างโลกของเรากับดวงดาวของพวกเขา เป็นหลักการอันคล้ายๆกับ “ประตูไปที่ไหนก็ได้”ซึ่งเป็นของวิเศษของโดราเอม่อน เพียงแต่มันเชื่อมต่อกันโดยมีทะเลอ่าวไทยขวางกั้น ณ ชายหาดลับแห่งหนึ่งในจังหวัดจันทบุรี
    ฝันในครั้งนี้ของข้าพเจ้าเกิดขึ้นเมื่อเช้าตรู่ของวันที่ ๑๑ สิงหาคม ๒๕๖๘ ม่านแห่งความฝันครั้งนี้เปิดขึ้นที่บ้านของน้าอ้อย น้าสาวของข้าพเจ้า บ้านหลังนั้นเป็นบ้านจัดสรร ๒ ชั้นอันตั้งตระหง่านอยู่ไม่ไกลจากที่ว่าการอำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี การเดินทางไปยังหมู่บ้านแห่งนี้นับว่าลำเค็ญนัก เพราะรถตู้โดยสารสายที่เข้าหมู่บ้านมีอยู่ไม่กี่คัน มิหนำซ้ำยังไม่ถี่ การมีรถส่วนตัวหรือโดยสาร TAXI ดูจักเป็นหนทางที่สะดวกที่สุดในเพลานี้ เว้นเสียแต่ว่าจักมีรถไฟฟ้าจากสถานีคลองบางไผ่ต่อขยายแล้วมาพาดผ่านหน้าหมู่บ้าน
    บ้านจัดสรรสีขาว ตระหง่านในพื้นที่ไม่กี่ตารางวา เนื่องจากเป็นบ้านหลังสุดท้ายในซอย ยังผลให้มีพื้นที่ใช้สอยมากกว่าบ้านอื่นๆในละแวกเดียวกัน บ้านปูนสีขาวสองชั้นหลังคาหน้าจั่วมีรั้วรอบกั้นทั้ง ๔ ทิศ ทั้งยังมีประตูเหล็กเลื่อนเพื่อให้นำรถเข้าจอดได้ ๒-๓ คัน สำหรับพื้นที่ใช้สอยดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้นนั้น มีไม้ดอกไม้ประดับแลไม้ผลกินได้หลายชนิดที่น้าอ้อยแลคนอื่นๆปลูกไว้ บางต้นคงมีมาตั้งแต่สมัยที่ยังไม่ซื้อบ้าน เช่น ลั่นทม บางต้นไม่น้าอ้อยก็น้าคนอื่นๆนำมาปลูกไว้ มีแก้ว กล้วย หม่อน เป็นอาทิ
    ประตูทางเข้าตัวบ้านทางด้านหน้าเป็นประตูกระจกบานเลื่อน ประตูบานอื่นๆในบ้านเป็นประตูไม้สังเคราะห์เกือบทุกบาน เว้นเสียแต่ประตูห้องน้ำ ๒ ห้องที่อยู่ชั้นละห้องนั้นเป็นประตูพลาสติก
   
...
 
    มันเป็นเพลา ๑๒ นาฬิกาเศษ ข้าพเจ้ากำลังนั่งคุยกับพ่อเฒ่า (แปลว่าคุณตาในภาษากลาง) แลน้อย น้องชายของข้าพเจ้า ท่านผู้อ่านคงจักคุ้นเคยกับ ๒ ตัวละครนี้มาบ้างแล้ว ข้าพเจ้าคงมิต้องอธิบายอันใดให้ยืดยาวเปลืองหน้ากระดาษ
    ข้าพเจ้าสวมใส่กางเกงขาสั้นสีแดงแลเสื้อยืดสีฟ้า น้อยสวมกางเกงสามส่วนสีดำมีลายเส้นเป็นสีขาว สวมเสื้อยืดสีเทา ทางด้านพ่อเฒ่าสวมเสื้อยืดสีฟ้าแลกางเกงวอร์มสีเทา สภาพเท้าของพวกเราทั้งสามคนเปลือยเปล่า มิได้ใส่ถุงเท้าแต่ประการใด
    เครื่องปรับอากาศยี่ห้อ SINGER ที่ถูกเปิดอยู่นั้นมิได้เย็นฉ่ำมาก อันเนื่องมาจาก BTU ที่ไม่เหมาะสมกับพื้นที่ชั้น ๑ ของบ้าน มันเป็นโถงกว้าง มีห้องน้ำ ห้องครัว แลบันไดไม้เพื่อก้าวเท้าขึ้นชั้น ๒ ทั้งนี้ห้องครัวเองก็มิได้มีประตูเป็นกิจจะลักษณะ มันเชื่อมต่อกับโถงชั้น ๑ เสมือนเป็นห้องเดียวกัน ความจริงควรเรียก “มุมครัว” จึงจักถูกต้อง อนึ่งบ้านหลังนี้ทาสีขาวถ้วนทั่วทั้งภายในแลภายนอก
    ท่านผู้อ่านคงต้องคิดเหมือนกับข้าพเจ้าเทียวว่า จากการที่ข้าพเจ้าจาระไนพื้นที่ชั้น ๑ ของตัวบ้านนั้นแม้จักไม่ละเอียดนัก ท่านคงใช้สามัญสำนึกคิดได้ว่า เครื่องปรับอากาศที่ BTU ไม่เหมาะสมคงจักทำงานหนักพอสมควร เนื่องจากต้องปล่อยลมสู่พื้นที่ครัว ห้องโถง ห้องน้ำ (ถ้าเปิดประตูไว้) แลบันได โดยลมอาจจักขึ้นไปที่ชั้น ๒ ได้เนื่องจากไร้ประตูกั้นขวาง
    พื้นที่โถงชั้น ๑ บริเวณมุมครัว มีเครื่องครัวสารพัด ทั้งช้อนส้อมถ้วยจานชาม แก๊สแลเตาแก๊ส สารพัดหม้อ (หม้อแรงดันก็มีนะเออ)หม้อหุงข้าว กระติกน้ำร้อน เครื่องชงกาแฟ อ่างล้างจาน ถัดมาบริเวณใกล้บันไดจะมีตู้เย็น รวมทั้งที่เก็บเสื้อผ้าใต้บันได ส่วนบริเวณโถงจักมีโต๊ะทานข้าวแบบ ๖ คน เตารีด ชั้นวางของ เปียโนไฟฟ้ามือสอง คอมพิวเตอร์ โทรทัศน์ เครื่องเสียง ตั้งเรียงรายจนรกบ้านไปเสียหมด นอกจากนี้ยังมีเตียงนอนที่พ่อเฒ่า-แม่เฒ่า (ภาษากลางแปลว่าคุณตากับคุณยาย)ใช้นอนหลับยามค่ำคืน ใกล้เคียงก็มีโซฟาเบดสีดำ หรือโซฟาที่สามารถปรับเป็นที่นอนได้ แลบริเวณโซฟานี่เองที่เราสามคนนั่งสนทนาพาทีกัน
“จริงเออะ[1]ที่จิ๊จ๊ะว่ามนุษย์ต่างดาวมีจริง ?” น้อยเอ่ยขึ้นมา
“มีจริงดิ เห็นมาแล้ว” ข้าพเจ้ายืนกราน
“แล้วเห็นได้พรือ
[2]” น้อยปุจฉาขึ้นมาอีก
“หาดลับไปเมืองจันท์มันมีพื้นที่ต่อไปยังดาวพฤหัสได้” ข้าพเจ้าวิสัชนา
“เออะ! ขาดหุ้นหม้าย ถ้าอีไปดาวพฤหัสต้องนั่งยานอวกาศเหาะไปแหละ มันอีมีรอยต่อกับจันทบุรีได้พรือ?
[3]” น้อยพูดอย่างไม่เห็นด้วยกับข้าพเจ้าอย่างยิ่ง
“มันเชื่อมต่อกันโดยมีอ่าวไทยคั่นกลาง มีบ้านร้างอยู่หลังหนึ่งฝั่งไทย แล้วก็มีต้นมะพร้าวอยู่กลางอ่าวไทย ที่ตรงนั้นน้ำตื้นที่สุดแล้ว สามารถเดินผ่านฝั่งไทยไปดาวพฤหัสได้
“ดาวพฤหัสหรือเขมรวะ”
“ดาวพฤหัสจริงๆ สาบานได้”
“แล้วจิ๊จ๊ะได้ข้ามฝั่งไปแลหม้าย?
[4]”
“ข้ามไปแหละ
[5] ก็เดินขึ้นบ้านร้าง แล้วก็ปีนออกทางหน้าต่าง”
“ขึ้นบ้านใครโฉ้เออะ!
[6]” จู่ๆ พ่อเฒ่าก็พูดออกมา
“บ้านร้าง หม้ายคนอยู่พ่อเฒ่า”
[7] ข้าพเจ้าบอกผู้เป็นตา
“แล้วยังไงต่อ?” น้อยถามขึ้นมา
ทีนี้ข้าพเจ้าจึงเล่ายาวๆ
    “บ้านร้างที่หาดลับในเมืองจันท์ ด้านหน้ามีประตูเข้าไปก็จริง แต่ด้านหลังไม่มีประตูออกไปสู่ชายหาดเลย ต้องปีนหน้าต่างลงไป จากนั้นก็เดินไปที่ชายหาด ให้สังเกตต้นพร้าว
[8]ที่อยู่กลางเล[9] ที่ตรงนั้นน้ำตื้นหวาเพื่อน[10] ให้เดินลุยน้ำเลไปตรงต้นพร้าวนั่น ราวๆโลนึงได้ก็อีถึงดาวพฤหัสบดีแล้วแหละ[11] ทีนี้พอมาถึงอีกฝั่ง ก็มีเริน[12]ร้างเหมือนกัน อีไป[13]เที่ยวฝั่งนั้นได้นั้น ต้องปีนหน้าต่างขึ้นไปยังบ้านร้าง จากนั้นก็เดินออกสู่ประตูและอีเห็น[14]ลานเบียร์เรียงราย พี่จ๊ะไปนั่งกินเบียร์มาแล้ว หรอย[15]ใช้ได้เลย เบียร์ของดาวพฤหัส”
“เอาะจ๊ะกินเบียร์เออะ กินเข้าไปไซรของมึนเมา?
[16]” พ่อเฒ่าเอ็ดข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าทำอันใดมิได้นอกเสียจากยิ้มแหยะๆให้พ่อเฒ่า ด้วยความที่ท่านถือศีล๕ ท่านจึงไม่พอเจ้าข้าพเจ้าอย่างยิ่ง เพราะท่านเคร่งครัดในเรื่องนี้ แลไม่สนับสนุนให้ลูกหลานดื่มสุราเมรัย
ก่อนที่บรรยากาศจักตึงเครียดยิ่งกว่านี้ น้อยได้ถามขัดจังหวะเสียก่อน
“เลยลานเบียร์ไป บรรยากาศพรรค์พรือมั่ง?
[17]”
“ไม่ได้ไปถึงตรงนั้น ดื่มจนเมาแล้วก็กลับมาฝั่งไทยเลย ก็เดินเข้าประตูบ้านร้างฝั่งดาวพฤหัส จากนั้นก็ปีนหน้าต่าง แล้วก็เดินลุยเลมาทางต้นพร้าวเข้าเขตเมืองจันท์ จากนั้นปีนหน้าต่างอีกรอบ แล้วเดินออกทางประตูหลบ
[18]โรงแรม”
“เวร!”
“อยากลองไปพิสูจน์ไหมล่ะหน่อยน้อย?”
“เออ ไปก็ไป วันไหนล่ะ?”
“ตอเช้า
[19]เลยไหม?”
“เออ”
    หลังสิ้นเสียงของน้อย พ่อเฒ่าถึงกับส่ายหัวในแผนการของเรา แต่ท่านก็มิได้ห้ามปรามแต่ประการใด คงเพราะพ่อเฒ่าคิดว่าที่ข้าพเจ้ากล่าวไปนั้นเป็นเรื่องแหกตาอำกันเล่นตามประสาเด็ก แลหลานชายคนโตของพ่อเฒ่าคงจักเสพของมึนเมาจนหลอนคิดว่าได้ไปดาวพฤหัสเป็นแน่ ต่อให้พวกมันถ่อไปถึงจันทบุรีก็คงมิมีอะไรดอกกระมัง คงเป็นการไปเที่ยวเฉยๆ
 
...
 
    เราเดินทางด้วย GRAB จากหมู่บ้านในอำเภอบางบัวทอง สู่สถานีขนส่งหมอชิต ๒ แล้วเดินเท้าต่อไปยังคิวรถตู้มุ่งหน้าสู่จังหวัดจันทบุรี เรานั่งอยู่ในรถตู้หลายชั่วโมงจนกระทั่งถึงจันทบุรี เมื่อลงรถตู้แล้วเราเรียก GRAB ให้พาไปส่งที่หาดลับดังกล่าว
    หาดลับแห่งนี้มีบ้านไม้หลังเก่าตั้งตระหง่านอยู่ มันสูง ๒ ชั้น เป็นบ้านไม้ทั้งหลังทาด้วยสีน้ำตาลแดง หลังคาเป็นทรงหน้าจั่วสีขาวซึ่งบัดนี้กลายเป็นสีดำด้วยคราบรา ประตูหน้าต่างเปิดอ้าซ่าราวพิพิธภัณฑ์โบราณที่คอยต้อนรับผู้มาเยือน
    ข้าพเจ้ากับน้อยเดินผ่านประตูเข้าไปในบ้านไม้ที่ไร้คนอยู่หลังนั้น ข้าพเจ้านำทางน้อยเพื่อไปยังหน้าต่างไม้ที่ถูกเปิดเอาไว้อย่างโจ่งแจ้ง หน้าต่างบานที่จักพาเราไปสู่ชายหาด แลเดินข้ามทะเลสู่เขตของดาวพฤหัสบดี

   
แต่เท้าของข้าพเจ้ายังไม่ทันที่จักย่างเข้าไป ณ หน้าต่าง ก็เหมือนมีตัวอะไรมาตะปบที่ขาของข้าพเจ้าแลน้องชาย
“แม้ววววววว!”
    เสียงขู่ของสัตว์เลี้ยงยอดนิยมของมนุษย์ คนไทยเรียกว่าแมว ซึ่งสันนิษฐานว่าเรียกตามเสียงร้องของมัน แมวเหล่านี้มีทั้งหมด ๕ ตัว กอปรด้วย แมวลายเสือสีดำ ๑ ตัว แมวลายวัว ๑ ตัว แมวสามสี ๑ ตัว แมวดำ ๑ ตัว แลแมวลายสลิดสีส้ม อีก ๑ ตัว บัดนี้ทั้ง ๕ ตัวได้ขู่คำรามทั้งข้าพเจ้าแลน้อยอย่างไม่ลดละ
“แมวหรือหมาวะเนี่ย” น้อยอุทาน
“ขู่ใหญ่เลย” ข้าพเจ้าพูดบ้าง
“แม้ววววว! ฟู่!ฟู่!”
 ไม่ถึงนาที เหล่าแมวก็กระโดดมากัดแลข่วนที่ลำตัวของข้าพเจ้าแลน้อย เราสองคนใช้มือจับที่ต้นคอของแมวแล้วโยนมันไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จักทำได้ เจ้าแมวลายสลิดสีส้มโดนโยนจนหลังมันไปกระแทกบันไดโดยที่ข้าพเจ้าเป็นคนโยนเอง ข้าพเจ้าหวังลึกๆว่าเจ้าเหมียวคงไม่เป็นอะไรมาก ต่อมาน้อยก็โยนแมวลายวัวไปที่ประตูของห้องๆหนึ่ง ร่างของมันเมื่อถูกประตู มันก็ร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวด
“เมี้ยวววววว”
จากนั้นมันก็วิ่งหนีไปในลักษณะเดินขากะเผลกๆ


[1] แปลว่า จริงหรือ
[2] แปลว่า แล้วเห็นได้อย่างไร
[3] แปลว่า เหอะ ปัญญาอ่อนรึเปล่า ถ้าจะไปดาวพฤหัสต้องนั่งยานอวกาศเหาะไปสิ มันจะมีรอยต่อกับจันทบุรีได้ไง
 
[4] แปลว่า แล้วจิ๊จ๊ะได้ข้ามฝั่งไปดูรึเปล่า
[5] แปลว่า ข้ามไปสิ
[6] แปลว่า ขึ้นบ้านใครก็ไม่รู้เหรอ
[7] แปลว่า บ้านร้าง ไม่มีคนอยู่หรอกตา
[8] ต้นพร้าว แปลว่า ต้นมะพร้าว
[9] เล แปลว่า ทะเล
[10] ในที่นี้หมายถึง น้ำตื้นกว่าที่อื่น
[11] แปลว่า ให้เดินตะลุยน้ำทะเลไปตรงต้นมะพร้าวนั้น ราวๆ ๑กิโลเมตรเห็นจะได้ ก็จะถึงดาวพฤหัสแล้ว
[12] เริน แปลว่า บ้าน
[13] แปลว่า จะไป
[14] อีเห็น ในที่นี่แปลว่าจะเห็น ไม่ใช่ตัวอีเห็นที่คล้ายกับชะมดแต่อย่างใด
[15] แปลว่าอร่อย
[16] แปลว่า หนอยแน่จ๊ะกินเบียร์เหรอ กินเข้าไปทำไมของมึนเมา
 
[17] แปลว่า บรรยากาศเป็นอย่างไร
[18] หลบ แปลว่า กลับ
[19] แปลว่า พรุ่งนี้
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่