โลก:)หมุนไวจัด! "ชื่อเรียก" ที่เราใช้กันเนี่ย ของจริงหรือแค่จินตนาการ? (สร้างกับ เอไอ)

เอาจริง ปัจจุบันเราคุยกับ AI อย่างกะคุยกับเพื่อนสนิท ข้อมูลนี่ไหลผ่านหน้าจอเราหยั่งกะน้ำป่าไหลหลาก จนบางทีก็แอบงงปะว่า "ไอ้ที่เราเรียกๆ กันอยู่นี้ มันมีตัวตนจริงๆ ปะวะ? หรือมันจะอยู่ไปตลอดกาลจริงเหรอ?" ถ้าถามแบบภาษาวัดๆ หน่อยก็คือ "บัญญัติเนี่ย มันมีอัตตานิรันดรปะ?"

บอกเลยว่าเรื่องนี้ยิ้มโคตรใกล้ตัว! เพราะ "บัญญัติ" (Pannatti) มันคือพื้นฐานที่ใช้สร้างโลกเราขึ้นมาเลยนะ ถ้าเราดันไปอินจัด คิดว่ามันเป็นของจริงที่ไม่มีวันตาย เรานี่แหละที่จะซวย ติดคุกความทุกข์ที่ตัวเองสร้างขึ้นมาเฉยเลย lol

1. บัญญัติ: ก็แค่ชื่อสมมติปะ? (เงาที่ไม่มีอยู่จริง)

ตามแนว ทางสายกลาง พุทธศาสนาบอกเราว่า "มองโลกให้มันเรียลๆ หน่อยเพื่อน" อย่าไปสุดโต่งว่า "มันต้องมีอยู่จริงดิ" หรือ "ไม่มีห่าอะไรเลย" บัญญัติมันอยู่คนเดียวไม่ได้หรอก มันต้องมีเหตุปัจจัยมาผสมกัน เหมือนหลัก อิทัปปัจจยตา ที่ว่า "เพราะไอ้นี่มี ไอ้นั่นเลยมีไง"

นึกภาพง่ายๆ เหมือน "รถยนต์" อะเพื่อน ถ้าเราถอดล้อ ถอดเครื่อง ถอดพวงมาลัยมาวางกองไว้ ถามดิ้ ชิ้นไหนคือ "รถ"? ...ติ๊กต่อกๆ... คำตอบคือ "ไม่มี" ไง! พอแยกชิ้นส่วนปุ๊บ ความเป็นรถก็สลายร่างเหลือแค่กองเหล็กกับยาง

คำว่า "รถ" มันเลยเป็นแค่ชื่อที่คนเราตกลงกันเองว่า "เออ เรียกกลุ่มของพวกเนี้ยว่ารถนะ" มันเลยไม่มีตัวตนที่แท้ทรูซ่อนอยู่ข้างในเลยแม้แต่นิดเดียว!

2. วงจรปั้น "ตัวกู": ทำไมเราถึงอินจัด?

สังเกตปะ เวลาใครมาด่าชื่อเรา หรือคนไม่กดไลก์รูปเรา เรายิ้มจี๊ดเลย! นั่นแหละ ปฏิจจสมุปบาท ทำงานละ:

เห็น: ตามองเห็นเมนต์ด่า
รู้สึก: จี๊ดดิครับ หรือไม่ก็เซ็ง
อยาก: อยากให้มันหายไป หรืออยากด่ากลับ
ยึด: เข้าไปคว้า "บัญญัติ" (ชื่อเรา, ตัวตนออนไลน์เรา) มากำไว้แน่นว่า "นี่คือตัวกูนะ!"

พระพุทธเจ้าเคยบอกไว้ว่า ไอ้พวกตัวตนหรือบัญญัติเนี่ย เหมือน "ฟองน้ำ" ลอยตามน้ำมา สวยนะแต่แตะปุ๊บแตกปั๊บ! หรือเหมือน "พยับแดด" ที่มองไกลๆ เหมือนมีน้ำ แต่พอวิ่งไปดูจริงๆ... ว่างเปล่าจ้า! โลกดิจิทัลก็เหมือนกัน แค่เลข 0 กับ 1 เขียนลงบนความว่างเปล่าเอาไว้คุยกันขำๆ เท่านั้นแหละ

3. คติธรรมยุค AI: เมื่อบอทมาท้าทายความจริง

ยุคที่ AI สร้าง Digital Twin หรือตัวตนเสมือนที่ดูอมตะและเพอร์เฟกต์ได้เนี่ย เรายิ่งต้องระวัง:

อย่าหลงฉลาก (Labeling Trap) -- AI มันพ่นคำสวยๆ หรือสร้างรูปหยั่งกะเทพบุตร แต่นั่นยิ้มคือ "บัญญัติซ้อนบัญญัติ" แบบไม่มีจิตวิญญาณ ถ้าเราไปยึดติดความเป๊ะเว่อร์เสมือนจริง เราจะลืมไปว่า "ความจริงคือทุกอย่างต้องพัง" (ธรรมดาโลกปะวะ?)

ใช้ได้แต่ห้ามอินเกิน (Use without Attachment) -- ใช้ AI ทำงานไปเถอะเท่จะตาย เหมือนพระพุทธเจ้าใช้ภาษา (บัญญัติ) สอนธรรมะนั่นแหละ แอย่าลืมว่ามันคือ "พาหนะ" ไม่ใช่ "จุดหมาย" พอถึงเวลา มันก็ต้องเปลี่ยนไปตามกาลเวลาอยู่ดี

4. สรุปแล้วเอาไปใช้ยังไงให้ใจฟู?

ถ้าเราเก็ทว่าบัญญัติยิ้มไม่ได้อยู่ตลอดไป สิ่งที่ได้คือ "ใจยิ้มโครตอิสระ"

ตอนปัง: ได้ตำแหน่ง ได้คำชม ก็แค่ "บัญญัติชั่วคราว" ว่ะ ไม่ต้องไปเหลิงจนลืมตัว
ตอนพัง: เสียของ โดนด่า ก็แค่ "สมมติมันสลายไปตามเรื่อง" ไม่ต้องแบกให้หนักไหล่ เพราะมันไม่ใช่ตัวเราตั้งแต่แรกละ

ฝึกเป็น "Minimalist ทางจิตวิญญาณ" ดูนะเพื่อน เก็บแค่บัญญัติที่จำเป็นต้องใช้พอ อะไรที่รกรุงรังก็ทิ้งๆ ไปบ้าง พอใจไม่ต้องคอยปกป้อง "ตัวตนที่ไม่มีอยู่จริง" เราก็จะใช้ชีวิตแบบชิลๆ เท่ๆ ท่ามกลางยุค AI ได้แบบนิ่งๆ เลย

สรุปส่งท้าย: บัญญัติคือของใช้ ไม่ใช่เจ้าของชีวิต

บัญญัติ ไม่มี ทางอยู่ค้ำฟ้าหรอก เพราะมันเปลี่ยนไปตามเทรนด์ ตามภาษา แต่มัน "มีประโยชน์" เอาไว้คุยกันให้รู้เรื่องเฉยๆ

หัวใจสำคัญคือ "อยู่ให้เป็น" — ใช้สมมติไปตามหน้าที่ แต่ใจต้องนิ่งอยู่ในความจริงว่า "ทุกอย่างยิ้มว่างเปล่าจากตัวตนที่ถาวรทั้งนั้นแหละ"
ข้อคิดสั้นๆ:

"โลกคือละครฉายซ้ำ บัญญัติคือชุดคอสเพลย์ ใส่แล้วก็เล่นให้เต็มที่ตามหน้าที่ แต่อย่าลืมนะว่าพอไฟปิด... ชุดพวกนั้นก็ไม่เคยมีอยู่จริงตั้งแต่ต้น!"

#ธรรมะยุคAI #ตัวตนไม่มีจริง #บัญญัติสมมติ #ทางสายกลาง #DigitalDhamma #สติในโลกโซเชียล #ว่างเปล่าแต่มีอยู่ #จิตวิทยาชาวพุทธ #AIandSpirituality #อยู่อย่างรู้เท่าทัน
 
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่