คนไทยก็กำลังพัฒนา AI รถยนต์ไร้คนขับ อยู่เหมือนกันนะ! อาจารย์เบญจมาศจาก มจธ. เขาปั้น AI ชื่อ "น้อง Luna" ขึ้นมา โดยเน้นใช้ กล้อง 4 ตัวแทนเซนเซอร์ราคาแพง เพื่อลดต้นทุนให้ถูกลงมาก, ตัว AI นี้สามารถคุมพวงมาลัย ปรับความเร็ว และหลบคนหรือสิ่งกีดขวางได้ด้วย,
แต่เรื่องจริงมันน่าเศร้าตรงที่อาจารย์บอกว่า AI เราตอนนี้ยังเหมือนแค่ "เด็กประถมปลาย" เพราะเราขาดกำลังคน ถ้าเทียบกับบริษัทระดับโลกที่มีด็อกเตอร์เป็นร้อย แต่ของไทยมีแค่นักศึกษาปริญญาตรีกลุ่มเล็กๆ เท่านั้นเอง,
ปัญหาที่น่าเห็นใจที่สุดคือ:
เรียนจบแล้วไม่มีงาน: ตลาดในไทยยังไม่รองรับเทคโนโลยีนี้ เด็กที่อาจารย์ปั้นมาจนเก่งเลยต้องไปทำงานสายอื่นกันหมด
ต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่ตลอด: พอรุ่นพี่จบ อาจารย์ก็ต้องมานั่งสอนรุ่นน้องใหม่ตั้งแต่ศูนย์ เป็นวงจรแบบนี้ไปเรื่อยๆ,
อาจารย์ทำทุกอย่าง: ตั้งแต่สอน วิจัย จัดซื้อ ยันขับรถไปเข้าศูนย์ซ่อมเองเลยนะ
อาจารย์เลยอยากให้รัฐช่วยออกนโยบายให้ เอกชนกับมหาวิทยาลัยร่วมมือกัน อย่างจริงจัง จะได้มีที่ให้เด็กๆ ได้ทำงานตรงสายและพัฒนาเทคโนโลยีของคนไทยต่อไปได้, ซึ่งแรงฮึดเดียวที่ทำให้อาจารย์ยังสู้ต่อก็คือเห็นความตั้งใจของลูกศิษย์นี่แหละ
เรื่องนี้เหมือนเรากำลัง "พยายามสร้างเครื่องบินในอู่ซ่อมรถเล็กๆ" ที่ช่างฝีมือดีพอเก่งแล้วก็ต้องย้ายไปทำงานที่อื่นเพราะที่นี่ไม่มีรันเวย์ให้เครื่องบินขึ้นจริง ทั้งที่จริงๆ แล้วเรามีศักยภาพที่จะสร้างมันให้สำเร็จได้ถ้าได้รับการสนับสนุนที่ถูกต้อง
ฝันสร้าง AI แต่จบไปกลับไร้งาน
คนไทยก็กำลังพัฒนา AI รถยนต์ไร้คนขับ อยู่เหมือนกันนะ! อาจารย์เบญจมาศจาก มจธ. เขาปั้น AI ชื่อ "น้อง Luna" ขึ้นมา โดยเน้นใช้ กล้อง 4 ตัวแทนเซนเซอร์ราคาแพง เพื่อลดต้นทุนให้ถูกลงมาก, ตัว AI นี้สามารถคุมพวงมาลัย ปรับความเร็ว และหลบคนหรือสิ่งกีดขวางได้ด้วย,
แต่เรื่องจริงมันน่าเศร้าตรงที่อาจารย์บอกว่า AI เราตอนนี้ยังเหมือนแค่ "เด็กประถมปลาย" เพราะเราขาดกำลังคน ถ้าเทียบกับบริษัทระดับโลกที่มีด็อกเตอร์เป็นร้อย แต่ของไทยมีแค่นักศึกษาปริญญาตรีกลุ่มเล็กๆ เท่านั้นเอง,
ปัญหาที่น่าเห็นใจที่สุดคือ:
เรียนจบแล้วไม่มีงาน: ตลาดในไทยยังไม่รองรับเทคโนโลยีนี้ เด็กที่อาจารย์ปั้นมาจนเก่งเลยต้องไปทำงานสายอื่นกันหมด
ต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่ตลอด: พอรุ่นพี่จบ อาจารย์ก็ต้องมานั่งสอนรุ่นน้องใหม่ตั้งแต่ศูนย์ เป็นวงจรแบบนี้ไปเรื่อยๆ,
อาจารย์ทำทุกอย่าง: ตั้งแต่สอน วิจัย จัดซื้อ ยันขับรถไปเข้าศูนย์ซ่อมเองเลยนะ
อาจารย์เลยอยากให้รัฐช่วยออกนโยบายให้ เอกชนกับมหาวิทยาลัยร่วมมือกัน อย่างจริงจัง จะได้มีที่ให้เด็กๆ ได้ทำงานตรงสายและพัฒนาเทคโนโลยีของคนไทยต่อไปได้, ซึ่งแรงฮึดเดียวที่ทำให้อาจารย์ยังสู้ต่อก็คือเห็นความตั้งใจของลูกศิษย์นี่แหละ
เรื่องนี้เหมือนเรากำลัง "พยายามสร้างเครื่องบินในอู่ซ่อมรถเล็กๆ" ที่ช่างฝีมือดีพอเก่งแล้วก็ต้องย้ายไปทำงานที่อื่นเพราะที่นี่ไม่มีรันเวย์ให้เครื่องบินขึ้นจริง ทั้งที่จริงๆ แล้วเรามีศักยภาพที่จะสร้างมันให้สำเร็จได้ถ้าได้รับการสนับสนุนที่ถูกต้อง