ภาวนาจนถึง​ที่สุด​แล้ว​ ภาวนาจะหาย​ไป​เอง

เมื่อเราภาวนาจนอิ่มจนถึงที่สุดของมันแล้ว องค์ภาวนามันจะหายไปเอง จริงๆมันไม่ได้หายไปไหน..ว่าพุทโธ ธัมโม สังโฆ..ไม่ได้หายไปไหน แต่มันแนบสนิท เหมือนคนนั่งสมาธิจนลมหายใจละเอียดเหมือนว่าไม่ได้หายใจ ลมหายใจก็ไม่ได้หายไปไหนอีกเหมือนกัน..แต่มันแนบสนิทกับกายกับจิต มันจึงเป็นเอกัคตา..เรียกว่าปัสสัทธิ รวมเข้าเป็นหนึ่งเป็นเอกัคตานั่นเอง หรือธาตุที่มันสงบ พอธาตุมันสงบแล้วเป็นยังไง..มันก็มีกำลัง จิตมันก็ไม่ส่งออกไป

ดังนั้นเมื่อจิตเรายังมีเวทนามีความง่วง มีความฟุ้งซ่าน มีความดื้อรั้น นั่นแหละมันยังมีจิตปุถุชนอยู่ ดังนั้นเราต้องปลุกจิตที่เป็นอริยะ..คืออะไร หนึ่งคืออธิษฐาน..เค้าเรียกว่าบารมีทั้ง ๑๐ ไม่อย่างนั้นจะมีทานบารมีทำไม อธิษฐานให้เกิดทานบารมี..คือละอารมณ์ในขันธ์ ๕

อธิษฐานว่า..บุญกุศลนี้ที่ข้าพเจ้าได้กระทำอยู่นี้ อธิษฐานละให้เป็นทานบารมี ทานบารมีนี้ไม่ได้เป็นสิ่งของอย่างเดียว คือละอะไร..คือละอารมณ์อกุศลให้เป็นทาน ละความอาฆาตพยาบาท ละความอิจฉาริษยา ละความถือดีถือตน ถวายให้ใคร..ถวายให้เป็นพุทธบูชา ก่อนจะถวายให้เป็นพุทธบูชาเราต้องอธิษฐานจิตนั้น..บุญกุศลที่กระทำนี้สร้างให้เป็นบารมี และถวายให้เป็นพุทธบูชาต่อพระรัตนตรัย จะเห็นได้ว่าทานบารมีคือการละอารมณ์ความโลภ ความโกรธ ความหลง..ถวายให้ใคร เมื่อเราถวายให้พระรัตนตรัย พระรัตนตรัยนี้คือเป็นอะไรที่สูงค่าที่สุด

นั้นถ้าโยมอธิษฐานเป็น..โยมจะมีแต่เรื่องปาฏิหาริย์ทั้งนั้น สมมุติว่าเราอธิษฐานว่า..บุญกุศลอันนี้ที่ข้าพเจ้ามีความเคารพนบนอบแด่พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ขอเดชบารมีของพระพุทธเจ้าจงบันดาลดลให้ข้าพเจ้านั้น..พ้นจากความทุกข์เข็ญทั้งหลาย สมมุติเราทุกข์เข็ญอะไร..คือเราพร่องอะไรให้อธิษฐานตรงนั้นเข้าไป นั่นแหละด้วยอำนาจบุญบารมีที่เราระลึกถึงคุณพระพุทธ ขนาดเราแค่ระลึกถึง น้อมรับแล้ว สรรเสริญแล้วในบารมีท่านแล้ว เมื่อจิตมันถึงแล้ว..นั่นแหละอานุภาพตรงนี้บุคคลนั้นจะรู้ได้ด้วยตนเอง

ดังนั้นทานบารมีที่เรานั้นจะอธิษฐานลงไปก็เช่นเดียวกัน ข้าพเจ้าขอเจริญทานบารมี อกุศลกรรมใดก็ตามที่มีต่อใครก็ตามในความอาฆาตพยาบาท อิจฉาริษยา หรือใครที่ทำให้เรามีความเจ็บช้ำทั้งหลาย ข้าพเจ้าขออโหสิกรรมให้ เพื่อยกถวายเป็นทานบารมีแด่พระพุทธเจ้า แด่พระธรรมเจ้า แด่พระสงฆ์เจ้า ขอเหล่าเทพเทวดาเจ้าทั้งหลาย พระแม่นางธรณี เจ้าวัดเจ้าวาก็ดี พระองค์ปฏิมากรพระประธาน จงเป็นพยานของบุญของข้าพเจ้าในขณะนี้ด้วยเทอญ..

ขออานิสงส์บุญนี้จงช่วยขจัดปัดเป่าความขัดข้องกับข้าพเจ้า ตั้งจิตอธิษฐานไป..นั่นแหละ ขอให้ปัญญาจงบังเกิด ความไม่รู้ก็ดี สิ่งใดสิ่งไหนที่ไม่มีก็ดี..ขอให้ขจัดปัดเป่าออกไป ให้ไกลจากคนพาล ให้รู้แจ้งแทงตลอดใน ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ ไม่ว่าพระอริยสงฆ์อริยเจ้าผู้ใด พระอรหันต์เจ้าใดก็ดี..ที่ได้รู้แล้วในมรรคผลนิพพาน รู้แล้วในมรรคผลแห่งธรรมทั้งหลาย ข้าพเจ้าขอโมทนาและขอเข้าถึงในธรรมเหล่านั้นด้วยเทอญ..

นี่..การอธิษฐานนี้สำคัญยิ่งนัก แต่ต้องอาศัยการเจริญตบะบารมีเจริญภาวนาอยู่บ่อยๆ เมื่อเราเข้าถึงจิตแล้ว..จิตตัวนี้มันจะเป็นพุทธะ ก็เหมือนคนที่ว่าจับพระรูปพระได้..ท่านก็สอน ถ้าจับพระแล้วพระยังสอนไม่ได้..อันนี้เรียกว่าเป็นมโนเฉยๆ แต่ยังไม่เห็นชัด กำลังสมาธิไม่ทรงตัว เรียกว่าศีลยังพร่องอยู่..

แต่ถ้าสมาธิมันทรงตัว..จับภาพพระแล้ว เค้าเรียกจิตเข้าถึงพุทธะ เมื่อจิตเข้าถึงความสงบ..พระพุทธเจ้าท่านจะสอนให้ธรรมทันที แต่ถ้าเราไม่เจอรูปพระไม่ใช่มโนมยิทธิ เราก็สามารถมีฤทธิ์ทางใจได้ด้วยอะไร..ด้วยอานาปานสตินี้แหละ ด้วยการภาวนาจนจิตมันอิ่มแล้ว ระงับเวทนาแล้ว นั่นจิตก็เป็นวิมุติเหมือนกัน

จิตเมื่อเป็นวิมุติ..มันก็เป็นอะไร จิตก็เป็นพุทธะอีกเหมือนกัน เพราะความว่าเป็นพุทธะมันมีอยู่แล้วในตัวเรา ในจิตวิญญาณของเรา นี่ก็สำคัญ..เมื่อจิตมันเข้าถึงพุทธะ จึงเรียกว่ารู้พุทธะ..ถึงพุทธะ..แล้วก็ทิ้งพุทธะ ไอ้ตัวทิ้งนี่แหละ..คือเรียกว่าจิตมันวาง เป็นอุเบกขา..จิตไม่ยึดมั่นถือมั่น แม้ธรรมใดๆเราก็วาง ไอ้ตัววางตัวนี้เมื่อเราวางได้แล้วทีนี้..จิตมันก็ไม่ปรุงแต่ง นั่นแหละเดี๋ยวตัวจิตมันจะสอนในตัวมันเอง เข้าใจหรือเปล่า

เทศนาธรรมกรรมฐาน วันที่ ๒๗ กันยายน ๒๕๖๘
มูลนิธิเมืองธรรมพรหมรังสี สมเด็จพระพุฒาจารย์โต
บ้านโปร่งวิเชียร อ.หนองหญ้าปล้อง จ.เพชรบุรี

ติดตามข้อมูลข่าวสารกิจกรรมของมูลนิธิได้ทาง https://www.facebook.com/mprs.foundation
ติดตาม คลิปธรรมะได้ทาง YouTube channel : ธรรมะมหัศจรรย์ ตามรอยธรรมสมเด็จโต
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่