4 ปีกว่ากับจอเดิมตอนนี้ติดหน้ารีบูทไปแล้ว และอยากได้จอที่คมชัดขึ้น ลื่นไหลขึ้น โดยต้องเป็นจอขนาดเท่าเดิม และจะเปลี่ยนจอเอง
*****การเลือกจอ*****
1. ดูความต้องการและงบตัวเอง ไม่แนะนำให้เลือกจอ 1-2000 บาท เพราะมันใช้งานจริงแทบไม่ได้ มุมมองไม่ดี กระตุก และอาจได้ของแถมคือจอแตะไม่ติดบางส่วน หากติดตั้งกล้องถอยด้วย ให้เลือกกล้อง AHD 720 พิกเซล (มาตรฐาน) หรือ 1080 พิกเซล (ชัดสุด แต่จอต้องรองรับ) อย่าเลือก CVBS เป็นระบบเก่า ละเอียดแค่ 480 พิกเซล หากต้องการใช้ไมค์แยก ต้องดูรุ่นที่มีช่องเสียบไมค์เท่านั้น การสังเกตรุ่นใหม่ๆ มักจะไม่มีปุ่มภายนอกให้กดแล้ว
2. ความแรง - ไม่เน้นดูยี่ห้อ ไม่ว่าจะแบรนด์ไทยหรือจีน เพราะบอร์ดมากจากโรงงานไม่กี่แหล่งในจีน ตัวแรงสุดในไทยปัจจุบันต้องรหัส TS10S (ชิป7870) รองมาจะเป็น TS10 (ชิป7862) หรือTS8, TS20 ก็แล้วแต่งบ (ตัวเลขเยอะไม่ใช่รุ่นใหม่หรือแรงกว่า) ปัจจุบันร้านขายมักไม่แสดงรายละเอียดชิปให้เห็นแล้ว เนื่องจากแข่งด้านราคากัน และชูด้าน core ของ cpu
*** อย่าดูโฆษณาว่า cpu 8 core แล้วจะแรง เช่น ชิป SC9863A ที่ขายกันเป็นตัวใหม่กว่าก็จริง แต่ความแรงกลับช้ากว่า snapdragon 450 ที่ออกเมื่อปี 2017 และใช้เทคโนโลยีเก่า 28นาโนเมตร ความร้อนก็มากกว่า ต้องลงแอพ devcheck ตรวจสอบเท่านั้น ()
(ภาพตัวอย่างเป็นรุ่นเก่า ในภาพชิป 9863 ฝั่งสีฟ้า ราคาถูกกว่าชิป 7862 อยู่ราวๆ 2-3 พันโดยที่สเปคอื่นใกล้เคียงกัน)
3. แรมควร 4GB ขึ้นไป - หากต้องการใช้แผนที่, ดู youtube ลื่นๆ และ 6GB ขึ้นไป หากต้องการใช้ carplay, android auto ลื่นๆ
4. ความละเอียดจอ - ขึ้นอยู่กับงบที่มี แต่จำไว้ว่า ยิ่งคมชัด ยิ่งกินไฟและใช้สเปคเครื่องสูงตาม ปัจจุบันมีถึงระดับ FHD หรือ 1920x1080 และ 2000x1200
***** หมายเหตุ หลายคนยังเข้าใจผิดเรื่องความละเอียดจอ บางยี่ห้อระบุว่าจอ 2k โดยการเอาตัวเลขไปคูณกัน ซึ่งจริงๆไม่ถูกต้อง การดูว่าจอละเอียดระดับไหนให้ดูเลขพิกเซลความสูงเป็นหลักตามตาราง หากจอที่มีต่ำกว่าทั้งด้านกว้างยาว ชื่อเรียกจะอยู่ลำดับลงมา
5. ขนาดจอ - ปัจจุบันมีถึง 13" แล้ว ซึ่งใส่กับรถได้ทุกรุ่น แต่จะเกะกะหรือบังช่องแอร์ ต้องเช็ครถตัวเองดีๆ ถ้าเอาสวยๆเนียนๆ 9-10" ก็พอครับ
(ขออนุญาตเจ้าของรูปครับ)
6. การเชื่อมต่ออินเตอร์เนต - จะเลือกรุ่นที่มี 4g หรือไม่มีก็ได้ ส่วน wifi แนะนำให้เลือกตัวที่มีเสาอากาศด้านหลังจะรับสัญญาณได้ดีกว่า และนิ่งกว่า
(ในรูปเป้นรุ่น TS10s มี usb-c สำหรับต่อจอนอก สามารถตั้งค่าการส่งข้อมูลได้ บางรุ่นจะเป็น hdmi มาเลย)

7. พัดลม - ถ้ามีก็ดี หรือไม่มีก็ได้ เพราะมันจะทำงานเฉพาะตอนสตาร์ทเครื่องเท่านั้น การมีพัดลมจะช่วยระบายความร้อนตอนดูหนังฟังเพลง ซึ่งในรถจะมีอากาศเย็นไหลเวียนอยู่แล้ว แต่ถ้าเน้นจอดนิ่งแล้วดูหนังนานๆ ควรมีพัดลม
**ข้อเสีย เมื่อใช้งานพัดลมจะมีเสียงเกิดขึ้น และระยะยาวอาจมีเสียงดังขึ้นจากลูกปืนพัดลมเอง แต่ก็สามารถถอดเปลี่ยนได้ไม่ยาก
8. เวอร์ชั่นแอนดรอย - มันมีโปรแกรมเปลี่ยนเลขเวอร์ชั่น และโรงงานจีนก็ใช้กันไปทั่วเพื่อให้ดูว่าเป็นรุ่นใหม่ ทั้งที่ภายในก็เวอร์ชั่นเก่า ต้องไปเช็คในแอพ devcheck อีกที ตรงส่วนนี้ไม่ได้มีประโยชน์อะไร เพราะส่วนใหญ่จะติด android 10-11 กันมาอยู่แล้ว (เพราะต้องใช้ andriod auto) ถ้าแย่หน่อยก็ android 8 กันเลย
*****จะสั่งซื้อแล้วต้องถามอะไร*****
1. ดูรายละเอียดและรีวิวดีๆ หรือให้ช่างลง devcheck แล้วถ่ายสเปคกับเวอร์ชั่นแอนดรอยมาให้ดู
2. ถ้าใช้ carplay ของแอปเปิ้ล คุณต้องแจ้งให้เขา "ตั้งค่าพวงมาลัยขวามาให้ด้วย" เพราะคุณจะงงกับการตั้งค่าสำหรับแอพบางเจ้าทีเปลี่ยนฝั่งได้ยากมาก
3. ขอรหัส - คุณจำเป็นต้องขอรหัสสำหรับการตั้งค่าจิปาถะอีก รหัสได้แก่ รหัสโรงงาน, รหัสผู้พัฒนา (developer), รหัสอื่นๆที่จำเป็น
4. คู่มือ - ถ้ามีก็ดีไว้เช็คสายไฟ แต่ส่วนใหญ่มักแปลภาษาได้แย่มาก หรือผู้ขายก็ไม่ส่งมาด้วย
5. ตั้งค่ากล้อง - คุณต้องแจ้งเขาว่าให้ตั้งค่ากล้องที่คุณมี เช่น กล้อง 360 หรือ กล้องถอยอย่างเดียว -> กล้องถอยอย่างเดียวต้องแจ้งอีกว่าเป็น AHD หรือไม่ใช่ AHD
6. ภาษา - ถ้าคุณแย่ภาษาอังกฤษ และต้องการเน้นภาษาไทยเป็นหลักแน่นอน ให้เขาแคปหน้าการตั้งค่าทั่วไปมาให้คุณดู หลายๆรุ่นรวมถึงแบรนด์ไทย แปลภาษาได้ห่วยแตก หรือแปลเป็นอีกอย่างไปเลย ถ้าคุณอ่านแล้วงง แสดงว่ามันเครื่องนี้ไม่เหมาะกับคุณ
7. หน้ากากรถและสายไฟตรงรุ่น - แจ้งรถและรุ่นกับผู้ขาย การใส่วิทยุกับหน้ากากรถเป็นอะไรที่ง่ายมาก เพราะไขนอตเล็กๆ 4-5 ตัวก็ใช้ได้แล้ว ไม่ต้องไขให้สุดหรือตึงมือ นอกจากนี้รถหลายคันจะมีสิ่งที่เรียกว่า canbus เป็นตัวที่ควบคุมอุปกรณ์รถผ่านจออีกที และราคาสูง บางร้านอาจไม่ได้มีมา ตอนสั่งซื้อหน้ากากให้แจ้งคนขายด้วย
เดี๋ยวมาต่อเรื่องการเปลี่ยนวิทยุครับ
คู่มือจอแอนดรอยรถ 2568 เปลี่ยนเอง หาซื้อเอง จอแอนดรอย 10" ไม่ยาก แต่ออกแรงเยอะ
*****การเลือกจอ*****
1. ดูความต้องการและงบตัวเอง ไม่แนะนำให้เลือกจอ 1-2000 บาท เพราะมันใช้งานจริงแทบไม่ได้ มุมมองไม่ดี กระตุก และอาจได้ของแถมคือจอแตะไม่ติดบางส่วน หากติดตั้งกล้องถอยด้วย ให้เลือกกล้อง AHD 720 พิกเซล (มาตรฐาน) หรือ 1080 พิกเซล (ชัดสุด แต่จอต้องรองรับ) อย่าเลือก CVBS เป็นระบบเก่า ละเอียดแค่ 480 พิกเซล หากต้องการใช้ไมค์แยก ต้องดูรุ่นที่มีช่องเสียบไมค์เท่านั้น การสังเกตรุ่นใหม่ๆ มักจะไม่มีปุ่มภายนอกให้กดแล้ว
2. ความแรง - ไม่เน้นดูยี่ห้อ ไม่ว่าจะแบรนด์ไทยหรือจีน เพราะบอร์ดมากจากโรงงานไม่กี่แหล่งในจีน ตัวแรงสุดในไทยปัจจุบันต้องรหัส TS10S (ชิป7870) รองมาจะเป็น TS10 (ชิป7862) หรือTS8, TS20 ก็แล้วแต่งบ (ตัวเลขเยอะไม่ใช่รุ่นใหม่หรือแรงกว่า) ปัจจุบันร้านขายมักไม่แสดงรายละเอียดชิปให้เห็นแล้ว เนื่องจากแข่งด้านราคากัน และชูด้าน core ของ cpu
*** อย่าดูโฆษณาว่า cpu 8 core แล้วจะแรง เช่น ชิป SC9863A ที่ขายกันเป็นตัวใหม่กว่าก็จริง แต่ความแรงกลับช้ากว่า snapdragon 450 ที่ออกเมื่อปี 2017 และใช้เทคโนโลยีเก่า 28นาโนเมตร ความร้อนก็มากกว่า ต้องลงแอพ devcheck ตรวจสอบเท่านั้น ()
(ภาพตัวอย่างเป็นรุ่นเก่า ในภาพชิป 9863 ฝั่งสีฟ้า ราคาถูกกว่าชิป 7862 อยู่ราวๆ 2-3 พันโดยที่สเปคอื่นใกล้เคียงกัน)
3. แรมควร 4GB ขึ้นไป - หากต้องการใช้แผนที่, ดู youtube ลื่นๆ และ 6GB ขึ้นไป หากต้องการใช้ carplay, android auto ลื่นๆ
4. ความละเอียดจอ - ขึ้นอยู่กับงบที่มี แต่จำไว้ว่า ยิ่งคมชัด ยิ่งกินไฟและใช้สเปคเครื่องสูงตาม ปัจจุบันมีถึงระดับ FHD หรือ 1920x1080 และ 2000x1200
***** หมายเหตุ หลายคนยังเข้าใจผิดเรื่องความละเอียดจอ บางยี่ห้อระบุว่าจอ 2k โดยการเอาตัวเลขไปคูณกัน ซึ่งจริงๆไม่ถูกต้อง การดูว่าจอละเอียดระดับไหนให้ดูเลขพิกเซลความสูงเป็นหลักตามตาราง หากจอที่มีต่ำกว่าทั้งด้านกว้างยาว ชื่อเรียกจะอยู่ลำดับลงมา
5. ขนาดจอ - ปัจจุบันมีถึง 13" แล้ว ซึ่งใส่กับรถได้ทุกรุ่น แต่จะเกะกะหรือบังช่องแอร์ ต้องเช็ครถตัวเองดีๆ ถ้าเอาสวยๆเนียนๆ 9-10" ก็พอครับ
(ขออนุญาตเจ้าของรูปครับ)
6. การเชื่อมต่ออินเตอร์เนต - จะเลือกรุ่นที่มี 4g หรือไม่มีก็ได้ ส่วน wifi แนะนำให้เลือกตัวที่มีเสาอากาศด้านหลังจะรับสัญญาณได้ดีกว่า และนิ่งกว่า
(ในรูปเป้นรุ่น TS10s มี usb-c สำหรับต่อจอนอก สามารถตั้งค่าการส่งข้อมูลได้ บางรุ่นจะเป็น hdmi มาเลย)
7. พัดลม - ถ้ามีก็ดี หรือไม่มีก็ได้ เพราะมันจะทำงานเฉพาะตอนสตาร์ทเครื่องเท่านั้น การมีพัดลมจะช่วยระบายความร้อนตอนดูหนังฟังเพลง ซึ่งในรถจะมีอากาศเย็นไหลเวียนอยู่แล้ว แต่ถ้าเน้นจอดนิ่งแล้วดูหนังนานๆ ควรมีพัดลม
**ข้อเสีย เมื่อใช้งานพัดลมจะมีเสียงเกิดขึ้น และระยะยาวอาจมีเสียงดังขึ้นจากลูกปืนพัดลมเอง แต่ก็สามารถถอดเปลี่ยนได้ไม่ยาก
8. เวอร์ชั่นแอนดรอย - มันมีโปรแกรมเปลี่ยนเลขเวอร์ชั่น และโรงงานจีนก็ใช้กันไปทั่วเพื่อให้ดูว่าเป็นรุ่นใหม่ ทั้งที่ภายในก็เวอร์ชั่นเก่า ต้องไปเช็คในแอพ devcheck อีกที ตรงส่วนนี้ไม่ได้มีประโยชน์อะไร เพราะส่วนใหญ่จะติด android 10-11 กันมาอยู่แล้ว (เพราะต้องใช้ andriod auto) ถ้าแย่หน่อยก็ android 8 กันเลย
*****จะสั่งซื้อแล้วต้องถามอะไร*****
1. ดูรายละเอียดและรีวิวดีๆ หรือให้ช่างลง devcheck แล้วถ่ายสเปคกับเวอร์ชั่นแอนดรอยมาให้ดู
2. ถ้าใช้ carplay ของแอปเปิ้ล คุณต้องแจ้งให้เขา "ตั้งค่าพวงมาลัยขวามาให้ด้วย" เพราะคุณจะงงกับการตั้งค่าสำหรับแอพบางเจ้าทีเปลี่ยนฝั่งได้ยากมาก
3. ขอรหัส - คุณจำเป็นต้องขอรหัสสำหรับการตั้งค่าจิปาถะอีก รหัสได้แก่ รหัสโรงงาน, รหัสผู้พัฒนา (developer), รหัสอื่นๆที่จำเป็น
4. คู่มือ - ถ้ามีก็ดีไว้เช็คสายไฟ แต่ส่วนใหญ่มักแปลภาษาได้แย่มาก หรือผู้ขายก็ไม่ส่งมาด้วย
5. ตั้งค่ากล้อง - คุณต้องแจ้งเขาว่าให้ตั้งค่ากล้องที่คุณมี เช่น กล้อง 360 หรือ กล้องถอยอย่างเดียว -> กล้องถอยอย่างเดียวต้องแจ้งอีกว่าเป็น AHD หรือไม่ใช่ AHD
6. ภาษา - ถ้าคุณแย่ภาษาอังกฤษ และต้องการเน้นภาษาไทยเป็นหลักแน่นอน ให้เขาแคปหน้าการตั้งค่าทั่วไปมาให้คุณดู หลายๆรุ่นรวมถึงแบรนด์ไทย แปลภาษาได้ห่วยแตก หรือแปลเป็นอีกอย่างไปเลย ถ้าคุณอ่านแล้วงง แสดงว่ามันเครื่องนี้ไม่เหมาะกับคุณ
7. หน้ากากรถและสายไฟตรงรุ่น - แจ้งรถและรุ่นกับผู้ขาย การใส่วิทยุกับหน้ากากรถเป็นอะไรที่ง่ายมาก เพราะไขนอตเล็กๆ 4-5 ตัวก็ใช้ได้แล้ว ไม่ต้องไขให้สุดหรือตึงมือ นอกจากนี้รถหลายคันจะมีสิ่งที่เรียกว่า canbus เป็นตัวที่ควบคุมอุปกรณ์รถผ่านจออีกที และราคาสูง บางร้านอาจไม่ได้มีมา ตอนสั่งซื้อหน้ากากให้แจ้งคนขายด้วย
เดี๋ยวมาต่อเรื่องการเปลี่ยนวิทยุครับ