⚠️ ลงทุนผิดชีวิตเปลี่ยน! แฟรนไชส์ดาวรุ่ง–ดาวร่วง ปี 69 ที่ต้องรู้


📌ธุรกิจแฟรนไชส์มีโอกาสเติบโต ปี 2569

1. ธุรกิจอาหารและเบเกอรี่

ธุรกิจอาหารและเบเกอรี่ในไทยมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากผู้บริโภคให้ความสำคัญกับอาหารที่มีเอกลักษณ์และประสบการณ์ ไม่ใช่เพียงรสชาติอย่างเดียว เช่น เบเกอรี่โฮมเมด เมนูฟิวชัน ของหวานสไตล์เกาหลี–ญี่ปุ่น หรือคาเฟ่ขนมอบร้านเล็กๆ ที่มีคาแรกเตอร์โดดเด่นจึงสามารถเติบโตได้ดี

นอกจากนี้ ตลาดเบเกอรี่ยังขยายตัวต่อเนื่อง เพราะไม่ใช่เพียงของว่าง แต่กลายเป็นอาหารทางเลือก เช่น ขนมปังโฮลวีต ขนมเพื่อสุขภาพ หรือเค้กคีโต ทำให้ร้านมีฐานลูกค้ากว้างขึ้น

ที่สำคัญก็คือ งบลงทุนเปิดร้านอาหารรขนาดเล็กต่ำกว่าขนาดใหญ่ สามารถดำเนินการโดยพนักงาน 1–2 คน และใช้พื้นที่ไม่มาก เหมาะกับแฟรนไชส์ที่ต้องการคืนทุนเร็ว อีกทั้งธุรกิจอาหารและเบเกอรี่มีความไวเป็นกระแสได้เร็วในโซเชียล

หากร้านมีเมนูถ่ายรูปสวยๆ หรือสร้างกระแสได้ง่าย สามารถดึงลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว มีระบบการผลิตและสูตรอาหารสามารถควบคุมมาตรฐานได้ง่าย ทำให้แฟรนไชส์อาหารและเบเกอรี่ขยายสาขาได้เร็วและต้นทุนไม่สูง

2. ธุรกิจเครื่องดื่มและไอศกรีม

ธุรกิจเครื่องดื่มและไอศกรีมในไทยยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะมีการแข่งขันสูง เนื่องจากผู้บริโภคซื้อซ้ำเป็นประจำทุกวัน ทั้งชา ชาผลไม้ กาแฟ น้ำผลไม้ ไอศกรีม และเครื่องดื่มสุขภาพ ทำให้รายได้ของร้านมีการหมุนเวียนต่อเนื่อง

อีกทั้งกระแสผู้บริโภครักสุขภาพยังช่วยขยายตลาดใหม่ได้ง่าย ผู้บริโภคมองหาเครื่องดื่มแบบ Low Sugar โปรตีน วิตามิน หรือ Cold-pressed ซึ่งแตกต่างจากชานมไข่มุกแบบดั้งเดิม
นอกจากนี้ ธุรกิจเครื่องดื่มและไอศกรีมเหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นธุรกิจใหม่

เนื่องจากต้นทุนเปิดร้านต่ำ ตั้งแต่ 50,000–300,000 บาท คืนทุนได้เร็ว และไม่ต้องใช้พื้นที่มาก ขณะเดียวกัน ไอศกรีมยังเป็นสินค้าที่ขายง่ายตามฤดูกาลร้อนของไทย โดยเฉพาะไอศกรีมโฮมเมด ไอศกรีมผลไม้แท้ หรือ Popsicle สุขภาพ ทำให้ธุรกิจนี้สร้างรายได้ต่อเนื่องและมีโอกาสขยายสาขาได้มาก

3. ธุรกิจการแพทย์และดูแลผู้สูงอายุ–ผู้ป่วย

ธุรกิจการแพทย์และการดูแลผู้สูงอายุ–ผู้ป่วยกำลังเติบโตอย่างรวดเร็วในไทย เนื่องจากประเทศไทยกำลังเข้าสู่สังคมสูงวัยอย่างเต็มรูปแบบ จำนวนผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ความต้องการบริการดูแลผู้สูงวัยเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่คนรุ่นใหม่มีเวลาจำกัดและขาดความเชี่ยวชาญในการดูแล ส่งผลให้ต้องพึ่งพาบริการมืออาชีพจากภายนอก เช่น ผู้ดูแลรายชั่วโมงหรือช่วงระยะเวลา ศูนย์ดูแลกลางวัน ศูนย์พักฟื้นหลังผ่าตัด และคลินิกเวชศาสตร์ผู้สูงอายุ

นอกจากนี้ การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างครอบครัวไทยที่มีขนาดเล็กลง และแนวโน้มที่พ่อแม่มักอาศัยอยู่คนละบ้านกับลูก ทำให้บริการดูแลผู้สูงวัยกลายเป็นความจำเป็น ไม่ใช่เพียงทางเลือก ความต้องการนี้ยิ่งได้รับการสนับสนุนจากความเชื่อเรื่องความปลอดภัยและความจำเป็นในการได้รับการดูแลจากผู้เชี่ยวชาญ

เช่น นักกายภาพบำบัด พยาบาล หรือผู้ดูแลที่ผ่านการฝึกอบรม ทำให้โมเดลธุรกิจที่มีมาตรฐานสูงมีโอกาสเติบโตดี โดยเฉพาะในรูปแบบแฟรนไชส์ ซึ่งสามารถมาตรฐานขั้นตอนการคัดเลือกผู้ดูแล การติดตามผล และการประเมินสุขภาพ ทำให้ธุรกิจด้านสุขภาพและการดูแลผู้สูงอายุ กลายเป็นหนึ่งในแฟรนไชส์ที่มีแนวโน้มเติบโตสูงและมีความต้องการต่อเนื่องในปี 2569

4. ธุรกิจบริการความงามและสปา

ธุรกิจบริการความงามและสปาในไทยมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากผู้บริโภคให้ความสำคัญกับการดูแลตัวเองมากขึ้น มองว่าการลงทุนด้านความงามเป็นการลงทุนในตัวเอง ไม่ใช่ความฟุ่มเฟือย ตลาดความงามไทยจึงใหญ่ติดอันดับต้นของเอเชีย

อีกทั้งบริการความงาม เช่น เลเซอร์ สกินแคร์ นวดหน้า และสปาผิว เป็นบริการที่ต้องกลับมาใช้ซ้ำอย่างสม่ำเสมอ ทำให้รายได้ต่อสาขามีความมั่นคงและแฟรนไชส์สามารถอยู่รอดได้ง่าย

นอกจากนี้ โมเดลธุรกิจแฟรนไชส์ความงามยังตอบโจทย์นักลงทุนยุคใหม่ได้ดี เพราะไม่ต้องใช้พื้นที่ขนาดใหญ่ เพียงร้านขนาด 2–3 ห้องก็สามารถเริ่มต้นได้ เทรนด์ความงามที่แพร่ผ่านโซเชียลมีเดียอย่าง TikTok และ Instagram ยิ่งกระตุ้นความต้องการทดลองผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง

ขณะเดียวกันเทคโนโลยีอุปกรณ์ด้านความงามมีราคาถูกลง และเข้าถึงง่าย ทำให้การเปิดร้านในรูปแบบแฟรนไชส์สะดวกและคุ้มค่ามากกว่าการเปิดคลินิกเต็มรูปแบบในอดีต

5. ธุรกิจเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง

ธุรกิจเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงในไทยกำลังเติบโตต่อเนื่อง เนื่องจากแนวคิดของเจ้าของสัตว์เลี้ยงเปลี่ยนไปจาก “Pet Owner” เป็น “Pet Parent” ทำให้ผู้เลี้ยงยอมจ่ายมากขึ้น ทั้งด้านอาหาร อาบน้ำ ตัดขน การรักษา สุขภาพสัตว์เลี้ยง

อีกทั้งจำนวนสัตว์เลี้ยงในเมืองเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน โดยเฉพาะคอนโด อพาร์ตเมนต์ และบ้านเดี่ยว ส่งผลให้ความต้องการบริการใกล้บ้านสูงขึ้น

นอกจากนี้ ค่าใช้จ่ายต่อหัวของสัตว์เลี้ยงมีแนวโน้มสูงขึ้น เฉลี่ยปีละ 10,000–15,000 บาทต่อสัตว์เลี้ยง และมากกว่านั้นในกลุ่มพรีเมียม ส่งผลให้ธุรกิจร้านอาบน้ำ–ตัดขน โรงแรมสัตว์ คลินิกสัตว์ และเพ็ทช็อปเฉพาะทางเติบโตได้อย่างชัดเจน

ตลาดยังมีคู่แข่งแบรนด์ใหญ่ไม่มาก ทำให้แฟรนไชส์สามารถเข้ามาต่อยอดด้วยมาตรฐานชัดเจน เช่น ระบบ Grooming ระบบโรงแรม และระบบสุขอนามัย อีกทั้งสัตว์เลี้ยงต้องได้รับการดูแลต่อเนื่องทุกเดือน ทำให้ธุรกิจสร้างรายได้ประจำที่สม่ำเสมอและยั่งยืน

📌ธุรกิจแฟรนไชส์มีโอกาสเติบโตลดลงปี 2569

⬇️ 1. ธุรกิจร้านอาหารขนาดใหญ่

ธุรกิจร้านอาหารขนาดใหญ่ในไทยเริ่มชะลอตัว เนื่องจากต้นทุนคงที่สูง เช่น ค่าเช่าพื้นที่ขนาดใหญ่ ค่าแรงพนักงานจำนวนมาก และค่าน้ำ-ค่าไฟที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เมื่อเศรษฐกิจชะลอตัวหรือจำนวนลูกค้าลดลง ร้านอาหารขนาดใหญ่จึงได้รับผลกระทบมากที่สุด

นอกจากนี้ ผู้บริโภคยังเน้นความสะดวกและความคุ้มค่ามากขึ้น หันไปใช้บริการ Quick Service, Take Away หรือ Cloud Kitchen และเลือกร้านเล็กๆ ที่ราคาเข้าถึงง่าย ทำให้ร้านใหญ่เสียเปรียบในแง่การตอบสนองความต้องการของลูกค้า

อีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ธุรกิจร้านอาหารขนาดใหญ่ชะลอตัวคือ การลงทุนและการบริหารจัดการที่ซับซ้อน ผู้ลงทุนแฟรนไชส์รุ่นใหม่มักเน้นการคืนทุนไว ร้านใหญ่ต้องใช้เวลาคืนทุน 18–36 เดือน ทำให้ไม่น่าสนใจเท่าร้านคอนเซปต์เล็กที่ขายง่ายและกำไรเร็ว

ขณะเดียวกัน การบริหารร้านใหญ่ต้องการผู้จัดการที่มีประสบการณ์สูงๆ หากไม่สามารถควบคุมมาตรฐานได้ โอกาสที่จะล้มเหลวในระบบแฟรนไชส์ยิ่งสูงขึ้น ทำให้ธุรกิจกลุ่มนี้เผชิญความท้าทายในการขยายสาขาและสร้างกำไรอย่างยั่งยืน

⬇️ 2. ธุรกิจร้านหมาล่า–ชาบู

ธุรกิจร้านหมาล่า–ชาบูในไทยเริ่มชะลอตัว เนื่องจากตลาดอิ่มตัวอย่างมาก ในช่วง 4–5 ปีที่ผ่านมาเกิดร้านใหม่จำนวนมากจนเกินจุดสมดุล ส่งผลให้การแข่งขันสูงและยากต่อการสร้างความแตกต่าง นอกจากนี้ ราคาวัตถุดิบ เช่น เนื้อ หมู ไก่ และซอส มีความผันผวนสูง โดยเฉพาะร้านบุฟเฟต์หรือที่มีราคาตายตัว ส่งผลโดยตรงต่อกำไรของร้าน

ขณะเดียวกัน พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป มองหาร้านที่มีคอนเซปต์ชัดเจน สะดวก และราคาไม่แพง ทำให้ร้านหมาล่า–ชาบูแบบพื้นฐานแข่งขันได้ยาก อีกทั้งร้านประเภทนี้ต้องใช้แรงงานจำนวนมาก ทั้งเติมวัตถุดิบ ดูแลเตา ให้บริการลูกค้า และล้างอุปกรณ์ ซึ่งค่าแรงที่สูงขึ้นทำให้ต้นทุนเพิ่มและกำไรลด

นอกจากนี้ รูปแบบแฟรนไชส์ควบคุมมาตรฐานได้ยาก วัตถุดิบง่ายต่อการเสื่อมคุณภาพ หากไม่จัดการดีอาจทำให้แบรนด์เสียความน่าเชื่อถือได้

⬇️ 3. ธุรกิจขนส่งพัสดุ Drop-Off

ธุรกิจขนส่งพัสดุแบบ Drop-Off และร้านงานพิมพ์เริ่มชะลอตัว เนื่องจากตลาดขนส่งพัสดุอิ่มตัวเกือบ 100% ผู้ให้บริการรายใหญ่ครองตลาดด้วยระบบแข็งแรง ทำให้ร้านรายย่อยแข่งขันได้ยาก โดยเฉพาะร้าน Drop-Off ที่มาร์จิ้นต่ำอยู่แล้ว

นอกจากนี้ การแข่งขันด้านราคาก็รุนแรง บริษัทขนส่งหลายรายปรับลดค่าจัดส่ง ส่งผลให้ร้านแฟรนไชส์ได้รับส่วนแบ่งลดลง และค่า Commission ไม่จูงใจเหมือนในอดีต

ที่สำคัญพฤติกรรมผู้ขายออนไลน์ก็เปลี่ยนไป ผู้ค้าเริ่มใช้บริการรับพัสดุถึงบ้าน (Door-to-door) หรือระบบฝากในคอนโดและร้านสะดวกซื้อ ทำให้ร้าน Drop-Off มีลูกค้าน้อยลง

⬇️ 4. ธุรกิจแฟรนไชส์การศึกษา

ธุรกิจแฟรนไชส์การศึกษาในไทย เช่น โรงเรียนกวดวิชา สถาบันสอนภาษา คอร์สติวเข้ม หรือคลาสทักษะพิเศษ เติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงก่อนโควิด เนื่องจากผู้ปกครองต้องการเพิ่มโอกาสให้บุตรหลาน แต่หลังโควิดพบว่า ตลาดเริ่มเผชิญความท้าทายอย่างชัดเจน จำนวนสถาบันกวดวิชาและสอนพิเศษเพิ่มขึ้นเกินความต้องการ

หลายพื้นที่มีสถาบันเปิดใกล้กัน ทำให้ยากต่อการสร้างฐานลูกค้าประจำ อีกทั้งผู้บริโภคเปลี่ยนไปเรียนออนไลน์มากขึ้น เนื่องจากแพลตฟอร์มออนไลน์มีคุณภาพดี สะดวก ราคาถูก และยืดหยุ่นด้านเวลา

นอกจากนี้ ปัจจัยประชากรยังเป็นข้อจำกัดสำคัญ เด็กไทยเกิดน้อยลง ทำให้จำนวนกลุ่มเป้าหมายลดลง ส่งผลต่อการขยายสาขาและยอดผู้เรียนในระยะยาว

ปัจจัยอื่นที่ทำให้ธุรกิจชะลอตัวคือ ต้นทุนการเปิดสาขาสูง ทั้งค่าเช่าพื้นที่ อุปกรณ์ หนังสือเรียน และค่าแรงครู การคืนทุนจึงต้องใช้เวลานาน 2–3 ปี ขณะเดียวกัน การบริหารคุณภาพในระบบแฟรนไชส์เป็นเรื่องท้าทาย ครูแต่ละคนมีคุณภาพต่างกัน การรักษามาตรฐานเดียวกันในทุกสาขาและการตรวจสอบผลลัพธ์ผู้เรียนเพื่อวัด KPI ต้องใช้เวลา

นอกจากนี้ พฤติกรรมผู้บริโภคเน้นผลลัพธ์และความสะดวก หากแฟรนไชส์ไม่สามารถแสดงผลลัพธ์หรือปรับคอร์สให้ทันสมัย ยอดผู้เรียนจะลดลง ที่สำคัญเทคโนโลยีใหม่อย่างเช่น แพลตฟอร์มออนไลน์ AI Tutor และระบบ Personalized Learning ยิ่งสร้างความท้าทายให้สถาบันการศึกษารูปแบบเดิม

⬇️ 5. ธุรกิจร้านสะดวกซื้อในชุมชน

ธุรกิจร้านค้าโชห่วยจำพวกปรับโฉมเป็นร้านสะดวกซื้อในชุมชน เช่น ถูกดีมีมาตรฐาน และอื่นๆ เริ่มชะลอตัวอย่างชัดเจน เนื่องจากแข่งขันกับร้านสะดวกซื้อสมัยใหม่ที่เปิด 24 ชั่วโมงไม่ได้ มีระบบสต็อกและซัพพลายเชนมีประสิทธิภาพ โปรโมชั่นหลากหลาย และมาตรฐานสินค้าและบริการที่ดี ส่งผลให้ร้านสะดวกซื้อเหล่านี้สูญเสียความสามารถในการดึงลูกค้า

นอกจากนี้ ธุรกิจร้านสะดวกซื้อในชุมชนรูปแบบใหม่ ยังประสบปัญหาด้านการบริหารจัดการต่างๆ ภายในร้าน บางครั้งเกิดปัญหาฟ้องร้องกับบริษัทแม่ จนหลายๆ แบรนด์ต้องปิดกิจการ เพราะขาดทุน ทำให้ร้านค้าแบบนี้ได้รับความนิยมน้อยลง

📌 สรุปภาพรวมแฟรนไชส์ปี 2569

ปี 2569 เป็นปีที่ธุรกิจแฟรนไชส์ต้อง “ยกระดับความเป็นมืออาชีพ” มากกว่าที่เคย โดยให้ความสำคัญกับระบบบริหารจัดการที่เป็นมาตรฐาน ควบคุมคุณภาพสินค้าอย่างเข้มข้น เพราะผู้บริโภคยุคใหม่เลือกแบรนด์แฟรนไชส์จากความน่าเชื่อถือ ชื่อเสียง ความสะอาด ความปลอดภัย และมีมาตรฐานคงที่ในทุกสาขา ทำให้แฟรนไชส์ที่มีระบบมาตรฐานชัดเจนได้เปรียบอย่างมาก

การเลือกลงทุนในกลุ่มแฟรนไชส์ที่ยังเติบโตอย่างสม่ำเสมอ เช่น อาหาร เครื่องดื่มขนาดเล็ก สุขภาพความงาม และสัตว์เลี้ยง ธุรกิจมีโอกาสเติบโตได้ เพราะสินค้าและบริการตอบโจทย์การใช้ชีวิตของผู้คน
.
.
ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ รวบรวมข้อมูล
Cr : https://www.facebook.com/share/p/1T3ngagbnt/

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่