น้องต้องเติบโต
วันนี้ขณะทำงาน มีคนไข้ Admit เมื่อวาน ด้วย NSTEMI อาการแรกรับโดยรวมไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ให้ Anticoagulance และรอ Refer รพ.มหาราชฯ เพื่อทำ CAG แต่วันนี้ ขณะน้องพยาบาลทำหัตถการเตียงข้างๆ เห็นผู้ป่วยตัวลายขึ้น บ่นแน่นอกมากกว่าเดิม จึงมาบอก Inchage ที่ counter วัดสัญญาณชีพปกติดี Inchange Notify เวร Med มาดู สงสัยกลายเป็น STEMI แต่ Run EKG 12 Leads ก็ไม่มี ST Depress Repeat Trop - T ผล + 176 มากกว่าของเดิม หมอลอง Echo bedside เจอว่า มี Flap ตรงผนัง Aorta คราวนี้ไปคนละ DX แรกรับเลย สงสัย Aortic dissection Reconsult Cadio อีกครั้งคราวนี้จาก Cadio ก็ให้เปลี่ยนสาย Consult CVT รพ.นครพิงค์ เพื่อผ่าตัด CVT นครพิงค์ตอบรับ Case แต่มีข้อแม้ ต้องทำ CTA และได้ผลอ่านก่อนจึงจะรับไปรักษา ตอนเริ่มมีอาการประมาณ 10.00 น. ได้ CTA 12.30 น. แต่ต้องรอผล............... 14.30 เวร med อีกคนที่อยู่เวรต่อ มาตามเยี่ยม Case บ่น บราๆๆๆๆๆ ทำไมนครพิงค์ยังไม่รับไปเพราะเสี่ียงที่จะ Arest เวร Med โทรประสาน CVT นครพิงค์ ร้องขอให้รับ Case โดยไม่ต้องรอผลอ่าน CTA จากนั้นจึง แจ้ง Call Center ของทางนครพิงค์ว่าจะ Refer Case ไป แต่เหมือนบุญมี แต่

กรรมมาบัง พยาบาล Refer เวรเช้าของโรงพยาบาลข้าพเจ้าออก Refer และยังไม่กลับมา จึงประมาณ Supervisor เพื่อขอนำพยาบาล Refer เวรบ่ายออกก่อน แต่กลับพบว่าพยาบาล Refer เวรบ่ายที่มีสองคนนั้น ยังปฏิบัติงานเวรเช้าใน Ward ของตัวเองไม่สามารถ ออก Refer ให้ได้ จากนั้นปรึกษากันว่าทาง Ward ต้องออก Refer เองแล้ว หลังจากคุยกันพบว่าไนท์ซึ่งเป็นน้องใหม่ที่สุดในทีมเวลานั้น เป็นคนเดียวที่ไม่ต้องมาต่อเวรดึก จึงเหมาะที่จะต้องออก Refer เพราะคนที่เหลือต้องมาขึ้นเวรดึกคืนนี้ ซึ่งหากออก Refer ก็จะไม่ได้พัก ไนท์ ไม่มีความรู้เรื่องโรคเลย และเคย Refer แค่ครั้งเดียว
ผม : ไนท์น้องต้องไปแล้วละ เดี๋ยวพี่ส่งเวรให้
ไนท์ : หนูกลัวพี่เป็น Case ด่วน แล้วหนูต้องไม่คนเดียวด้วย
ผม : ไม่ต้องกลัวหรอกโรคนี้ต่อให้ถึงปลายทางแล้วใช่ว่าจะรอดเสมอไปอาจตายคาห้องผ่าตัดก่ได้
ไนท์ : หนูต้องทำไงมั้งละพี่
ผม : บนรถน้อง Advice คนไข้ให้อยู่นิ่งๆ ลดการกระตุ้นป้องกันไม่ให้ความดันโลหิตมันสูง จนมีผลกับหลอดเลือด ระหว่างทางไปจนถึงสะพานแม่ขาน ให้น้องประเมินอาการผู้ป่วยหากดูดีให้บอก พขร. วิ่งเส้นคันคลองซึ่งจะลดเวลาได้เกือบ 30 นาที แต่ขอเสียไม่มีโรงพยาบาลรายทาง แต่หากน้องเห็นว่าอาการไม่ดีให้ พขร.วิ่งเส้น 106 เพราะมีโรงพยาบาลรายทางคือ หางดง กับสันป่าตอง จะได้ แวะ Resuscitate ผู้ป่วยได้
ไนท์ : หนูไม่เคยนะพี่
ผม : ทุกคนต้องมีการเติบโต และต้องเรียนรู้จากเหตุการณ์จริงน้อง ที่มันไม่มีในตำรา ไม่มีครูมาสอน แต่คนไข้ นี้แหละจะเป็นครูสอนเรา หากกังวล ไม่แน่ใจให้ Video Call หาพี่เพราะพี่อยู่เวรถึงเที่ยงคืน
17.15 น. เคราะห์กรรมซ้ำซ้อน
ไนท์ : พี่ HFNC ไม่ทำงาน หนูจะทำไงดี
ผม : น้องถึงไหนแล้ว
ไนท์ : อยู่ในเมืองแล้วคะพี่
ผม : น้องเปลี่ยนไป On Mask c bag Flow สูงสุดไปเลย บอก พขร.ให้รีบตรงไปนครพิงค์ ให้เขา วิทยุแจ้งนครพิงค์ด้วยว่าตอนนี้อุปกรณ์ของเราเสีย ให้เขาแสตนต์บาย Team ฉุกเฉินให้พร้อมรับ Case เรา
17.38 น. ผม : ไนท์เป็นไงมั่ง ถึงนครพิงค์แล้วพี่ รอ CVT ลงมาดู Case ค่ะ
การที่ผมบอกน้องต้องโต ผมไม่ได้ทอดทิ้งน้อง แต่น้องต้องเรียนรู้จากประสบการณ์จริง ยอมรับว่าเหตุการณ์นี้มันมีความเสี่ยงมาก ที่น้องไม่มีประสบการณ์ไปส่ง ผมยังเชื่อว่าการทำงานกับชีวิตมันต้องใช้ประสบการณ์จริงเท่านั่น แต่เราก็ไม่ได้ทิ้งน้องยังยืนเป็นเบื้องหลังอยู่ห่างๆ
ผมเชื่อมาตลอดว่าไม่มีหมอที่ไม่เคยวินิจฉัยโรคผิด และคงไม่มีพยาบาลคนไหนไม่เคยสักครั้งในชีวิตที่จะจัดยาให้ผู้ป่วยผิดเลย แต่ความผิดพลาดนั้นเราจะนำมันมาเป็นประสบการณ์ในการดูแลคนไข้ที่อยู่ในมือเรา ต่อไปในอนาคตได้อย่างไร
หมายเหตุ แค่เราสู่กันฟัง จากใจพยาบาล 3 แยก ปากหวานครับ
น่อวต้องเติบโต
วันนี้ขณะทำงาน มีคนไข้ Admit เมื่อวาน ด้วย NSTEMI อาการแรกรับโดยรวมไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ให้ Anticoagulance และรอ Refer รพ.มหาราชฯ เพื่อทำ CAG แต่วันนี้ ขณะน้องพยาบาลทำหัตถการเตียงข้างๆ เห็นผู้ป่วยตัวลายขึ้น บ่นแน่นอกมากกว่าเดิม จึงมาบอก Inchage ที่ counter วัดสัญญาณชีพปกติดี Inchange Notify เวร Med มาดู สงสัยกลายเป็น STEMI แต่ Run EKG 12 Leads ก็ไม่มี ST Depress Repeat Trop - T ผล + 176 มากกว่าของเดิม หมอลอง Echo bedside เจอว่า มี Flap ตรงผนัง Aorta คราวนี้ไปคนละ DX แรกรับเลย สงสัย Aortic dissection Reconsult Cadio อีกครั้งคราวนี้จาก Cadio ก็ให้เปลี่ยนสาย Consult CVT รพ.นครพิงค์ เพื่อผ่าตัด CVT นครพิงค์ตอบรับ Case แต่มีข้อแม้ ต้องทำ CTA และได้ผลอ่านก่อนจึงจะรับไปรักษา ตอนเริ่มมีอาการประมาณ 10.00 น. ได้ CTA 12.30 น. แต่ต้องรอผล............... 14.30 เวร med อีกคนที่อยู่เวรต่อ มาตามเยี่ยม Case บ่น บราๆๆๆๆๆ ทำไมนครพิงค์ยังไม่รับไปเพราะเสี่ียงที่จะ Arest เวร Med โทรประสาน CVT นครพิงค์ ร้องขอให้รับ Case โดยไม่ต้องรอผลอ่าน CTA จากนั้นจึง แจ้ง Call Center ของทางนครพิงค์ว่าจะ Refer Case ไป แต่เหมือนบุญมี แต่
ผม : ไนท์น้องต้องไปแล้วละ เดี๋ยวพี่ส่งเวรให้
ไนท์ : หนูกลัวพี่เป็น Case ด่วน แล้วหนูต้องไม่คนเดียวด้วย
ผม : ไม่ต้องกลัวหรอกโรคนี้ต่อให้ถึงปลายทางแล้วใช่ว่าจะรอดเสมอไปอาจตายคาห้องผ่าตัดก่ได้
ไนท์ : หนูต้องทำไงมั้งละพี่
ผม : บนรถน้อง Advice คนไข้ให้อยู่นิ่งๆ ลดการกระตุ้นป้องกันไม่ให้ความดันโลหิตมันสูง จนมีผลกับหลอดเลือด ระหว่างทางไปจนถึงสะพานแม่ขาน ให้น้องประเมินอาการผู้ป่วยหากดูดีให้บอก พขร. วิ่งเส้นคันคลองซึ่งจะลดเวลาได้เกือบ 30 นาที แต่ขอเสียไม่มีโรงพยาบาลรายทาง แต่หากน้องเห็นว่าอาการไม่ดีให้ พขร.วิ่งเส้น 106 เพราะมีโรงพยาบาลรายทางคือ หางดง กับสันป่าตอง จะได้ แวะ Resuscitate ผู้ป่วยได้
ไนท์ : หนูไม่เคยนะพี่
ผม : ทุกคนต้องมีการเติบโต และต้องเรียนรู้จากเหตุการณ์จริงน้อง ที่มันไม่มีในตำรา ไม่มีครูมาสอน แต่คนไข้ นี้แหละจะเป็นครูสอนเรา หากกังวล ไม่แน่ใจให้ Video Call หาพี่เพราะพี่อยู่เวรถึงเที่ยงคืน
17.15 น. เคราะห์กรรมซ้ำซ้อน
ไนท์ : พี่ HFNC ไม่ทำงาน หนูจะทำไงดี
ผม : น้องถึงไหนแล้ว
ไนท์ : อยู่ในเมืองแล้วคะพี่
ผม : น้องเปลี่ยนไป On Mask c bag Flow สูงสุดไปเลย บอก พขร.ให้รีบตรงไปนครพิงค์ ให้เขา วิทยุแจ้งนครพิงค์ด้วยว่าตอนนี้อุปกรณ์ของเราเสีย ให้เขาแสตนต์บาย Team ฉุกเฉินให้พร้อมรับ Case เรา
17.38 น. ผม : ไนท์เป็นไงมั่ง ถึงนครพิงค์แล้วพี่ รอ CVT ลงมาดู Case ค่ะ
การที่ผมบอกน้องต้องโต ผมไม่ได้ทอดทิ้งน้อง แต่น้องต้องเรียนรู้จากประสบการณ์จริง ยอมรับว่าเหตุการณ์นี้มันมีความเสี่ยงมาก ที่น้องไม่มีประสบการณ์ไปส่ง ผมยังเชื่อว่าการทำงานกับชีวิตมันต้องใช้ประสบการณ์จริงเท่านั่น แต่เราก็ไม่ได้ทิ้งน้องยังยืนเป็นเบื้องหลังอยู่ห่างๆ
ผมเชื่อมาตลอดว่าไม่มีหมอที่ไม่เคยวินิจฉัยโรคผิด และคงไม่มีพยาบาลคนไหนไม่เคยสักครั้งในชีวิตที่จะจัดยาให้ผู้ป่วยผิดเลย แต่ความผิดพลาดนั้นเราจะนำมันมาเป็นประสบการณ์ในการดูแลคนไข้ที่อยู่ในมือเรา ต่อไปในอนาคตได้อย่างไร
หมายเหตุ แค่เราสู่กันฟัง จากใจพยาบาล 3 แยก ปากหวานครับ