การวินิจฉัยของแพทย์ที่สะเพร่า ทำให้ชีวิตของคนคนนึงตกอยู่ในความเสี่ยง

วันนี้จะมาเล่านิทานให้ฟังค่ะ😊

(ยาวนิดนึงนะคะ)

โรงพยาบาลประจำอำเภอหนึ่งในจังหวัดพิจิตร เมื่อ2เดือนก่อนแฟนหนูประสบอุบัติเหตุทางรถมอเตอไซค์ เวลา22:30น.โดยประมาณ ขณะขี่รถกลับมาบ้านหลังจากการทำงานล่วงเวลาและมีดื่มสังสรรค์มาก่อนที่จะกลับ แฟนไม่ได้สวมหมวกกันน็อคเพราะเป็นการขี่รถในหมู่บ้านเล็กๆไม่ไกลแฟนจึงชะล่าใจ แต่ระหว่างทางกลับแฟนน่าจะเกิดอาการวูบเนื่องจากอ่อนเพลียจากการทำงาน+ดื่มมา หนูและแฟนทั้งคู่มีแอปGPSที่ใช้ในการติดตามตัวกัน ในขณะนั้นหนูเปิดแอปดูพอดี เห็นว่าตำแหน่งของแฟนมาหยุดอยู่ตรงแถวบ้านพักนึงจึงเอะใจและโทรไป ปรากฏว่าคนที่รับเป็นพี่ที่ขี่รถตามแฟนมาและบอกว่าแฟนหนูรถล้มลงป่าข้างทางให้รีบออกมาดู หนูก็วิ่งออกมาจากบ้านเพราะที่เกิดเหตุห่างจากตัวบ้านหนู300-400เมตรโดยประมาณ พอมาถึงเห็นแฟนหนูมีแผลตามตัวและมีอาการมึนงง จึงนำส่งโรงพยาบาลโดยทันที

พอถึงโรงพยาบาลแฟนถูกส่งเข้าห้องฉุกเฉินและไปเอ็กเรย์ว่าบริเวณร่างกายมีอะไรแตกหักรึป่าว แต่ก็ปกติพยาบาลจึงทำแผลและให้กลับบ้าน แต่ แฟนหนูพูดจามึนงง บริเวณรอบๆดวงตาข้างขวาช้ำและเริ่มบวม เจ้าหน้าที่ในห้องฉุกเฉินไม่ได้ทำการสแกนสมองให้แต่อย่างใด เพราะ แฟนไม่ได้หัวแตกภายนอกปกติ จึงให้ยาและกลับบ้านบอกว่าไม่มีอะไรมีแค่แผลภายนอก ญาติก็เชื่อเพราะเป็นคำพูดของแพทย์ ตอนอยู่บนรถแฟนบ่นว่าปวดหัวและยิ้มเสมหะไปทั่ว เสมหะนั้นปนเลือด

ถึงบ้านเวลาประมาณเที่ยงคืน แฟนเดินไม่ไหวจึงต้องแบกกันเข้าไปนอน แฟนบ่นปวดหัวตลอด หนูก็เอายาพาราให้กินแฟนก็ไม่ยอม หนูถามว่าโอเครมั้ย เขาพยักหน้า แต่คืนนั้นหนูสะดุ้งตื่นมาดูเขาตลอด เขานอนพึมพัมว่าปวดหัวหนูจึงเรียกเขาและถามว่าไปโรงพยาบาลอีกรอบมั้ย เขาก็ไม่ไป เขาบอกว่าจะอ้วก พอจับเขาลุกขึ้นนั่งให้อ้วกเขาก็ล้มตัวลงนอนและหนูก็เผลอหลับไปตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ ตื่นมาอีกทีตี5ครึ่ง หนูรีบหันไปดูแฟน หนูเห็นแฟนนอนตัวเกร็ง หายใจแรง และเรียกไม่ตื่น จึงตามรถมารับไปโรงพยาบาล ในตอนนั้นแฟนความดัน240

พอถึงโรงพยาบาลนำไปสแกนสมองทันที ปรากฏว่า มีเลือดออกในสมองในปริมาณที่เยอะมากแล้วโรงพยาบาลประจำอำเภอนี้ไม่สามารถผ่าตัดให้ได้จึงประสานงานกับโรงพยาบาลประจำจังหวัดเพื่อส่งตัวแฟนไปผ่าตัดด่วนที่นั้น

ณ ตอนนั้นเวลาเกือบ07:00น. แฟนได้ถูกส่งไปผ่าตัดเปิดกระโหลกศีรษะที่โรงพยาบาลประจำจังหวัด หลังจากผ่าตัดเสร็จแฟนได้ถูกนำเข้าไปพักฟื้นในห้องicu อยู่ในห้องicuประมาณ1-2อาทิตย์ ในระหว่างที่อยู่ในห้องicu แฟนไม่สามารถตอบสนองอะไรได้เลย ตัวเกร็งตลอดตาข้างขวาบวมปูดไม่สามารถลืมตาข้างนั้นได้ ลืมตาได้แค่ข้างซ้ายแต่เขาไม่ได้มองหรือตอบสนอง แค่ลืมและตากลิ้งไปกลิ้งมา หมอเสนอให้เจาะคอใส่ท่อช่วยหายใจเพราะเขาใส่ท่อช่วยหายใจทางปากนานจะเสี่ยงติดเชื้อได้ ญาติลงความเห็นให้เจาะเพราะแฟนยังอายุน้อยอยากยื้อไว้ให้นานที่สุด แฟนจึงได้เจาะคอใส่ท่อช่วยหายใจในที่สุด และหลังจากนั้นจึงถูกย้ายออกจากicu มาอยู่ห้องรวมธรรมดา

แฟนติดเชื้อดื้อยา ในตอนนั้นแฟนก็ยังไม่ตอบสนองอะไรแค่ลืมตาข้างซ้ายเหมือนจะมองเรา บอกให้กระพริบตาก็จะกระพริบให้ได้บ้างเป็นบางทีแต่จะช้าหน่อย แต่ตัวก็เกร็งเหมือนเดิม พอลดระดับเครื่องช่วยหายใจลงแฟนก็เหนื่อยไม่สามารถหายใจเองได้จึงได้ปรับระดับเครื่องช่วยหายใจขึ้นเป็น100%เหมือนเดิม ในช่วงนั้นเดินทางไปกลับในเมืองกับที่บ้านเพื่อมาเฝ้าแฟนเป็นระยะเวลา1เดือนเต็มๆที่แฟนอยู่ในห้องรวม แต่ระยะทางมันก็ไกลพอสมควร จึงขอความเห็นแพทย์ว่าจะย้ายเขากลับไปโรงพยาบาลใกล้ๆบ้านได้รึป่าว

แพทย์จึงจัดการให้และได้ย้ายกลับมาที่ โรงพยาบาลประจำอำเภอแห่งนั้น ตอนที่แฟนอยู่ที่โรงพยาบาลประจำจังหวัด แฟนอาการคงที่แต่ก็ยังไม่ฟื้นตอบสนองอะไรได้ แต่ หลังจากย้ายมานั้นแฟนอาการแย่ลงจนเหมือนเขาจะไม่ไหวแล้ว เพราะแฟนจะเหนื่อยความดัน200กว่าตลอด แพทย์ก็ถามว่าถ้าเขาหัวใจหยุดเต้นไปจะปั้มมั้ย ญาติก็ปฏิเสธเพราะถ้าเขาไม่ไหวแล้วจริงๆก็ไม่อยากยื้อไว้ให้เขาทรมาณ แพทย์จึงเสนอให้ใช้มอฟีนเพื่อให้แฟนไม่เจ็บไม่ทรมาณมาก ช่วงนั้นใจมันตุ้มๆต่อมๆแล้ว เพราะแฟนสามารถไปได้ตลอดเวลา เขาไม่สามารถหายใจเองได้ ทางแพทย์ได้รักษาไปตามอาการ ถ้าเขาติดเชื้อก็ให้ยาฆ่าเชื้อ

แต่ปราฏิหาริย์ก็เกิดกับเรา แฟนรอดจากตรงนั้นมาได้ อาการดีขึ้นทีละนิด เขาสามารถลืมตาได้ทั้ง2ข้าง หันมองหน้าเราเวลาเรียก กระพริบตาตอบกับเราได้ แบมือให้เราดูได้ แต่การตอบสนองก็จะช้าหน่อย ปัจจุบันแฟนก็ยังเจาะคอใส่ท่อช่วยหายใจอยู่เพราะเขาไม่สามารถหายใจเองได้ พอจะเริ่มฝึกหายใจเขาก็จะมีอาการเหนื่อยตลอด และไม่สามารถขยับตัวหรือพูดคุยกับเราได้ แฟนตัวเกร็งอยู่แต่ก็อ่อนลงบ้างแล้ว หมอบอกว่าตามข้อต่อของเขาที่เขาเกร็งตัวตรงดิ่งอยู่ตลอดเวลามันจะติดและเขาจะกลับมาเดินไม่ได้ใช้ชีวิตตามปกติไม่ได้ อาจจะต้องนอนติดเตียง แล้วแฟนก็มีแผลกดทับที่ก้นเนื่องจากนอนหงายมาเป็นเวลา2เดือน และยังหายใจเองไม่ได้…

ถ้าแพทย์สแกนสมองให้ตั้งแต่คืนนั้นที่เกิดอุบัติเหตุ แฟนหนูก็คงไม่ต้องมานอนติดเตียงอยู่แบบนี้ แฟนหนูตาปูดตาช้ำแบบนั้นก็น่าจะทราบแล้วว่าจะต้องเกิดการกระแทกกับอะไรบางอย่าง แฟนหนูต้องเอาหน้าหรือศรีษะลงแน่ๆ การวินิจฉัยของแพทย์และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ไม่รอบครอบ ทำให้รักษาล่าช้า เสียโอกาสในการรักษา เสียโอกาสในหน้าที่การงาน และโอกาสในชีวิตของเขาอีกหลายๆอย่าง ชีวิตของแฟนหนูต้องเปลี่ยนแปลงไปโดยสิ้นเชิง จากการวินิจฉัยที่สะเพร่า…จบ😃
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่