‘วุ้นในตาเสื่อม’ ภัยเงียบที่มาพร้อมอายุ… อาการแบบไหนต้องรีบพบแพทย์?

ทำความรู้จักกับวุ้นในตาเสื่อมตั้งแต่สาเหตุ อาการ สัญญาณเตือนที่ต้องรีบพบจักษุแพทย์ก่อนสายเกินไป

 วันนี้ “เดลินิวส์” นำบทความจากโรงพยาบาลพญาไท 2  โดย นพ. ชัยรัตน์ เสาวพฤทธิ์ จักษุแพทย์เฉพาะทางด้านจอประสาทตา ศูนย์ตา เขียนถึง วุ้นในตาเสื่อม (Vitreous Degeneration) ว่า เป็นภาวะที่หลายคนอาจเคยได้ยิน แต่อาจไม่รู้ว่ามัน คือ อะไรกันแน่ และอาการแบบไหนที่ถือว่าอันตราย? ภาวะนี้เป็นเรื่องธรรมชาติที่เกิดขึ้นกับดวงตาเมื่ออายุมากขึ้น แต่หากละเลยหรือประมาท อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง เรามาทำความรู้จักกับวุ้นในตาเสื่อมอย่างละเอียด ตั้งแต่สาเหตุ อาการ ไปจนถึงสัญญาณเตือนที่ต้องรีบพบจักษุแพทย์ทันที

วุ้นในตาเสื่อม คืออะไร? 

ลูกตาของเรานั้นมีส่วนประกอบสำคัญคือ “วุ้นในตา” ซึ่งเป็นเจลใสคล้ายไข่ขาวที่บรรจุอยู่เต็มลูกตา ทำหน้าที่คงรูปดวงตาและเป็นตัวกลางให้แสงส่องผ่านไปยัง จอประสาทตา เพื่อให้เกิดการมองเห็น

 เมื่อเวลาผ่านไปตามอายุ วุ้นในตาซึ่งส่วนใหญ่เป็นน้ำและมีเส้นใยคอลลาเจนปะปนอยู่ จะเริ่มเสื่อมสภาพ จากลักษณะที่เป็นเจลใสจะกลายเป็นของเหลวมากขึ้นทำให้เส้นใยคอลลาเจนที่จับตัวกันอยู่หดตัวและรวมกันเป็นก้อนเล็ก ๆ หรือเป็นเส้นขุ่น ๆ ลอยอยู่ในน้ำวุ้นตา

 เมื่อก้อนหรือเส้นขุ่นเหล่านี้มาบดบังทางเดินของแสงที่ตกกระทบจอประสาทตา เราจึงมองเห็นเป็น เงาดำ จุดเล็ก ๆ หรือเส้นคล้ายหยากไย่ลอยไปมา ตามการกลอกตา ซึ่งเป็นที่มาของอาการที่เรียกว่า “วุ้นในตาเสื่อม”


 อาการของวุ้นในตาเสื่อมที่พบบ่อย และควรสังเกตตัวเองมีดังนี้ 
มองเห็นจุดลอย (Eye Floaters) ลักษณะเห็นเป็น จุดดำ เล็ก ๆ คล้ายลูกน้ำ ยุง หรือ เส้นใยคล้ายหยากไย่/ใยแมงมุม ลอยไปมาในลานสายตา การสังเกตมักเห็นชัดเจนขึ้นเมื่อมองไปยังพื้นหลังสีขาวหรือสีสว่าง เช่น ท้องฟ้า ผนังห้องสีขาว หรือหน้าจอคอมพิวเตอร์
เห็นแสงวาบในตา (Flashes of Light) ลักษณะเห็นแสงคล้ายฟ้าแลบ แสงแฟลช หรือไฟวาบขึ้นในตา โดยเฉพาะเมื่ออยู่ในที่มืดหรือตอนกลางคืน เป็นสัญญาณสำคัญที่บ่งบอกว่าวุ้นในตากำลังดึงรั้งจอประสาทตา ซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะจอประสาทตาฉีกขาดได้
 สาเหตุหลักของวุ้นในตาเสื่อม ภาวะวุ้นในตาเสื่อมเกิดได้จากหลายปัจจัยหลัก ๆ ดังนี้ 

อายุที่เพิ่มขึ้นเป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุด โดยเฉพาะผู้ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป วุ้นตาจะเสื่อมสภาพตามกาลเวลา
ภาวะสายตาสั้นผู้ที่มี สายตาสั้นมาก (ประมาณ 400 ขึ้นไป) มีความเสี่ยงสูงกว่าคนทั่วไป เนื่องจากโครงสร้างตาที่ยาวกว่าทำให้วุ้นตาและจอประสาทตาเปราะบางกว่า
อุบัติเหตุที่ดวงตาการถูกกระทบกระแทกอย่างรุนแรงที่ดวงตาหรือศีรษะ
โรคประจำตัวและภาวะอื่น ๆ เช่น โรคเบาหวานขึ้นจอตา หรือการอักเสบภายในลูกตา 

 วุ้นในตาเสื่อม… อันตรายหรือไม่? และรักษาได้อย่างไร? 
โดยทั่วไปวุ้นในตาเสื่อมที่ไม่มีภาวะแทรกซ้อนมักไม่เป็นอันตรายร้ายแรง แต่อาจสร้างความรำคาญในการใช้ชีวิตประจำวัน ตะกอนที่ลอยอยู่มักจะจมลงไปด้านล่างของลูกตาและหายไปได้เองตามธรรมชาติโดยไม่ต้องรักษา อย่างไรก็ตาม สิ่งที่จักษุแพทย์กังวลที่สุดคือ ภาวะแทรกซ้อน ที่อาจตามมา ซึ่งก็คือ


 สัญญาณอันตราย! ที่ต้องรีบพบจักษุแพทย์ทันที 
อาการเหล่านี้อาจเป็นสัญญาณของ จอประสาทตาฉีกขาด หรือ จอประสาทตาหลุดลอก ซึ่งเป็นภาวะที่นำไปสู่การสูญเสียการมองเห็นถาวรได้หากรักษาไม่ทัน 

เห็นจุดลอยเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและจำนวนมากผิดปกติ (เหมือนมีฝนตก หรือพายุลูกน้ำในตา)
เห็นแสงวาบถี่ขึ้นหรือเห็นต่อเนื่อง แม้ไม่ได้กลอกตา
มองเห็นเหมือนมีม่านสีเทาหรือเงาดำมาบดบัง การมองเห็นบางส่วน
การมองเห็นลดลงอย่างฉับพลัน หรือสูญเสียการมองเห็นด้านข้าง  

แนวทางการรักษา 
ไม่มีภาวะแทรกซ้อน หากตรวจแล้วพบว่าเป็นเพียงวุ้นในตาเสื่อมปกติและไม่มีภาวะแทรกซ้อน แพทย์จะแนะนำให้สังเกตอาการและใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ โดยทั่วไปไม่จำเป็นต้องรักษา
มีจอประสาทตาฉีกขาด หากตรวจพบรอยฉีกขาดของจอประสาทตา แพทย์จะทำการรักษาด้วย เลเซอร์ (Laser Photocoagulation) เพื่อยิงปิดรอยฉีกขาดนั้น ป้องกันไม่ให้ลุกลามเป็นจอประสาทตาหลุดลอก
จอประสาทตาหลุดลอก ในกรณีที่รุนแรงถึงขั้นจอประสาทตาหลุดลอก จะต้องรักษาด้วย การผ่าตัด เพื่อให้จอประสาทตากลับเข้าที่
 คำแนะนำเพื่อสุขภาพตาที่ดี ถึงแม้วุ้นในตาเสื่อมจะป้องกันไม่ได้ และเป็นอาการที่พบได้บ่อย แต่ไม่ถือว่าเป็นโรค ดังนั้น ถ้าไม่รู้สึกว่าอาการเหล่านั้นรบกวนชีวิตประจำวันก็ไม่จำเป็นต้องรักษา แต่หากรู้สึกรบกวนมาก การรักษาด้วยการฉายแสงเลเซอร์ หรือการผ่าตัดจะช่วยลดหรือแก้ไขอาการเหล่านั้นได้ ไม่มีการศึกษาด้วยมาตรฐานใดที่ บ่อบอกว่าอาหารเสริมจะช่วยลดและรักษาอาการดังกล่าวได้

 หากคุณมีอาการเห็นจุดลอยหรือแสงวาบในตา ไม่ควรนิ่งนอนใจ ควรรีบไปพบจักษุแพทย์เพื่อตรวจจอประสาทตาอย่างละเอียด เพื่อป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงที่อาจเกิดขึ้นได้ ...

สามารถติดตามต่อได้ที่ : https://www.dailynews.co.th/news/5400561/

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่