เวลาเรามีปัญหาอะไรไม่ควรปรึกษาคนที่ในอนาคตอาจมีส่วนได้ส่วนเสีย ใช่ไหมครับ

แม้ว่าปัญหาครั้งนี้เราอาจจะไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียกับคนปรึกษา   แต่มันก็จะเป็นข้อมูลให้เขาเวลาถึงทีเขากับเราในอนาคต

เช่น     กลุ้มใจคนเช่าบ้านจ่ายเงินช้าจึงไปปรึกษาคนเช่าบ้านอีกหลังนึงที่สนิทกัน   เขาก็แนะนำดีนะ ให้ใช้วิธีประนีประนอมเหมือนเดิมแต่เปลี่ยนวิธีการพูดนิดหน่อย  สุดท้ายก็ผ่านได้ด้วยดี
           วันดีคืนดีคนเช่าบ้านที่สนิทอยากจ่ายช้าบ้าง   =  มีข้อมูลลักษณะนิสัยเราหมดแล้วรู้ว่าเราเป็นสายประนีประนอม  ไม่ใช้ไม้แข็ง
            ก็แกล้งทำเป็นใช้ไม้อ่อน   แกล้งรับปากไปงั้นๆ ดึงถ่วงเวลา   คือทำทุกอย่างที่เป็นจุดอ่อนของนิสัยประนีประนอมให้หมด
      วิธีที่เคยให้คำปรึกษาเรา  เราก็มาใช้กับเขา   รู้ทันจ้ารับมือได้หมดเลย  จ่ายช้าสำเร็จเราจัดการไม่ได้กลายเป็นอีกฝ่ายรู้ทางจัดการควบคุมเราแทน

มีปัญหากับคนที่ทำงาน  ปรึกษากับอีกคนนึงว่าทำไงดี   เขาก็แนะนำให้ใช้วิธีประนีประนอมตามนิสัยเรานี่เหละแต่ต้องพูดให้เป็นสุดท้ายก็ได้ผล  คุยรู้เรื่องกับคนที่มีปัญหา
วันดีคืนดีไอคนที่เราปรึกษาอยากเอาเปรียบเราบ้าง   รู้ว่าเป็นคนนิสัยประนีประนอมขี้กังวล+ได้ฟังความในใจเวลามาปรึกษาบ่อย  
โอกาสสำเร็จก็จะสูงใช่ไหม  เพราะเขารู้วิธีรับมือคนนิสัยประนีประนอมอย่างเราได้


สรุปคือ  คนที่เคยให้คำปรึกษา  เคยรับฟังข้อมูลส่วนตัวเรา  จะน่ากลัวที่สุดเวลาต้องมามีปัญหากันใช่ไหมครับ
เพราะเขาจะรู้ทางเรามากกว่ามีเรื่องกับคนแค่รู้จักแต่ไม่เคยรับรู้นิสัยด้านอ่อนแอตอนปรึกษาจากอีกฝ่ายเลย
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่