รวบรวมข้อมูล scammer กัมพูชา, ไทยเสนอตั้งองค์กรสหบาทา scammer เขมร ได้ไหม?

โฆษกมาลี-เขมรร้องนานาชาติ

ไทยขอเสนอตั้ง องค์กรสหบาทา scammer กัมพูชา!

ลองดูจากตัวเลขแล้ว scammer เขมรทำผลงานไว้เยอะเลย Hun Sen, Hun Manet & Co พัฒนาเขมรไปสู่ความเป็นนานาชาติในด้าน scammer มาก

สมชื่อตำแหน่ง เดโช, ธิบดี ของเขมรจริงๆ 
คำว่า "เดโช" (อ่านว่า เด-โช) หมายถึง อำนาจ, เดช, กำลัง หรือ ความร้อน, ไฟ มาจากภาษาบาลีสันสกฤต (เตชะ/เตชัส) และยังเป็นนามบรรดาศักดิ์สำคัญในราชสำนักกัมพูชา
คำว่า "ธิบดี" (อ่านว่า อะ-ทิบ-บอ-ดี) โดยทั่วไปมาจากคำว่า "อธิบดี" หมายถึง ผู้เป็นใหญ่, ผู้ปกครอง, หรือหัวหน้า เช่น อธิบดีสงฆ์, อธิบดีผู้พิพากษา, หรือตำแหน่งหัวหน้ากรมในราชการ. นอกจากนี้ คำนี้ยังใช้ในความหมายทางโหราศาสตร์ว่า มีความเจริญสวัสดิ์มงคล (ตรงข้ามกับโลกาวินาศ) 

พอมาเป็นตระกูลฮุน ฮุนมาเนตมีความพิเศษ สามารถนำพาไปสู่โลกาวินาศได้

ไทยโจมตี คาสิโน รัง scammer ที่เป็นคลังอาวุธ ฐานโดรนโจมตี มีหลักฐานชัดเจน ควรทำต่อไป ไปให้ลึก ใกล้-ไกล ก็จัดไป ไปซัดในบ้านมัน ประสานงาน นานาชาติ ชี้เป้าคาสิโน scammer ไทยขอเสนอเป็นศูนย์กลางปราบ scammer กัมพูชา

พื้นที่ความเสียหายจากการปะทะเดือนกรกฎาคมอยู่ในไทย ต้องมาเก็บกู้ ฟื้นฟูอีก มองภาพรวม ต้นทุนความเสียหายตกอยู่ที่ไทยเกือบทั้งหมด ต้นทุนค่าแรงในไทยในการซ่อมแซมก็แพงกว่า
เขมรใช้ BM-21 ยิงมา 5000 ลูก จาก การยิง 125 ครั้ง ในวันที่ 9 ธันวาคม ที่กองทัพบกทำสถิตินับไว้ ลองคำนวณเป็นตัวเลข (แบบไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญทางการทหาร อาวุธ)

เงิน scammer ทั้งนั้น?

เขมรใช้เงิน ยิง BM-21 ใช้วันละ 2-5M$ ยังไม่รวมอย่างอื่น แต่เวลาเก็บกู้ทุ้นระเบิด ยังมาขอรับเงินบริจาคอยู่เลย จะเล็กจะน้อย ก้อนเล็ก-ก้อนใหญ่ ขอรับบริจาคหมด

คาสิโน Scam Center คือ ศูนย์หลอกลวงออนไลน์ (Scam Center) ขนาดใหญ่ที่มักตั้งอยู่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะในประเทศเพื่อนบ้าน (เช่น พม่า, กัมพูชา, ลาว) ที่ใช้ชื่อคาสิโรอาคารเป็นคาสิโน หรือแหล่งบันเทิง เพื่อล่อลวงคนข้ามชาติไปทำงานเป็นทาสยุคใหม่บังคับหลอกลวงเหยื่อทั่วโลกผ่านออนไลน์ให้ลงทุนคริปโตฯ, พนัน, หรือโอนเงิน โดยใช้กลโกงสารพัด และอาจมีการค้ามนุษย์, บังคับค้าประเวณี, หรือเก็บเกี่ยวอวัยวะ



ผลงานของ scam center เขมร

ไทย

มูลค่าความเสียหายโดยรวมที่คนไทยถูกแก๊งสแกมเมอร์ โดยเฉพาะที่มีฐานปฏิบัติการในกัมพูชาหลอกลวงนั้นสูงมาก โดยมีรายงานตัวเลขที่แตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับช่วงเวลาและขอบเขตของการประเมิน 
มูลค่าความเสียหายในภาพรวม: ในช่วงปี 2024 มีรายงานว่าเศรษฐกิจไทยสูญเสียจากอาชญากรรมออนไลน์ทั้งหมดกว่า 60,000 ล้านบาท ขณะที่บางแหล่งประเมินมูลค่าความเสียหายที่เชื่อมโยงกับเครือข่ายสแกมเมอร์ข้ามชาติที่ตั้งอยู่ในกัมพูชา เมียนมา และลาว อาจสูงถึง 1.5 ล้านล้านบาท ในธุรกิจเงินมืดของอาเซียนทั้งหมด และมีผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าเครือข่ายเหล่านี้อาจสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจไทยถึง 1 ล้านล้านบาท
สถิติจากตำรวจไซเบอร์: สำหรับคดีที่ตำรวจไซเบอร์ไทยได้รับแจ้งความและเชื่อมโยงกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวไทยในกัมพูชา 56 คน พบว่ามีความเสียหายรวมกว่า 710 ล้านบาท ใน 1,154 คดี
การยึดทรัพย์: ทางการไทย โดยสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ได้แถลงผลการยึดและอายัดทรัพย์สินที่เชื่อมโยงกับเครือข่ายสแกมเมอร์ข้ามชาติรายใหญ่หลายเครือข่าย เช่น เครือข่ายนายก๊ก อาน และนายยิม เลียก ในกัมพูชา รวมมูลค่ากว่า 10,165 ล้านบาท 


อเมริกา

พลเมืองสหรัฐฯ สูญเสียเงินอย่างน้อย 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ให้กับการหลอกลวงทางไซเบอร์ที่มีฐานอยู่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในกัมพูชาและเมียนมาในปี 2024 
กระทรวงการคลังสหรัฐฯ รายงานว่ายอดขาดทุนนี้เพิ่มขึ้น 66% จากปีก่อนหน้า บางแหล่งประเมินว่ายอดรวมที่ชาวอเมริกันสูญเสียไปตั้งแต่ปี 2023 อาจสูงถึง 1.6 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ 
ยอดเงินที่สูญเสียไปนี้เป็นส่วนหนึ่งของอุตสาหกรรมการหลอกลวงออนไลน์ขนาดใหญ่ระดับโลก ซึ่งประมาณการว่ามีมูลค่ารวมสูงถึง 6.4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปี 
คุณสามารถตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการดำเนินการของรัฐบาลสหรัฐฯ เพื่อจัดการกับเครือข่ายเหล่านี้ได้ที่เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของ U.S. Department of the Treasury


จีน

มูลค่าความเสียหายรวมที่เกิดจากแก๊งฉ้อโกงทางไซเบอร์ในกัมพูชาต่อเหยื่อชาวจีนนั้นเป็นจำนวนมหาศาล โดยประมาณการระบุว่ารายได้จากธุรกิจผิดกฎหมายในกัมพูชาอาจสูงถึง 4-6 แสนล้านบาทต่อปี 
อย่างไรก็ตาม ตัวเลขนี้คือรายได้ทั้งหมดของอุตสาหกรรมฉ้อโกงในกัมพูชา ซึ่งรวมถึงเหยื่อจากหลายประเทศทั่วโลก ไม่ใช่เฉพาะชาวจีนเท่านั้น 
มีรายงานว่ากลุ่มอาชญากรข้ามชาติ ซึ่งมักมีต้นกำเนิดจากประเทศจีนเป็นแกนนำ ได้ใช้กัมพูชา เมียนมา และลาว เป็นศูนย์กลางปฏิบัติการ
งานวิจัยจากผู้เชี่ยวชาญระบุว่า ธุรกิจฉ้อโกงในกัมพูชามีรายได้ต่อปีเทียบเท่ากับประมาณ 60% ของ GDP ของประเทศ และแซงหน้าอุตสาหกรรมหลักอย่างสิ่งทอ
เงินที่ได้จากการหลอกลวงเหล่านี้มักถูกฟอกผ่านการซื้ออสังหาริมทรัพย์และสินทรัพย์ดิจิทัลขนาดใหญ่ ตัวอย่างเช่น มีการยึดทรัพย์สินที่เชื่อมโยงกับเครือข่ายสแกมเมอร์รายใหญ่ในกัมพูชา ซึ่งมีมูลค่ารวมกว่า 1 หมื่นล้านบาท 
ไม่มีตัวเลขที่ชัดเจนระบุเฉพาะเจาะจงว่าเป็น "เงินจำนวนเท่าไหร่" ที่ชาวจีนสูญเสียไปทั้งหมดโดยตรง แต่ชัดเจนว่าเป็นส่วนสำคัญของมูลค่าความเสียหายระดับโลกที่คาดว่าสูงถึงหลายหมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี 
หากคุณต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับตัวเลขความเสียหายทั่วโลก หรือเกี่ยวกับเครือข่ายอาชญากรรมที่ซับซ้อนนี้ ลองดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ในรายงานข่าวของ South China Morning Post


EU

ไม่มีการประมาณการตัวเลขที่ชัดเจนว่าพลเมืองสหภาพยุโรป (EU) สูญเสียเงินทั้งหมดเท่าไรจากการหลอกลวงทางไซเบอร์ในกัมพูชา แต่แหล่งข่าวระบุว่าอุตสาหกรรมหลอกลวงนี้สร้างความเสียหายทั่วโลกเป็นจำนวนมหาศาล 
รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับสถานการณ์นี้:
ขาดการประมาณการที่เชื่อถือได้: ยังไม่มีการประมาณการที่น่าเชื่อถือเกี่ยวกับจำนวนเงินเฉพาะที่ชาวยุโรปสูญเสียไปให้กับกลุ่มสแกมเมอร์ที่มีฐานอยู่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
มูลค่าอุตสาหกรรมมหาศาล: ธุรกิจหลอกลวงออนไลน์ในกัมพูชา เมียนมา และลาว เป็นศูนย์กลางของกลุ่มมิจฉาชีพ โดยมีรายได้จากการหลอกลวงสะพัดกว่า 1.5 ล้านล้านบาท หรือประมาณ 4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปี
เป้าหมายหลากหลาย: แม้ว่าเหยื่อส่วนใหญ่จะเป็นชาวจีน เวียดนาม มาเลเซีย และไทย แต่พลเมืองสหรัฐฯ และยุโรปก็ตกเป็นเป้าหมายเช่นกัน
ความเสียหายต่อสหรัฐฯ: สถานทูตสหรัฐฯ ในพนมเปญเคยประมาณการว่าชาวอเมริกันสูญเสียเงินอย่างน้อย 90 ล้านยูโร (ประมาณ 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) ให้กับการหลอกลวงที่มีต้นกำเนิดจากกัมพูชาเมื่อเดือนกันยายน พ.ศ. 2567 และตัวเลขจริงอาจสูงกว่ามาก
การดำเนินการของหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย: มีปฏิบัติการระหว่างประเทศที่นำโดย Europol และ Eurojust ได้ทลายเครือข่ายหลอกลวงการลงทุนออนไลน์ที่หลอกเหยื่อกว่า 100 รายเป็นเงินกว่า 3 ล้านยูโร นอกจากนี้ สหรัฐฯ และสหราชอาณาจักรได้ประกาศมาตรการคว่ำบาตรเครือข่ายสแกมเมอร์ในกัมพูชาและยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้อง 
คุณสามารถตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการดำเนินการของตำรวจสากลเพื่อต่อต้านการหลอกลวงและการค้ามนุษย์ได้จากเว็บไซต์ Interpol


เกาหลีใต้

ความเสียหายทางการเงินที่ชาวเกาหลีใต้สูญเสียไปจากการถูกหลอกลวงโดยแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในกัมพูชามีมูลค่ามหาศาล โดยมีตัวเลขที่รายงานในหลายกรณี:
มูลค่ารวมในปี 2023: มีการประเมินว่าชาวเกาหลีใต้ตกเป็นเหยื่อของการหลอกลวงผ่านโครงการลงทุนปลอมที่ดำเนินการโดยกลุ่มสแกมเมอร์ชาวเกาหลีใต้ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สูญเสียเงินรวมกันประมาณ 375 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (กว่า 1.3 หมื่นล้านบาท)
กรณีเฉพาะกลุ่ม:
กลุ่มหลอกลวงกลุ่มหนึ่งที่ตั้งฐานในกัมพูชาหลอกลวงชาวเกาหลีใต้ 62 คน คิดเป็นมูลค่าความเสียหายประมาณ 8.4 พันล้านวอนเกาหลีใต้ (ประมาณ 220 ล้านบาท)
อีกกรณีหนึ่ง มีผู้ต้องสงสัย 46 คนที่เกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ข้ามชาติ ถูกกล่าวหาว่าขโมยเงินไปประมาณ 9.4 พันล้านวอน (ประมาณ 250 ล้านบาท) จากเหยื่อ 110 ราย
ล่าสุดในเดือนธันวาคม 2025 มีการทลายแก๊งที่สร้างความเสียหายกว่า 20.16 พันล้านวอน (ประมาณ 500 ล้านบาท) 
ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนถึงปัญหาอาชญากรรมทางไซเบอร์ข้ามชาติที่ซับซ้อนและสร้างความเสียหายอย่างต่อเนื่อง โดยมีรายงานว่ากลุ่มอาชญากรเหล่านี้สามารถสร้างรายได้รวมกันหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปีในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
จำนวนเงินเหล่านี้แสดงถึงความเสียหายทางการเงินโดยตรง แต่ตัวเลขโดยรวมอาจสูงกว่านี้มาก เนื่องจากมีการประเมินว่าอุตสาหกรรมสแกมในภูมิภาคนี้สร้างรายได้หลายพันล้านดอลลาร์ต่อปีให้กับแก๊งอาชญากรข้ามชาติ 
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับปฏิบัติการเหล่านี้ได้ที่บทความจาก BBC และ 
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่