วันๆ ของผม กับเด็กเส้นที่ชื่อว่า 'จ้าก' ก็ประมาณนี้แหละ

สวัสดีผมชื่อ Hikkystyle 

ผมเป็นผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งที่ชอบคิดเข้าข้างตัวเองว่าตัวเองหน้าตาดีมากๆ มีนิสัยชอบกินน้ำอัดลม A&W ระหว่างการทานสเต็ก เป็นคนไม่กินผักมาตั้งแต่เด็กๆ แต่สุดท้ายก็มาเริ่มกินผักหลังจากที่ได้เข้าสู่ชีวิตวัยทำงานพร้อมๆ กับการเริ่มออกกำลังกาย เรื่องที่ทำให้ผมมีความสุขที่สุดเป็นอันดับสองของผม จึงเป็นตอนที่ผมเริ่มหันมาดูแลตัวเองมากขึ้น จนผมได้เรียนรู้ว่า ‘จริงๆ แล้วพระเจ้า ไม่ได้สร้างมนุษย์ขึ้นมาเป็นสิ่งมีชีวิตที่ขับถ่ายยาก’ 

ส่วนเรื่องที่ทำให้ผมมีความสุขมากที่สุดน่ะเหรอ ?
ผมก็คงต้องยกให้กับหนึ่งในช่วงชีวิต ตอนที่ผมเป็น Hiki Komori นี่แหละ

ให้ตายเถอะ ถึงช่วงเวลานั้นจะผ่านมานานพอสมควรแล้ว แต่สาบานเลยว่าผมยังคิดถึงมันอยู่เลย ไม่ว่าจะเป็นการตื่นสายแค่ไหนก็ได้ กินอะไรตอนไหนก็ได้ หรือแม้กระทั่งการนอนกลิ้งไปมาทั้งวันก็ยังได้ บอกตามตรงเลยว่านั่นเป็นหนึ่งในช่วงชีวิตที่ผมมีความสุขมากที่สุดเลยล่ะ 

แต่ในขณะเดียวกัน มันก็เป็นช่วงชีวิตที่เต็มไปด้วยความทุกข์พอๆ กัน

เพราะถ้าถามผม การเป็น Hiki Komori มันก็เหมือนกับการแช่แข็งชีวิตตัวเองไว้ในสภาพเดิม ณ ช่วงเวลานั้นไปเรื่อยๆ นั่นแหละ คือถ้าคุณถูกหวย 30 ล้าน มีเงินถุงเงินถังจากบรรพบุรุษ หรือมีกิจการอะไรสักอย่างอยู่แล้ว โลกมันก็คงไม่ยากเท่าไหร่หรอก แต่ถ้าคุณไม่ได้โชคดีแบบนั้น การเป็น Hiki Komori มันก็เหมือนคนธรรมดาที่ต้องใช้เงินนั่นแหละครับ เป็นคนธรรมดาที่ต้องใช้เงิน และคนธรรมดาที่ต้องใช้เงินก็ต้องทำงาน แต่คนธรรมดาที่ต้องใช้เงินและต้องทำงาน แต่ดันไม่ยอมออกจากบ้านหรือหอพักเนี่ย งานที่พอจะทำได้มันก็จะหายากหน่อย และส่วนใหญ่แล้วชีวิตคุณก็จะเหมือนถูกแช่แข็งไว้กับที่ในขณะที่คนอื่นๆ ในช่วงวัยเดียวกับคุณกำลังก้าวต่อไปข้างหน้านั่นแหละ

ซึ่งปัญหาที่ใหญ่จริงๆ สำหรับผมมันน่าจะอยู่ตรงนั้นนี่แหละครับ

เพราะสำหรับผมแล้ว ปัญหาเรื่องเงินเป็นเรื่องที่แก้ไขได้ง่ายมากครับ ไม่ใช่เพราะผมเกิดมาในบ่อเงินบ่อทองหรืออะไรแบบนั้นหรอกนะครับ แต่เป็นเพราะว่าถ้าผมไม่มีเงิน ผมก็แค่ต้องทำใจ ว่ามนุษย์คือสิ่งมีชีวิตที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบหลักในชีวิต ดังนั้นเดือนนี้มนุษย์คนนี้ก็แค่ต้องกินน้ำเข้าไปเยอะๆ ก็น่าจะอยู่ได้นะ

ดังนั้นแล้ว ปัญหาเรื่องความสัมพันธ์จึงกลายเป็นเรื่องใหญ่มากๆ สำหรับผม เพราะถ้าตอนเด็กๆ ผมโดนพ่อแม่เตะทุกวัน ฟาดด้วยขวดเบียร์ทุกวัน แถมพอเวลาไปโรงเรียน ผมก็ยังโดนเพื่อนที่โรงเรียนแกล้งทุกวัน ณ เวลานี้ผมก็คง Shut off ทุกคน แล้วกลายเป็น The Ultimate Hiki Komori ไปแล้ว 
ซึ่งส่วนหนึ่งผมก็มองว่า จริงๆ แล้วให้มันเป็นแบบนั้นไปก็ดีนะ

แต่พอมาคิดๆ ดูแล้วผมว่าประสบการณ์ชีวิตแบบนั้นมันคงไม่น่าภิรมย์เท่าไหร่ แบบ ‘พระเจ้า ฉันร้องไห้เป็นหมื่นครั้งเพื่อมาเจอเธอ’ โอ้โห ไม่น่าไหวอ่ะ คนเราร้องไห้กับเรื่องเดิมๆ แค่ 2 ครั้งก็พอแล้ว 

ผลสรุปแล้วชีวิตผมมันก็เลยพอจะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับมนุษย์คนอื่นๆ บ้าง โดยเฉพาะคนในครอบครัวและคนที่อยู่ใกล้ตัวเรามากๆ จริงๆ ซึ่งพอมันเป็นแบบนี้แล้ว ไอการจะบอกคนเหล่านั้นไปว่า ‘เฮ้ย ผมโอเค ผมทำงานอยู่นี่ๆๆๆ’ หรือไม่ก็ ‘โอ้โห ช่วงนี้งานโคตรหนักเลยวะ ฮะฮะฮะ’ แล้วโกหกไปเรื่อยๆ ทั้งๆ ที่ชีวิตเรากำลังถูกแช่แข็งอยู่กับที่ แรกๆ มันก็โอเคนะ แต่พอผ่านไปสักพักผมว่าผมอยู่แบบนั้นไม่ได้ยังไงก็ไม่รู้แฮะ

คือแน่นอนล่ะ ว่าเราอาจจะไม่ได้กลับไปเป็น The Monster The Beast หรืออะไรแบบนั้นอย่างที่เราเคยเป็นในภาพจำของคนเหล่านั้นแล้ว แต่เราก็จะพยายามประคับประคองตัวเองแบบชิวๆ ไปเรื่อยๆ ไม่ให้ตัวเองกลายเป็นขั้วตรงข้ามของภาพจำในอดีตของคนเหล่านั้นเช่นเดียวกัน

และนั่นก็คือจุดเริ่มต้น ที่ทำให้ Hiki Komori ที่เปี่ยมล้นไปด้วยประสบการณ์การนอนกลิ้งไปมาอยู่ที่หอพัก 2 ปี พร้อมด้วยประสบการณ์การเป็น Job Hopper อย่างโชคโชนในอดีต กลับเข้าสู่วังวนแห่งการทำงานประจำอีกครั้ง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่