เรื่องราวก็คือเราลาออกจากงานที่กรุงเทพ กลับมาอยู่กับครอบครัวได้ 3 เดือนแล้ว ปัจจุปันทำงานเป็นฟรีแลนด์กราฟฟิกดีไซน์ ซึ้งก็มีงานตลอดและมีรายได้เงินเก็บดีกว่าตอนทำงานประจำสะอีก แต่เรามักจะบ่นให้พ่อกับแม่ฟังเวลาเจอลูกค้าไม่ดีอะไรทำนอง หรือบางทีก็กังวลว่าเดือนต่อๆไปจะไม่มีงาน
เราเคยทำงานในบริษัทที่มีชื่อเสียงมาก่อน ถือว่าเจ๋งเท่อยู่ในระดับนึง พ่อเราเลยแอบไปคุยกับรุ่นน้องที่ทำงานอยู่ในห้างใหญ่ประจำจังหวัด ว่าลูกทำกราฟฟิกนะส่งพอตลูกเราไปให้ทีมข้างในดูได้ไหม พ่อมาบอกให้เราส่งพอตไปผ่านเพื่อนพ่อคนนี้เป็นการส่วนตัวได้เลย ไม่ต้องไปสมัครผ่านช่องทางปกติก็ได้ แต่เราได้ปฎิเสธพ่อไปค่ะ เข้าใจว่าผู้ใหญ่หวังดีแต่เรารับไม่ได้กับการที่ใช้ทางลัดเพื่อให้คนมองเห็น อันนี้มันรู้สึกเหมือนเป็นเด็กเส้นเด็กฝากแปลกๆ ทั้งที่เรารู้อยู่แก่ใจว่ายังไงเค้าก็ต้องเลือกจากความสามารถก่อนอยู่แล้วก็ตาม (ซึ้งเราก็ไม่ได้เก่ง หรือมั่นใจในตัวเองว่าจะได้ด้วย555555)
สุดท้ายเราก็ส่งอีเมลสมัครงานไปตามขั้นตอนปกติแบบที่คนอื่นเค้าทำกันเพื่อให้พ่อสบายใจ
ตอนนี้ก็มานั่งรู้สึกผิดต่อพ่อค่ะ เพราะเขาพยายามเพื่อเราเช่นกันแต่เรากลับเทมันทิ้งหมด ละก็รู้สึกว่าตัวเองคิดมากไปรึเปล่าที่ตัดสินใจแบบนั้น มันก็แค่การฝากผลงานเข้าไปเฉยๆ ควรคิดยังไงกับเรื่องนี้ดี T T
เราปฎิเสธคอนเน็คชั่นจากเพื่อนพ่อที่จะฝากเราเข้าทำงาน
เราเคยทำงานในบริษัทที่มีชื่อเสียงมาก่อน ถือว่าเจ๋งเท่อยู่ในระดับนึง พ่อเราเลยแอบไปคุยกับรุ่นน้องที่ทำงานอยู่ในห้างใหญ่ประจำจังหวัด ว่าลูกทำกราฟฟิกนะส่งพอตลูกเราไปให้ทีมข้างในดูได้ไหม พ่อมาบอกให้เราส่งพอตไปผ่านเพื่อนพ่อคนนี้เป็นการส่วนตัวได้เลย ไม่ต้องไปสมัครผ่านช่องทางปกติก็ได้ แต่เราได้ปฎิเสธพ่อไปค่ะ เข้าใจว่าผู้ใหญ่หวังดีแต่เรารับไม่ได้กับการที่ใช้ทางลัดเพื่อให้คนมองเห็น อันนี้มันรู้สึกเหมือนเป็นเด็กเส้นเด็กฝากแปลกๆ ทั้งที่เรารู้อยู่แก่ใจว่ายังไงเค้าก็ต้องเลือกจากความสามารถก่อนอยู่แล้วก็ตาม (ซึ้งเราก็ไม่ได้เก่ง หรือมั่นใจในตัวเองว่าจะได้ด้วย555555)
สุดท้ายเราก็ส่งอีเมลสมัครงานไปตามขั้นตอนปกติแบบที่คนอื่นเค้าทำกันเพื่อให้พ่อสบายใจ
ตอนนี้ก็มานั่งรู้สึกผิดต่อพ่อค่ะ เพราะเขาพยายามเพื่อเราเช่นกันแต่เรากลับเทมันทิ้งหมด ละก็รู้สึกว่าตัวเองคิดมากไปรึเปล่าที่ตัดสินใจแบบนั้น มันก็แค่การฝากผลงานเข้าไปเฉยๆ ควรคิดยังไงกับเรื่องนี้ดี T T