👑 เมื่อ "ราชา" คิดว่าตัวเองใหญ่กว่า "อาณาจักร": บทเรียนจาก โม ซาลาห์ สู่โลกการทำงาน
ดราม่าล่าสุดของลิเวอร์พูลไม่ได้เป็นแค่ข่าวฟุตบอลครับ
แต่มันคือ "กรณีศึกษาชั้นยอด" ของเรื่องการบริหารคนและอีโก้
ที่คนทำงานและเจ้าของกิจการทุกคนต้องดู
"โม ซาลาห์" ตำนานที่พาหงส์แดงคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก ทำประตูถล่มทลาย
แต่เขากำลังเปิดศึกกับสโมสร
เพียงเพราะถูกดร็อปเป็นตัวสำรอง 3 นัด?
โดยให้สัมภาษณ์ทิ้งบอมบ์ใส่ผู้จัดการทีมและองค์กรแบบไม่ไว้หน้า
เรื่องนี้สอนให้เรารู้ว่า
"ความสำเร็จในอดีต ไม่ใช่ใบผ่านทางของปัจจุบัน"
และ "ไม่มีใครใหญ่เกินกว่าองค์กร"
แม้คุณจะเป็นตำนานแค่ไหนก็ตาม
1. กับดักของ "ฮีโร่" (The Hero Trap)
ซาลาห์คิดว่าสิ่งที่เขาทำให้สโมสรในอดีต (250 ประตู แชมป์ลีก)
สิ่งนี้ควรการันตีตำแหน่งตัวจริงให้เขาตลอดไป
เขาพูดว่า "ผมไม่ควรต้องสู้เพื่อแย่งตำแหน่ง"
ในโลกธุรกิจ
พนักงานระดับ Star หรือผู้บริหารที่เคยสร้างกำไรมหาศาล
มักจะติดกับดักนี้ครับ คิดว่าตัวเอง "แตะต้องไม่ได้" (Untouchable)
แต่ความจริงคือ Performance คือเรื่องของ "วันนี้" ครับ
ถ้าวันนี้ผลงานคุณตก (ยิงได้แค่ 5 ลูกจาก 19 นัด)
คุณก็ต้องยอมรับการถูกประเมินใหม่ ไม่ใช่เอาบุญเก่ามาอ้าง
2. การ "ซักผ้าสกปรก" นอกบ้าน (Airing Dirty Laundry)
การที่ซาลาห์ออกมาให้สัมภาษณ์โจมตีสโมสรและผู้จัดการทีมออกสื่อ
คือการทำลายทีมสปิริตอย่างรุนแรง
สื่ออังกฤษเรียกสิ่งนี้ว่า "การกบฏ" และ "ความเห็นแก่ตัว"
ในโลกธุรกิจ
ไม่ว่าคุณจะขัดแย้งกับหัวหน้าแค่ไหน
การเอาเรื่องภายในไปโพสต์ด่าในโซเชียล
หรือไปนินทากับลูกค้า
คือพฤติกรรมที่ไม่เป็นมืออาชีพที่สุด
มันสะท้อนว่าคุณเอา "ความสะใจส่วนตัว" มาก่อน
"ผลประโยชน์ของทีม" เอาไว้ทีหลัง
3. ไม่มีใครใหญ่กว่าสโมสร (No Player is Bigger Than The Club)
นี่คือกฎเหล็กของฟุตบอลและธุรกิจครับ
ถ้าผู้บริหาร (อาร์เน่อ ชล็อต) ยอมอ่อนข้อให้ซาลาห์เพราะกลัวอิทธิพล
ระบบการปกครองจะพังทันที
นักเตะคนอื่นจะมองว่า "ทำไมคนนี้มีอภิสิทธิ์?"
ผู้นำต้องกล้าตัดสินใจเพื่อ "ทีม"
แม้จะต้องขัดใจ "ดารา" ก็ตาม
ถ้าเก็บคนเก่งไว้แต่ทำลายบรรยากาศโดยรวม
บางครั้งการตัดเนื้อร้าย (แม้จะเป็นเนื้อเกรด A) ก็จำเป็นต้องทำ
มุมมองผม Mr.Messenger
กรณีของซาลาห์ คือตัวอย่างของคนที่ "ยังอยู่ในเงาของตัวเอง"
จนลืมไปว่าแสงสว่างที่ทำให้เกิดเงานั้น
มาจากสปอร์ตไลท์ของสโมสรที่ส่องให้
มันต้องอาศัย และพึ่งพากัน
สำหรับพวกเราคนทำงาน...
จงภูมิใจในความสำเร็จในอดีต
แต่อย่าใช้มันเป็นข้ออ้างที่จะหยุดพัฒนาในปัจจุบัน
และจำไว้เสมอว่า
'เก่งแค่ไหน ถ้าขาดองค์กรคอยหนุนหลัง
คุณก็เป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่ง'
"ไม่มี 'ความสำเร็จ' ใดที่สร้างได้ด้วยตัวคนเดียว...
จงภูมิใจในตัวเอง แต่อย่าลืมให้เครดิตกับ 'ทีม' ที่ทำให้คุณมีวันนี้"
รอดูวันที่ 13 ธันวาคมนี้
การเจอกับ ไบรท์ตัน ที่แอนฟิลด์ครับ
ว่านี่จะเป็น "Last Dance" หรือ "Sad Ending" ของตำนานคนนี้
เครดิต
Mr.Messenger รายงาน
ระบบที่แข่งขันตลอดเวลา ไม่มีการันตีตลอดไป
👑 เมื่อ "ราชา" คิดว่าตัวเองใหญ่กว่า "อาณาจักร": บทเรียนจาก โม ซาลาห์ สู่โลกการทำงาน
ดราม่าล่าสุดของลิเวอร์พูลไม่ได้เป็นแค่ข่าวฟุตบอลครับ
แต่มันคือ "กรณีศึกษาชั้นยอด" ของเรื่องการบริหารคนและอีโก้
ที่คนทำงานและเจ้าของกิจการทุกคนต้องดู
"โม ซาลาห์" ตำนานที่พาหงส์แดงคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก ทำประตูถล่มทลาย
แต่เขากำลังเปิดศึกกับสโมสร
เพียงเพราะถูกดร็อปเป็นตัวสำรอง 3 นัด?
โดยให้สัมภาษณ์ทิ้งบอมบ์ใส่ผู้จัดการทีมและองค์กรแบบไม่ไว้หน้า
เรื่องนี้สอนให้เรารู้ว่า
"ความสำเร็จในอดีต ไม่ใช่ใบผ่านทางของปัจจุบัน"
และ "ไม่มีใครใหญ่เกินกว่าองค์กร"
แม้คุณจะเป็นตำนานแค่ไหนก็ตาม
1. กับดักของ "ฮีโร่" (The Hero Trap)
ซาลาห์คิดว่าสิ่งที่เขาทำให้สโมสรในอดีต (250 ประตู แชมป์ลีก)
สิ่งนี้ควรการันตีตำแหน่งตัวจริงให้เขาตลอดไป
เขาพูดว่า "ผมไม่ควรต้องสู้เพื่อแย่งตำแหน่ง"
ในโลกธุรกิจ
พนักงานระดับ Star หรือผู้บริหารที่เคยสร้างกำไรมหาศาล
มักจะติดกับดักนี้ครับ คิดว่าตัวเอง "แตะต้องไม่ได้" (Untouchable)
แต่ความจริงคือ Performance คือเรื่องของ "วันนี้" ครับ
ถ้าวันนี้ผลงานคุณตก (ยิงได้แค่ 5 ลูกจาก 19 นัด)
คุณก็ต้องยอมรับการถูกประเมินใหม่ ไม่ใช่เอาบุญเก่ามาอ้าง
2. การ "ซักผ้าสกปรก" นอกบ้าน (Airing Dirty Laundry)
การที่ซาลาห์ออกมาให้สัมภาษณ์โจมตีสโมสรและผู้จัดการทีมออกสื่อ
คือการทำลายทีมสปิริตอย่างรุนแรง
สื่ออังกฤษเรียกสิ่งนี้ว่า "การกบฏ" และ "ความเห็นแก่ตัว"
ในโลกธุรกิจ
ไม่ว่าคุณจะขัดแย้งกับหัวหน้าแค่ไหน
การเอาเรื่องภายในไปโพสต์ด่าในโซเชียล
หรือไปนินทากับลูกค้า
คือพฤติกรรมที่ไม่เป็นมืออาชีพที่สุด
มันสะท้อนว่าคุณเอา "ความสะใจส่วนตัว" มาก่อน
"ผลประโยชน์ของทีม" เอาไว้ทีหลัง
3. ไม่มีใครใหญ่กว่าสโมสร (No Player is Bigger Than The Club)
นี่คือกฎเหล็กของฟุตบอลและธุรกิจครับ
ถ้าผู้บริหาร (อาร์เน่อ ชล็อต) ยอมอ่อนข้อให้ซาลาห์เพราะกลัวอิทธิพล
ระบบการปกครองจะพังทันที
นักเตะคนอื่นจะมองว่า "ทำไมคนนี้มีอภิสิทธิ์?"
ผู้นำต้องกล้าตัดสินใจเพื่อ "ทีม"
แม้จะต้องขัดใจ "ดารา" ก็ตาม
ถ้าเก็บคนเก่งไว้แต่ทำลายบรรยากาศโดยรวม
บางครั้งการตัดเนื้อร้าย (แม้จะเป็นเนื้อเกรด A) ก็จำเป็นต้องทำ
มุมมองผม Mr.Messenger
กรณีของซาลาห์ คือตัวอย่างของคนที่ "ยังอยู่ในเงาของตัวเอง"
จนลืมไปว่าแสงสว่างที่ทำให้เกิดเงานั้น
มาจากสปอร์ตไลท์ของสโมสรที่ส่องให้
มันต้องอาศัย และพึ่งพากัน
สำหรับพวกเราคนทำงาน...
จงภูมิใจในความสำเร็จในอดีต
แต่อย่าใช้มันเป็นข้ออ้างที่จะหยุดพัฒนาในปัจจุบัน
และจำไว้เสมอว่า
'เก่งแค่ไหน ถ้าขาดองค์กรคอยหนุนหลัง
คุณก็เป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่ง'
"ไม่มี 'ความสำเร็จ' ใดที่สร้างได้ด้วยตัวคนเดียว...
จงภูมิใจในตัวเอง แต่อย่าลืมให้เครดิตกับ 'ทีม' ที่ทำให้คุณมีวันนี้"
รอดูวันที่ 13 ธันวาคมนี้
การเจอกับ ไบรท์ตัน ที่แอนฟิลด์ครับ
ว่านี่จะเป็น "Last Dance" หรือ "Sad Ending" ของตำนานคนนี้
เครดิต
Mr.Messenger รายงาน