เป้าหมาย: สร้างความตึงเครียดและตัดผลประโยชน์ทั้งหมด เพื่อให้ผู้พึ่งพารู้สึกว่า "การพึ่งพาตัวเองนั้นง่ายกว่าการอยู่ต่อ" และเลือกที่จะเดินออกไปเอง
หมายเหตุ: เคยไล่แล้ว เคยเลิกกันแล้ว เคยแยกกันอยู่ เคยให้โอกาส เคยลงทุนกับความสัมพันธ์ แต่ เขาคนก็ไม่มีทางปรับปรุง ณ วันนี้หมดแล้วกับทุกสิ่งจึงขอสะลัดมันออกไปจากชีวิต
ถ้าย้อนกลับไปดูกระทู้เก่าๆของฉัน วีรกรรมนั้นแค่บางส่วนนะ ตั้งแต่คบกันมามันตกงานตลอดไม่มีตลอด และก็ชอบใช้สถานการณ์เร่งด่วนเบื่อขอเงิน จนคนรอบตัวเองือมระอา
เฟสที่ 1: การตัดแหล่งสนับสนุน
ขั้นตอนนี้คือการยุติบทบาท "ผู้ให้" อย่างเด็ดขาด และปิดช่องทางการเงินทั้งหมด
1. ตัดเงินสดทั้งหมด: ปฏิเสธการให้เงินกู้ การให้เงินเปล่า หรือการจ่ายค่าใช้จ่ายส่วนตัวของเขา (เช่น ค่าเติมน้ำมัน, ค่าบุหรี่, ค่าเบียร์) อย่างสิ้นเชิง ไม่ว่าจะมาพร้อมกับข้ออ้างหรือวิกฤตฉุกเฉินใด ๆ
2. ตัดอาหารและน้ำ : ยุติการซื้ออาหารสดหรือน้ำดื่มเข้าบ้าน เว้นแต่เป็นส่วนของฉันและลูกเท่านั้น ออกไปทานอาหารนอกบ้านหรือทานในปริมาณส่วนตัว โดยไม่มีการแบ่งปัน
3. แยกค่าใช้จ่าย : คำนวณค่าใช้จ่ายในการอยู่อาศัยพื้นฐานของเขาอย่างเป็นทางการ (เช่น ค่าไฟ ค่าน้ำ ค่าเน็ต และส่วนแบ่งค่าที่พัก) แล้วกำหนดเป็น "หนี้ค่าที่อยู่อาศัย 3,000 บาทต่อเดือน" (หรือตัวเลขที่เหมาะสม) ที่ต้องชำระคืนเมื่อเขามีงานทำ :
เฟสที่2 สร้างความไม่สบายใจ
เมื่อเขาไม่ได้รับผลประโยชน์ใด ๆ แล้ว ต้องทำให้พื้นที่อยู่อาศัยของเขามีความลำบากและน่าเบื่อหน่ายที่สุด
4. ยกเลิกการบริการในบ้าน: ไม่ทำความสะอาดห้อง, ไม่ซักเสื้อผ้าของเขา, ไม่ทำอาหารให้, และปล่อยให้งานบ้านส่วนรวมอยู่ในสภาพ "เน่า" เพื่อให้เขาทนอยู่ต่อไม่ได้ (และต้องลงมือทำเองถ้าอยากให้บ้านสะอาด)
5. สร้างระยะห่าง ปฏิเสธความใกล้ชิดทางกายและการมีสัมพันธ์อย่างเด็ดขาด โดยอ้างถึง "ความไม่รับผิดชอบทางการเงิน" ของเขาเป็นเงื่อนไขในการปฏิเสธ (เช่น "ฉันไม่สนใจความสัมพันธ์ใด ๆ ตราบใดที่คุณมีหนี้ ที่ค้างฉันอยู่")
6. ส่งลูกออกนอกพื้นที่: ใช้ช่วงวันหยุดหรือโอกาสที่เหมาะสม พาลูกไปฝากไว้กับครอบครัวของเขาเอง (ถ้าเป็นไปได้) เพื่อตัด "ข้ออ้าง" และ "ผลประโยชน์" สุดท้ายที่เขาใช้ในการอยู่ในบ้าน
เฟสที่ 3: การควบคุมทางจิตวิทยา
ขั้นตอนสุดท้ายคือการควบคุมปฏิกิริยาของคุณ เพื่อไม่ให้เขาได้รับ "รางวัลทางอารมณ์" ใด ๆ
7. การสื่อสารแบบ "Zero Engagement": ห้ามบ่น ห้ามสอน ห้ามเถียง หรือแสดงความโกรธเมื่อเขาทำตัวไม่รับผิดชอบ ให้พูดคุยเฉพาะเรื่องที่จำเป็นและเป็นข้อเท็จจริงเท่านั้น
8. ตอบโต้ด้วยหนี้สิน : เมื่อเขาพยายามทวงบุญคุณ (เช่น "ฉันเคยทำความสะอาดบ้านนะ") หรือใช้คำโจมตีตัวบุคคล (เช่น "สะดิ้ง") ให้ฉันตอบโต้ด้วยการอ้างอิงถึง หนี้ที่เขาติดค้างฉันทันที เพื่อเปลี่ยนสถานะของเขาเป็น "ลูกหนี้" ที่ยังชำระไม่ครบถ้วน
9. จัดการความสงสาร : เมื่อรู้สึกสงสาร ให้ตอกย้ำตัวเองว่า "การให้ความช่วยเหลือเล็กน้อยในตอนนี้ คือการให้รางวัลแก่ความขี้เกียจ และเป็นความใจร้ายต่อความมั่นคงในระยะยาวของตัวเอง"
เมื่อผู้พึ่งพาไม่มีแหล่งอาหาร ไม่มีเงิน ไม่มีแรงจูงใจทางอารมณ์ และมีหนี้สินเพิ่มขึ้นทุกเดือน พวกเขาจะเลือกทางที่ง่ายที่สุด นั่นคือการเดินออกจากความสัมพันธ์ที่ "ลำบาก" ไปหาแหล่งพึ่งพาใหม่ในที่สุดค่ะ
จริงหรือเปล่าวันนี้เริ่ม (ที่จริงก็ทำมาแล้ว 2 สัปดาห์)
มาดูกันว่าจะได้ผลไหม
ท่านใดมีวิธีแสบๆ อะไรมาแนะนำหน่อย (ต้องอยู่ภายใต้ความปลอดภัยด้วยนะ)
How to: สะบัด "ผู้พึ่งพา" ออกจากชีวิต (The Freeze Out Strategy)
หมายเหตุ: เคยไล่แล้ว เคยเลิกกันแล้ว เคยแยกกันอยู่ เคยให้โอกาส เคยลงทุนกับความสัมพันธ์ แต่ เขาคนก็ไม่มีทางปรับปรุง ณ วันนี้หมดแล้วกับทุกสิ่งจึงขอสะลัดมันออกไปจากชีวิต
ถ้าย้อนกลับไปดูกระทู้เก่าๆของฉัน วีรกรรมนั้นแค่บางส่วนนะ ตั้งแต่คบกันมามันตกงานตลอดไม่มีตลอด และก็ชอบใช้สถานการณ์เร่งด่วนเบื่อขอเงิน จนคนรอบตัวเองือมระอา
เฟสที่ 1: การตัดแหล่งสนับสนุน
ขั้นตอนนี้คือการยุติบทบาท "ผู้ให้" อย่างเด็ดขาด และปิดช่องทางการเงินทั้งหมด
1. ตัดเงินสดทั้งหมด: ปฏิเสธการให้เงินกู้ การให้เงินเปล่า หรือการจ่ายค่าใช้จ่ายส่วนตัวของเขา (เช่น ค่าเติมน้ำมัน, ค่าบุหรี่, ค่าเบียร์) อย่างสิ้นเชิง ไม่ว่าจะมาพร้อมกับข้ออ้างหรือวิกฤตฉุกเฉินใด ๆ
2. ตัดอาหารและน้ำ : ยุติการซื้ออาหารสดหรือน้ำดื่มเข้าบ้าน เว้นแต่เป็นส่วนของฉันและลูกเท่านั้น ออกไปทานอาหารนอกบ้านหรือทานในปริมาณส่วนตัว โดยไม่มีการแบ่งปัน
3. แยกค่าใช้จ่าย : คำนวณค่าใช้จ่ายในการอยู่อาศัยพื้นฐานของเขาอย่างเป็นทางการ (เช่น ค่าไฟ ค่าน้ำ ค่าเน็ต และส่วนแบ่งค่าที่พัก) แล้วกำหนดเป็น "หนี้ค่าที่อยู่อาศัย 3,000 บาทต่อเดือน" (หรือตัวเลขที่เหมาะสม) ที่ต้องชำระคืนเมื่อเขามีงานทำ :
เฟสที่2 สร้างความไม่สบายใจ
เมื่อเขาไม่ได้รับผลประโยชน์ใด ๆ แล้ว ต้องทำให้พื้นที่อยู่อาศัยของเขามีความลำบากและน่าเบื่อหน่ายที่สุด
4. ยกเลิกการบริการในบ้าน: ไม่ทำความสะอาดห้อง, ไม่ซักเสื้อผ้าของเขา, ไม่ทำอาหารให้, และปล่อยให้งานบ้านส่วนรวมอยู่ในสภาพ "เน่า" เพื่อให้เขาทนอยู่ต่อไม่ได้ (และต้องลงมือทำเองถ้าอยากให้บ้านสะอาด)
5. สร้างระยะห่าง ปฏิเสธความใกล้ชิดทางกายและการมีสัมพันธ์อย่างเด็ดขาด โดยอ้างถึง "ความไม่รับผิดชอบทางการเงิน" ของเขาเป็นเงื่อนไขในการปฏิเสธ (เช่น "ฉันไม่สนใจความสัมพันธ์ใด ๆ ตราบใดที่คุณมีหนี้ ที่ค้างฉันอยู่")
6. ส่งลูกออกนอกพื้นที่: ใช้ช่วงวันหยุดหรือโอกาสที่เหมาะสม พาลูกไปฝากไว้กับครอบครัวของเขาเอง (ถ้าเป็นไปได้) เพื่อตัด "ข้ออ้าง" และ "ผลประโยชน์" สุดท้ายที่เขาใช้ในการอยู่ในบ้าน
เฟสที่ 3: การควบคุมทางจิตวิทยา
ขั้นตอนสุดท้ายคือการควบคุมปฏิกิริยาของคุณ เพื่อไม่ให้เขาได้รับ "รางวัลทางอารมณ์" ใด ๆ
7. การสื่อสารแบบ "Zero Engagement": ห้ามบ่น ห้ามสอน ห้ามเถียง หรือแสดงความโกรธเมื่อเขาทำตัวไม่รับผิดชอบ ให้พูดคุยเฉพาะเรื่องที่จำเป็นและเป็นข้อเท็จจริงเท่านั้น
8. ตอบโต้ด้วยหนี้สิน : เมื่อเขาพยายามทวงบุญคุณ (เช่น "ฉันเคยทำความสะอาดบ้านนะ") หรือใช้คำโจมตีตัวบุคคล (เช่น "สะดิ้ง") ให้ฉันตอบโต้ด้วยการอ้างอิงถึง หนี้ที่เขาติดค้างฉันทันที เพื่อเปลี่ยนสถานะของเขาเป็น "ลูกหนี้" ที่ยังชำระไม่ครบถ้วน
9. จัดการความสงสาร : เมื่อรู้สึกสงสาร ให้ตอกย้ำตัวเองว่า "การให้ความช่วยเหลือเล็กน้อยในตอนนี้ คือการให้รางวัลแก่ความขี้เกียจ และเป็นความใจร้ายต่อความมั่นคงในระยะยาวของตัวเอง"
เมื่อผู้พึ่งพาไม่มีแหล่งอาหาร ไม่มีเงิน ไม่มีแรงจูงใจทางอารมณ์ และมีหนี้สินเพิ่มขึ้นทุกเดือน พวกเขาจะเลือกทางที่ง่ายที่สุด นั่นคือการเดินออกจากความสัมพันธ์ที่ "ลำบาก" ไปหาแหล่งพึ่งพาใหม่ในที่สุดค่ะ
จริงหรือเปล่าวันนี้เริ่ม (ที่จริงก็ทำมาแล้ว 2 สัปดาห์)
มาดูกันว่าจะได้ผลไหม
ท่านใดมีวิธีแสบๆ อะไรมาแนะนำหน่อย (ต้องอยู่ภายใต้ความปลอดภัยด้วยนะ)