สรุปคือ... The Matrix (1999) นี่มันโคตรเจ๋ง! ต้องดูซ้ำวนไปครับ!


TITLE: สรุปคือ... The Matrix (1999) นี่มันโคตรเจ๋ง! ต้องดูซ้ำวนไปครับ!

สวัสดีครับชาวพันทิปทุกคน วันนี้ผมจะมาขอคุยเรื่องหนังที่ผมดูซ้ำไปไม่รู้กี่รอบแล้ว แต่ก็ยังรู้สึกว่ามันเจ๋งทุกครั้งที่ได้ดู นั่นก็คือ The Matrix ภาคแรกสุดปี 1999 ครับ โห... แค่พูดชื่อก็ขนลุกแล้วครับ เป็นหนังที่เปลี่ยนวงการหนังไซไฟไปตลอดกาลจริงๆ นะครับ

ผมเชื่อว่าหลายๆ คนที่ทันดูก็คงจะจำความรู้สึกตอนที่ได้ดูเรื่องนี้ครั้งแรกได้นะครับ มันเหมือนโดนเปิดโลกเลยทีเดียว ก่อนหน้านี้เราอาจจะคุ้นเคยกับหนังแอ็คชั่นไซไฟทั่วๆ ไป แต่ The Matrix มันมาแบบเหนือชั้นกว่านั้นเยอะมากครับ ทั้งภาพ ทั้งเนื้อหา ทั้งไอเดีย มันมาแบบจัดเต็ม จนตอนนั้นผมดูจบแล้วแบบ "เห้ย... นี่มันอะไรวะเนี่ย?" คือมันทั้งงง ทั้งทึ่ง ไปพร้อมๆ กันครับ

เริ่มต้นเรื่องมาก็ค่อยๆ ปูเรื่องราวของ "นีโอ" (คีอานู รีฟส์) ที่ใช้ชีวิตเป็นโปรแกรมเมอร์ธรรมดาๆ ในตอนกลางวัน แต่กลางคืนนี่เป็นแฮกเกอร์ชื่อดัง "โทมัส แอนเดอร์สัน" ครับ ชีวิตมันดูธรรมดา แต่ก็มีความรู้สึกแปลกๆ เหมือนมีอะไรบางอย่างที่ไม่ถูกต้องซ่อนอยู่ครับ จนกระทั่งวันหนึ่ง เขาได้เจอกับ "มอร์เฟียส" (ลอว์เรนซ์ ฟิชเบิร์น) และ "ทรินิตี้" (แครี่-แอน มอส) ที่เข้ามาเสนอทางเลือกให้ชีวิตเขา ซึ่งก็คือ "ยาเม็ดสีฟ้า" กับ "ยาเม็ดสีแดง" ครับ

ตรงนี้แหละครับ จุดเปลี่ยนของเรื่อง! การเลือกยาเม็ดสีแดงของนีโอ คือจุดเริ่มต้นของการค้นพบความจริงอันน่าตกใจว่าโลกที่เขาอยู่มาตลอดนั้น แท้จริงแล้วมันไม่ใช่โลกจริงๆ ครับ แต่มันคือ "เมทริกซ์" โปรแกรมจำลองที่สร้างขึ้นโดยเครื่องจักร เพื่อควบคุมมนุษย์ที่ถูกใช้งานเป็นแหล่งพลังงานครับ โอ้โห... แค่คิดก็ขนหัวลุกแล้วครับ

หลังจากนีโอได้หลุดพ้นจากเมทริกซ์มาแล้ว เขาก็ได้เรียนรู้ว่าโลกแห่งความเป็นจริงนั้นโหดร้ายกว่าที่คิดครับ มนุษย์ต้องต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอดจากเครื่องจักร และมอร์เฟียสเชื่อว่านีโอคือ "ผู้ถูกเลือก" ที่จะมาปลดปล่อยมนุษยชาติครับ การฝึกฝนของนีโอในโลกแห่งความเป็นจริงมันน่าสนใจมากครับ ทั้งการเรียนรู้การต่อสู้ การใช้ทักษะต่างๆ ที่เหนือมนุษย์ในโลกเมทริกซ์ ซึ่งตรงนี้แหละครับที่ทำให้เราเห็นฉากแอ็คชั่นสุดอลังการที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน

ฉากแอ็คชั่นใน The Matrix นี่คือตำนานครับ! การใช้เทคนิค "Bullet Time" ที่ทำให้ภาพเคลื่อนไหวช้าลงจนเราเห็นกระสุนลอยไปมา มันเป็นอะไรที่แบบ "ว้าว!" มากครับ ไม่เคยมีใครทำมาก่อนจริงๆ แล้วฉากต่อสู้ก็ออกแบบมาได้สุดยอดมากครับ ทั้งการใช้ศิลปะการต่อสู้ การยิงปืน การกระโดด การหลบหลีก คือมันดูสมจริง แต่ก็เหนือจริงในเวลาเดียวกันครับ ดูแล้วลืมหายใจไปเลยก็มี

แต่ The Matrix ไม่ใช่แค่หนังแอ็คชั่นนะครับ สิ่งที่ทำให้หนังเรื่องนี้มันลึกซึ้งและน่าจดจำจริงๆ คือ "ปรัชญา" ครับ หนังตั้งคำถามเกี่ยวกับธรรมชาติของความเป็นจริง การรับรู้ ความเชื่อ และอิสรภาพครับ เราถูกสอนมาตลอดว่าสิ่งที่เราเห็น สิ่งที่เราสัมผัส คือความจริง แต่ถ้าวันหนึ่งเราถูกบอกว่าสิ่งเหล่านั้นเป็นเพียงภาพลวงตา เราจะเชื่ออะไร? เราจะเป็นอิสระได้อย่างไร?

การที่นีโอต้องต่อสู้กับ "เอเย่นต์ สมิธ" (ฮิวโก้ วีฟวิ่ง) ซึ่งเป็นโปรแกรมที่คอยรักษาความสงบเรียบร้อยในเมทริกซ์ ก็เป็นสัญลักษณ์ของการต่อสู้ระหว่างมนุษย์กับระบบที่กดขี่ครับ สมิธนี่คือตัวร้ายที่น่าจดจำมากๆ ครับ ความเย็นชา ความน่ากลัว และความสามารถที่เหนือมนุษย์ของเขา ทำให้เราลุ้นระทึกไปกับนีโอทุกครั้งที่เจอหน้ากัน

ผมชอบวิธีการเล่าเรื่องของพี่น้อง Wachowskis (ผู้กำกับ) มากครับ เขาค่อยๆ เปิดเผยความจริงทีละนิด ทำให้คนดูอย่างเราค่อยๆ ซึมซับและตามทันครับ ไม่ได้ยัดเยียดข้อมูลมาแบบพรวดพราดจนตามไม่ทัน ซึ่งมันทำให้เราอินไปกับตัวละคร และรู้สึกร่วมไปกับการเดินทางของนีโอจริงๆ ครับ

องค์ประกอบอื่นๆ ของหนังก็ยอดเยี่ยมไม่แพ้กันครับ ทั้งงานภาพที่ดูดิสโทเปีย ล้ำสมัย และดนตรีประกอบที่เร้าใจ ชวนให้รู้สึกตื่นเต้นและลุ้นระทึกตลอดเวลา การออกแบบเครื่องแต่งกายของตัวละครก็มีเอกลักษณ์มากๆ ครับ ชุดหนังสีดำยาวๆ ของนีโอ ทรินิตี้ และมอร์เฟียส กลายเป็นภาพจำที่ติดตาไปทั่วโลก

สิ่งที่ผมประทับใจเป็นพิเศษอีกอย่างคือการแสดงของนักแสดงครับ คีอานู รีฟส์ ในบทนีโอ คือสมบูรณ์แบบครับ เขาถ่ายทอดความสับสน ความกลัว ความหวัง และความกล้าหาญของตัวละครได้อย่างยอดเยี่ยมมากๆ ลอว์เรนซ์ ฟิชเบิร์น ในบทมอร์เฟียส ก็ดูสง่างาม น่าเชื่อถือ และเป็นที่พึ่งให้กับนีโอได้จริงๆ ส่วนแครี่-แอน มอส ในบททรินิตี้ ก็เท่ ระเบิด! เป็นตัวละครหญิงที่แข็งแกร่งและมีบทบาทสำคัญมากๆ ในเรื่อง

ดู The Matrix จบแล้ว มันไม่ได้จบแค่ในโรงหนังนะครับ มันทำให้เรากลับมาคิดถึงชีวิตของเราเองด้วยครับ ว่าจริงๆ แล้วอะไรคือความจริง? เรากำลังใช้ชีวิตอยู่ใน "เมทริกซ์" ของตัวเองหรือเปล่า? เรามีอิสระในการเลือกจริงๆ ไหม? คำถามเหล่านี้มันวนเวียนอยู่ในหัวเราไปอีกนานครับ

สำหรับใครที่ยังไม่เคยดู The Matrix เลย ผมบอกได้เลยว่าพลาดมากๆ ครับ นี่คือหนังที่ควรค่าแก่การรับชม และถ้าใครเคยดูแล้ว ผมก็ขอแนะนำให้กลับไปดูซ้ำอีกครั้งนะครับ รับรองว่าคุณจะยังคงค้นพบอะไรใหม่ๆ หรืออาจจะอินกับมันมากขึ้นกว่าเดิมก็ได้ครับ

ผมเชื่อว่า The Matrix ไม่ใช่แค่หนังครับ แต่มันคือปรากฏการณ์ทางวัฒนธรรม ที่ส่งอิทธิพลต่อหนัง เพลง เกม และแม้กระทั่งความคิดของผู้คนมาจนถึงทุกวันนี้ครับ มันเป็นหนังที่ทำให้เราตั้งคำถามกับสิ่งที่เราเคยเชื่อ และเปิดรับความเป็นไปได้ใหม่ๆ ที่เราไม่เคยคิดถึงมาก่อน

สรุปคือ... The Matrix (1999) นี่มันโคตรเจ๋ง! ต้องดูซ้ำวนไปครับ! เป็นหนังที่ผมยกให้เป็นหนึ่งในหนังที่ยอดเยี่ยมที่สุดตลอดกาลเลยครับ ใครมีความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ยังไง มาแชร์กันได้นะครับ ยินดีรับฟังทุกคนครับผม!
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่