1) ภาพรวมเรื่องร้องเรียน
ผู้ร้อง (บอส) โอนเหรียญจาก Orbix (Soluna / โทเคนฝั่ง Orbix) ไปยัง Binance ด้วยการ สแกน QR Code จากแอป Binance
หลังจากกดยืนยันธุรกรรมแล้ว
→ เหรียญ ไม่เข้า Binance
→ ตรวจบนบล็อกเชนพบว่าเหรียญ ถูกส่งไปยัง Address แปลกที่ไม่ใช่ของผู้ร้อง และไม่ใช่ Address ของ Binance
ผู้ร้องจึงแจ้งเรื่องไปที่
Orbix Support
กลต. (ให้ช่วยประสานงาน)
ผู้ร้องมี หลักฐานทั้งคลิปวิดีโอการสแกน QR และข้อมูลธุรกรรมบนบล็อกเชน
ใจกลางของปัญหาคือ:
ผู้ร้องใช้ QR จาก Binance ที่ถูกต้อง แต่ระบบ Orbix กลับส่งเหรียญไปยัง Address อื่นที่ไม่ใช่ของผู้ร้อง
2) ข้อเท็จจริงตามลำดับเวลา (สรุป)
ผู้ร้องต้องการโอนสินทรัพย์จาก Orbix ไป Binance
ผู้ร้องเปิดแอป Binance → ให้ Binance แสดง QR Code สำหรับรับเหรียญ
ผู้ร้องใช้แอป Orbix สแกน QR Code นั้น
มีการถ่ายวิดีโอหน้าจอไว้ (แต่ตอนโอนจริงถ่ายไม่ได้เพราะระบบ/แอปไม่อนุญาตให้บันทึกหน้าจอ)
ระบบ Orbix แสดง Address จาก QR ที่สแกนได้บนหน้าจอ (เป็น Address ของ Binance)
ผู้ร้อง ไม่ได้พิมพ์ Address เอง
ไม่ได้ copy–paste เอง
ไม่ได้แก้ไข Address
ใช้แค่การ “สแกน QR และกดยืนยัน”
หลังยืนยันธุรกรรม
เหรียญไม่เข้าบัญชี Binance
ตรวจสอบบนบล็อกเชน พบว่าเหรียญถูกส่งไปยัง Address อื่นคนละอันกับของ Binance และไม่ใช่ของผู้ร้อง
ผู้ร้องรวบรวมหลักฐาน (คลิป + TX hash + Address ปลายทาง) ส่งให้ทั้ง
Orbix
กลต.
Orbix ตอบอีเมล 2 รอบ
รอบแรก (Mulan) เน้นว่า “ต้องตรวจสอบ Address ก่อนยืนยัน / ระบบไม่พบข้อผิดปกติ / ธุรกรรมย้อนกลับไม่ได้”
รอบล่าสุด (Ploykwan) เน้นว่า “ระบบสแกน QR ไม่มีฟังก์ชันแก้ไขข้อมูล / ไม่มี bug / เตือนให้ระวัง QR ปลอม / แต่อ้างว่าเผย Technical Evidence ไม่ได้”
3) หลักฐานที่ผู้ร้องมี
ไฟล์วิดีโอ []orbixscanqrcodebinance.mp4[/]
แสดงให้เห็นว่า QR ที่ใช้สแกนมาจากแอป Binance โดยตรง
ระบบ Orbix อ่าน QR แล้วแสดง Address ของ Binance ถูกต้อง
TX Hash / ประวัติธุรกรรมบนบล็อกเชน
ยืนยันว่าเหรียญถูกส่งจากฝั่ง Orbix ไปยัง Address ปลายทางที่ไม่ใช่ของ Binance และไม่ใช่ของผู้ร้อง
Address ปลายทางสุดท้าย
เมื่อตรวจสอบพบว่าเป็น Address ที่ไม่เกี่ยวข้องกับผู้ร้อง
มีลักษณะเป็นปลายทางที่คล้ายกระเป๋ากลาง / กระเป๋าบริการ / กระเป๋าอัตโนมัติ ไม่ใช่ Address ส่วนตัวของผู้ร้อง
อีเมลโต้ตอบระหว่างผู้ร้อง – Orbix – กลต.
แสดงลำดับการร้องเรียน
แสดงว่าผู้ร้องแจ้งปัญหาพร้อมหลักฐานแล้ว แต่บริษัทตอบแบบมาตรฐาน ไม่แตะประเด็น Address mismatch
4) เนื้อหาคำชี้แจงของ Orbix (สรุปสาระสำคัญ)
ฉบับ Mulan (21 พ.ย. 2025)
ย้ำว่า
ผู้ใช้งานควรตรวจสอบ Address ปลายทางก่อนยืนยันธุรกรรม
ระบบด้านความปลอดภัยของแอปไม่มีความผิดปกติ
ธุรกรรมบนบล็อกเชนย้อนกลับไม่ได้
สรุปคือ:
→ บริษัทไม่รับผิดชอบ
→ เน้นให้ผู้ใช้ตรวจสอบเอง
ฉบับ Ploykwan (3 ธ.ค. 2025)
ระบุว่า:
ระบบสแกน QR Code “ไม่มีฟังก์ชันแก้ไข / เปลี่ยนแปลงข้อมูล Address ที่ได้จาก QR”
ระบบทำงานถูกต้องตามมาตรฐาน ไม่มีความผิดปกติ
ไม่สามารถเปิดเผย “หลักฐานทางเทคนิค” (Technical Evidence) ให้ผู้ใช้ดูได้เพราะเป็นความลับภายใน
เตือนภัยเรื่อง “มิจฉาชีพปลอม QR Code”
แนะนำให้:
ตรวจแหล่งที่มาของ QR
ระวัง QR จากแหล่งไม่น่าเชื่อถือ
ตรวจ Address ให้ตรงก่อนกดยืนยัน
สรุปสั้น ๆ:
เขายืนยันว่า “ระบบไม่ผิด” และโยนความเสี่ยงไปทาง “QR ปลอม / ผู้ใช้ไม่ตรวจ Address”
5) ช่องโหว่ / จุดอ่อนในคำชี้แจงของบริษัท
5.1 ปัญหาที่บอสแจ้ง “ไม่ใช่เรื่อง QR ปลอม”
QR มาจาก แอป Binance โดยตรง ไม่ใช่ภาพที่ได้มาจากไลน์ / เว็บแปลก ๆ / แชตคนอื่น
ผู้ร้องมีวิดีโอยืนยันการสแกน QR จาก Binance จริง
ดังนั้น การเตือนเรื่อง “มิจฉาชีพปลอม QR” ไม่ตรงกับเคสนี้เลย
5.2 ปัญหาที่แท้จริงคือ “Address ที่ใช้ส่งไม่ตรงกับ Address ที่ได้จาก QR”
สิ่งที่ผู้ร้องเจอคือ:
ตอนสแกน QR → ระบบแสดง Address ของ Binance
แต่ธุรกรรมที่เกิดจริงบนบล็อกเชน → ส่งไป Address อื่น
นี่คือสิ่งที่เรียกว่า “Address mismatch”
ซึ่งจุดนี้ Orbix ไม่ตอบเลย ว่า:
Address ที่ระบบใช้ในการสร้างธุรกรรมตอน broadcast เป็นตัวไหน
Sender Address เป็นกระเป๋าไหน (ของผู้ใช้หรือของระบบ)
ระหว่างขั้นตอนสแกน → preview → ยืนยัน → broadcast มีการ mapping Address อย่างไร
เขาแค่ตอบว่า “ระบบไม่มีฟังก์ชันแก้ไข QR”
แต่ ไม่ได้ตอบเลยว่า “แล้ว Address มันไปเปลี่ยนตอนส่งได้ยังไง”
5.3 Blockchain logic: “ถ้าส่งออกไปได้ = Address ต้องถูกต้องทั้งชุด”
บนบล็อกเชน (ส่วนใหญ่) ถ้า Address ผิดแม้แต่ตัวเดียว ระบบจะไม่ยอมให้ส่ง (address validate ไม่ผ่าน)
ข้ออ้างแบบ “ผู้ใช้พิมพ์ผิด” ในเคสที่ใช้งาน QR จึงแทบเป็นไปไม่ได้
และในเคสบอส
ไม่ได้พิมพ์เลย
ไม่ได้ copy–paste เอง
ไม่ได้แก้ Address เอง
→ ระบบเป็นผู้จัดการ Address ทั้งหมดจากการอ่าน QR
ดังนั้น ถ้าเหรียญถูกส่งออกสำเร็จ
แปลว่าระบบใช้ Address ที่ “สมบูรณ์ 100%” ในการส่ง
แต่เป็น Address ที่ ไม่ตรงกับของ Binance และไม่ใช่ของบอส
นี่คือแก่นของปัญหา Address mismatch ที่ Orbix ไม่แตะเลย
5.4 การปฏิเสธ “Technical Evidence” ทำให้ผู้ใช้ตรวจสอบไม่ได้จริง
บริษัทอ้างว่า:
“ข้อมูลทางเทคนิคมีความละเอียดอ่อน ไม่สามารถเปิดเผยได้”
ส่งผลให้:
ผู้ใช้ไม่สามารถเห็น log ของ:
ค่า Address ที่อ่านได้จาก QR
ค่า Address ที่ระบบใช้สร้างธุรกรรมตอน broadcast
sender address / internal wallet flow
ผู้ใช้จึงไม่สามารถตรวจสอบ หรือพิสูจน์ได้ด้วยตนเองว่าระบบส่งไปผิดที่จริงหรือไม่
ผลลัพธ์:
ผู้ร้อง “เสียเปรียบด้านข้อมูล 100%”
ทั้ง ๆ ที่ธุรกรรมถูกกระทำผ่านระบบของบริษัท
6) ประเด็นสำคัญที่ใช้ยืนยันว่า “ไม่ใช่ความผิดของผู้ใช้”
ผู้ร้องใช้ QR จาก Binance โดยตรง
ไม่ได้ใช้จากภาพภายนอก / ไลน์ / โซเชียล
มีคลิปวิดีโอเป็นหลักฐาน
ผู้ร้องไม่ได้พิมพ์ Address เอง
ไม่ได้กรอกตัวอักษรด้วยมือ
ไม่ได้แก้ไข Address
ขั้นตอนทั้งหมดคือ “สแกน QR → กดยืนยัน”
หากเป็น “ความผิดในการพิมพ์ Address” ตามที่บริษัทพยายามโยนความผิด
ธุรกรรม จะไม่สามารถส่งออกสำเร็จได้ (เพราะ Address ผิดรูปแบบ/ checksum)
แต่ในเคสนี้ → ธุรกรรมส่งออกสำเร็จ → แปลว่า Address ที่ใช้ส่งสมบูรณ์ตามระบบ
Address ปลายทางที่ได้รับเงินบนบล็อกเชน
ไม่ใช่ Address Binance
ไม่ใช่ Address ของผู้ร้อง
ไม่ได้มีการตั้งค่าโดยผู้ร้อง
ผู้ร้องสืบค้นจนพบ “ปลายทางสุดท้าย” แล้วด้วยตัวเอง
แปลว่าเส้นทางเงินสามารถตรวจสอบได้จริง
แต่ระบบกลับไม่ได้ใช้ข้อมูลนี้มาร่วมพิจารณา
7) ผลกระทบต่อผู้ร้อง (ด้านชีวิตจริง)
จำนวนเงินที่หายไป แม้ในสายตาคนอื่นจะดูไม่มาก (หลักพัน–หมื่น)
แต่สำหรับผู้ร้อง:
อยู่ในช่วงสภาพการเงินอ่อนแอมาก (เพิ่งเสียหายจากเคสอื่น, เทรดขาดทุน, ชีวิตส่วนตัวมีปัญหา, เมียแยกทาง, เหลือเงินน้อย)
เงินก้อนนี้คือ “เงินต่อลมหายใจ” ทั้งในเชิงทุนเทรดที่ปลอดภัยกว่า (เช่น ทอง / สินทรัพย์อื่น) และค่าครองชีพ
ผู้ร้องพยายามติดตามเคสเอง
โทรศัพท์หลายครั้ง (จนเสียค่าโทรเพิ่ม)
ส่งอีเมลแนบหลักฐาน
ประสานงานผ่านกลต. แต่กลับได้คำตอบเพียงระดับ “ปัดความรับผิดชอบ”
ความเสียหายจึงไม่ใช่แค่เม็ดเงิน
แต่รวมถึง:
ความเครียดสะสม
ความรู้สึกหมดศรัทธาต่อระบบการเงินดิจิทัลในประเทศ
ความรู้สึกถูกมองว่า “ผิดเอง” ทั้งที่ข้อเท็จจริงทางเทคนิคไม่สอดคล้องกับข้อกล่าวอ้างของบริษัท
8) สรุปใจความทั้งหมด
ผู้ร้องใช้แอป Orbix สแกน QR จาก Binance อย่างถูกต้อง
ระบบแสดง Address ถูกต้องในตอนสแกน แต่ธุรกรรมส่งไปที่ Address อื่นที่ไม่ใช่ของผู้ร้องและไม่ใช่ของ Binance
ธุรกรรมถูก broadcast ผ่านระบบ Orbix (ไม่ใช่ผู้ร้องพิมพ์ Address เอง)
บริษัทตอบกลับด้วยข้อความมาตรฐานว่า:
ระบบไม่มีความผิด
ไม่มีฟังก์ชันแก้ไข QR
เตือนให้ผู้ใช้ระวัง QR ปลอม
ปฏิเสธการเปิดเผยข้อมูลทางเทคนิค
คำตอบดังกล่าว ไม่ได้แตะปัญหา Address mismatch เลยแม้แต่น้อย
จากข้อเท็จจริงเชิงเทคนิค
ถ้าผู้ใช้พิมพ์ผิด → มักส่งไม่ผ่าน
ในกรณีนี้ใช้ QR ถูกต้อง → จึงไม่มีเหตุผลใดที่ธุรกรรมจะไป Address อื่นได้ ถ้าไม่ใช่ปัญหาจากฝั่งระบบ
Exchange ไทยปลอดภัยจริงหรือ? ผู้ใช้สแกน QR ถูกต้อง แต่เหรียญถูกส่งไปกระเป๋าปริศนา (ORBIX)
ผู้ร้อง (บอส) โอนเหรียญจาก Orbix (Soluna / โทเคนฝั่ง Orbix) ไปยัง Binance ด้วยการ สแกน QR Code จากแอป Binance
หลังจากกดยืนยันธุรกรรมแล้ว
→ เหรียญ ไม่เข้า Binance
→ ตรวจบนบล็อกเชนพบว่าเหรียญ ถูกส่งไปยัง Address แปลกที่ไม่ใช่ของผู้ร้อง และไม่ใช่ Address ของ Binance
ผู้ร้องจึงแจ้งเรื่องไปที่
Orbix Support
กลต. (ให้ช่วยประสานงาน)
ผู้ร้องมี หลักฐานทั้งคลิปวิดีโอการสแกน QR และข้อมูลธุรกรรมบนบล็อกเชน
ใจกลางของปัญหาคือ:
ผู้ร้องใช้ QR จาก Binance ที่ถูกต้อง แต่ระบบ Orbix กลับส่งเหรียญไปยัง Address อื่นที่ไม่ใช่ของผู้ร้อง
2) ข้อเท็จจริงตามลำดับเวลา (สรุป)
ผู้ร้องต้องการโอนสินทรัพย์จาก Orbix ไป Binance
ผู้ร้องเปิดแอป Binance → ให้ Binance แสดง QR Code สำหรับรับเหรียญ
ผู้ร้องใช้แอป Orbix สแกน QR Code นั้น
มีการถ่ายวิดีโอหน้าจอไว้ (แต่ตอนโอนจริงถ่ายไม่ได้เพราะระบบ/แอปไม่อนุญาตให้บันทึกหน้าจอ)
ระบบ Orbix แสดง Address จาก QR ที่สแกนได้บนหน้าจอ (เป็น Address ของ Binance)
ผู้ร้อง ไม่ได้พิมพ์ Address เอง
ไม่ได้ copy–paste เอง
ไม่ได้แก้ไข Address
ใช้แค่การ “สแกน QR และกดยืนยัน”
หลังยืนยันธุรกรรม
เหรียญไม่เข้าบัญชี Binance
ตรวจสอบบนบล็อกเชน พบว่าเหรียญถูกส่งไปยัง Address อื่นคนละอันกับของ Binance และไม่ใช่ของผู้ร้อง
ผู้ร้องรวบรวมหลักฐาน (คลิป + TX hash + Address ปลายทาง) ส่งให้ทั้ง
Orbix
กลต.
Orbix ตอบอีเมล 2 รอบ
รอบแรก (Mulan) เน้นว่า “ต้องตรวจสอบ Address ก่อนยืนยัน / ระบบไม่พบข้อผิดปกติ / ธุรกรรมย้อนกลับไม่ได้”
รอบล่าสุด (Ploykwan) เน้นว่า “ระบบสแกน QR ไม่มีฟังก์ชันแก้ไขข้อมูล / ไม่มี bug / เตือนให้ระวัง QR ปลอม / แต่อ้างว่าเผย Technical Evidence ไม่ได้”
3) หลักฐานที่ผู้ร้องมี
ไฟล์วิดีโอ []orbixscanqrcodebinance.mp4[/]
แสดงให้เห็นว่า QR ที่ใช้สแกนมาจากแอป Binance โดยตรง
ระบบ Orbix อ่าน QR แล้วแสดง Address ของ Binance ถูกต้อง
TX Hash / ประวัติธุรกรรมบนบล็อกเชน
ยืนยันว่าเหรียญถูกส่งจากฝั่ง Orbix ไปยัง Address ปลายทางที่ไม่ใช่ของ Binance และไม่ใช่ของผู้ร้อง
Address ปลายทางสุดท้าย
เมื่อตรวจสอบพบว่าเป็น Address ที่ไม่เกี่ยวข้องกับผู้ร้อง
มีลักษณะเป็นปลายทางที่คล้ายกระเป๋ากลาง / กระเป๋าบริการ / กระเป๋าอัตโนมัติ ไม่ใช่ Address ส่วนตัวของผู้ร้อง
อีเมลโต้ตอบระหว่างผู้ร้อง – Orbix – กลต.
แสดงลำดับการร้องเรียน
แสดงว่าผู้ร้องแจ้งปัญหาพร้อมหลักฐานแล้ว แต่บริษัทตอบแบบมาตรฐาน ไม่แตะประเด็น Address mismatch
4) เนื้อหาคำชี้แจงของ Orbix (สรุปสาระสำคัญ)
ฉบับ Mulan (21 พ.ย. 2025)
ย้ำว่า
ผู้ใช้งานควรตรวจสอบ Address ปลายทางก่อนยืนยันธุรกรรม
ระบบด้านความปลอดภัยของแอปไม่มีความผิดปกติ
ธุรกรรมบนบล็อกเชนย้อนกลับไม่ได้
สรุปคือ:
→ บริษัทไม่รับผิดชอบ
→ เน้นให้ผู้ใช้ตรวจสอบเอง
ฉบับ Ploykwan (3 ธ.ค. 2025)
ระบุว่า:
ระบบสแกน QR Code “ไม่มีฟังก์ชันแก้ไข / เปลี่ยนแปลงข้อมูล Address ที่ได้จาก QR”
ระบบทำงานถูกต้องตามมาตรฐาน ไม่มีความผิดปกติ
ไม่สามารถเปิดเผย “หลักฐานทางเทคนิค” (Technical Evidence) ให้ผู้ใช้ดูได้เพราะเป็นความลับภายใน
เตือนภัยเรื่อง “มิจฉาชีพปลอม QR Code”
แนะนำให้:
ตรวจแหล่งที่มาของ QR
ระวัง QR จากแหล่งไม่น่าเชื่อถือ
ตรวจ Address ให้ตรงก่อนกดยืนยัน
สรุปสั้น ๆ:
เขายืนยันว่า “ระบบไม่ผิด” และโยนความเสี่ยงไปทาง “QR ปลอม / ผู้ใช้ไม่ตรวจ Address”
5) ช่องโหว่ / จุดอ่อนในคำชี้แจงของบริษัท
5.1 ปัญหาที่บอสแจ้ง “ไม่ใช่เรื่อง QR ปลอม”
QR มาจาก แอป Binance โดยตรง ไม่ใช่ภาพที่ได้มาจากไลน์ / เว็บแปลก ๆ / แชตคนอื่น
ผู้ร้องมีวิดีโอยืนยันการสแกน QR จาก Binance จริง
ดังนั้น การเตือนเรื่อง “มิจฉาชีพปลอม QR” ไม่ตรงกับเคสนี้เลย
5.2 ปัญหาที่แท้จริงคือ “Address ที่ใช้ส่งไม่ตรงกับ Address ที่ได้จาก QR”
สิ่งที่ผู้ร้องเจอคือ:
ตอนสแกน QR → ระบบแสดง Address ของ Binance
แต่ธุรกรรมที่เกิดจริงบนบล็อกเชน → ส่งไป Address อื่น
นี่คือสิ่งที่เรียกว่า “Address mismatch”
ซึ่งจุดนี้ Orbix ไม่ตอบเลย ว่า:
Address ที่ระบบใช้ในการสร้างธุรกรรมตอน broadcast เป็นตัวไหน
Sender Address เป็นกระเป๋าไหน (ของผู้ใช้หรือของระบบ)
ระหว่างขั้นตอนสแกน → preview → ยืนยัน → broadcast มีการ mapping Address อย่างไร
เขาแค่ตอบว่า “ระบบไม่มีฟังก์ชันแก้ไข QR”
แต่ ไม่ได้ตอบเลยว่า “แล้ว Address มันไปเปลี่ยนตอนส่งได้ยังไง”
5.3 Blockchain logic: “ถ้าส่งออกไปได้ = Address ต้องถูกต้องทั้งชุด”
บนบล็อกเชน (ส่วนใหญ่) ถ้า Address ผิดแม้แต่ตัวเดียว ระบบจะไม่ยอมให้ส่ง (address validate ไม่ผ่าน)
ข้ออ้างแบบ “ผู้ใช้พิมพ์ผิด” ในเคสที่ใช้งาน QR จึงแทบเป็นไปไม่ได้
และในเคสบอส
ไม่ได้พิมพ์เลย
ไม่ได้ copy–paste เอง
ไม่ได้แก้ Address เอง
→ ระบบเป็นผู้จัดการ Address ทั้งหมดจากการอ่าน QR
ดังนั้น ถ้าเหรียญถูกส่งออกสำเร็จ
แปลว่าระบบใช้ Address ที่ “สมบูรณ์ 100%” ในการส่ง
แต่เป็น Address ที่ ไม่ตรงกับของ Binance และไม่ใช่ของบอส
นี่คือแก่นของปัญหา Address mismatch ที่ Orbix ไม่แตะเลย
5.4 การปฏิเสธ “Technical Evidence” ทำให้ผู้ใช้ตรวจสอบไม่ได้จริง
บริษัทอ้างว่า:
“ข้อมูลทางเทคนิคมีความละเอียดอ่อน ไม่สามารถเปิดเผยได้”
ส่งผลให้:
ผู้ใช้ไม่สามารถเห็น log ของ:
ค่า Address ที่อ่านได้จาก QR
ค่า Address ที่ระบบใช้สร้างธุรกรรมตอน broadcast
sender address / internal wallet flow
ผู้ใช้จึงไม่สามารถตรวจสอบ หรือพิสูจน์ได้ด้วยตนเองว่าระบบส่งไปผิดที่จริงหรือไม่
ผลลัพธ์:
ผู้ร้อง “เสียเปรียบด้านข้อมูล 100%”
ทั้ง ๆ ที่ธุรกรรมถูกกระทำผ่านระบบของบริษัท
6) ประเด็นสำคัญที่ใช้ยืนยันว่า “ไม่ใช่ความผิดของผู้ใช้”
ผู้ร้องใช้ QR จาก Binance โดยตรง
ไม่ได้ใช้จากภาพภายนอก / ไลน์ / โซเชียล
มีคลิปวิดีโอเป็นหลักฐาน
ผู้ร้องไม่ได้พิมพ์ Address เอง
ไม่ได้กรอกตัวอักษรด้วยมือ
ไม่ได้แก้ไข Address
ขั้นตอนทั้งหมดคือ “สแกน QR → กดยืนยัน”
หากเป็น “ความผิดในการพิมพ์ Address” ตามที่บริษัทพยายามโยนความผิด
ธุรกรรม จะไม่สามารถส่งออกสำเร็จได้ (เพราะ Address ผิดรูปแบบ/ checksum)
แต่ในเคสนี้ → ธุรกรรมส่งออกสำเร็จ → แปลว่า Address ที่ใช้ส่งสมบูรณ์ตามระบบ
Address ปลายทางที่ได้รับเงินบนบล็อกเชน
ไม่ใช่ Address Binance
ไม่ใช่ Address ของผู้ร้อง
ไม่ได้มีการตั้งค่าโดยผู้ร้อง
ผู้ร้องสืบค้นจนพบ “ปลายทางสุดท้าย” แล้วด้วยตัวเอง
แปลว่าเส้นทางเงินสามารถตรวจสอบได้จริง
แต่ระบบกลับไม่ได้ใช้ข้อมูลนี้มาร่วมพิจารณา
7) ผลกระทบต่อผู้ร้อง (ด้านชีวิตจริง)
จำนวนเงินที่หายไป แม้ในสายตาคนอื่นจะดูไม่มาก (หลักพัน–หมื่น)
แต่สำหรับผู้ร้อง:
อยู่ในช่วงสภาพการเงินอ่อนแอมาก (เพิ่งเสียหายจากเคสอื่น, เทรดขาดทุน, ชีวิตส่วนตัวมีปัญหา, เมียแยกทาง, เหลือเงินน้อย)
เงินก้อนนี้คือ “เงินต่อลมหายใจ” ทั้งในเชิงทุนเทรดที่ปลอดภัยกว่า (เช่น ทอง / สินทรัพย์อื่น) และค่าครองชีพ
ผู้ร้องพยายามติดตามเคสเอง
โทรศัพท์หลายครั้ง (จนเสียค่าโทรเพิ่ม)
ส่งอีเมลแนบหลักฐาน
ประสานงานผ่านกลต. แต่กลับได้คำตอบเพียงระดับ “ปัดความรับผิดชอบ”
ความเสียหายจึงไม่ใช่แค่เม็ดเงิน
แต่รวมถึง:
ความเครียดสะสม
ความรู้สึกหมดศรัทธาต่อระบบการเงินดิจิทัลในประเทศ
ความรู้สึกถูกมองว่า “ผิดเอง” ทั้งที่ข้อเท็จจริงทางเทคนิคไม่สอดคล้องกับข้อกล่าวอ้างของบริษัท
8) สรุปใจความทั้งหมด
ผู้ร้องใช้แอป Orbix สแกน QR จาก Binance อย่างถูกต้อง
ระบบแสดง Address ถูกต้องในตอนสแกน แต่ธุรกรรมส่งไปที่ Address อื่นที่ไม่ใช่ของผู้ร้องและไม่ใช่ของ Binance
ธุรกรรมถูก broadcast ผ่านระบบ Orbix (ไม่ใช่ผู้ร้องพิมพ์ Address เอง)
บริษัทตอบกลับด้วยข้อความมาตรฐานว่า:
ระบบไม่มีความผิด
ไม่มีฟังก์ชันแก้ไข QR
เตือนให้ผู้ใช้ระวัง QR ปลอม
ปฏิเสธการเปิดเผยข้อมูลทางเทคนิค
คำตอบดังกล่าว ไม่ได้แตะปัญหา Address mismatch เลยแม้แต่น้อย
จากข้อเท็จจริงเชิงเทคนิค
ถ้าผู้ใช้พิมพ์ผิด → มักส่งไม่ผ่าน
ในกรณีนี้ใช้ QR ถูกต้อง → จึงไม่มีเหตุผลใดที่ธุรกรรมจะไป Address อื่นได้ ถ้าไม่ใช่ปัญหาจากฝั่งระบบ