ผมเคยคบกับผู้หญิงคนนึง ผมเจอเธอเธอทำงานกลางคืน ผมเป็นลูกค้าประจำของเธอ จนกระทั่งชอบพอกัน แล้วผมชวนเธอออกจากงานมาใช้ชีวิตด้วยกันวางแผนที่จะทำธุรกิจเพื่อให้เธอมีรายได้และไม่ต้องไปทำงานอีก แต่ชีวิตไม่ได้ง่ายแบบนั้น การทำธุรกิจต้องมีเงินทุนสำรอง จังหว่ะและเวลา ระหว่างที่ เธอออกจากงานมา ค่าใช้จ่ายส่วนตัวและค่าใช้จ่ายทางบ้าน ผมรับผิดชอบให้เธอเดือนละประมาณ 20000 กว่าบาท ไม่รวมค่ากินใช้ต่างๆ แต่เราก็ทะเลาะกันเรื่องเงินทอง หลายครั้งที่เธอทะเลาะกันกับผมออกจากบ้านไป แล้วไปยืมเงินคนอื่นมาแก้ปัญหาตัวเองในขณะขณะว่างงาน ผมกลับไปง้อเธอ แต่ทุกครั้งที่ทะเลาะส่วนใหญ่มาจากเรื่องเงิน ถ้าการโอนเงินช้า หรือรับปากว่าจะโอนเงินให้วันนี้ แต่เลทไป ไม่ตรง ก็จะมีปัญหาทุกๆครั้ง ผมตัดสินใจไม่พูดเกี่ยวกับรายได้รายรับต่างๆ เพราะผมไม่อยากจะมาทะเลาะกับเธอเรื่องเงิน หรือแม้พูดอะไรกับเธอเรื่องเงิน เพราะนั่นทำให้ทะเลาะกัน จนเธอตัดสินใจเลิกกับผมและกลับไปทำงานกลางคืน ระหว่างนั้นเธอก็ ต้องไปยืมเงินคนอื่นเพื่อใช้จ่ายในชีวิต รวมรวมประมาณ 200,000 บาท ระหว่างที่เธอทำงานเธอก็อยากคุยกับผม ผมก็ดูแลเธอในส่วนที่ดูแลได้ค่าห้อง และการใช้จ่ายเล็กๆน้อยๆ ผมบอกเธอว่าเงิน 200,000 ที่เธอไปเอาคนอื่นมา ผมรับผิดชอบให้เนื่องจากเป็นความผิดของผมที่ผมพาเธอมาใช้ชีวิต และไม่สามารถทำธุรกิจตามที่เคยวางแผนกันไว้ได้ .. ถามว่าทำไมผมเคยทะเลาะกับเธอผมบอกว่าเธอเลิกกับผมไปเธอก็ไม่ได้สนว่าผมจะอยู่ยังไง แล้วการที่เธอไปยืมกับคนอื่นมาใช้ชีวิตระหว่างเลิกกับผม ผมถือว่าเพราะว่าอาจจะไม่ต้องรับผิดชอบตรงนั้นก็ได้ แต่ที่ผมรับผิดชอบเพราะอาจจะเป็นที่ผม ที่ทำให้ชีวิตเธอต้องมาตกงาน(งานกลางคืน) และเลิกกับผมเธอก็ไม่ได้เงินทองอะไร แต่ผมไม่เคยเป็นฝ่ายขอเลิกเธอ ทุกครั้งที่มีปัญหาเธอจะยกเรื่องเงินก้อนนี้มา ตอกย้ำผมอยู่เสมอว่ายังไม่สามารถจัดการให้เธอได้ ตัวผมก็คิดอยู่เสมอว่าถ้าจัดการไปแล้ว ทำให้เธอรักผมขึ้นไหม หรือชีวิตเราสองคนจะดีขึ้นไหม จริงๆปัญหาจะอยู่ที่หน้าที่การงานของเธอ หรืออนาคตที่เธอไม่รู้จะไปทางไหน <ต่อ>
เมื่อผมคบกับผู้หญิงที่เส้นทางต่างกัน