KEY POINTS
ก.ล.ต. เร่งขยายผลจากคดี ปปง. ยึด-อายัดทรัพย์เครือข่ายอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หลังพบโยงขบวนการสแกมเมอร์ข้ามชาติ
เดินหน้าแตะเบรกการไหลเวียนทรัพย์ผิดกฎหมาย
ประสานข้อมูลเชิงลึกจาก ปปง. และผู้ประกอบธุรกิจภายใต้กำกับ เพื่อบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด
ในยุคที่อาชญากรรมทางเทคโนโลยีพัฒนาเร็วพอๆ กับนวัตกรรมทางการเงิน เครือข่ายสแกมเมอร์ข้ามชาติได้สร้างความเสียหายให้ประชาชนและระบบเศรษฐกิจไทยอย่างต่อเนื่อง หน่วยงานภาครัฐจึงต้องเร่งปรับยุทธศาสตร์ให้ทันเกมอาชญากร ทั้งในด้านการติดตามเส้นทางเงิน การยึดทรัพย์ และการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง
ล่าสุด การยึด–อายัดทรัพย์มูลค่าสูงในคดีสำคัญของ ปปง. กลายเป็นจุดตั้งต้นให้ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กระโดดเข้าขยายผลต่อทันที เพื่อสกัดความเชื่อมโยงที่อาจเกี่ยวข้องกับตลาดทุนและธุรกรรมการเงินที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแล
นายเอนก อยู่ยืน รองเลขาธิการ และโฆษก ก.ล.ต. กล่าวว่า กรณีที่ ปปง. มีการยึดและอายัดทรัพย์เครือข่ายผู้กระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ก.ล.ต. ได้ประสานส่งหนังสือถึง ปปง. เพื่อขอข้อมูลสำคัญที่จำเป็นต่อการปฏิบัติงานในด้านการตรวจสอบและกระบวนการบังคับใช้กฎหมาย
โดยข้อมูลดังกล่าวจะถูกนำมาใช้ประกอบการพิจารณาดำเนินการตามกรอบกฎหมายในส่วนที่เกี่ยวข้องกับ ก.ล.ต. ต่อไป
ทั้งนี้ ก.ล.ต. ยังมีการตรวจสอบขยายผลไปยังกรณีอื่นๆ ที่มีความเกี่ยวเนื่องกัน โดยการดำเนินงานจะเป็นไปตามหลักกฎหมายอย่างเคร่งครัด และพร้อมร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
รวมถึงการประสานงานกับผู้ประกอบธุรกิจภายใต้การกำกับดูแลของ ก.ล.ต. เพื่อให้กระบวนการบังคับใช้กฎหมายเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ หากดำเนินการแล้วเสร็จหรือมีความคืบหน้าเพิ่มเติม จะเปิดเผยให้สาธารณชนได้รับทราบต่อไป.
ก.ล.ต. ฟันแพ่งผู้กระทำผิด 8 ราย อินไซเดอร์หุ้น AIE–AI ปรับรวมกว่า 82 ล้าน
ก.ล.ต. ใช้มาตรการลงโทษทางแพ่งกับผู้กระทำความผิด 8 ราย หลังพบการขายหุ้น AIE และ AI โดยใช้ข้อมูลภายในก่อนผลประกอบการไตรมาส 1/64 ถูกเปิดเผย สั่งชำระเงินรวมกว่า 82 ล้านบาท และห้ามดำรงตำแหน่งกรรมการ–ผู้บริหาร
รายงานจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยการดำเนินคดีด้วยมาตรการลงโทษทางแพ่งกับผู้กระทำความผิด 2 กรณี รวม 8 ราย กรณีขายหุ้นบริษัท เอไอ เอ็นเนอจี จำกัด (มหาชน) (AIE) และบริษัท เอเชียน อินซูเลเตอร์ จำกัด (มหาชน) (AI) โดยเป็นบุคคลซึ่งรู้หรือครอบครองข้อมูลภายใน เปิดเผยข้อมูลภายในแก่บุคคลอื่น โดยรู้หรือควรรู้ว่าผู้รับข้อมูลอาจนำข้อมูลไปใช้ประโยชน์ในการขายหุ้น หรือช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกในการขายหุ้นดังกล่าว โดยใช้ข้อมูลภายใน แล้วแต่กรณี โดยให้ผู้กระทำผิดชำระเงินตามมาตรการลงโทษทางแพ่งรวม 9,175,395 บาท ในกรณีหุ้น AIE และ 73,721,831 บาท ในกรณีหุ้น AI รวมทั้งกำหนดระยะเวลาห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหารกับผู้กระทำความผิดทั้ง 8 ราย
โดย ก.ล.ต. ได้รับข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในปี 2564 และตรวจสอบเพิ่มเติม พบข้อเท็จจริงและพยานหลักฐาน ที่ทำให้เชื่อได้ว่า ในช่วงเดือนมีนาคม-พฤษภาคม 2564 ซึ่งเป็นช่วงเวลาก่อนที่จะมีการเปิดเผยต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ในวันที่ 12 พฤษภาคม 2564 เวลา 17.00 น. เกี่ยวกับผลการดำเนินงานในไตรมาส 1 ปี 2564 ของบริษัท เอไอ เอ็นเนอจี จำกัด (มหาชน) (AIE) และบริษัท เอเชียน อินซูเลเตอร์ จำกัด (มหาชน) (AI) ที่มีกำไรสุทธิลดลงอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับผลการดำเนินงานไตรมาสก่อนหน้าและไตรมาสเดียวกันของปี 2563 อันเป็นข้อมูลที่ส่งผลกระทบด้านลบต่อราคาหุ้น AIE และหุ้น AI มีการกระทำความผิดของผู้กระทำความผิด ดังนี้
กรณีหุ้น AIE
ในช่วงระหว่างวันที่ 15 มีนาคม-12 พฤษภาคม 2564 ผู้กระทำความผิด จำนวน 6 ราย ดังนี้
นางสาวพิมพ์วรรณ ธารีรัตนาวิบูลย์ กรรมการผู้จัดการและกรรมการของ AIE เป็นบุคคลที่รู้หรือครอบครองข้อมูลภายใน ได้ขายหุ้น AIE โดยใช้ข้อมูลภายในดังกล่าวในบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของตนเอง อันเป็นความผิดฐานขายหลักทรัพย์โดยเป็นบุคคลซึ่งรู้หรือครอบครองข้อมูลภายใน
นายณรงค์ ธารีรัตนาวิบูลย์ ประธานกรรมการและประธานกรรมการบริหารของ AIE เป็นบุคคลที่รู้หรือครอบครองข้อมูลภายในดังกล่าว ได้ติดต่อและเจรจากับบุคคลให้ไปติดต่อซื้อหุ้น AIE ในรายการการซื้อขายหลักทรัพย์รายใหญ่ (Big Lot) จากนายนพพล ธารีรัตนาวิบูลย์ ซึ่งเป็นบุตรของนายณรงค์ และนายนพพลได้ขายหุ้น AIE ในบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของตนเองจำนวนมากผิดไปจากปกติวิสัย อันเป็นความผิดฐานเปิดเผยข้อมูลภายในแก่บุคคลอื่น โดยรู้หรือควรรู้ว่าผู้รับข้อมูลอาจนำข้อมูลไปใช้ประโยชน์ในการขายหลักทรัพย์
นายนพพล ธารีรัตนาวิบูลย์ บุตรของนายนายณรงค์ ได้รับการติดต่อขอซื้อหุ้น AIE แบบ Big Lot จากบุคคลซึ่งนายณรงค์ได้ติดต่อและเจรจาให้ และนายนพพลได้ขายหุ้น AIE จำนวนมากผิดไปจากปกติวิสัยในบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของนายนพพล อันเป็นความผิดฐานขายหลักทรัพย์โดยเป็นบุคคลซึ่งรู้หรือครอบครองข้อมูลภายใน
นายโกวิท ธารีรัตนาวิบูลย์ ในฐานะตัวแทนของของ AI ซึ่งเป็นบริษัทที่ถือหุ้นใน AIE เข้าร่วมประชุมคณะกรรมการบริหารของ AIE เป็นบุคคลที่รู้หรือครอบครองข้อมูลภายใน ได้ขายหุ้น AIE โดยใช้ข้อมูลภายในดังกล่าว โดยได้ขายหุ้นของตนเองในบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของตนเองและที่อยู่ในบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของนางจารุณี วรกิจจานุวัฒน์ (มารดาของภรรยานายโกวิท) อันเป็นความผิดฐานขายหลักทรัพย์โดยเป็นบุคคลซึ่งรู้หรือครอบครองข้อมูลภายใน และน่าเชื่อว่านายโกวิทได้เปิดเผยข้อมูลภายในดังกล่าวแก่นายพงศภัค ธารีรัตนาวิบูลย์ (บุตรของนายโกวิท) และนายพงศภัคได้ขายหุ้น AIE อันเป็นความผิดฐานเปิดเผยข้อมูลภายในแก่บุคคลอื่นโดยรู้หรือควรรู้ว่าผู้รับข้อมูลอาจนำข้อมูลไปใช้ประโยชน์ในการขายหลักทรัพย์
นายพงศภัค ธารีรัตนาวิบูลย์ บุตรของนายโกวิท เป็นบุคคลที่รู้หรือครอบครองข้อมูลภายใน ได้ขายหุ้น AIE จำนวนมากผิดไปจากปกติวิสัย ในบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของตนเอง ซึ่งน่าเชื่อว่าได้รับการเปิดเผยข้อมูลภายในจากนายโกวิท (บิดาของนายพงศภัค) อันเป็นความผิดฐานขายหลักทรัพย์โดยเป็นบุคคลซึ่งรู้หรือครอบครองข้อมูลภายใน
นางจารุณี วรกิจจานุวัฒน์ มารดาของภรรยานายโกวิท ได้ยินยอมให้นายโกวิทใช้บัญชีซื้อขายหลักทรัพย์
ของตนขายหุ้น AIE โดยอาศัยข้อมูลภายในที่นายโกวิทได้ล่วงรู้มา อันเป็นความผิดฐานช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่บุคคลอื่นในการกระทำความผิด
กรณีหุ้น AI
ในระหว่างวันที่ 16 มีนาคม-12 พฤษภาคม 2564 ผู้กระทำความผิดจำนวน 3 ราย ดังนี้
นายธนิตย์ ธารีรัตนาวิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการเงินของ AI เป็นบุคคลซึ่งรู้หรือครอบครองข้อมูลภายใน ได้ขายหุ้น AI โดยใช้ข้อมูลภายในดังกล่าวในบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของตนเอง อันเป็นความผิดฐานขายหลักทรัพย์โดยเป็นบุคคลซึ่งรู้หรือครอบครองข้อมูลภายใน
นายโกวิท ธารีรัตนาวิบูลย์ กรรมการและกรรมการบริหารของ AI เป็นบุคคลซึ่งรู้หรือครอบครองข้อมูลภายใน ได้ขายหุ้น AI โดยใช้ข้อมูลภายในดังกล่าว โดยได้ขายหุ้นของตนเองในบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของตนเองและที่อยู่ในบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของนายชลสินธุ์ วรกิจจานุวัฒน์ (น้องของภรรยานายโกวิท) อันเป็นความผิดฐานขายหลักทรัพย์โดยเป็นบุคคลซึ่งรู้หรือครอบครองข้อมูลภายใน
นายชลสินธุ์ วรกิจจานุวัฒน์ น้องของภรรยานายโกวิท ได้ยินยอมให้นายโกวิทใช้บัญชีซื้อขายหลักทรัพย์
ของตนขายหุ้น AI โดยอาศัยข้อมูลภายในที่นายโกวิทได้ล่วงรู้มา อันเป็นความผิดฐานช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่บุคคลอื่นในการกระทำความผิด
การกระทำของผู้กระทำผิดทั้ง 8 ราย เป็นความผิดฐานขายหลักทรัพย์โดยเป็นบุคคลซึ่งรู้หรือครอบครองข้อมูลภายใน เปิดเผยข้อมูลภายในแก่บุคคลอื่น โดยรู้หรือควรรู้ว่าผู้รับข้อมูลอาจนำข้อมูลไปใช้ประโยชน์ในการขายหลักทรัพย์ หรือช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่บุคคลอื่นในการกระทำความผิด ตามมาตรา 242(1) ตามมาตรา 242(2) ประกอบมาตรา 243(1) มาตรา 244(3) มาตรา 315 ซึ่งมีบทกำหนดโทษตามมาตรา 296 มาตรา 296/2 และมาตรการลงโทษทางแพ่งตามมาตรา 317/4 และมาตรา 317/5 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 แล้วแต่กรณี
ทั้งนี้ เงินค่าปรับทางแพ่งและเงินค่าชดใช้คืนผลประโยชน์ที่ได้รับจากการกระทำความผิดเป็นรายได้แผ่นดินที่นำส่งกระทรวงการคลัง
ก.ล.ต. ขยายผลยึด–อายัดทรัพย์เครือข่ายสแกมเมอร์ ร่วม ปปง. อุดช่องอาชญากรรมการเงินข้ามชาติ