ปรางรู้สึกว่ามันกำลังเป็นปัญหากับชีวิตและความรู้สึกของปรางเรื่อยๆ ทำไมปรางถึงไม่อยากกลับ ปรางก็ตอบไม่ได้แน่ชัดเหมือนกันว่าทำไม
เวลามีวันหยุดยาวๆ เห็นคนอื่นๆตื่นเต้นอยากจะกลับบ้านไปเยี่ยมพ่อแม่ญาติพี่น้อง แต่สำหรับปราง ไม่เลย
ทั้งๆที่ปรางก็มี พ่อ แม่(เลี้ยง) น้องชาย(คนละแม่) ยาย(แม่ของแม่เลี้ยง) อยู่ที่นั่น แต่ปรางกลับไม่เคยรู้สึกผูกพันกับครอบครัวและบ้าน
ที่แน่ใจเรื่องนึงและคือสิ่งที่ปรางอยากจะเล่าคือ ปรางมีปัญหาซึ่งเกิดจากปมในวัยเด็ก ปรางไม่ได้อยู่กับพ่อมาตั้งแต่เด็กๆ พ่อไปทำงาน
ตปท ตั้งแต่ปรางอายุได้ 2 เดือน ปรางต้องอยู่กับแม่ ซึ่งแม่ก็ติดการพนัน บางครั้งปรางก็อยู่คนเดียว เล่นคนเดียวหรือกับเพื่อน กินบ้างอดบ้าง
ไปตามประสาเด็ก เพราะแม่ไม่ได้เฝ้าตลอดเวลา ปีถึงสองปีจะเจอพ่อครั้งนึง ซึ่งความผูกพันน้อยมาก แต่รู้อยู่ว่าเขาคือพ่อ
จนอายุ 9 ขวบ พ่อกลับมาอยู่ที่เมืองไทย ก็ส่งปรางไปอยู่กับอา ให้อาเลี้ยงอีก 3 ปี ซึ่งปรางก็ถูกเอาเปรียบจากเมียของอาและลูกพี่ลูกน้อง
ช่วงนั้นคือช่วงที่พ่อแม่ปรางเลิกกัน ปรางจบ ป.6 ปรางต้องย้ายไปอยู่กับพ่อ ซึ่งปรางไม่สนิท กับครอบครัวใหม่ของเขา ปรางปรับตัวไม่ค่อยได้
และเริ่มเป็นเด็กเก็บตัว พออยู่ ม.1 ก็ต้องเริ่มช่วยเหลือตัวเอง ซักผ้า รีดผ้า และทำงานบ้านแทบทุกอย่าง หุงข้าว ทำกับข้าวบางอย่าง
ล้างจาน กวาดบ้าน ถูบ้าน รดน้ำต้นไม้-ผักสวนครัว เสาร์-อาทิตย์ ไม่ได้ไปเที่ยวไหน ต้องขุดดินยกร่องผักเพิ่ม ผสมปุ๋ย ถางหญ้า
ทำไม่ดีเท่าที่เขาพอใจก็โดนด่า โดนตี เป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ จนปรางเริ่มโตเป็นวัยรุ่น 16-18 ก็ยังคงทำแบบนี้ แต่กติกาก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
เช่น เลิกเรียนต้องกลับบ้านไม่เกิน 5 โมงเย็น งานบ้านต้องทำให้ครบทุกวัน เสาร์-อาทิตย์ต้องอยู่บ้าน จะไปไหนต้องขอและกลับ
ตรงเวลา ถ้าสายโดนด่า โดนตี บทลงโทษยิ่งรุนแรงขึ้น จากตีก้น ตีจนแตก มาตีน่อง ตีจนแตก มาตีหัว ตีจนโน มาตบ มาเตะ มาต่อย
เวลาพ่อปรางด่า ก็ด่าด้วยถ้อยคำหยาบคาย ดูถูก เหยียดหยาม ทุกอย่างค่ะ อะไรที่คุณคิดว่าหยาบที่สุดในชีวิตที่คุณได้ยินมา นั่นแหล่ะ
ค่ะ เขาใช้ด่าปราง (แม่ปรางเสียด้วยโรคมะเร็งตอน ม.3 ปรางใจสลายเลย แม่คือคนที่ปรางสนิทที่สุด รักมากที่สุด ความรู้สึกตอนนั้น เหมือน
ปรางไม่เหลือใครแล้วจริงๆ) เขาด่าพาลไปถึงแม่ ว่าสันดานแบบนี้เพราะเชื้อแม่เมิง คงไม่มีอะไรเจ็บไปกว่านี้แล้ว เขาด่าเหมือนปรางไม่ใช่ลูก
แล้วเขาก็เคยพูดด้วยว่า "เมิงเป็นลูกกุจริงๆรึเปล่าก็ไม่รู้" ประโยคนี้มันเหมือนมีดปักที่หัวใจปรางเลย ปรางเริ่มรู้สึกว่าตัวเอง ซึมเศร้า บ้านหลัง
นี้ ไม่มีคำว่าความสุขสำหรับปรางเลย ปรางไม่กล้าพูดด้วยซ้ำว่า นี่บ้านของปราง มันไม่ใช่ที่ของปราง ปรางคือเสนียด อย่างที่พ่อเคยบอก
ตั้งแต่ ม.ปลาย การเรียนปรางตกลงเรื่อยๆ จากที่เคยอยู่ห้องคิง ปรางมั่นใจว่าปรางเป็นเด็กเรียนค่อนข้างดีมาตลอด เพราะปรางเคยใฝ่ฝันว่า
อยากจะเป็นนักการฑูต อยากทำงานต่างประเทศ อยากเอนฯเข้าคณะนี้ มหาวิทยาลัยนี้ ต้องทำให้ได้นะ แต่ปรางกลับฝันสลาย การเรียน
ของปรางตกฮวบเลยค่ะ จาก 3.5 -3.7 มาตกต่ำสุดคือ 1.09 ตอนจบม.6 ปรางไม่มีสิทธิ์ได้โควต้าอะไรเลย เห็นเพื่อนที่เคยเรียนดีมาคู่กันๆ
ได้ที่เรียนดีๆทั้งนั้น ปรางรู้สึกผิดหวัง ชีวิตปรางพัง อะไรที่ฝันไว้ มันพังครืนลงมาหมด ปรางอยากฆ่าตัวตาย ปรางนอนร้องไห้ทุกคืน ปรางคิดถึงแม่
ทุกคืน ปรางภาวนาแทบทุกคืนว่า ขอให้แม่มาเข้าฝัน มาหา มายังไงก็ได้ มาเอาปรางไปอยู่ก็ได้ เพ้อแบบลมๆแล้งๆ เพราะอยากใกล้ชิดแม่ให้มากที่สุด
ปรางลืมบอกไปค่ะ ตอนแม่ปรางเสีย ปรางไม่รู้ด้วยซ้ำ เพราะแม่สั่งเสียญาติว่าไม่ให้บอก กลัวปรางไม่เป็นอันทำอะไร เพราะตอนที่แม่ป่วย
เป็นมะเร็งระยะสุดท้าย ปรางกำลังจะบวชภาคฤดูร้อน เราได้โทรคุยกัน ปรางบอกปรางกำลังจะบวชเณรนะ จู่ๆแม่ก็ร้องไห้ เกิดมาปราง
ไม่เคยเห็นหรือได้ยินแม่ร้องไห้ ปรางงงมาก แล้วแม่ก็บอกว่า ดีแล้ว บวชเถอะลูก ตั้งใจล่ะ ปรางไม่อยากจะเชื่อว่า นั่นคือประโยค
สุดท้ายที่ปรางได้ยินจากแม่ หลังจากนั้นหลายเดือนปรางฝันว่าแม่เสีย ปรางตกใจตื่นและกลัวมาก และไม่กี่อาทิตย์ น้าสาวโทรมาหา
พ่อและบอกว่า แม่ปรางเสียแล้ว เสียนานแล้ว อยากให้ปรางไปไหว้แม่ ปรางอยากบอกว่า ตอนปรางเห็นรูปแม่ ปรางอยากตายไปเสียตรงนั้น
ปรางร้องไห้จนอยากควักลูกตาออกมา ใจปรางสลายไม่มีชิ้นดี ทำไมมันต้องเกิดเรื่องอะไรแบบนี้กับปราง ปรางไม่ได้มาแม้แต่งานศพ
แม่ตัวเอง ปรางไม่มีโอกาสกอดแม่ครั้งสุดท้าย ปรางยังไม่ได้บอกรักแม่จริงๆเลย ทำไมๆๆๆๆๆๆ ปรางเกลียดทุกคน เกลียดๆๆๆๆ
เกลียดตัวเองด้วยค่ะ เกลียดชีวิตบัดซบแบบนี้ นั่นคือเหตุผลว่าทำไมการเรียนปรางเริ่มตก มีอาการซึมเศร้า อยากฆ่าตัวตาย
แล้วยิ่งเวลาทะเลาะกับพ่อ (จริงๆปรางไม่เคยตอบโต้อะไรพ่อเลยนะค่ะ เขาด่าก็ยืนฟังนิ่งๆ รับมือรับเท้าไป เหมือนในใจ
คิดว่า พ่ออยากทำอะไรก็เอาเลย เต็มที่) และสุดท้ายพ่อก็ต้องวนมาเรื่องแม่ มาโทษแม่ มาด่าแม่ ทั้งๆที่แม่ตายไปแล้ว
ก็เห็นว่าเราเสียใจทั้งคู่ ทุกวันนี้ 21 ปีแล้ว ที่แม่จากปรางไป เวลาปรางคิดถึงแม่ ปรางก็ยังร้องไห้เหมือนเด็กอยู่เลย
(ตอนที่ปรางพิมพ์อยู่นี่ ก็กำลังร้องไห้อยู่นะ)
หลังจากจบ ม.6 ไปเรียนที่กรุงเทพ พ่อก็ตามมาเอาเรื่องปรางอีก กับความผิดเล็กๆน้อยๆ คือปรางไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันคือความผิด
เพราะปรางเก็บเงินซื้อหนังสือศิลปินนักร้องต่างประเทศมาอ่าน เก็บเงินเอง แต่พ่อไม่ชอบ แล้วก็เจอหนังสือเกย์ (ปรางเป็นเกย์
จริงๆไม่ได้เกี่ยวกับพ่อนะ ปรางรู้สึกชอบผู้ชายมาตั้งแต่จำความได้แล้ว เคยถูก abuse ตอน 4-5 ขวบด้วย คนงานที่ร้านอา
เอาอวัยวะเพศของเขาใส่ปากปราง ปรางกลัวมาก แต่ไม่กล้าบอกใคร แต่เขาก็ไม่กล้าทำอีกนะ คงกลัวปรางเอาไปบอกอา จนลาออกไป
ก็ถือว่าโชคดีสำหรับปรางส่วนนึง) พ่อก็โมโหมาก เอาสันหนังสือตบหน้า ตีหัวปราง แล้วก็ประจานทั้งบ้านเลย ว่าปรางเป็นพวกวิปริตผิดเพศ
ปรางอายมาก ปรางไม่เคยบอกใคร ไม่ได้แสดงออกให้ใครเห็น ปรางไม่รู้จะอยู่ยังไง ปรางเลยหนีออกจากบ้าน หนีถึง 2 ครั้ง ครั้งที่ 2 หนีมาได้
6 ปี สรุปที่ผ่านมา ปรางไม่มีอะไรผูกพันหรือมีความรู้สึกดีๆอะไรเกิดขึ้นระหว่างปรางกับพ่อเลย เพิ่งมามีความรู้สึกดีๆ แต่ก็ไม่ได้ลึกซึ้งอะไร
ตอนปรางทำงานและย่างเข้า 30 นี่เอง ตอนนี้พ่อพยายามส่งสัญญาณเหมือนอยากให้ปรางกลับบ้านบ่อยๆ ปรางก็กลับบ้างนะ แต่น้อย
ปีนึง 2-5 ครั้ง มีวันเกิดพ่อปีที่แล้ว ปรางส่งไลน์ไปอวยพร (พ่อไม่ชอบแสดงออก ปรางก็เลยไม่ได้ถูกปลูกฝังให้แสดงออกในเรื่องการแสดง
ความรักต่อกันในครอบครัว) ประโยคนึงบอกว่า ขอให้สมปรารถนา พ่อตอบกลับมาว่า งั้นขอให้ปรางกลับบ้านมาเจอกัน
หวังว่าคงสมปรารถนานะ ปรางอ่านปรางก็ดีใจนะ นี่คงเป็นประโยคที่ sweet ที่สุดในชีวิตที่ปรางเคยได้จากพ่อแล้วล่ะค่ะ ปรางก็กลับไปนะ
ไปกินข้าวกัน ทั้งหมด อีกเรื่องที่ปรางโชคดีมาก ปรางมีแม่เลี้ยงที่ดีมาก ปรางไม่เคยมีปัญหาอะไรกับเขาเลย เขาคอยห้ามพ่อด้วยซ้ำ
แต่ไม่มีใครห้ามพ่อได้
สิ่งที่ปรางอยากจะเข้าใจตัวเอง คือ ปรางจะทำยังไงดี ให้เกิดความรู้สึกที่ดีกับครอบครัวให้มากกว่านี้ บอกตรงๆกลับไปบ้าน
ปรางก็ไม่ได้มีความสุขเพิ่มขึ้นนะ ชอบอยู่คนเดียวมากกว่า ปรางเลยเป็นคนสันโดษไปเลย ชอบอยู่คนเดียว เคยมีแฟน
ก็ไม่ชอบที่จะอยู่ด้วยกัน อาจจะเป็นเพราะปรางโตมาด้วยตัวเอง ตัวคนเดียวตลอดทั้งชีวิตเลยมั๊ง แต่มันอิสระดี มันเป็นความอิสระ
ที่ปรางโหยหามาตั้งแต่เด็ก ปรางไม่รู้ว่าปรางจะแก้ไขมันยังไงดี ปรางรักพ่อนะค่ะ เหมือนลูกคนนึงรักนั่นแหล่ะ ถ้าปรางต้องเสียเขาไปซักวัน
ปรางรู้เลยว่าปรางต้องเสียใจมากๆเช่นกัน แต่ความผูกพันทำไมมันกลับไม่มี ปรางควรจะไปหาจิตแพทย์หรือนักสะกดจิตดีมั๊ยค่ะ
เขาจะช่วยปรางได้มั๊ย มีใครแนะนำปรางได้บ้าง ถ้าวันนึงพ่อปรางจากไปจริงๆ ปรางก็อยากที่จะดูแลและไปมาหาสู่กับแม่เลี้ยงอยู่นะ
เพราะเขาก็ดีกับปราง ไม่เคยรังเกียจปราง และเขาก็ยังเป็นแม่ของน้องปราง อย่างน้อยก็พ่อเดียวกัน ปรางไม่อยากเป็นคนรู้สึกด้านชา
ถ้าพ่อแม่ท่านไหนได้อ่านเรื่องราวของปราง หวังว่ามันคงจะเตือนใจคุณได้บ้างไม่มากก็น้อยนะค่ะ ว่าคุณควรจะเลี้ยงลูกแบบไหน
ตึงไปก็ไม่ดี หย่อนไปก็ไม่ดี ต้องพอดี สายกลาง เลี้ยงลูก ไม่ควรเป็นแค่พ่อแม่อย่างเดียว ควรเป็นพี่เป็นน้อง ควรเป็นเพื่อนกับเขา
ได้ด้วย พ่อแม่ควรเป็นทั้งที่แรกและที่สุดท้าย ที่เมื่อลูกคุณมีปัญหา เขาพร้อมที่จะเข้าหาคุณเพื่อให้คุณช่วยเหลือ อย่าเป็นแบบ
ครอบครัวปราง ที่เมื่อปรางมีปัญหา ปรางต้องแก้ปัญหานั้นเอง ถ้าแก้ไขไม่ได้ ก็ต้องจมอยู่กับมัน อย่าทำร้ายเขาด้วยสิ่งที่คุณอาจจะคิด
ไปเองว่า คุณกำลังหวังดี ปรางไม่อยากให้ครอบครัวคุณพังเหมือนปรางหรือยิ่งกว่าปราง
ขอบคุณที่เสียเวลาอ่านนะคะ แต่ปรางคิดว่ามันอาจจะมีประโยชน์สำหรับพ่อแม่ที่มีลูกน้อย ทักทายคอมเม็นท์กันได้ค่ะ😊🙏
นี่คงเป็นเหตุผลที่ปราง . . .ไม่อยากกลับบ้าน อยากแชร์ให้พ่อแม่ที่กำลังมีลูกน้อย ได้อ่าน
เวลามีวันหยุดยาวๆ เห็นคนอื่นๆตื่นเต้นอยากจะกลับบ้านไปเยี่ยมพ่อแม่ญาติพี่น้อง แต่สำหรับปราง ไม่เลย
ทั้งๆที่ปรางก็มี พ่อ แม่(เลี้ยง) น้องชาย(คนละแม่) ยาย(แม่ของแม่เลี้ยง) อยู่ที่นั่น แต่ปรางกลับไม่เคยรู้สึกผูกพันกับครอบครัวและบ้าน
ที่แน่ใจเรื่องนึงและคือสิ่งที่ปรางอยากจะเล่าคือ ปรางมีปัญหาซึ่งเกิดจากปมในวัยเด็ก ปรางไม่ได้อยู่กับพ่อมาตั้งแต่เด็กๆ พ่อไปทำงาน
ตปท ตั้งแต่ปรางอายุได้ 2 เดือน ปรางต้องอยู่กับแม่ ซึ่งแม่ก็ติดการพนัน บางครั้งปรางก็อยู่คนเดียว เล่นคนเดียวหรือกับเพื่อน กินบ้างอดบ้าง
ไปตามประสาเด็ก เพราะแม่ไม่ได้เฝ้าตลอดเวลา ปีถึงสองปีจะเจอพ่อครั้งนึง ซึ่งความผูกพันน้อยมาก แต่รู้อยู่ว่าเขาคือพ่อ
จนอายุ 9 ขวบ พ่อกลับมาอยู่ที่เมืองไทย ก็ส่งปรางไปอยู่กับอา ให้อาเลี้ยงอีก 3 ปี ซึ่งปรางก็ถูกเอาเปรียบจากเมียของอาและลูกพี่ลูกน้อง
ช่วงนั้นคือช่วงที่พ่อแม่ปรางเลิกกัน ปรางจบ ป.6 ปรางต้องย้ายไปอยู่กับพ่อ ซึ่งปรางไม่สนิท กับครอบครัวใหม่ของเขา ปรางปรับตัวไม่ค่อยได้
และเริ่มเป็นเด็กเก็บตัว พออยู่ ม.1 ก็ต้องเริ่มช่วยเหลือตัวเอง ซักผ้า รีดผ้า และทำงานบ้านแทบทุกอย่าง หุงข้าว ทำกับข้าวบางอย่าง
ล้างจาน กวาดบ้าน ถูบ้าน รดน้ำต้นไม้-ผักสวนครัว เสาร์-อาทิตย์ ไม่ได้ไปเที่ยวไหน ต้องขุดดินยกร่องผักเพิ่ม ผสมปุ๋ย ถางหญ้า
ทำไม่ดีเท่าที่เขาพอใจก็โดนด่า โดนตี เป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ จนปรางเริ่มโตเป็นวัยรุ่น 16-18 ก็ยังคงทำแบบนี้ แต่กติกาก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
เช่น เลิกเรียนต้องกลับบ้านไม่เกิน 5 โมงเย็น งานบ้านต้องทำให้ครบทุกวัน เสาร์-อาทิตย์ต้องอยู่บ้าน จะไปไหนต้องขอและกลับ
ตรงเวลา ถ้าสายโดนด่า โดนตี บทลงโทษยิ่งรุนแรงขึ้น จากตีก้น ตีจนแตก มาตีน่อง ตีจนแตก มาตีหัว ตีจนโน มาตบ มาเตะ มาต่อย
เวลาพ่อปรางด่า ก็ด่าด้วยถ้อยคำหยาบคาย ดูถูก เหยียดหยาม ทุกอย่างค่ะ อะไรที่คุณคิดว่าหยาบที่สุดในชีวิตที่คุณได้ยินมา นั่นแหล่ะ
ค่ะ เขาใช้ด่าปราง (แม่ปรางเสียด้วยโรคมะเร็งตอน ม.3 ปรางใจสลายเลย แม่คือคนที่ปรางสนิทที่สุด รักมากที่สุด ความรู้สึกตอนนั้น เหมือน
ปรางไม่เหลือใครแล้วจริงๆ) เขาด่าพาลไปถึงแม่ ว่าสันดานแบบนี้เพราะเชื้อแม่เมิง คงไม่มีอะไรเจ็บไปกว่านี้แล้ว เขาด่าเหมือนปรางไม่ใช่ลูก
แล้วเขาก็เคยพูดด้วยว่า "เมิงเป็นลูกกุจริงๆรึเปล่าก็ไม่รู้" ประโยคนี้มันเหมือนมีดปักที่หัวใจปรางเลย ปรางเริ่มรู้สึกว่าตัวเอง ซึมเศร้า บ้านหลัง
นี้ ไม่มีคำว่าความสุขสำหรับปรางเลย ปรางไม่กล้าพูดด้วยซ้ำว่า นี่บ้านของปราง มันไม่ใช่ที่ของปราง ปรางคือเสนียด อย่างที่พ่อเคยบอก
ตั้งแต่ ม.ปลาย การเรียนปรางตกลงเรื่อยๆ จากที่เคยอยู่ห้องคิง ปรางมั่นใจว่าปรางเป็นเด็กเรียนค่อนข้างดีมาตลอด เพราะปรางเคยใฝ่ฝันว่า
อยากจะเป็นนักการฑูต อยากทำงานต่างประเทศ อยากเอนฯเข้าคณะนี้ มหาวิทยาลัยนี้ ต้องทำให้ได้นะ แต่ปรางกลับฝันสลาย การเรียน
ของปรางตกฮวบเลยค่ะ จาก 3.5 -3.7 มาตกต่ำสุดคือ 1.09 ตอนจบม.6 ปรางไม่มีสิทธิ์ได้โควต้าอะไรเลย เห็นเพื่อนที่เคยเรียนดีมาคู่กันๆ
ได้ที่เรียนดีๆทั้งนั้น ปรางรู้สึกผิดหวัง ชีวิตปรางพัง อะไรที่ฝันไว้ มันพังครืนลงมาหมด ปรางอยากฆ่าตัวตาย ปรางนอนร้องไห้ทุกคืน ปรางคิดถึงแม่
ทุกคืน ปรางภาวนาแทบทุกคืนว่า ขอให้แม่มาเข้าฝัน มาหา มายังไงก็ได้ มาเอาปรางไปอยู่ก็ได้ เพ้อแบบลมๆแล้งๆ เพราะอยากใกล้ชิดแม่ให้มากที่สุด
ปรางลืมบอกไปค่ะ ตอนแม่ปรางเสีย ปรางไม่รู้ด้วยซ้ำ เพราะแม่สั่งเสียญาติว่าไม่ให้บอก กลัวปรางไม่เป็นอันทำอะไร เพราะตอนที่แม่ป่วย
เป็นมะเร็งระยะสุดท้าย ปรางกำลังจะบวชภาคฤดูร้อน เราได้โทรคุยกัน ปรางบอกปรางกำลังจะบวชเณรนะ จู่ๆแม่ก็ร้องไห้ เกิดมาปราง
ไม่เคยเห็นหรือได้ยินแม่ร้องไห้ ปรางงงมาก แล้วแม่ก็บอกว่า ดีแล้ว บวชเถอะลูก ตั้งใจล่ะ ปรางไม่อยากจะเชื่อว่า นั่นคือประโยค
สุดท้ายที่ปรางได้ยินจากแม่ หลังจากนั้นหลายเดือนปรางฝันว่าแม่เสีย ปรางตกใจตื่นและกลัวมาก และไม่กี่อาทิตย์ น้าสาวโทรมาหา
พ่อและบอกว่า แม่ปรางเสียแล้ว เสียนานแล้ว อยากให้ปรางไปไหว้แม่ ปรางอยากบอกว่า ตอนปรางเห็นรูปแม่ ปรางอยากตายไปเสียตรงนั้น
ปรางร้องไห้จนอยากควักลูกตาออกมา ใจปรางสลายไม่มีชิ้นดี ทำไมมันต้องเกิดเรื่องอะไรแบบนี้กับปราง ปรางไม่ได้มาแม้แต่งานศพ
แม่ตัวเอง ปรางไม่มีโอกาสกอดแม่ครั้งสุดท้าย ปรางยังไม่ได้บอกรักแม่จริงๆเลย ทำไมๆๆๆๆๆๆ ปรางเกลียดทุกคน เกลียดๆๆๆๆ
เกลียดตัวเองด้วยค่ะ เกลียดชีวิตบัดซบแบบนี้ นั่นคือเหตุผลว่าทำไมการเรียนปรางเริ่มตก มีอาการซึมเศร้า อยากฆ่าตัวตาย
แล้วยิ่งเวลาทะเลาะกับพ่อ (จริงๆปรางไม่เคยตอบโต้อะไรพ่อเลยนะค่ะ เขาด่าก็ยืนฟังนิ่งๆ รับมือรับเท้าไป เหมือนในใจ
คิดว่า พ่ออยากทำอะไรก็เอาเลย เต็มที่) และสุดท้ายพ่อก็ต้องวนมาเรื่องแม่ มาโทษแม่ มาด่าแม่ ทั้งๆที่แม่ตายไปแล้ว
ก็เห็นว่าเราเสียใจทั้งคู่ ทุกวันนี้ 21 ปีแล้ว ที่แม่จากปรางไป เวลาปรางคิดถึงแม่ ปรางก็ยังร้องไห้เหมือนเด็กอยู่เลย
(ตอนที่ปรางพิมพ์อยู่นี่ ก็กำลังร้องไห้อยู่นะ)
หลังจากจบ ม.6 ไปเรียนที่กรุงเทพ พ่อก็ตามมาเอาเรื่องปรางอีก กับความผิดเล็กๆน้อยๆ คือปรางไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันคือความผิด
เพราะปรางเก็บเงินซื้อหนังสือศิลปินนักร้องต่างประเทศมาอ่าน เก็บเงินเอง แต่พ่อไม่ชอบ แล้วก็เจอหนังสือเกย์ (ปรางเป็นเกย์
จริงๆไม่ได้เกี่ยวกับพ่อนะ ปรางรู้สึกชอบผู้ชายมาตั้งแต่จำความได้แล้ว เคยถูก abuse ตอน 4-5 ขวบด้วย คนงานที่ร้านอา
เอาอวัยวะเพศของเขาใส่ปากปราง ปรางกลัวมาก แต่ไม่กล้าบอกใคร แต่เขาก็ไม่กล้าทำอีกนะ คงกลัวปรางเอาไปบอกอา จนลาออกไป
ก็ถือว่าโชคดีสำหรับปรางส่วนนึง) พ่อก็โมโหมาก เอาสันหนังสือตบหน้า ตีหัวปราง แล้วก็ประจานทั้งบ้านเลย ว่าปรางเป็นพวกวิปริตผิดเพศ
ปรางอายมาก ปรางไม่เคยบอกใคร ไม่ได้แสดงออกให้ใครเห็น ปรางไม่รู้จะอยู่ยังไง ปรางเลยหนีออกจากบ้าน หนีถึง 2 ครั้ง ครั้งที่ 2 หนีมาได้
6 ปี สรุปที่ผ่านมา ปรางไม่มีอะไรผูกพันหรือมีความรู้สึกดีๆอะไรเกิดขึ้นระหว่างปรางกับพ่อเลย เพิ่งมามีความรู้สึกดีๆ แต่ก็ไม่ได้ลึกซึ้งอะไร
ตอนปรางทำงานและย่างเข้า 30 นี่เอง ตอนนี้พ่อพยายามส่งสัญญาณเหมือนอยากให้ปรางกลับบ้านบ่อยๆ ปรางก็กลับบ้างนะ แต่น้อย
ปีนึง 2-5 ครั้ง มีวันเกิดพ่อปีที่แล้ว ปรางส่งไลน์ไปอวยพร (พ่อไม่ชอบแสดงออก ปรางก็เลยไม่ได้ถูกปลูกฝังให้แสดงออกในเรื่องการแสดง
ความรักต่อกันในครอบครัว) ประโยคนึงบอกว่า ขอให้สมปรารถนา พ่อตอบกลับมาว่า งั้นขอให้ปรางกลับบ้านมาเจอกัน
หวังว่าคงสมปรารถนานะ ปรางอ่านปรางก็ดีใจนะ นี่คงเป็นประโยคที่ sweet ที่สุดในชีวิตที่ปรางเคยได้จากพ่อแล้วล่ะค่ะ ปรางก็กลับไปนะ
ไปกินข้าวกัน ทั้งหมด อีกเรื่องที่ปรางโชคดีมาก ปรางมีแม่เลี้ยงที่ดีมาก ปรางไม่เคยมีปัญหาอะไรกับเขาเลย เขาคอยห้ามพ่อด้วยซ้ำ
แต่ไม่มีใครห้ามพ่อได้
สิ่งที่ปรางอยากจะเข้าใจตัวเอง คือ ปรางจะทำยังไงดี ให้เกิดความรู้สึกที่ดีกับครอบครัวให้มากกว่านี้ บอกตรงๆกลับไปบ้าน
ปรางก็ไม่ได้มีความสุขเพิ่มขึ้นนะ ชอบอยู่คนเดียวมากกว่า ปรางเลยเป็นคนสันโดษไปเลย ชอบอยู่คนเดียว เคยมีแฟน
ก็ไม่ชอบที่จะอยู่ด้วยกัน อาจจะเป็นเพราะปรางโตมาด้วยตัวเอง ตัวคนเดียวตลอดทั้งชีวิตเลยมั๊ง แต่มันอิสระดี มันเป็นความอิสระ
ที่ปรางโหยหามาตั้งแต่เด็ก ปรางไม่รู้ว่าปรางจะแก้ไขมันยังไงดี ปรางรักพ่อนะค่ะ เหมือนลูกคนนึงรักนั่นแหล่ะ ถ้าปรางต้องเสียเขาไปซักวัน
ปรางรู้เลยว่าปรางต้องเสียใจมากๆเช่นกัน แต่ความผูกพันทำไมมันกลับไม่มี ปรางควรจะไปหาจิตแพทย์หรือนักสะกดจิตดีมั๊ยค่ะ
เขาจะช่วยปรางได้มั๊ย มีใครแนะนำปรางได้บ้าง ถ้าวันนึงพ่อปรางจากไปจริงๆ ปรางก็อยากที่จะดูแลและไปมาหาสู่กับแม่เลี้ยงอยู่นะ
เพราะเขาก็ดีกับปราง ไม่เคยรังเกียจปราง และเขาก็ยังเป็นแม่ของน้องปราง อย่างน้อยก็พ่อเดียวกัน ปรางไม่อยากเป็นคนรู้สึกด้านชา
ถ้าพ่อแม่ท่านไหนได้อ่านเรื่องราวของปราง หวังว่ามันคงจะเตือนใจคุณได้บ้างไม่มากก็น้อยนะค่ะ ว่าคุณควรจะเลี้ยงลูกแบบไหน
ตึงไปก็ไม่ดี หย่อนไปก็ไม่ดี ต้องพอดี สายกลาง เลี้ยงลูก ไม่ควรเป็นแค่พ่อแม่อย่างเดียว ควรเป็นพี่เป็นน้อง ควรเป็นเพื่อนกับเขา
ได้ด้วย พ่อแม่ควรเป็นทั้งที่แรกและที่สุดท้าย ที่เมื่อลูกคุณมีปัญหา เขาพร้อมที่จะเข้าหาคุณเพื่อให้คุณช่วยเหลือ อย่าเป็นแบบ
ครอบครัวปราง ที่เมื่อปรางมีปัญหา ปรางต้องแก้ปัญหานั้นเอง ถ้าแก้ไขไม่ได้ ก็ต้องจมอยู่กับมัน อย่าทำร้ายเขาด้วยสิ่งที่คุณอาจจะคิด
ไปเองว่า คุณกำลังหวังดี ปรางไม่อยากให้ครอบครัวคุณพังเหมือนปรางหรือยิ่งกว่าปราง
ขอบคุณที่เสียเวลาอ่านนะคะ แต่ปรางคิดว่ามันอาจจะมีประโยชน์สำหรับพ่อแม่ที่มีลูกน้อย ทักทายคอมเม็นท์กันได้ค่ะ😊🙏