เวลาเราเล่าเรื่องอวกาศยุคสงครามเย็น คนส่วนใหญ่จะจำภาพ Neil Armstrong ก้าวลงบนดวงจันทร์แล้วพูดว่า One Small Step for Man เป็นสโลแกนอมตะของฝั่งอเมริกา ส่วนฝั่งรัสเซียก็มีคำศักดิ์สิทธิ์ไม่แพ้กัน แค่ฟังผ่าน ๆ อาจมีคนไทยบางคนสะดุ้งเบา ๆ นั่นก็คือคำว่า “ไป-

-กะ-หรี่” นั่นเอง ซึ่งนี่เป็นคำพูดที่พูดออกมาจากปากของ Yuri Gagarin มนุษย์คนแรกที่ได้เดินทางสู่อวกาศในปี 1961 แต่ที่เขาพูดเช่นนั้นไม่ใช่เพราะเขาจะทำแบบนั้นจริง ๆ แต่มันคือคำภาษารัสเซียต่างหาก

Yuri Gagarin และ Sergei Korolev บิดาแห่งอวกาศรัสเซีย ก่อนเที่ยวบินแรกของ Gagarin ที่มา – Roscosmos
“Поехали!” หรือ “ปา-เย-คา-ลี” อ่านเร็ว ๆ สำหรับหูไทยอาจกลายเป็น “ไป–

–กะ–หรี่” ได้จริง แต่ความจริงแล้วมันแปลว่า “ไปกันเลย” หรือ “ลุย!” แบบที่คนรัสเซียใช้เวลาออกเดินทาง เอารถออกถนน หรือขับแทรกเตอร์พุ่งเข้าทุ่งข้าวสาลีในหนังสือ Propaganda เป็นตัวแทนของการใช้พลังสร้างชาติในสไตล์สังคมนิยม แต่วันที่มันถูกตรึงไว้ในประวัติศาสตร์ คือวันที่ Yuri Gagarin พูดมันก่อนที่ยานอวกาศ Vostok 1 จะจุดเครื่องส่งเขาขึ้นสู่อวกาศในวันที่ 12 เมษายน 1961

วิดีโอตอนที่ Gagarin บินขึ้นในภารกิจ Vostok 1 ที่ทำให้เขาเป็นมนุษย์คนแรกในอวกาศ
ภาษารัสเซียมีระบบเสียงที่เวลาออกเร็ว ๆ По-е-Ха-Ли = ปา–เย–คา–ลิ สำหรับหูไทยเลย “เข้าใจผิดอย่างซื่อ ๆ” ว่าเป็นคำหยาบ ซึ่งนี่เองถ้าเรามีความเป็นสเปซทีเอชมันคือโอกาสทองในการเล่าเรื่องวัฒนธรรมอวกาศผ่านความเกรียน
สิ่งที่คนส่วนใหญ่ไม่เคยรู้คือ Поехали ไม่ได้อยู่ในคู่มือ ไม่ได้อยู่ใน Checklist และไม่ได้เป็นวลีที่สั่งให้พูด มันคือคำพูดสด ๆ จากปากคนหนุ่มอายุ 27 ปี พร้อมพลังอันเต็มเปลี่ยม ที่กำลังจะกลายเป็นมนุษย์คนแรกในประวัติศาสตร์ที่ออกจากโลกจริง ๆ ตั้งแต่อารยธรรมของเราเกิดขึ้นมาบนโลก
ความ “สด” นี้เองที่ทำให้มันกลายเป็นวลีที่ทรงพลัง เพราะมันสั้น กระชับ มีพลังงานแบบคนจริง ไม่ใช่ประโยคที่นักเขียนสคริปต์คิดมาไว้ให้พูด และไม่ใช่ข้อความเชิงปรัชญาแบบฝั่งอเมริกา แต่คือคำพูดที่สะท้อนความเป็นโซเวียตเร็ว ตรง เล่นใหญ่ และโรแมนติกกับเทคโนโลยีในแบบของตัวเอง จากวินาทีนั้น คำว่า Поехали ก็ไม่ใช่คำธรรมดาอีกต่อไป มันกลายเป็น สัญลักษณ์ของการไปข้างหน้าอย่างไม่หันหลังกลับแบบโซเวียต
จากคำพูดบนวิทยุ สู่เลือดเนื้อของวัฒนธรรมอวกาศ
โซเวียตรู้ทันทีว่าคำนี้ “ขายได้” ภาพโปสเตอร์ยุค 60–70 จึงเต็มไปด้วย Gagarin ในชุดส้มยืนเชิดหน้า พร้อมตัวอักษร ПОЕХАЛИ! แบบฟอนต์หนา ๆ สีแดงฟาดตา วางคู่กับจรวด R-7 ที่ถูกวาดให้ดูเหมือนสัญลักษณ์แห่งยุคใหม่ของมนุษยชาติ ถ้าอเมริกามีวลีที่สร้างภาพความเป็นฮีโร่เชิงปรัชญา โซเวียตก็มีคำที่ทำให้คนรู้สึกว่าการสำรวจอวกาศเป็นเรื่องของประชาชน งานเผด็จการคอมมิวนิสต์ก็ยังแอบโรแมนติกได้ถ้ามีคนถูกยกย่องพอ หลังจากนั้น Поехали ก็โผล่ไปทุกที่ ตั้งแต่ปกนิตยสารวิทยาศาสตร์ หนังสือเรียน สติกเกอร์บนรถบัสของ Baikonur การแปรอักษรมนุษย์ ไปจนถึงยุคปัจจุบันมันก็ยังกลายมาเป็นมีมได้ด้วย

มีอีกหลายคำที่ถูกใช้บนโปสเตอร์ยุคอวกาศ เช่น Вперёд к звёздам! “สู่ดวงดาว!” หรือ Слава героям космоса! “เกียรติยศแด่ผู้กล้าแห่งอวกาศ!” หรือที่เราชอบมากอันหนึ่งเลยก็คือ СССР – Родина космонавтики! “สหภาพโซเวียต บ้านเกิดของวิทยาการอวกาศ” เราจะสังเกตว่าคำพวกนี้ไม่ได้ปรัชญามาก ไม่ได้ลึกถึงต้องตีความ แค่พอรู้หนังสือ อ่านออกเขียนได้ก็เข้าใจความหมายแล้ว
ถ้าเรามองการสร้างชาติผ่านอวกาศแบบเทียบสองขั้ว จะเห็นว่าฝั่งโซเวียตกับสหรัฐฯ ใช้ “อวกาศ” คนละแบบอย่างชัดเจน โซเวียตใช้อวกาศเป็นเครื่องมือประกาศพลังของรัฐแบบ Top–Down มาก่อน แสดงให้ประชาชนเห็นว่ารัฐสามารถ “ยกมนุษย์ธรรมดาให้กลายเป็นฮีโร่แห่งประชาชน” ได้ทันที ผ่านโปสเตอร์ ชื่อถนน พิพิธภัณฑ์ และการยกย่อง Cosmonaut แบบเป็นสัญลักษณ์ของระบบที่เหนือกว่า สิ่งที่สำคัญคือความรู้สึกร่วม การส่งมนุษย์ขึ้นอวกาศไม่ได้มีความหมายในเชิงวิทยาศาสตร์ล้วน ๆ แต่คือการทำให้คนธรรมดารู้สึกว่าตัวเองเป็นส่วนหนึ่งของยุคใหม่ที่รัฐกำลังผลักประเทศเข้าสู่อนาคต ความสำเร็จของอวกาศจึงถูกใช้เป็นเชื้อไฟทางอุดมการณ์ เพื่อยืนยันว่านี่คือระบบที่สร้างอนาคตได้จริง

มีแบบเวอร์ชั่นเพลงด้วยนะ ฟังยังไงก็ร้องว่า ไป-

-กะ-หรี่ ชัด ๆ
ในทางกลับกัน สหรัฐฯ เลือกใช้ “ตัวบุคคล” และ “ความฝันแบบอเมริกัน” เพื่อสร้างชาติผ่านอวกาศ อเมริกาไม่เน้นสร้างความรู้สึกว่าเป็นชัยชนะของรัฐ แต่เป็นชัยชนะของปัจเจกชน คนธรรมดาที่ก้าวข้ามอดีตของตัวเองจนได้ไปยืนบนดวงจันทร์ การสร้างความยิ่งใหญ่ของสหรัฐฯ ผ่านโครงการอวกาศจึงมีโทนแบบเสรีนิยม “มนุษย์คนหนึ่งก้าวไป ก็เท่ากับมนุษยชาติทั้งหมดก้าวไป” ซึ่งตรงข้ามกับโซเวียตที่ย้ำว่า “รัฐก้าวไป แล้วประชาชนทั้งหมดจะก้าวตาม” ความต่างของสอง Narrative นี้ทำให้แม้แต่คำพูดก่อนขึ้นบินก็มีความหมายคนละแบบ และหลังจากนี้ ถ้าได้ยินคำว่า “ไป–

–กะ–หรี่” ก็อย่าเพิ่งตกใจ เพราะมันคือเสียงสะท้อนของประวัติศาสตร์อวกาศที่พาเรามาถึงทุกวันนี้
และถ้าคุณรู้สึกว่าบทความนี้มันไม่มีความซึ้งเลย เราแนะนำให้อ่านบทความ Valentina Gagarina รักแรก รักเดียวที่เธอมีต่อ Yuri Gagarin แล้วจะรู้ว่าเขาสองคนรักกันมากแค่ไหน และ Gagarin อาจจะไม่ได้อยาก “ไป–

–กะ–หรี่” อย่างที่เราคิด
เรียบเรียงโดย ทีมงาน
Spaceth.co
ทำไม Yuri Gagarin ถึงพูดคำว่า “ไป–:)–กะ–หรี่” ก่อนขึ้นสู่อวกาศ
Yuri Gagarin และ Sergei Korolev บิดาแห่งอวกาศรัสเซีย ก่อนเที่ยวบินแรกของ Gagarin ที่มา – Roscosmos
“Поехали!” หรือ “ปา-เย-คา-ลี” อ่านเร็ว ๆ สำหรับหูไทยอาจกลายเป็น “ไป–
วิดีโอตอนที่ Gagarin บินขึ้นในภารกิจ Vostok 1 ที่ทำให้เขาเป็นมนุษย์คนแรกในอวกาศ
ภาษารัสเซียมีระบบเสียงที่เวลาออกเร็ว ๆ По-е-Ха-Ли = ปา–เย–คา–ลิ สำหรับหูไทยเลย “เข้าใจผิดอย่างซื่อ ๆ” ว่าเป็นคำหยาบ ซึ่งนี่เองถ้าเรามีความเป็นสเปซทีเอชมันคือโอกาสทองในการเล่าเรื่องวัฒนธรรมอวกาศผ่านความเกรียน
สิ่งที่คนส่วนใหญ่ไม่เคยรู้คือ Поехали ไม่ได้อยู่ในคู่มือ ไม่ได้อยู่ใน Checklist และไม่ได้เป็นวลีที่สั่งให้พูด มันคือคำพูดสด ๆ จากปากคนหนุ่มอายุ 27 ปี พร้อมพลังอันเต็มเปลี่ยม ที่กำลังจะกลายเป็นมนุษย์คนแรกในประวัติศาสตร์ที่ออกจากโลกจริง ๆ ตั้งแต่อารยธรรมของเราเกิดขึ้นมาบนโลก
ความ “สด” นี้เองที่ทำให้มันกลายเป็นวลีที่ทรงพลัง เพราะมันสั้น กระชับ มีพลังงานแบบคนจริง ไม่ใช่ประโยคที่นักเขียนสคริปต์คิดมาไว้ให้พูด และไม่ใช่ข้อความเชิงปรัชญาแบบฝั่งอเมริกา แต่คือคำพูดที่สะท้อนความเป็นโซเวียตเร็ว ตรง เล่นใหญ่ และโรแมนติกกับเทคโนโลยีในแบบของตัวเอง จากวินาทีนั้น คำว่า Поехали ก็ไม่ใช่คำธรรมดาอีกต่อไป มันกลายเป็น สัญลักษณ์ของการไปข้างหน้าอย่างไม่หันหลังกลับแบบโซเวียต
จากคำพูดบนวิทยุ สู่เลือดเนื้อของวัฒนธรรมอวกาศ
โซเวียตรู้ทันทีว่าคำนี้ “ขายได้” ภาพโปสเตอร์ยุค 60–70 จึงเต็มไปด้วย Gagarin ในชุดส้มยืนเชิดหน้า พร้อมตัวอักษร ПОЕХАЛИ! แบบฟอนต์หนา ๆ สีแดงฟาดตา วางคู่กับจรวด R-7 ที่ถูกวาดให้ดูเหมือนสัญลักษณ์แห่งยุคใหม่ของมนุษยชาติ ถ้าอเมริกามีวลีที่สร้างภาพความเป็นฮีโร่เชิงปรัชญา โซเวียตก็มีคำที่ทำให้คนรู้สึกว่าการสำรวจอวกาศเป็นเรื่องของประชาชน งานเผด็จการคอมมิวนิสต์ก็ยังแอบโรแมนติกได้ถ้ามีคนถูกยกย่องพอ หลังจากนั้น Поехали ก็โผล่ไปทุกที่ ตั้งแต่ปกนิตยสารวิทยาศาสตร์ หนังสือเรียน สติกเกอร์บนรถบัสของ Baikonur การแปรอักษรมนุษย์ ไปจนถึงยุคปัจจุบันมันก็ยังกลายมาเป็นมีมได้ด้วย
มีอีกหลายคำที่ถูกใช้บนโปสเตอร์ยุคอวกาศ เช่น Вперёд к звёздам! “สู่ดวงดาว!” หรือ Слава героям космоса! “เกียรติยศแด่ผู้กล้าแห่งอวกาศ!” หรือที่เราชอบมากอันหนึ่งเลยก็คือ СССР – Родина космонавтики! “สหภาพโซเวียต บ้านเกิดของวิทยาการอวกาศ” เราจะสังเกตว่าคำพวกนี้ไม่ได้ปรัชญามาก ไม่ได้ลึกถึงต้องตีความ แค่พอรู้หนังสือ อ่านออกเขียนได้ก็เข้าใจความหมายแล้ว
ถ้าเรามองการสร้างชาติผ่านอวกาศแบบเทียบสองขั้ว จะเห็นว่าฝั่งโซเวียตกับสหรัฐฯ ใช้ “อวกาศ” คนละแบบอย่างชัดเจน โซเวียตใช้อวกาศเป็นเครื่องมือประกาศพลังของรัฐแบบ Top–Down มาก่อน แสดงให้ประชาชนเห็นว่ารัฐสามารถ “ยกมนุษย์ธรรมดาให้กลายเป็นฮีโร่แห่งประชาชน” ได้ทันที ผ่านโปสเตอร์ ชื่อถนน พิพิธภัณฑ์ และการยกย่อง Cosmonaut แบบเป็นสัญลักษณ์ของระบบที่เหนือกว่า สิ่งที่สำคัญคือความรู้สึกร่วม การส่งมนุษย์ขึ้นอวกาศไม่ได้มีความหมายในเชิงวิทยาศาสตร์ล้วน ๆ แต่คือการทำให้คนธรรมดารู้สึกว่าตัวเองเป็นส่วนหนึ่งของยุคใหม่ที่รัฐกำลังผลักประเทศเข้าสู่อนาคต ความสำเร็จของอวกาศจึงถูกใช้เป็นเชื้อไฟทางอุดมการณ์ เพื่อยืนยันว่านี่คือระบบที่สร้างอนาคตได้จริง
มีแบบเวอร์ชั่นเพลงด้วยนะ ฟังยังไงก็ร้องว่า ไป-
ในทางกลับกัน สหรัฐฯ เลือกใช้ “ตัวบุคคล” และ “ความฝันแบบอเมริกัน” เพื่อสร้างชาติผ่านอวกาศ อเมริกาไม่เน้นสร้างความรู้สึกว่าเป็นชัยชนะของรัฐ แต่เป็นชัยชนะของปัจเจกชน คนธรรมดาที่ก้าวข้ามอดีตของตัวเองจนได้ไปยืนบนดวงจันทร์ การสร้างความยิ่งใหญ่ของสหรัฐฯ ผ่านโครงการอวกาศจึงมีโทนแบบเสรีนิยม “มนุษย์คนหนึ่งก้าวไป ก็เท่ากับมนุษยชาติทั้งหมดก้าวไป” ซึ่งตรงข้ามกับโซเวียตที่ย้ำว่า “รัฐก้าวไป แล้วประชาชนทั้งหมดจะก้าวตาม” ความต่างของสอง Narrative นี้ทำให้แม้แต่คำพูดก่อนขึ้นบินก็มีความหมายคนละแบบ และหลังจากนี้ ถ้าได้ยินคำว่า “ไป–
และถ้าคุณรู้สึกว่าบทความนี้มันไม่มีความซึ้งเลย เราแนะนำให้อ่านบทความ Valentina Gagarina รักแรก รักเดียวที่เธอมีต่อ Yuri Gagarin แล้วจะรู้ว่าเขาสองคนรักกันมากแค่ไหน และ Gagarin อาจจะไม่ได้อยาก “ไป–
เรียบเรียงโดย ทีมงาน Spaceth.co