KEY POINTS
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดในแดนลบ โดยดัชนีดาวโจนส์ เอสแอนด์พี 500 และแนสแด็กปรับตัวลดลงทั้งหมด
ภาคการผลิตของสหรัฐฯ หดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 9 ในเดือนพฤศจิกายน โดยได้รับผลกระทบจากมาตรการภาษีนำเข้าที่ทำให้ต้นทุนสูงขึ้น
ข้อมูลภาคการผลิตที่อ่อนแอทำให้นักลงทุนคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) มีแนวโน้มสูงที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งต่อไป
สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยผลสำรวจที่ระบุว่า ภาคการผลิตหดตัวเป็นเดือนที่เก้าในเดือนพฤศจิกายน จากออเดอร์ที่ชะลอตัวและต้นทุนที่ปรับเพิ่มขึ้น โดยผลของมาตรการภาษีที่ยังคงส่งผลต่อเนื่อง
ตลาดการเงินได้ประเมินไว้ล่วงหน้าว่า เฟดมีแนวโน้มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 10 ธันวาคม โดยเครื่องมือ FedWatch ของ CME บ่งชี้โอกาส 85.4% ที่เฟดจะลดดอกเบี้ยลง 0.25%
แม้เจ้าหน้าที่เฟดหลายรายส่งสัญญาณระมัดระวัง แต่ถ้อยแถลงเชิงผ่อนคลายจากผู้มีสิทธิ์ลงคะแนนเสียงบางรายในช่วงที่ผ่านมา รวมถึงรายงานที่ระบุว่า เควิน แฮสเซตต์ ที่ปรึกษาเศรษฐกิจประจำทำเนียบขาว เป็นตัวเต็งที่จะเข้ามารับตำแหน่งประธานเฟดคนใหม่ ได้เพิ่มความคาดหวังต่อการผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติมในช่วงเดือนข้างหน้า
เจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟด มีกำหนดการกล่าวสุนทรรศน์หลังตลาดปิด แต่คาดว่าจะไม่กล่าวถึงทิศทางนโยบายการเงิน เนื่องจากใกล้ถึงกำหนดการประชุมเฟด
นักลงทุนยังรอรายงานดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนกันยายน ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ ซึ่งถูกเลื่อนเผยแพร่มาเป็นวันศุกร์นี้
ดัชนีดาวโจนส์ลดลง 427.09 จุด หรือ 0.90% ปิดที่ 47,289.33 จุด
ขณะที่เอสแอนด์พี 500 ปรับตัวลง 36.46 จุด หรือ 0.53% ปิดที่ 6,812.63 จุด
และแนสแด็กลดลง 89.76 จุด หรือ 0.38% ปิดที่ 23,275.92 จุด
ราคาน้ำมันปรับเพิ่มขึ้นกว่า 1% หลังเกิดเหตุโจมตีด้วยโดรนโดยยูเครน การปิดน่านฟ้าของเวเนซุเอลาโดยสหรัฐ และการตัดสินใจของโอเปกที่จะคงระดับการผลิตในไตรมาสแรกของปี 2026
น้ำมันดิบเบรนต์ปิดที่ 63.17 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 79 เซนต์ หรือ 1.27%
ส่วนเวสต์เท็กซัส (WTI) ปิดที่ 59.32 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 77 เซนต์ หรือ 1.32%
ราคาทองคำพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบหกสัปดาห์ จากความคาดหวังต่อการลดดอกเบี้ยของเฟดและค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่า
ทองสปอตเพิ่มขึ้น 0.3% อยู่ที่ 4,241.27 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ขณะที่สัญญาทองคำล่วงหน้าส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ปิดเพิ่มขึ้น 0.5% ที่ 4,274.80 ดอลลาร์
ตลาดหุ้นสหรัฐปิดลบ ดัชนีภาคการผลิตยังถูกกดดันจากภาษีนำเข้า
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดในแดนลบ โดยดัชนีดาวโจนส์ เอสแอนด์พี 500 และแนสแด็กปรับตัวลดลงทั้งหมด
ภาคการผลิตของสหรัฐฯ หดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 9 ในเดือนพฤศจิกายน โดยได้รับผลกระทบจากมาตรการภาษีนำเข้าที่ทำให้ต้นทุนสูงขึ้น
ข้อมูลภาคการผลิตที่อ่อนแอทำให้นักลงทุนคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) มีแนวโน้มสูงที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งต่อไป
สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยผลสำรวจที่ระบุว่า ภาคการผลิตหดตัวเป็นเดือนที่เก้าในเดือนพฤศจิกายน จากออเดอร์ที่ชะลอตัวและต้นทุนที่ปรับเพิ่มขึ้น โดยผลของมาตรการภาษีที่ยังคงส่งผลต่อเนื่อง
ตลาดการเงินได้ประเมินไว้ล่วงหน้าว่า เฟดมีแนวโน้มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 10 ธันวาคม โดยเครื่องมือ FedWatch ของ CME บ่งชี้โอกาส 85.4% ที่เฟดจะลดดอกเบี้ยลง 0.25%
แม้เจ้าหน้าที่เฟดหลายรายส่งสัญญาณระมัดระวัง แต่ถ้อยแถลงเชิงผ่อนคลายจากผู้มีสิทธิ์ลงคะแนนเสียงบางรายในช่วงที่ผ่านมา รวมถึงรายงานที่ระบุว่า เควิน แฮสเซตต์ ที่ปรึกษาเศรษฐกิจประจำทำเนียบขาว เป็นตัวเต็งที่จะเข้ามารับตำแหน่งประธานเฟดคนใหม่ ได้เพิ่มความคาดหวังต่อการผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติมในช่วงเดือนข้างหน้า
เจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟด มีกำหนดการกล่าวสุนทรรศน์หลังตลาดปิด แต่คาดว่าจะไม่กล่าวถึงทิศทางนโยบายการเงิน เนื่องจากใกล้ถึงกำหนดการประชุมเฟด
นักลงทุนยังรอรายงานดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนกันยายน ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ ซึ่งถูกเลื่อนเผยแพร่มาเป็นวันศุกร์นี้
ดัชนีดาวโจนส์ลดลง 427.09 จุด หรือ 0.90% ปิดที่ 47,289.33 จุด
ขณะที่เอสแอนด์พี 500 ปรับตัวลง 36.46 จุด หรือ 0.53% ปิดที่ 6,812.63 จุด
และแนสแด็กลดลง 89.76 จุด หรือ 0.38% ปิดที่ 23,275.92 จุด