
: โคตรพีค! The Truman Show หนังเก่าแต่โคตรเจ๋งจนต้องหยิบมารีวิวให้ฟัง
สวัสดีครับเพื่อนๆ ชาว Pantip ทุกท่าน วันนี้ผมนึกครึ้มอกครึ้มใจ อยากจะหยิบหนังเก่าในตำนานเรื่องนึงขึ้นมารีวิวให้ฟังกัน นั่นก็คือ "The Truman Show" ฉายตั้งแต่ปี 1998 โน่นเลยครับ แต่เชื่อเถอะว่าถึงจะผ่านมานานแค่ไหน ความเจ๋งของมันยังคงอยู่ ไม่ได้จางหายไปไหนเลยสักนิด แถมพอดูอีกทีก็ยังรู้สึกทึ่ง อึ้ง ท้อใจไปกับตัวละครหลักได้เหมือนเดิม
เรื่องราวของ "ทรูแมน เบอร์แบงค์" (รับบทโดย Jim Carrey ในบทบาทที่พลิกจากหนังตลกมาดกวนๆ กลายเป็นนักแสดงที่น่าเอาใจช่วยมากๆ) ชายหนุ่มธรรมดาทั่วไปที่ใช้ชีวิตอยู่ในเมืองเล็กๆ ที่ชื่อว่า "ซีแฮเว่น" เมืองที่ดูเหมือนสวรรค์บนดิน ทุกอย่างดูสมบูรณ์แบบ ผู้คนก็เป็นมิตร อากาศก็ดี๊ดี แต่สิ่งที่ทรูแมนไม่เคยรู้เลยก็คือ ชีวิตทั้งชีวิตของเขา ตั้งแต่เกิดจนถึงปัจจุบัน ถูกถ่ายทอดสดออกอากาศไปทั่วโลก! ใช่ครับ คุณฟังไม่ผิด เขาคือดาราเรียลลิตี้โชว์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยที่เจ้าตัวเองไม่รู้เรื่องเลยสักนิด
ลองคิดดูสิครับว่าถ้าเราเป็นทรูแมน เราจะรู้สึกยังไง? ทุกการกระทำ ทุกคำพูด ทุกความสัมพันธ์ แม้กระทั่งคู่ชีวิต เพื่อนสนิท หรือแม้แต่พ่อแม่ของเขา ล้วนเป็นนักแสดงที่ถูกจัดฉากมาทั้งสิ้น โลกทั้งใบของเขาคือฉากที่สร้างขึ้นอย่างประณีต มีกล้องซ่อนอยู่ทุกหนทุกแห่ง มีทีมงานที่ควบคุมทุกอย่างเบื้องหลัง ตั้งแต่สภาพอากาศ ไปจนถึงการปรากฏตัวของ "คนแปลกหน้า" เพื่อสร้างเรื่องราวให้ทรูแมนเผชิญหน้าและดำเนินชีวิตไปตามสคริปต์
จุดที่ทำให้ผมรู้สึกขนลุกทุกครั้งที่ดูคือ การที่ผู้กำกับ "คริสโตฟ" (รับบทโดย Ed Harris ที่แสดงได้นิ่งแต่ทรงพลังมาก) สามารถควบคุมโลกทั้งใบของทรูแมนได้ราวกับเป็นพระเจ้า เขาตัดสินใจทุกอย่างในชีวิตของทรูแมน ตั้งแต่เรื่องเล็กๆ ไปจนถึงเรื่องใหญ่ๆ เพื่อให้รายการ "The Truman Show" ออกอากาศได้อย่างราบรื่นและได้รับความนิยมสูงสุด การที่เขาตัดสินใจสร้าง "ภัยพิบัติ" ในชีวิตของทรูแมน ตั้งแต่เหตุการณ์ที่พ่อของเขา "ตาย" ไปต่อหน้าต่อตา (ซึ่งจริงๆ แล้วถูกจัดฉากให้หายตัวไป) จนมาถึงการพยายามทำให้ทรูแมนกลัวการเดินทางทางน้ำ เพื่อไม่ให้เขาออกนอกเมืองซีแฮเว่นไปได้ เป็นอะไรที่โหดร้ายและน่าสะพรึงกลัวมากครับ
แต่สิ่งที่ผมประทับใจมากๆ คือ จิตวิญญาณที่ไม่ยอมแพ้ของทรูแมนครับ แม้ว่าเขาจะใช้ชีวิตอยู่ในโลกที่ถูกสร้างขึ้นมา แต่ลึกๆ แล้วเขากลับรู้สึกได้ถึงความผิดปกติบางอย่าง เขาเริ่มสังเกตเห็นอะไรแปลกๆ ที่เกิดขึ้นซ้ำๆ เห็นคนเดิมๆ ผ่านไปมาในเวลาเดิมๆ ได้ยินเสียงวิทยุที่บรรยายชีวิตของเขาเองไปพร้อมๆ กับที่เขากำลังใช้ชีวิตอยู่จริงๆ การค้นพบว่า "ลอว์เรน" (หรือที่ในเรื่องชื่อ "ซิลเวีย" รับบทโดย Natascha McElhone) หญิงสาวที่เขาแอบชอบและมีความรู้สึกพิเศษด้วย เป็นคนเดียวที่พยายามจะบอกความจริงกับเขา ทำให้ทรูแมนเริ่มตั้งคำถามกับทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิต
การเดินทางของทรูแมนเพื่อค้นหาความจริงและการตัดสินใจที่จะ "ออกจาก" โลกใบนั้น เป็นอะไรที่บีบคั้นหัวใจมากๆ ครับ เขาต้องเผชิญหน้ากับอุปสรรคที่ผู้สร้างรายการพยายามขวางกั้นไว้ทุกวิถีทาง ไม่ว่าจะเป็นการสร้างพายุ การทำให้เรือล่ม หรือแม้กระทั่งการพยายามหลอกล่อให้เขากลับเข้าสู่โลกเดิม การแสดงของ Jim Carrey ในฉากเหล่านี้ ถ่ายทอดความรู้สึกสับสน ความกลัว ความหวัง และความมุ่งมั่นออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมจริงๆ ครับ
ฉากสุดท้ายที่ทรูแมนเดินไปจนสุดขอบ "ฟ้า" ซึ่งจริงๆ แล้วเป็นกำแพงของสตูดิโอขนาดยักษ์ และเดินผ่านประตูบานเล็กๆ ออกไปสู่โลกภายนอก เป็นฉากที่ทรงพลังและมีความหมายมากๆ ครับ มันไม่ใช่แค่การจบของรายการเรียลลิตี้โชว์ แต่มันคือการปลดปล่อยชีวิตของมนุษย์คนหนึ่งให้เป็นอิสระอย่างแท้จริง การที่ทรูแมนกล่าวคำอำลาด้วยประโยคที่ว่า "In case I don't see ya, good afternoon, good evening, and good night!" เป็นการแสดงออกถึงความเป็นสุภาพบุรุษที่น่าจดจำมากๆ ครับ
"The Truman Show" ไม่ใช่แค่หนังที่ให้ความบันเทิงนะครับ แต่มันยังตั้งคำถามที่น่าคิดเกี่ยวกับชีวิตของเราเองอีกด้วยครับ เราใช้ชีวิตอยู่ภายใต้ "การจับตามอง" อะไรบ้าง? สังคม สื่อ หรือแม้กระทั่งความคาดหวังของคนรอบข้าง กำหนดชีวิตของเรามากน้อยแค่ไหน? เรากล้าที่จะก้าวออกจาก "โลกที่ถูกสร้างขึ้น" เพื่อค้นหาความจริงของชีวิตเราเองหรือเปล่า? หนังเรื่องนี้ทำให้ผมได้ฉุกคิดและมองโลกในมุมที่ต่างออกไปจริงๆ
สำหรับใครที่ยังไม่เคยดู "The Truman Show" ผมอยากให้ลองหามาดูกันนะครับ มันเป็นหนังที่คลาสสิกมากๆ และจะมอบประสบการณ์การรับชมที่น่าประทับใจไม่รู้ลืมแน่นอนครับ ไม่ว่าคุณจะเคยดูมาก่อนแล้วกี่ครั้งก็ตาม ผมรับรองว่าคุณจะยังคงทึ่งกับไอเดียที่ล้ำสมัยและเนื้อหาที่กินใจของมันเสมอครับ
สุดท้ายนี้ ถ้าใครมีข้อคิดเห็น หรืออยากแชร์ประสบการณ์การดู "The Truman Show" ก็เข้ามาคุยกันได้นะครับ ผมพร้อมรับฟังเสมอครับ ขอบคุณที่อ่านจนจบครับผม!
โคตรพีค! The Truman Show หนังเก่าแต่โคตรเจ๋งจนต้องหยิบมารีวิวให้ฟัง
: โคตรพีค! The Truman Show หนังเก่าแต่โคตรเจ๋งจนต้องหยิบมารีวิวให้ฟัง
สวัสดีครับเพื่อนๆ ชาว Pantip ทุกท่าน วันนี้ผมนึกครึ้มอกครึ้มใจ อยากจะหยิบหนังเก่าในตำนานเรื่องนึงขึ้นมารีวิวให้ฟังกัน นั่นก็คือ "The Truman Show" ฉายตั้งแต่ปี 1998 โน่นเลยครับ แต่เชื่อเถอะว่าถึงจะผ่านมานานแค่ไหน ความเจ๋งของมันยังคงอยู่ ไม่ได้จางหายไปไหนเลยสักนิด แถมพอดูอีกทีก็ยังรู้สึกทึ่ง อึ้ง ท้อใจไปกับตัวละครหลักได้เหมือนเดิม
เรื่องราวของ "ทรูแมน เบอร์แบงค์" (รับบทโดย Jim Carrey ในบทบาทที่พลิกจากหนังตลกมาดกวนๆ กลายเป็นนักแสดงที่น่าเอาใจช่วยมากๆ) ชายหนุ่มธรรมดาทั่วไปที่ใช้ชีวิตอยู่ในเมืองเล็กๆ ที่ชื่อว่า "ซีแฮเว่น" เมืองที่ดูเหมือนสวรรค์บนดิน ทุกอย่างดูสมบูรณ์แบบ ผู้คนก็เป็นมิตร อากาศก็ดี๊ดี แต่สิ่งที่ทรูแมนไม่เคยรู้เลยก็คือ ชีวิตทั้งชีวิตของเขา ตั้งแต่เกิดจนถึงปัจจุบัน ถูกถ่ายทอดสดออกอากาศไปทั่วโลก! ใช่ครับ คุณฟังไม่ผิด เขาคือดาราเรียลลิตี้โชว์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยที่เจ้าตัวเองไม่รู้เรื่องเลยสักนิด
ลองคิดดูสิครับว่าถ้าเราเป็นทรูแมน เราจะรู้สึกยังไง? ทุกการกระทำ ทุกคำพูด ทุกความสัมพันธ์ แม้กระทั่งคู่ชีวิต เพื่อนสนิท หรือแม้แต่พ่อแม่ของเขา ล้วนเป็นนักแสดงที่ถูกจัดฉากมาทั้งสิ้น โลกทั้งใบของเขาคือฉากที่สร้างขึ้นอย่างประณีต มีกล้องซ่อนอยู่ทุกหนทุกแห่ง มีทีมงานที่ควบคุมทุกอย่างเบื้องหลัง ตั้งแต่สภาพอากาศ ไปจนถึงการปรากฏตัวของ "คนแปลกหน้า" เพื่อสร้างเรื่องราวให้ทรูแมนเผชิญหน้าและดำเนินชีวิตไปตามสคริปต์
จุดที่ทำให้ผมรู้สึกขนลุกทุกครั้งที่ดูคือ การที่ผู้กำกับ "คริสโตฟ" (รับบทโดย Ed Harris ที่แสดงได้นิ่งแต่ทรงพลังมาก) สามารถควบคุมโลกทั้งใบของทรูแมนได้ราวกับเป็นพระเจ้า เขาตัดสินใจทุกอย่างในชีวิตของทรูแมน ตั้งแต่เรื่องเล็กๆ ไปจนถึงเรื่องใหญ่ๆ เพื่อให้รายการ "The Truman Show" ออกอากาศได้อย่างราบรื่นและได้รับความนิยมสูงสุด การที่เขาตัดสินใจสร้าง "ภัยพิบัติ" ในชีวิตของทรูแมน ตั้งแต่เหตุการณ์ที่พ่อของเขา "ตาย" ไปต่อหน้าต่อตา (ซึ่งจริงๆ แล้วถูกจัดฉากให้หายตัวไป) จนมาถึงการพยายามทำให้ทรูแมนกลัวการเดินทางทางน้ำ เพื่อไม่ให้เขาออกนอกเมืองซีแฮเว่นไปได้ เป็นอะไรที่โหดร้ายและน่าสะพรึงกลัวมากครับ
แต่สิ่งที่ผมประทับใจมากๆ คือ จิตวิญญาณที่ไม่ยอมแพ้ของทรูแมนครับ แม้ว่าเขาจะใช้ชีวิตอยู่ในโลกที่ถูกสร้างขึ้นมา แต่ลึกๆ แล้วเขากลับรู้สึกได้ถึงความผิดปกติบางอย่าง เขาเริ่มสังเกตเห็นอะไรแปลกๆ ที่เกิดขึ้นซ้ำๆ เห็นคนเดิมๆ ผ่านไปมาในเวลาเดิมๆ ได้ยินเสียงวิทยุที่บรรยายชีวิตของเขาเองไปพร้อมๆ กับที่เขากำลังใช้ชีวิตอยู่จริงๆ การค้นพบว่า "ลอว์เรน" (หรือที่ในเรื่องชื่อ "ซิลเวีย" รับบทโดย Natascha McElhone) หญิงสาวที่เขาแอบชอบและมีความรู้สึกพิเศษด้วย เป็นคนเดียวที่พยายามจะบอกความจริงกับเขา ทำให้ทรูแมนเริ่มตั้งคำถามกับทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิต
การเดินทางของทรูแมนเพื่อค้นหาความจริงและการตัดสินใจที่จะ "ออกจาก" โลกใบนั้น เป็นอะไรที่บีบคั้นหัวใจมากๆ ครับ เขาต้องเผชิญหน้ากับอุปสรรคที่ผู้สร้างรายการพยายามขวางกั้นไว้ทุกวิถีทาง ไม่ว่าจะเป็นการสร้างพายุ การทำให้เรือล่ม หรือแม้กระทั่งการพยายามหลอกล่อให้เขากลับเข้าสู่โลกเดิม การแสดงของ Jim Carrey ในฉากเหล่านี้ ถ่ายทอดความรู้สึกสับสน ความกลัว ความหวัง และความมุ่งมั่นออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมจริงๆ ครับ
ฉากสุดท้ายที่ทรูแมนเดินไปจนสุดขอบ "ฟ้า" ซึ่งจริงๆ แล้วเป็นกำแพงของสตูดิโอขนาดยักษ์ และเดินผ่านประตูบานเล็กๆ ออกไปสู่โลกภายนอก เป็นฉากที่ทรงพลังและมีความหมายมากๆ ครับ มันไม่ใช่แค่การจบของรายการเรียลลิตี้โชว์ แต่มันคือการปลดปล่อยชีวิตของมนุษย์คนหนึ่งให้เป็นอิสระอย่างแท้จริง การที่ทรูแมนกล่าวคำอำลาด้วยประโยคที่ว่า "In case I don't see ya, good afternoon, good evening, and good night!" เป็นการแสดงออกถึงความเป็นสุภาพบุรุษที่น่าจดจำมากๆ ครับ
"The Truman Show" ไม่ใช่แค่หนังที่ให้ความบันเทิงนะครับ แต่มันยังตั้งคำถามที่น่าคิดเกี่ยวกับชีวิตของเราเองอีกด้วยครับ เราใช้ชีวิตอยู่ภายใต้ "การจับตามอง" อะไรบ้าง? สังคม สื่อ หรือแม้กระทั่งความคาดหวังของคนรอบข้าง กำหนดชีวิตของเรามากน้อยแค่ไหน? เรากล้าที่จะก้าวออกจาก "โลกที่ถูกสร้างขึ้น" เพื่อค้นหาความจริงของชีวิตเราเองหรือเปล่า? หนังเรื่องนี้ทำให้ผมได้ฉุกคิดและมองโลกในมุมที่ต่างออกไปจริงๆ
สำหรับใครที่ยังไม่เคยดู "The Truman Show" ผมอยากให้ลองหามาดูกันนะครับ มันเป็นหนังที่คลาสสิกมากๆ และจะมอบประสบการณ์การรับชมที่น่าประทับใจไม่รู้ลืมแน่นอนครับ ไม่ว่าคุณจะเคยดูมาก่อนแล้วกี่ครั้งก็ตาม ผมรับรองว่าคุณจะยังคงทึ่งกับไอเดียที่ล้ำสมัยและเนื้อหาที่กินใจของมันเสมอครับ
สุดท้ายนี้ ถ้าใครมีข้อคิดเห็น หรืออยากแชร์ประสบการณ์การดู "The Truman Show" ก็เข้ามาคุยกันได้นะครับ ผมพร้อมรับฟังเสมอครับ ขอบคุณที่อ่านจนจบครับผม!